บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1688 รุกคืบอย่างยากเย็น
บทที่ 1688 รุกคืบอย่างยากเย็น
เฉินซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขายิ้มพลางกล่าว “ด้วยเหตุนี้ ก็ไม่มีทางที่กลุ่มของลั่วฉ่าวหนงจะได้รับรากเต๋าวิภูจักรวรรดิได้อย่างราบรื่นกระมัง?”
มันเป็นที่ประจักษ์อย่างไม่ต้องสงสัย
จากข้อมูลของเล่ออู๋เหิน โลกเบื้องหลังประตูแห่งมหาเต๋านั่นเต็มไปด้วยจิตสังหารของมหาเต๋าทั้งสามพันชนิดในจักรวาล และอาจกล่าวได้ว่าทุกฝีก้าวนั่นเต็มไปด้วยอันตรายร้ายแรง ซึ่งอาจตกตายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะผ่านพ้นไปได้อย่างง่ายดาย
เล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ ตะลึงลาน จากนั้นลอบถอนใจอย่างลับ ๆ เพราะจากคำเหล่านี้ ทำให้พวกเขายืนยันได้ว่า เฉินซีได้ตัดสินใจกระทำการแล้ว และพวกเขาไม่อาจโน้มน้าวได้อีก
เฉินซีกวาดสายตามองทุกคน จากนั้นประสานมือคำนับอย่างจริงจัง “ทุกคน ขอบคุณที่ดูแลข้ามาจนถึงตอนนี้”
เล่ออู๋เหินถอนหายใจ พลางโบกมือ “แล้วไปเถิด แล้วไปเถิด ในเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็รีบดำเนินการเสีย”
“เฉินซี ถนอมตัวด้วย!”
“เจ้าต้องระมัดระวัง”
เชินถูเยียนหราน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ยกล่าวอย่างต่อเนื่อง
เฉินซีพยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะแย้มยิ้มอย่างสบายใจ ก่อนจะร่างจะวูบไหว แล้วก้าวผ่านประตูที่ลึกลับและเงียบสงบนั้น หายไปจากสายตาของทุกคน
“คนผู้นี้….” จู่ ๆ อวี๋ชิวจิงก็ถอนหายใจ แต่ก็หมดคำกล่าว
“เรามาพยายามฟื้นฟูพลังให้เต็มที่กันเถอะ หากเฉินซี ประสบเภทภัยบางอย่างเมื่อกลับมา เราก็จะสามารถช่วยเหลือเขาได้ทันท่วงที”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาวของเชินถูเยียนหรานทอประกาย ใบหน้าสวยงามปกคลุมด้วยความเด็ดเดี่ยว
“ใช่แล้ว เฉินซีอาจประสบความสำเร็จจริง ๆ อย่าลืมว่าลั่วฉ่าวหนงได้กล่าวอย่างไร้ยางอายว่าเฉินซีประสบภัยพิบัติอย่างไร แต่ดูสิ เขายังมีชีวิตอยู่ ทั้งยังสุขสบายดีมิใช่หรือ?” เล่ออู๋เหินหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
“จริงของเจ้า การที่เขาสามารถข้ามผ่านบันไดหยกขาว และเข้าไปในตำหนักเต๋านภาม่วงนั้น ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าความสามารถของเขาไม่ธรรมดาเพียงใด” แม้แต่จวนอวี๋สุ่ยที่มักสงวนคำก็กล่าวขึ้นมาเช่นกัน
แค่ถ้อยคำเหล่านี้ ก็ทำให้เล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ ตะลึงลานทันที และทอดถอนใจ ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเฉินซีผู้นี้ไม่ใช่คนที่ใครจะสามารถเทียบเทียมได้ เพราะความสำเร็จในการข้ามผ่านบันไดหยกสีขาวเพียงอย่างเดียว ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้อย่างแน่นอน
…
ทันทีที่เข้าไปในประตู เฉินซีรู้สึกราวกับได้เข้าสู่โลกที่แวววาวและพร่างพราว ท้องฟ้าทั้งหมดเต็มไปด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่งดงามและสว่างไสว ทั้งยังส่องสว่างไปทั่วโลก
ดวงตาหรี่เล็กลง และในที่สุด เขาก็คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมนี้
ถนนนับไม่ถ้วนที่ทอดยาวไปสู่บริเวณโดยรอบเรียงรายอยู่ตรงหน้าราวกับใยแมงมุม พวกมันมีมากมายนับพัน และก่อตัวเป็นมวลหนาแน่น
ถนนทุกสายเป็นตัวแทนถึงมหาเต๋าอันล้ำลึก
ถนนสีเขียวเป็นตัวแทนของมหาเต๋าพฤกษา
ถนนสีแดงเข้มเป็นตัวแทนของมหาเต๋าอัคคี
ถนนสีน้ำเงินเป็นตัวแทนของมหาเต๋าวารี
ถนนขาวดำเป็นตัวแทนของหยินและหยาง
มีแม้กระทั่งถนนที่เผยให้เห็นปรากฏการณ์ของอักขระยันต์ วังวน แสงเดือน สายลม ก้อนเมฆ สายฟ้า และอื่น ๆ
มันมีมากมายเกินคณานับ!
