บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1696 กระบี่วิญญาณทมิฬ
บทที่ 1696 กระบี่วิญญาณทมิฬ
ฟ่าว!
ปราณกระบี่ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวด ฟาดฟันลงใส่กงเหย่เจ๋อฟูที่โจมตีด้วยความเกรี้ยวกราดด้วยความเร็วเหนือธรรมชาติ
ประทีปเคลื่อนคล้อย!
มันเป็นกระบวนท่าที่รวดเร็วที่สุดในสี่กระบวนท่าแห่งเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย!
กงเหย่เจ๋อฟูคำรามในลำคอก่อนง้างมือขวาโจมตี กระแสพลังฝ่ามือกิเลนฟ้าพุ่งออกไปพร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์สีน้ำเงินเข้ม
เคร้ง!
วิชาทั้งสองเข้าปะทะกัน ฝ่ามือกิเลนฟ้าและประทีปเคลื่อนคล้อย ส่งเสียงดังลั่นจนแสบแก้วหู ฝ่ามือกิเลนฟ้าแข็งแกร่งมั่นคง เต็มไปด้วยกลิ่นอายอำนาจเต๋าศักดิ์สิทธิ์
ทุกคนใจสะท้าน สมกับเป็นวิชาโบราณที่ถ่ายทอดกันมาในตระกูลกงเหย่ สามารถปะทะกับกระแสปราณกระบี่อันเฉียบคมได้อย่างสูสีเลยทีเดียว
“หากเจ้ายังเชื่อใจข้าเหมือนในอดีต เช่นนั้นก็รออยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้ข้าจัดการเจ้าพวกนี้เอง!” เฉินซีว่าจบ เงาร่างก็แวบเข้าสมรภูมิไปอีกครั้ง
เจิ้นหลิวชิงอึ้งไป ใบหน้าซีดขาวเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ในใจสับสนยิ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับเคลื่อนแต่อย่างใด
จึงทำให้เฉินซีวางใจมาก แต่กลับทำให้กงเหย่เจ๋อฟูยิ่งเกรี้ยวกราด
“ก็ได้ ข้าจะสังหารเจ้าก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวค่อยจัดการนางทีหลัง!” กงเหย่เจ๋อฟูแค่นเสียงเย็นก่อนซัดกรงเล็บเข้าใส่เฉินซีอีกครั้ง
ฝ่ามือเต็มไปด้วยพลังฝ่ามือกิเลนฟ้าอันแสนลึกลับ เหมือนเป็นกรงเล็บมังกรที่เฉียบคมและน่าเกรงขามยิ่ง อำนาจของมันสูงส่งจนไม่น้อยหน้าไปกว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นไหนเลย
ฟึบ!
แทบในพร้อมกันนั้น ลั่วฉ่าวหนงที่จ้องมองด้วยสายตาเย็นชาจากด้านข้างก็ลงมือ กระบี่สีดำปรากฏขึ้น มันส่องประกายอย่างลึกลับ ปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์สีดำ พริบตานั้น ท้องนภาก็กลายเป็นยามราตรี
ทุกคนอ้าปาก กระบี่วิญญาณทมิฬ! มันคือสมบัติวิญญาณธรรมชาติ ตามคำร่ำลือ มันเกิดจากความวิบัติที่กระจายตัวออก เป็นยอดฝีมือจากตระกูลลั่วที่ค้นพบมันหลังจากฝ่าอันตรายมามากมาย อีกทั้งยอดฝีมือผู้นั้นยังใช้กระบี่เล่มนี้สังหารศัตรูมาแล้วนับไม่ถ้วน สร้างความตื่นตระหนกในเอกภพจักรวรรดิมาแล้ว
พริบตานั้น สองมหาเทวาวิญญาณก็เข้าห้ำหั่นกันจนรอบข้างไม่เหลือชิ้นดี
หากเป็นยอดฝีมือคนอื่นแล้วล่ะก็ คงได้หวาดกลัวจนหมดแรงจะสู้ไปแล้ว
ทว่าเฉินซีย่อมไม่ธรรมดา ไม่เพียงแต่ไม่กลัวเท่านั้น เขายังก้าวออกไปพร้อมกับยกมือขึ้น จังหวะนั้นเองกระบี่จำนวนมากก็ปรากฏขึ้นรอบกาย นี่คือความสามารถของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับแรก
ครืน!
