บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1697 แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง
บทที่ 1697 แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง
ทันใดนั้น กงเหย่เจ๋อฟูก็ถูกโต้กลับ ในขณะที่ลั่วฉ่าวหนงหลบหลีกการโจมตีด้วยท่าทางที่ชวนให้หัวร่อ แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ว่าใครก็หัวเราะไม่ออก
สีหน้าของพวกเขามีเพียงความตะลึงลาน คล้ายมีพายุหมุนวนก่อตัวขึ้นในใจ
น่ากลัวเกินไปแล้ว! สหายเต๋าผู้นี้กลายเป็นเพียงสัตว์ร้ายที่ไม่อาจรับมือ!
หากเรื่องแพร่งพรายออกไป เห็นทีคงจะไม่มีใครอยากจะเชื่อ
“สหายเต๋าผู้นี้เป็นใครกันแน่? เหตุใดเราจึงไม่เคยได้ยินชื่อของเขาในแดนเทพโบราณเลย?”
“ทั้งที่แข็งแกร่งยิ่งนักแต่กลับไม่เป็นที่เลื่องนาม แม้แต่ชื่อยังไม่ปรากฏบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ นี่มันไม่ออกจะลึกลับไปหน่อยหรือ?”
“การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ อย่าลืมว่าเด็กคนนี้คือศัตรูของเรา!”
ท่ามกลางเสียงสนทนานั้น สีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งย่ำแย่ลงด้วยรู้สึกกังวลอย่างยิ่งภายในใจ
…
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อน ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง ว่าจะมีคนเช่นเจ้าอยู่บนโลกนี้จริง ๆ นั่นทำให้ข้าคนนึกถึงยอดคนในตำนานขึ้นมาไม่ได้” เหนือผืนดินขึ้นไป ลั่วฉ่าวหนงเจ้าของใบหน้าซีดเซียวจับจ้องเฉินซีด้วยสายตาแน่วแน่ คล้ายว่าจะฆ่าคนผู้นั้นให้ตายตกในพลัน “และใช่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าก็ยิ่งไม่อาจปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป!”
สุ้มเสียงเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า เห็นได้ชัดว่าท่าทางอันน่าเกรงขามของเฉินซีได้ปลุกแรงอาฆาตของเขาขึ้นมาอย่างสมบูรณ์
“ใช่แล้ว เราไม่อาจปล่อยเขาไปทั้งยังมีลมหายใจอยู่ได้ ไม่อย่างนั้น หากเขาเติบใหญ่กว่านี้ในภายหน้า เขาจะต้องกลายเป็นภัยสำหรับพวกเราอย่างแน่นอน!” สีหน้าของกงเหย่เจ๋อฟูหม่นหมองยิ่ง เสียงนั้นคล้ายลอดเร้นออกมาจากไรฟันที่ขบกรอด การปะทะกันในครั้งนี้สร้างความเสียหายให้เขาไม่น้อย และนั่นก็ทำให้โกรธอย่างถึงขีดสุด
เฉินซีส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ที่พูดมามีแต่เรื่องไร้สาระทั้งนั้น”
ขณะที่พูด ชายหนุ่มก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้าพร้อมกับเจตจำนงกระบี่ที่ห้อมล้อมทั่วเรือนกาย ชายหนุ่มในยามนี้เป็นเหมือนกระบี่คมกริบที่ถูกชักออกมาจากฝัก ทรงไว้ซึ่งพลังอำนาจอย่างแท้จริง
ยามนี้เขาตัดสินใจลงมือโจมตีด้วยอีกฝ่ายประกาศเจตนาสังหารออกมาอย่างชัดแจ้ง เฉินซีไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องยั้งมืออีกต่อไป!
ฉึบ!
ปราณกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวฟาดฟันลง มันบดขยี้ธาตุทั้งห้า ทำลายล้างหยินหยาง กวาดล้างกระทั่งขีดจำกัด
“สะบั้นสยบสวรรค์!” ม่านตาของลั่วฉ่าวหนงหดลงขณะที่ถือกระบี่ไว้ในมือ มันปลดปล่อยสายฟ้าสีดำมัวหมองยามเหวี่ยงมัน
สิ่งนี้คือไพ่เด็ด ‘สิบแปดกระบี่สายฟ้า’ ในทุกการโจมตีของมันเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างแผ่นดิน
โครม!
สิ่งที่ทำให้ลั่วฉ่าวหนงต้องตกตะลึงพลันปรากฏ การโจมตีเมื่อครู่ทำได้เพียงให้เฉินซีออกแรงตั้งรับเท่านั้น หากแต่ไม่สามารถสร้างบาดแผลใด ๆ ได้
สีหน้าของลั่วฉ่าวหนงย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม จิตสังหารภายในใจส่งแสงเรืองไสว เสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวแผดดังขึ้นอีกครั้ง
“สะบั้นกลืนกินสวรรค์!”