ดูเหมือนว่านี่คือสถานที่ที่รากบรรพชนโกลาหลถูกผนึกไว้… ขณะที่เฉินซีกวาดมองไปรอบ ๆ พวกมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงอันศักดิ์สิทธิ์ และยังลึกราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เขาสังเกตสภาพแวดล้อมอย่างระมัดระวัง ไม่ได้เร่งร้อนเคลื่อนไหวใด ๆ
ในความคิดของเขา เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าคือ ‘มหาเต๋าทั้งสามพันชนิด’ ที่เล่ออู๋เหินกล่าวถึง แต่ในความเป็นจริง จำนวนของมหาเต๋านั้นมากมายมหาศาลราวกับมหาสมุทร และแทบจะไร้ขอบเขต
สถานที่แห่งนี้ มีจิตสังหารของมหาเต๋าทั้งสามพันชนิด และสามารถกล่าวได้ว่าทุกฝีก้าวนั่นเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นหากลั่วฉ่าวหนงและคนอื่น ๆ คิดยึดครองรากเต๋าวิภูจักรวรรดิแต่เพียงผู้เดียว พวกมันจะต้องผ่านอุปสรรคตรงหน้าข้าไปเสียก่อน
เฉินซีไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง และระบุได้คร่าว ๆ ว่าเหตุการณ์ตรงหน้านี้จะต้องเป็นบททดสอบเช่นกัน ไม่ว่าจะเลือกถนนสายไหน เราจะต้องตรากตรำต่อจิตสังหารทั้งหมดที่รออยู่บนถนนสายนั้น
และจิตสังหารพวกนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ทว่าเหตุการณ์ที่เห็นได้เกินความคาดหมายของเฉินซีอย่างแท้จริง และมันพลิกกลับการตัดสินใจโดยสิ้นเชิง
เพราะทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่ถนนของมหาเต๋ายันต์อักขระ ฟ้าดินก็เกิดการเคลื่อนไหว ในขณะที่เหตุการณ์ตรงหน้าแปรเปลี่ยนไปฉับพลัน
ถนนหนทางอื่น ๆ หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงถนนสายนี้เท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ถนนที่บริสุทธิ์ของมหาเต๋ายันต์อักขระ
ดูเหมือนว่าตราบเท่าที่มันเป็นความลึกล้ำของมหาเต๋าที่เขาหยั่งรู้ จากนั้นมันก็จะปรากฏและหลอมรวมเข้าสู่ถนนหนทางนี้!
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเฉินซีสั่นไหวอย่างห้ามไม่ได้ และระมัดระวังมากขึ้น
ครืน!
ครืน!