เจตจำนงกระบี่พลุ่งพล่านเหมือนคลื่นสมุทร มันกวาดตัวออกมาจากกระบี่ทั้งหลาย ปกคลุมรอบข้างไว้ด้วยกระแสแสงสว่างจ้า
ในตอนนี้เฉินซีเหมือนราชันผู้ครองกระบี่ เจตจำนงกระบี่ลั่นขึ้นท้องนภา เงาร่างเคลื่อนไปมาอยู่กลางอากาศ ฟันไปซ้ายขวา รับมือกับการโจมตีกันดุดันของกงเหย่เจ๋อฟูและลั่วฉ่าวหนง
ยอดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนตกอยู่ในความโกลาหลอยู่ชั่วขณะ แสงศักดิ์สิทธิ์กวาดตัวออกรอบทิศ ฝนแสงโปรยลงมาจนทั่ว เสียงลั่นครืนกระจายตัวออก เป็นการต่อสู้ที่ทำให้ตะวันและจันทราหม่นแสงลง สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเกิดความประหวั่นพรั่นพรึง
เสียงลั่นมหาเต๋าคำรามออกจากการต่อสู้ เกิดเป็นปรากฏการณ์ขึ้นมากมาย เป็นเสียงทวยเทพคำรามดุดัน เป็นภาพเลือดทวยเทพหลั่งไหล ใต้หล้าและบัญชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้น ล่มสลาย และแปรเปลี่ยนเป็นพลังอันรุนแรงกระจายตัวออกรอบข้าง เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงจนไม่อาจมีสิ่งใดเทียบได้
เหตุนี้เป็นเหตุที่น่าประหวั่นยิ่ง!
ที่น่าตกใจที่สุดคือเฉินซีกลับไม่ได้พ่ายแพ้ไปอย่างรวดเร็ว กลับสามารถต้านทานการโจมตีของกงเหย่เจ๋อฟูและลั่วฉ่าวหนงได้!
เป็นไปได้ยังไงกัน? พลังต่อสู้ของเด็กคนนี้จะแกร่งได้เพียงนั้นเลยหรือ? สองคนนั้นรั้งอันดับสามและอันดับเก้าบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณเชียวนะ นับว่าเป็นยอดฝีมือหาใครเทียบได้ แทบจะไม่มีใครที่อยู่ในขอบเขตพลังเดียวกันสามารถต้านทานได้เลย
แต่ตอนนี้สองคนรวมพลังกันกลับไม่อาจทำอะไรเจ้าเด็กนั้นได้ ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ!
ครืน!
นับตั้งแต่การต่อสู้สะท้านโลกาเริ่มต้นขึ้น การต่อสู้ก็เป็นไปอย่างดุเดือด ในตอนนี้ทั้งสามต่อสู้กันจนสะท้านไปถึงสวรรค์เก้าชั้น แต่ละคนซัดยอดวิชาเข้าใส่กันไม่หยุด เหมือนตะวันเข้าปะทะกันอย่างไรก็อย่างนั้น เป็นภาพที่ยิ่งใหญ่ตระการตาจนน่าเหลือเชื่อ
เมฆาสลายแหลกสิ้น
ห้วงอากาศมลายสูญ
ท้องนภาเป็นดั่งผืนผ้าวาด ฉีกขาดแหลกสลายกลายเป็นชิ้น แสงสีสันส่องสว่างกำจายออกมา เต็มไปด้วยวิชาอันตรายมากมาย หากมีใครย่างเฉียดกรายเข้าไป ก็คงได้สิ้นใจอยู่ตรงนั้นแน่!
“บัดซบ! หยุดฝืนเสียเถอะ!” กงเหย่เจ๋อฟูคำรามลั่นเสียงโกรธ ฝ่ามือเรืองแสงขึ้นจนสว่างจ้าไปทั่วฟ้าดิน เต็มไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
ฟ่าว!
เฉินซีเผยแววตาเคล้าจิตสังหาร ส่งเสียงเย็นชาในลำคอ ทันใดนั้นเขาก็วาดกระบี่ออก มองเป็นภาพคล้ายทางช้างเผือกปรากฏขึ้นมา ตะวันจันทราสลับเปลี่ยน เบญจธาตุเคลื่อนเปลี่ยนตำแหน่ง สายลมและสายฟ้าดังก้องกังวาน หยินหยางวนเวียน ความลึกล้ำทั้งหลายแผ่กระจายอยู่ภายในวิชากระบี่นั้น
ผู้รับชมที่ยืนอยู่ไกล ๆ เห็นแล้วก็ตกตะลึง ปรากฏการณ์จากปราณกระบี่ครั้งนี้ยิ่งใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด เหมือนมีมหาเต๋าจากทั่วทั้งจักรวาลอยู่ คล้ายว่าทั้งจักรวาลและดวงดาวทั้งหลายกำลังโคจรอยู่ในปราณกระบี่นี้ มันปกคลุมฟ้าดินก่อนจะซัดพลังออกมา!