“สะบั้นแผดเผาสวรรค์!”
“สะบั้นเฉือนสวรรค์!”
หลังจากนั้นลั่วฉ่าวหนงและเฉินซีก็ถูกขังอยู่ภายใต้การต่อสู้ที่ดุเดือด เขาใช้กระบวนท่ากระบี่ต่าง ๆ ผ่านสิบแปดกระบี่สายฟ้า พวกมันมีพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ซึ่งเพียงพอที่จะทำลายล้างแผ่นดินด้วยสายฟ้าฟาด
หากสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะกระบวนท่าไหน มันก็ล้วนแต่ถูกทำลายด้วยน้ำมือเฉินซีทั้งสิ้น ไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำอะไรเฉินซีได้เลย มิหนำซ้ำ ตัวเขาเองกลับยังได้รับบาดเจ็บในระหว่างต่อสู้อีกด้วย
สิ่งนี้ทำให้ม่านตาของลั่วฉ่าวหนงหดตัวอย่างถึงขีดสุดด้วยตกใจแทบสิ้นสติ เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าสหายเต๋าผู้นี้อยู่ในขั้นแรกของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่เท่านั้น ซ้ำกระบี่ราชาเซวียนในมือยังด้อยกว่ากระบี่วิญญาณทมิฬในการครอบครองของข้า เหตุใดจึงยังยืนหยัดอยู่ได้เช่นนี้?
“บัดซบ!” เฉินซีสบถออกมาคำหนึ่งด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะตวัดกระบี่ใส่กงเหย่เจ๋อฟูที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านข้างอย่างแรงจนร่างนั้นกระเด็นออกไป
กงเหย่เจ๋อฟูโจมตีอย่างต่อเนื่องในขณะเขากำลังต่อสู้กับลั่วฉ่าวหนง หากไม่ใช่เพราะสหายเต๋าผู้นี้แล้ว ลั่วฉ่าวหนงคงไม่อาจรับมือกับการโจมตีได้ง่ายดายเช่นนี้
“แค่ก!” กงเหย่เจ๋อฟูกระอักเลือดออกมาคำโตพร้อมกับสีหน้าที่ถมึงทึง แน่นอน เขาโกรธจนถึงขีดสุด ในอดีต เขาเคยทำให้เฉินซีต้องเผชิญกับความอับอายหลายครั้งหลายครา เฉินซีเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อไรกันที่เขากลายเป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่คู่ควรกับอีกฝ่ายเสียเอง?
ในระยะไกล ตี้จวินและคนอื่น ๆ รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์นี้ มีเพียงความวิตกกังวลที่ก่อตัวขึ้นภายในใจ
“บ้าเอ๊ย!” กงเหย่เจ๋อฟูคำรามเกรี้ยวกราด ก่อนจะพุ่งไปยังด้านหน้าอีกครั้ง
ถึงอย่างนั้น เขากลับถูกโจมตีด้วยกระบี่ของเฉินซีอีกครั้ง คราวนี้มันแย่ยิ่งกว่าครั้งก่อนเป็นไหน ๆ ร่างกระเด็นออกไปไม่ต่างกระสอบทรายที่กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ฟันเม็ดขาวหลายซี่หลุดร่วง เลือดแดงฉานอาบไปทั้งปากและจมูก
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ตั้งแต่ที่เริ่มโจมตีจนถึงบัดนี้ เฉินซีไม่แม้แต่จะเหลียวมองด้วยซ้ำ สายตาของชายผู้นั้นไม่เคยละจากการเคลื่อนไหวของลั่วฉ่าวหนงแม้ชั่วขณะเดียว
เมื่อเปรียบเทียบกับกงเหย่เจ๋อฟูแล้ว ลั่วฉ่าวหนงมีรัศมีแห่งความกดดันที่เข้มข้นกว่ามาก กระนั้นมันก็เป็นเพียงแรงกดดันหนึ่งเท่านั้น
กระบี่วิญญาณทมิฬในมือคล้ายถูกสร้างขึ้นจากมหาเต๋าแห่งสายฟ้า มันเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณที่เลิศล้ำ ทรงพลัง ราวกับจะมุ่งหมายบดขยี้ทุกสรรพสิ่งให้กลายเป็นผุยผง
ถึงขนาดที่รูปลักษณ์วิญญาณสายฟ้าจำนวนมากก่อตัวขึ้นเลือนราง มันกำจายออกมาจากพลังศักดิ์สิทธิ์อันมหึมาที่น่าสะพรึงกลัวอย่างถึงขีดสุด
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เฉินซีตกตะลึง ชายหนุ่มตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าสหายเต๋าผู้นี้ตั้งใจที่จะต่อสู้โดยเอาชีวิตของตนเป็นเดิมพัน
ฟึ่บ!
เฉินซีทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า กระบี่ราชาเซวียนเก่าคร่ำซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังลึกล้ำพุ่งไปข้างหน้าอย่างไร้สิ้นสุด ทั้งสองประสานการต่อสู้กันอย่างสุดกำลัง
ในเวลาไม่นาน เฉินซีและลั่วฉ่าวหนงก็จมอยู่ใต้การต่อสู้ที่เดือดพล่านอีกครั้ง พวกเขาเป็นเหมือนกับสายฟ้าสองกระแสที่กำลังปะทะกัน การต่อสู้ดำเนินไปตั้งแต่พื้นดินจรดพื้นฟ้า ลากยาวไปถึงหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียน
แม้แต่กงเหย่เจ๋อฟูก็ไม่อาจเข้าไปแทรกกลางในการต่อสู้ที่สุดยอดเช่นนี้ มันทั้งรวดเร็วและทรงพลังเกินกว่าที่จะคาดฝัน ไม่ใช่สิ่งที่จะย่างก้าวเข้าไปได้
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความพ่ายแพ้อันลึกซึ้ง สีหน้าที่ดูไม่ได้ถอดสีซีด ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่าเฉินซีไม่มีคุณสมบัติมากพอจะขึ้นมาทัดเทียมเสมอตน และสามารถเหยียบย่ำอีกฝ่ายได้เสมอ ทว่าบัดนี้ มันกลับกลายเป็นกว่าเขาไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะต่อสู้กับเฉินซีเลยด้วยซ้ำ!
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ก็ล้วนแต่หมุนวนไปตามความตั้งใจของเขา หากลั่วฉ่าวหนงเป็นผู้นำการต่อสู้ บางทีเขาเองก็สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้เช่นกัน
ตู้ม!
การต่อสู้ระหว่างเฉินซีและลั่วฉ่าวหนงกลายเป็นที่ตื่นตะลึงมากยิ่งขึ้น
เฉินซีโจมตีด้วยกระบวนท่าขั้นสูงด้วยความน่าเกรงขาม เขาแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้สสารและความแข็งแกร่งของเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย
ชายหนุ่มยอมรับว่าลั่วฉ่าวหนงนั้นน่าเกรงขามอย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อต้องต่อสู้อย่างสิ้นหวัง เขาสมควรที่จะอยู่ในอันดับสามของเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ ด้วยว่าเขานั้นได้ก้าวเข้าสู่ระดับสูงสุดของขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณแล้ว
ท้ายที่สุด เฉินซีตัดสินใจที่จะใช้ยันต์เทวะอนันต์ และหลอมรวมความลึกล้ำของกฎศักดิ์สิทธิ์เข้ากับเต๋าแห่งกระบี่ ก่อนจะเสริมด้วยพลังดวงใจ ซึ่งเพียงพอจะเทียบได้กับขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณขั้นสูง
ในอีกด้านหนึ่ง แม้ว่าลั่วฉ่าวหนงจะถูกไล่ต้อนจนมุมอย่างต่อเนื่อง หากสุดท้ายเขาก็สามารถต้านทานการโจมตีของเฉินซีได้อยู่ดี นับเป็นความสำเร็จที่พิเศษไม่น้อย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเฉินซีหรือลั่วฉ่าวหนง พวกเขาก็ใช้ความแข็งแกร่งในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณขั้นสูงสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้!
ตึง!
ตอนนี้เอง กระบี่วิญญาณทมิฬที่มืดสนิทราวท้องฟ้ายามค่ำคืนพลันสว่างไสวด้วยเปลวเพลิง ในขณะที่ผิวรอบนอกถูกปกคลุมด้วยสีดำสนิท
ราวกับว่าราตรีกาลอันมืดหม่นได้ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์!
หลังจากนั้น พลังของลั่วฉ่าวหนงก็ระเบิดขึ้น
ตู้ม!