เฉินซีเริ่มก้าวไปข้างหน้า แต่ทันทีที่เคลื่อนไหว พลันรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล ถาโถมลงมาทับดุจภูเขาศักดิ์สิทธิ์จำนวนเกินคณานับ
หากไม่ได้ระมัดระวังตั้งแต่แรก เขาคงถูกทำร้ายจนเลือดลมปั่นป่วนไปแล้ว
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก และต้านแรงกดดันอันหนักหน่วงนี้ พลางสืบเท้าเดินต่อไป
บนตลอดทาง มีเหตุน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นทุกประเภท อาทิ ภูเขาไฟ พายุ คลื่นยักษ์ ดวงดาว ดาวตก แสง และความมืดที่ซ้อนทับกัน หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ก็ปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง
เฉินซีรู้ว่าทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมหาเต๋าเหล่านั้น พวกมันพยายามครอบงำดวงจิตแห่งเต๋า และสั่นคลอนความตั้งใจ เมื่อรวมกับพลังของมหาเต๋าที่กดทับลงมา มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
แต่เฉินซีก็ไม่หยุดก้าวเดิน พลันโคจรพลังบ่มเพาะทั้งหมด ทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์แล่นไปทั่วร่างกาย และไม่ละความพยายาม ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะสามารถบรรเทาแรงกดดันที่ถาโถมลงมาได้เล็กน้อย
ถนนสายนี้เป็นเส้นตรง ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งก้าวไปข้างหน้า ก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงกดดันมากขึ้น
ต่อมา ทุกย่างก้าว กลับทำให้กระดูกในร่างกายส่งเสียงกรอบแกรบแตกหัก เนื่องจากไม่สามารถทนต่อน้ำหนักของแรงกดดันได้ ยิ่งไปกว่านั้น แสงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ปะทุออกมาจากร่างกายก็ผันผวนอย่างรุนแรง
เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นเป็นเวลาสิบวันแล้ว เขานับเงียบ ๆ ในใจ และสรุปว่าเขาเดินอย่างน้อยสามพันลี้ แต่จนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขายังคงไม่สามารถค้นพบจุดสิ้นสุดของเส้นทางได้
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มอดถอนหายใจไม่ได้ และสีหน้าก็หนักอึ้งในพลัน
หากพลังดวงใจไม่ได้บรรลุถึงสัจหฤทัยสูตรขั้นแรกและต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เงาทมิฬภายในตัวไม่ได้ให้พลังศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง เกรงว่าคงไม่สามารถคงอยู่ได้จนถึงตอนนี้!
ในทางกลับกัน หากเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์รายอื่นที่มีความแข็งแกร่งด้อยกว่าเฉินซี ผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นคงถูกระเบิดจนกระเด็นไปนานแล้ว และชะตากรรมของคนคนนั้นก็ไม่มีผู้ใดทราบได้!
ลั่วฉ่าวหนงและคนอื่น ๆ ใช้วิธีใดในการผ่านอุปสรรคนี้… ในเวลาไม่นาน เฉินซีก็ส่ายศีรษะและละทิ้งความคิดกวนใจเหล่านี้ไป ในขณะนี้ ร่างกายเริ่มใกล้ถึงขีดจำกัด และไม่ใช่เวลาคิดถึงเรื่องอื่น
กร๊อบ! กร๊อบ!
ผ่านไปอีกสามวัน ในวันนี้ ร่างของเฉินซีสั่นสะท้าน ก่อนที่จะมีรอยแตกปรากฏบนกระดูกทั่วร่างดุจใยแมงมุม กระดูกเหล่านั้นจวนจะแตกหักแล้ว
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองไปไกล ๆ ถนนหนทางยังอีกยาวไกล แต่เขายังมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมันเลย
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าจะต้องพินาศเป็นแน่
หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งมาเป็นเวลานาน เฉินซีก็กัดฟันแน่นและมุ่งหน้าต่อไปอีกครั้ง เพราะนี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัด และหากชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ เขาจะไม่ลังเลที่จะจากไปทันที
…
ครืน!
หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา โลหิตสายหนึ่งไหลออกมาจากมุมปาก และกระดูกในร่างกายก็แตกร้าว พวกมันเกือบจะพังทลายลงอย่างสมบูรณ์
ในขณะนี้ เฉินซีทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าไม่น่าดูจนถึงขีดสุด ถนนสายนี้ไม่เขย่าขวัญไปหน่อยหรือ? แม้จะด้วยการบ่มเพาะปัจจุบัน แต่ข้ากลับทำได้เพียงยืนหยัดจนถึงที่นี่ แล้วลั่วฉ่าวหนงกับคนอื่น ๆ นั่นก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร?
โอม!