นี่คือผาสมุทร!
เฉินซีโจมตีออกมาเต็มกำลัง ผสานมหาเต๋าทั้งหมดที่มีเข้าไปในการโจมตีนี้ จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์น่าเกรงขามเช่นนั้นขึ้นได้
ครืน!
คล้ายกับดวงดาราระเบิดออก มันส่งเสียงดังลั่น แม้กระทั่งยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ยังสั่นสะเทือน
จากนั้น เงาร่างหนึ่งก็ซวนเซถอยหลังออกมาหลังแรงปะทะสิ้นลงในสภาพดูไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธผสมความตกใจ
เป็นกงเหย่เจ๋อฟู!
เขากลับพ่ายแพ้ในการปะทะครั้งนี้ รับมือกับเฉินซีไม่ได้เลย!
ทุกคนใจสั่นสะท้านรุนแรง การต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเฉินซีแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่คิดว่าจะแกร่งถึงขั้นต้านศัตรูสองคนได้เช่นนี้ เฉินซีแกร่งพอจะบีบกงเหย่เจ๋อฟูให้ถอยไปได้!
ทั่วทั้งเอกภพจักรวรรดิแห่งแดนเทพโบราณนี้ สถานที่ซึ่งยอดฝีมือทั้งหลายมารวมตัวกัน จะมีสักกี่คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้?
คนผู้นี้แข็งแกร่งเพียงไหนกันแน่?
ทันใดนั้น กระทั่งเจิ้นหลิวชิงยังอึ้งไป นัยน์ตาใสเป็นประกายพลางเกิดความคิดในใจขึ้นมา เขาแกร่งถึงขั้นนี้แล้วสินะ….
ทว่าก็เหมือนมีความคิดบางอย่าง ทำให้ประกายในแววตาหม่นแสงลงอีกครั้ง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยสีหน้าซับซ้อนที่ไม่อาจอธิบายได้
…
“โจมตี!” ไม่นาน ลั่วฉ่าวหนงก็โจมตีเข้าจากด้านข้าง กระบี่วิญญาณทมิฬเหมือนดั่งเส้นแสงพุ่งออกมาจากไฟชำระดำมืดแห่งสายฟ้าฟาด ทำลายห้วงอากาศ นำพาแรงพลังน่าเกรงขามเข้าซัดใส่
การโจมตีนี้ดุดันยิ่ง เต็มไปด้วยแก่นแห่งการล่าและสังหาร เขาโจมตีออกมาจังหวะเดียวกันกับที่เฉินซีกำลังสู้ติดพันอยู่กับกงเหย่เจ๋อฟู
ฟ่าว!
เฉินซีหรี่ตาลง ทันใดนั้นเขาก็ซัดกระบี่ดีดกงเหย่เจ๋อฟูให้ถอยร่น พร้อมเงาร่างที่แวบหายไปรวดเร็ว หลบการโจมตีของลั่วฉ่าวหนงได้พอดิบพอดี ทว่าผมปอยหนึ่งข้างศีรษะก็ยังถูกฟันขาด ความเจ็บปวดลึกล้ำกำจายทั่วใบหน้า อีกทั้งปราณกระบี่ที่กรีดผ่านหน้ามายังทำให้เขาได้เลือด
น่าเสียดาย อีกหลายคนร้องอยู่ในใจ
“ฮึ่ม!” ทันใดนั้น เฉินซีก็แค่นเสียงเย็น สายตายิ่งเย็นชากว่าเก่า เจตจำนงกระบี่ทั่วร่างพลุ่งพล่านดั่งน้ำในมหาสมุทร และตวัดกระบี่ราชาเซวียนโจมตีต่อ
ตอนนี้เฉินซีพอประเมินได้แล้วว่าลั่วฉ่าวหนงเองก็อยู่ขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ขั้นต้นเหมือนกัน ประสบการณ์การต่อสู้ของอีกฝ่ายมีมากพอสมควร ลั่วฉ่าวหนงโจมตีอย่างไร้ความลังเลและโหดเหี้ยม สมกับอันดับที่มีบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ
ส่วนกงเหย่เจ๋อฟู เขาด้อยกว่าลั่วฉ่าวหนง แต่ก็มียอดวิชามากมาย จะประเมินต่ำไปไม่ได้ทีเดียว
แต่ไม่ว่าจะเป็นลั่วฉ่าวหนง กงเหย่เจ๋อฟู หรือทั้งคู่รวมพลังกัน ก็ยังไม่อาจทำให้เฉินซีรู้สึกเกรงกลัวได้
“ฆ่ามัน!” กงเหย่เจ๋อฟูส่งสายตาดั่งพายุหมุนคลั่งน่าเกรงขาม เขาตวัดแขน พลันกรีดฟ้าแยกออก ปรากฏเป็นแสงสีน้ำเงินจำนวนมากขึ้น ก่อนมันจะโปรยลงมาดั่งห่าฝน
พร้อมกันนั้น ลั่วฉ่าวหนงก็รุดเข้ามาดั่งพญามังกร เจตจำนงกระบี่พุ่งสูงไม่หยุด ก่อกำเนิดเป็นสายฟ้าสีดำซัดใส่เฉินซี กลิ่นอายดุดันยิ่งบีบคั้นหนักกว่าเก่า
เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่รู้แล้วว่าเฉินซีมีฝีมือไม่ธรรมดา จะออมมือไม่ได้อีก
ครืน!
