บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1687 ประตูแห่งมหาเต๋า
บทที่ 1687 ประตูแห่งมหาเต๋า
ตำหนักอันดูโอ่อ่าดุจวังประทับจักรพรรดินี้ไพศาลอย่างยิ่ง เต็มไปด้วยปราณโกลาหล ยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา
ทว่าในขณะนี้ ตำหนักกลับโกลาหลเละเทะ เต็มไปด้วยความเสียหาย จิตสังหารจากศึกและกลิ่นโลหิตคละคลุ้งทั่วบรรยากาศ
เมื่อเฉินซีมาถึง ก็สังเกตเห็นเล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ยนั่งจมกองเลือด ร่างเต็มไปด้วยบาดแผล สีหน้าซีดขาวหม่นหมอง หอบหายใจยากลำบาก
มีเพียงเชินถูเยียนหรานที่ดูดีกว่าใคร เพียงแค่ว่าใบหน้างดงามกลับซีดไร้สีเลือด สีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนล้า
เห็นได้ชัดว่าหนึ่งศึกบังเกิดขึ้นที่นี่ก่อนเฉินซีจะมาถึง และเล่ออู๋เหินกับคณะก็บาดเจ็บสาหัสในศึกนั้น!
“เฉินซี?” เมื่อมาถึง พวกเล่ออู๋เหินก็สังเกตเห็นผู้มาใหม่ทันที ทำให้พวกเขาใจชื้นขึ้นมา ก่อนที่สีหน้าจะหมองลงอีกครั้ง
การอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้น่าอับอายอยู่เล็กน้อยจริงแท้ และรู้สึกละอายที่ให้เฉินซีมาเห็นในสภาพเช่นนี้เสียได้
“มันเกิดอะไรขึ้น?” เฉินซีเป็นกังวลเล็กน้อย ขมวดคิ้วแน่น เขาเดินทางเข้ามาในแดนรากบรรพกาลอย่างราบรื่นได้ก็เพราะพวกเล่ออู๋เหินช่วยเหลือ และสนิทสนมนับเป็นสหายกันนานแล้ว ยามนี้เมื่อเห็นพวกเขาตกที่นั่งลำบาก เฉินซีจึงเดือดดาลและไม่สบายใจในอก
เฉินซีหรี่ตา กวาดมองสภาพรอบข้าง และพลันสังเกตพบว่ากลางโถงมีหนึ่งสระน้ำ แผ่รัศมีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงเรืองรอง ยิ่งกว่านั้น ปราณบรรพกาลอันหนาแน่นและบริสุทธิ์ยิ่งก็พลุ่งพล่านจากภายใน
หากเข้าใจไม่ผิด สระน้ำนี้ก็น่าจะเป็นรากเต๋าบรรพชนระดับเก้า!
ทว่าขณะนี้ ก้นบึ้งของรากเต๋าบรรพชนนี้กลับว่างเปล่า เห็นได้ชัดว่าเป็นดังคำพูดก่อนหน้านี้ของเล่ออู๋เหิน รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าถูกนำไปแล้ว
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเฉินซีดิ่งวูบ สุดท้ายข้าก็ยังมาช้าไปอยู่ดี! “ก่อนหน้านี้ เรามาถึงที่นี่ก่อน และเห็นรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้านี้ แต่ไม่คาดเลยว่าจะถูกกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงลอบโจมตีตอนที่เราพยายามเก็บมัน….” เชินถูเยียนหรานสูดหายใจลึก แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เสียงของนางเจือโทสะและความจนใจอย่างลึกล้ำ
จะให้ทำเช่นไรได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มของลั่วฉ่าวหนง ท้ายที่สุดความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขาก็ด้อยกว่ามากอยู่ดี ต่อให้เฉินซีมาทัน ก็คงไม่อาจช่วยอะไรได้เลย
“เหตุใดพวกเขา….” ขณะที่เขามองเล่ออู๋เหินและคณะซึ่งบาดเจ็บสาหัส เฉินซีก็เปิดปากถาม ทว่าไม่ได้ต่อจนจบประโยค
ทว่าเชินถูเยียนหรานมองทะลุความคิดของเขาปรุโปร่ง และอดเย้ยตนเองไม่ได้ “เจ้าอยากถามว่าเหตุใดพวกเขาจึงไม่ฆ่าเราสินะ?”