ในขณะนี้ กระบี่ราชาเซวียนในห้วงจิตสำนึกก็ส่งเสียงพึมพำ และปลดปล่อยคลื่นพลังผันผวนที่คลุมเครือออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลิ่นอายที่พลุ่งพล่านและหนาทึบของมหาเต๋าก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายดุจธารน้ำ และพวกมันก็มาบรรจบกันรอบ ๆ ทุกตารางชุ่นของผิวหนัง
ยามนี้ เฉินซีรู้สึกสบายจากภายในสู่ภายนอก และรู้สึกราวกับว่ากำลังแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อนอันอบอุ่น แรงกดดันและความเจ็บปวดที่เผชิญมาหลายวันถูกพัดหายไปอย่างฉับพลัน แม้แต่กระดูกที่ใกล้จะพังทลาย ก็คล้ายถูกสร้างขึ้นใหม่ ทั้งยังถูกขัดเกลาจนหมดจดอีกครั้ง ทำให้พวกมันปล่อยหยดแสงสีทองอันศักดิ์สิทธิ์ออกมาราง ๆ
นี่คือพลังงานของมหาเต๋าแห่งจักรวาลที่เกิดภายในรากบรรพชนโกลาหล ในขณะนี้ ดูเหมือนพวกมันจะถูกเพรียกหา ดังนั้นจึงหล่อเลี้ยงร่างกายของเฉินซี ทำให้อยู่ในสภาพที่สงบ เปล่งประกาย และศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง
เฉินซีไม่คิดกังวลอีกต่อไป ชายหนุ่มรีบนั่งขัดสมาธิ โคจรพลังในร่างทั้งหมด และเริ่มทำสมาธิ
ในที่สุด เขาก็เข้าใจการทดสอบที่อยู่เบื้องหลังประตูแห่งมหาเต๋า มันเป็นรูปแบบหนึ่งของการขัดเกลา และเป็นโชคลาภโดยบังเอิญเช่นกัน!
แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ไม่สามารถทำได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากกระบี่ราชาเซวียน
…
ในเวลาเดียวกันกับที่เฉินซีเข้าสู่สภาวะสมาธิ อีกที่หนึ่งด้านหลังประตูแห่งมหาเต๋า
ก๊อง! ก๊อง!
ระฆังทองเหลืองที่หนักและโบราณนั่นลอยขึ้นไปในอากาศ พื้นผิวของมันถูกจารึกไว้ด้วยแผนภาพลึกลับมากมาย และมันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์สีเลือดกวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ
กลุ่มของลั่วฉ่าวหนงยืนอยู่ด้านหลังระฆังทองเหลืองใบนี้ สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
“เกิดอันใดขึ้น?” ลั่วฉ่าวหนงหันกลับมาและขมวดคิ้วพลางมองไปที่คุนอู๋ชิง
ในขณะนี้ คุนอู๋ชิงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ สีหน้าวิตกกังวล มีหนอนที่ดูแปลกประหลาดตัวหนึ่ง ซึ่งมีสีดำสนิทและมีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือวางอยู่บนฝ่ามือ
หนอนตัวนี้เรียกว่า หนอนวิญญาณรากบรรพชน และเป็นสิ่งที่คุนอู๋ชิงต้องผ่านความยากลำบากมากมายและต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหารากเต๋าบรรพชนปฐมกาล
ความสามารถของหนอนตัวนี้มีเพียงอย่างเดียว คือใช้ในการค้นหารากเต๋าวิภูจักรวรรดิ!
“มีบางอย่างผิดปกติ แท้จริงแล้ว หนอนวิญญาณรากบรรพชนนั้น… กลับไม่สามารถจำแนกทิศทางที่ถูกต้องได้….” คุนอู๋ชิงกังวลและสับสน
ทันทีสิ้นคำ มันทำให้สีหน้าของคนอื่นมืดมน
โครม!
ทันใดนั้น ระฆังทองเหลืองก็สั่นอย่างรุนแรงและเปล่งเสียงคร่ำครวญ
ดูเหมือนว่าเป่ยเหวินจะได้รับผลสะท้อนจากสิ่งนี้ ทำให้กระอักเลือกออกมาคำโต
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หัวใจของทุกคนกระตุกวูบ และสีหน้าของพวกเขาก็มืดมนยิ่งขึ้น
ระฆังนี้เรียกว่าระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ และมันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง
ที่สำคัญที่สุด มันไม่เหมือนกับสมบัติวิญญาณธรรมชาติอื่น ๆ ระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์สามารถกระจายแรงกดดันที่มองไม่เห็นของมหาเต๋าได้ เป็นเพราะการมีอยู่ของระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์และหนอนวิญญาณรากบรรพชน พวกเขาจึงสามารถรุกคืบได้อย่างราบรื่น จนกระทั่งมาถึงที่นี่ภายในไม่กี่วัน และสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายมากมายได้อย่างปลอดภัย
แต่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนอนวิญญาณรากบรรพชนหรือระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์ก็มีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับทั้งสองติดต่อกัน สิ่งนี้ทำให้ลั่วฉ่าวหนงและคนอื่น ๆ รู้สึกทันทีว่าสถานการณ์เลวร้ายแล้ว