ฟ้าดินเกิดความโกลาหล ตอนนี้เฉินซีเองก็ใส่เต็มฝีมือ กระบี่ราชาเซวียนในมือส่องแสงกระจ่างใสออกมา กำจายกลิ่นอายน่าเกรงขามผสานความลึกลับออกมาด้วย
กระแสพลังศักดิ์สิทธิ์แปรเปลี่ยนเป็นยันต์ลึกลับแล่นออกมาจากตัวกระบี่ ยามตวัดกระบี่ราชาเซวียนที่ดูเก่าเล่มนั้น กลิ่นอายดุดันที่ไม่อาจอธิบายได้ก็กำจายออก บีบคั้นฟ้าดินจนแปลกเป็นเสี่ยงในพลัน!
ตู้ม!
อำนาจท่ากระบี่นั่นน่าเกรงขามนัก ดีดร่างกงเหย่เจ๋อฟูให้ถอยไปได้ไม่ยาก ถึงจะใส่เต็มกำลังแล้ว แต่ก็ไม่อาจพลิกสถานการณ์ให้เป็นฝั่งได้เปรียบได้เลย
หากเป็นแต่ก่อน แค่ใช้พลังเช่นในตอนนี้ ก็คงบดขยี้ศัตรูได้จนหมด ไม่มีใครสามารถต้านทานได้แล้ว
ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกท่ากระบี่บีบให้ถอยกลับ ฝ่ามือกิเลนฟ้าก็ยังถูกทำลายลงจนเลือดไหลซิบออกจากฝ่ามือ กระดูกแทบแหลกจากแรงปะทะ
เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พื้นที่รอบกายแตกสลาย เงาร่างถูกเค้นให้ถอยหลัง ไม่อาจต้านทานแรงพลังนั้นได้ ไม่อาจแม้แต่คุมร่างกายตนเองได้เลย
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้ใจคนที่มองรอบข้างหวาดผวา แต่ยังทำให้ลั่วฉ่าวหนงซึ่งกำลังพุ่งเข้าไปตกตะลึงได้
ทว่าจากนั้น ลั่วฉ่าวหนงก็เผยแววตาเย็นชา เขาไม่ได้หลบหลีก ทั้งยังใช้วิชาลับ ส่งผลให้ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ก่อนจะตวัดกระบี่ซัดเข้าไปอย่างรุนแรง
คล้ายกับกำลังซัดโลกาแห่งอสนีบาตเข้าใส่ศัตรู!
ฟึบ!
หากแต่พริบตาเดียวก็เกิดแสงเย็นยะเยือกวาบขึ้น มันทำลายวิชาของเขาจนแตกละเอียด เสียงปะทะลั่นครืน
อีกทั้งปราณกระบี่เยือกเย็นยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น มันพุ่งเข้าใส่ลำคอลั่วฉ่าวหนงอย่างรวดเร็ว
พริบตานั้น ลั่วฉ่าวหนงก็เปลี่ยนสีหน้า สัมผัสได้ถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามา รีบกระโดดแฉลบด้านข้างทันที หลบปราณกระบี่ไปได้ทันเวลา
ทว่าเขากลับตกอยู่ในสภาพน่าอับอายยิ่ง เพราะต้องกลิ้งลงกับพื้นในสภาพน่าขันเพื่อหลบการโจมตีนั่น