เขาโจมตีจากกระบี่ในมือด้วยความแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จิตสังหารอันเข้มข้นปะทุขึ้นไปบนท้องฟ้าและพุ่งลงสู่ร่างของเฉินซี
นี่เป็นเคล็ดวิชาลับประเภทหนึ่ง มันใช้วิญญาณที่ถูกแผดเผาของวิหคเพลิงเป็นตัวเร่งความแข็งแกร่งของกระบี่วิญญาณทมิฬ เพื่อให้สามารถดึงพลังที่ไม่อาจจินตนาการออกมาได้
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ต้องจ่ายไปสำหรับการนี้ก็มีมากเช่นกัน ไม่เพียงแต่จะต้องสูญเสียวิญญาณของวิหคเพลิงไปเท่านั้น หากพลังของกระบี่วิญญาณทมิฬก็ได้รับผลกระทบเฉกเช่นเดียวกัน และมันจำเป็นต้องใช้เวลานานทีเดียวว่าจะฟื้นตัวกลับมาอย่างสมบูรณ์
“ตายซะ!” ตอนนี้เอง ลั่วฉ่าวหนงดูคล้ายกับผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองแดนดิน ท่าทางที่อาจหาญและทระนงทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่ไกลออกไปรู้สึกตื่นเต้น
“เราจะจบเรื่องนี้ด้วยกระบวนท่าเดียวอย่างนั้นหรือ? ใช้ได้นี่!” ท่ามกลางเสียงเยือกเย็นที่ไม่แยแสของเฉินซี สนามพลังลึกลับที่ไม่อาจอธิบายได้เกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวเขาก่อนจะมาบรรจบกันที่หลังศีรษะและกลายเป็นแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ที่พร่างพราย
แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ประกอบไปด้วยแสงเก้าดวงที่พุ่งขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้าชั้น เมื่อคนอื่น ๆ ที่อยู่ในระยะไกลเห็นสิ่งนี้ พวกเขาก็ต่างตื่นเต้นด้วยคิดว่าเฉินซีตั้งใจที่จะต่อสู้อย่างสิ้นหวังด้วยแท่นบวงสรวงเต๋า เห็นที เขาคงหมดอุบายจะต่อสู้แล้ว
ทว่าเพียงชั่วครู่หนึ่ง รอยยิ้มของพวกเขาก็พลันแข็งค้าง รูม่านตาเบิกกว้าง ในขณะที่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
ภายใต้ทัศนวิสัย ไฟทั้งเก้าดวงที่อยู่หลังศีรษะของเฉินซีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว พวกมันก่อตัวเป็นวงล้อแห่งแสงที่พร่างพราว สว่างไสว!
“แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง!”
พวกเขาทั้งหลายตกอยู่ในความหวาดผวาจนคล้ายวิญญาณจะออกจากร่าง สุ้มเสียงอุทานดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมายพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป
ทุกคนรวมถึงเจิ้นหลิวชิงต่างก็ตกตะลึงอย่างมาก
มันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย หากก็เกิดขึ้นรวดเร็วเพียงพริบตา หลังจากหลอมรวมแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงแล้ว เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะโจมตีด้วยกระบวนท่าเชือดเฉือนกาสร
เสียงที่ดังที่สุดเงียบงัน!
ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดไร้ลักษณ์!
พลังการโจมตีครั้งนี้ทำให้ฟ้าดินหลุดพ้นจากห้วงกาล ห้วงมิติ และแม้แต่คลื่นเสียง!
หลังจากนั้น ทุกคนก็ต้องตกใจเมื่อการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของลั่วฉ่าวหนงเป็นเสมือนการโจมตีด้วยกระดาษแผ่นบาง เมื่อเผชิญกับการโจมตีของเฉินซี มันก็พังครืนลงด้วยความรวดเร็ว และกลายเป็นจุดแสงนับไม่ถ้วนที่พร่างพรายไปทั้งฟ้าดิน
อีกด้านหนึ่ง ลั่วฉ่าวหนงคล้ายกับถูกฟ้าผ่า โลหิตแดงฉานทะลักออกมาจากทวารทั้งเจ็ดในขณะที่ร่างล้มลงอย่างไม่อาจควบคุม ใบหน้างดงามบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด
“อ๊าก!!!” เขาอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เสียงนั้นเต็มไปด้วยความตกใจและโกรธเกรี้ยว นอกจากนั้น มันยังแฝงไปด้วยความหวาดหวั่นที่ไม่อาจอำพราง “แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง! มันคือแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงจริง ๆ! เจ้า… นี่เจ้าบรรลุสภาวะในตำนานแล้วอย่างนั้นหรือ!”
ทันใดนั้น ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ก็เผชิญหน้ากับความหวาดกลัวเสียจนตัวแข็งราวรูปปั้น เรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป ราวกับว่าปีศาจร้ายภายในหัวใจได้เข้าแทรกซึมไปในดวงจิตแห่งเต๋าของพวกเขาทุกคน
แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง!
ในบรรดาเทวารู้แจ้งวิญญาณที่เป็นที่รู้จักกันในแดนเทพโบราณ มีเพียงเย่เฉิน ซึ่งอยู่ในอันดับหนึ่งของเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณเท่านั้นที่บรรลุสถานะที่จัดว่าเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์นี้!
บัดนี้สหายเต๋าอีกหนึ่งคนที่บรรลุแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว! จะไม่ให้พวกเขารู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่อได้อย่างไร?
………………..