ก่อนเฉินซีจะทันได้เอ่ยปาก เชินถูเยียนหรานก็กล่าวต่อ “ง่ายมาก เพราะถ้าพวกเขาฆ่าเรา พวกเขาจะตกที่นั่งลำบากอย่างยิ่งยามกลับสู่เอกภพจักรวรรดิ”
เฉินซีครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจทันที
ท้ายที่สุดแล้วก็เพราะตัวตนของเล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ยไม่ธรรมดาเกินไป พวกเขาทั้งหลายล้วนมีกองกำลังยิ่งใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิหนุนหลัง และล้วนเป็นตัวตนโดดเด่นไม่ธรรมดาในหมู่มหาเทวาวิญญาณ
หากพวกเขาคนใดถูกสังหาร หนึ่งกองกำลังย่อมเดือดโทสะ บางทีพวกลั่วฉ่าวหนงอาจไม่เกรงกลัว แต่หากลงมือจริง ๆ ก็ต้องจ่ายราคาอันหนักหน่วงแน่นอน
เหตุการณ์ตรงข้ามก็เป็นเช่นเดียวกัน หากเล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ เป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกเขาก็จะไม่ฆ่าพวกลั่วฉ่าวหนงเช่นกัน
นี่คือการคานกันระหว่างอำนาจ ตัวตน ความแข็งแกร่ง และปัจจัยอื่น ๆ มากมาย
เพราะถึงอย่างไร พวกเขาทั้งหมดก็มาจากเอกภพจักรวรรดิ นิกายตระกูลต้นสังกัดอาจกระทั่งมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นไม่ว่าจะรบกันดุเดือดเช่นไรในที่ลับ ก็ไม่อาจฆ่ากันอย่างโจ่งแจ้งแน่นอน
หากเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ธรรมดา ๆ สักคน ต่อให้ผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นมาจากกองกำลังใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิ ความตายของคนผู้นั้นก็หามีความหมายไม่ เพราะในด้านความสำคัญ ย่อมเทียบมหาเทวาวิญญาณไม่ได้เลย
นี่แหละคือสัจธรรม
แต่เฉินซีไม่ต้องพิจารณาเรื่องเหล่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาฉงนใจเล็กน้อยยามเห็นสิ่งที่เกิดกับเล่ออู๋เหินและคณะ
ทว่าแม้จะเข้าใจแล้วในยามนี้ เฉินซีก็ไม่ได้ยอมรับกฎอันไร้ลายลักษณ์อักษรนี้ เมื่อเผชิญศัตรู เขาจะไม่ยั้งมือเพียงเพราะภูมิหลังที่มาของอีกฝ่ายแน่นอน
“แล้ว… พวกเขาอยู่ที่ใด?” เฉินซีถามเสียงเบา
เท่าที่รู้ ขอเพียงไม่ได้นำรากเต๋าบรรพชนปฐมกาลออกไป เขาก็ยังมีโอกาสชิงมันกลับมา
ไม่ต้องพูดถึงว่าเฉินซีไม่คิดยินยอมรับความล้มเหลวเพียงเท่านี้ เขารับปากจักรพรรดินีอวี้เชอไว้แล้วว่าจะหยุดกงเหย่เจ๋อฟูไม่ให้ได้รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า ยามนี้เมื่อเกิดเหตุเกินคาดฝัน เขาจะยอมรามือได้อย่างไร?
เล่ออู๋เหินและคณะได้ยินเช่นนี้ก็เงียบไป ไม่คิดเต็มใจตอบ
แต่เฉินซีก็สังเกตเห็นชัดเจนว่าสายตาของพวกเขาเหลือบไปยังทิศทางเดียวกันในโถงโดยไม่รู้ตัว
ทิศทางนั้นคือด้านข้างของโถง มันยับเยินเละเทะ และมีประตูอันสุดแสนธรรมดาตั้งอยู่ข้าง ๆ กัน
ทว่าเมื่อสายตาของเฉินซีกวาดไปมอง ชายหนุ่มพลันสังเกตพบทันทีว่ามันมีบางสิ่งไม่ปกติ ประตูบานนั้นเจือด้วยคลื่นพลังประหลาดอันคลุมเครือ ดูเหมือนนำไปสู่โลกอีกใบ เงียบงันและลึกลับ
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีบังเกิดความเข้าใจเฉียบพลัน และตั้งใจจะไปสำรวจอย่างระมัดระวัง
“เฉินซี!” เล่ออู๋เหินหยุดเขาไว้ “เจ้าเอาชนะพวกเขาด้วยตัวคนเดียวไม่ได้หรอก หนนี้ยอมแพ้เถอะ”
เฉินซีเลิกคิ้ว “ไม่ลอง จะรู้ผลได้อย่างไร?”
แม้จะพูดไม่จบ แต่ความหมายที่คิดจะสื่อก็ชัดเจนยิ่งแล้ว ด้วยตัวตนอย่างเฉินซี ลั่วฉ่าวหนงและคณะกล้าฆ่าเขาแน่นอน!
เฉินซีย่อมเข้าใจความนัยของเล่ออู๋เหิน แล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้ หลังจากนั้นดวงตาคมกล้าก็ฉายประกายเด็ดเดี่ยว สะบัดแขนเสื้อนำกล่องหยกสามใบออกมาให้เล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน และอวี๋ชิวจิงทันที
“ในนี้มีรากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดสามชิ้น รับไว้แล้วออกจากที่นี่เถอะ” เฉินซีกล่าว ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางประตูบานนั้น
ปฏิกิริยาของพวกเล่ออู๋เหินทำให้เขาเกิดความมั่นใจแรงกล้า ว่ากลุ่มของลั่วฉ่าวหนงต้องเข้าประตูบานนั้นไปแน่ ๆ
“ช้าก่อน!” เล่ออู๋เหินหยุดเขาไว้ “เจ้ารู้หรือว่าสิ่งใดอยู่หลังประตูนั่น!? นั่นคือประตูแห่งมหาเต๋านะ! มันคือรากบรรพชนโกลาหลที่บรรพเทวาเจ้าของที่นี่ใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์สูงสุดผนึกไว้! กล่าวกันว่ามันบรรจุจิตสังหารของมหาเต๋าทั้งสามพันทั่วจักรวาล! ก้าวพลาดเพียงหนึ่ง ชีวิตก็ปลิดปลิวเลยนะ!”
เฉินซีหรี่ตาลง ฝีเท้าหยุดชะงัก
ประตูแห่งมหาเต๋า?
หนึ่งรากบรรพชนโกลาหลที่ถูกผนึก?
จิตสังหารทั้งหมดของมหาเต๋าทั้งสามพันในจักรวาล?
คำถามมากมายประดังขึ้นในใจเฉินซี
“เดิมที เราคิดว่าประตูแห่งมหาเต๋านี้เป็นเพียงนิทานปรัมปรา ไม่มีผู้ใดใส่ใจ ใครเล่าจะคาดคิดว่ามันจะมีอยู่จริง…” เล่ออู๋เหินรำพึง เสียงเจือความหดหู่จนใจอย่างลึกล้ำ “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเหตุใดลั่วฉ่าวหนงจึงยอมให้รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้านั่นกับกงเหย่เจ๋อฟู?”
เฉินซีขมวดคิ้ว “หรือจะเป็นเพราะประตูแห่งมหาเต๋านี้?”
เขารู้สึกไม่อยากเชื่อนิดหน่อย นั่นมันรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าเลยนะ สำหรับเทวารู้แจ้งวิญญาณ ยังมีสิ่งใดในโลกสำคัญกว่ามันอยู่อีก?
“ถูกต้อง” สายตาของเล่ออู๋เหินจับจ้องนิ่งที่ประตูจากไกล ๆ “หนึ่งรากบรรพชนโกลาหลที่แท้จริงถูกผนึกไว้ในประตูแห่งมหาเต๋า ตำนานเล่าว่ามันสามารถสร้างรากเต๋าบรรพชนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ารากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้าได้!”
เฉินซีตะลึงอยู่ในใจ “เป็นไปได้เช่นไร?”
เล่ออู๋เหินและคณะถอนหายใจ พวกเขาก่อนหน้านี้ก็รู้สึกไม่อยากเชื่อเหมือนเฉินซี และถือเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าในจินตนาการ
แต่ยามกลุ่มของลั่วฉ่าวหนงใช้เคล็ดวิชาบางอย่างเปิดประตูแห่งมหาเต๋าแล้วเดินเข้าไป ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าตำนานนั้นเป็นความจริง!
“ระดับเจ็ดขั้นกษัตริย์ ระดับแปดขั้นราชา ระดับเก้าขั้นจักรพรรดิ รากเต๋าบรรพชนเหล่านี้เป็นที่รู้จักทั่วกันในฐานะสิ่งที่พบได้แต่เพียงผู้มีวาสนา ยิ่งกว่านั้น รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิก็ร้ายกาจเกินคาดฝันได้แล้ว” เล่ออู๋เหินสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวช้า ๆ “แต่ยังมีอีกหนึ่งตำนาน หนึ่งรากเต๋าถูกบ่มเพาะในรากบรรพชนโกลาหล ในโลกหล้ามีเพียงหนึ่ง และมีทั้งอำนาจ บุญญาธิการแห่งจอมจักรพรรดิ!”
“มีบุญญาธิการแห่งรากบรรพกาล ก็ยกเป็นผู้ปกครอง”
“เมื่อมีทั้งอำนาจและบุญญาธิการ จึงเป็นจ้าวเหนือจักรพรรดิ!”
“รากเต๋าบรรพชนซึ่งเกิดภายในประตูแห่งมหาเต๋านี้เรียกว่ารากเต๋าวิภูจักรวรรดิ กล่าวกันว่าสมบูรณ์สูงสุด มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือใดเพียงหนึ่งเดียว หากได้แปรสภาพดูดซับมันยามเคลื่อนสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เช่นนั้นในภายหน้า คนผู้นั้นจะได้เป็นนายสูงสุดเหนือผู้ใดในแดนเทพโบราณ!”
เล่ออู๋เหินกล่าวชัดถ้อย เหมือนบรรยายเคล็ดปริศนาบรรพกาล ทำให้เฉินซีอดมีเค้าความตะลึงไม่ได้
รากเต๋าวิภูจักรวรรดิ!
ใครบ้างจะคาดคิดว่าสมบัติสูงสุดเช่นนี้จะมีตัวตนอยู่เหนือรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้า?
“หากไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น มีหรือลั่วฉ่าวหนงจะยอมให้รากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้านั่นกับกงเหย่เจ๋อฟู?” มุมปากเล่ออู๋เหินยกยิ้มจาง ๆ
“แต่ในเมื่อสมบัตินี้กล่าวกันว่ามีเพียงหนึ่ง แล้วเหตุใดจึงไม่มีใครได้มันมาตลอดกาลแสนนานเล่า?” เฉินซีขมวดคิ้ว งุนงงเล็กน้อย
“ใครจะรู้?” เล่ออู๋เหินและคณะก็ไม่ทราบเช่นกัน เพราะถึงอย่างไร พวกเขาก็คิดมาตลอดว่ามันคือเรื่องเล่าหลอกเด็ก ไม่เคยคาดคิดกันเลยว่าสมบัติล้ำค่าเลิศล้ำเหนือรากเต๋าบรรพชนปฐมกาลจะมีอยู่จริง
เฉินซีพยักหน้า แล้วครุ่นคิดเงียบ ๆ อย่างลึกล้ำ
“เฉินซีอย่าเสี่ยงเลย แม้เจ้าจะไม่กลัวพวกลั่วฉ่าวหนง เจ้าก็ต้องจำไว้นะว่าประตูแห่งมหาเต๋าเต็มไปด้วยจิตสังหารของมหาเต๋าทั้งสามพันในจักรวาล ก้าวพลาดเพียงหนึ่ง ผลลัพธ์คือตายนะ”
“ใช่แล้ว เพื่อความปลอดภัย เจ้ากลับไปกับเราเถอะ”
“จากการประมาณของข้า ต่อให้พวกลั่วฉ่าวหนงเข้าไป พวกเขาก็ต้องเผชิญอันตรายมหาศาลยิ่ง โชคนั้นตามติดด้วยอันตรายเสมอ ตกตายได้ทุกเมื่อ”
ขณะนี้ กระทั่งเชินถูเยียนหราน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ยยังเกลี้ยกล่อมเฉินซี ไม่อยากเห็นเขารับความเสี่ยงโดยลำพัง
………………..