บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1702 โกลาหลครั้งใหญ่
………………..
บทที่ 1702 โกลาหลครั้งใหญ่
เทียบอันดับเทวาเปล่งแสงสีเทาออกมา ส่องสว่างความวิบัติที่บังเกิดบนท้องฟ้า
มันผันผวนไปมาพลางเปล่งรัศมีคลุมเครือเก่าแก่ออก อยู่เหนือมหาเต๋าทั้งหลายคล้ายเต๋าแห่งสวรรค์ ให้ความรู้สึกสูงส่งอย่างบอกไม่ถูก
พริบตาเดียว เทียบอันดับก็สั่นสะเทือน ก่อนจะขยายออก เผยให้เห็นรายชื่อจำนวนมากค่อย ๆ ปรากฏขึ้น
แต่ละชื่อมีรัศมีสาดส่องกระจ่างขึ้นฟ้า ล้วนแต่แผ่อำนาจสูงส่งออกมา
“เทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ?”
“หรือว่า… เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับมหาเทวาวิญญาณร้อยอันดับแรกบนเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ?”
ยอดฝีมือทั้งหลายล้วนแต่ตกใจ พวกเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก คุ้นเคยกับเรื่องราวต่าง ๆ ดี แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเหตุการณ์เกินคาดเช่นนี้
“พวกเจ้าจำได้หรือไม่ว่าเทียบอันดับเทวาก็เคยเคลื่อนไหวเช่นนี้มาแล้ว? เป็นแค่เพียงชั่วครู่ก็กลับมาเป็นปกติ ตอนนั้นเราทุกคนต่างคิดว่าสมบัติแห่งยุคที่มีอำนาจเหนือเต๋าแห่งสวรรค์ได้ปรากฏขึ้นมาเสียอีก แต่พอสืบเรื่องแล้วก็พบว่าไม่ใช่เช่นนั้น” ชายชราผมขาวร่างผอมเอ่ยเสียงเบาขึ้น
“ไม่ยากเลย ก็เพราะมีมหาเทวาวิญญาณคนใหม่เกิดขึ้นนอกเอกภพจักรวรรดิอย่างไรเล่า มหาเทวาวิญญาณนั่นมีพละกำลังมากถึงขั้นขึ้นเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณได้ แต่ไม่รู้ทำไมสุดท้ายถึงไม่มีชื่ออยู่บนนั้น ดังนั้นจึงทำให้เทียบอันดับเทวาเกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติขึ้น”
“อ้อ? แล้วเจ้ารู้จักชายหนุ่มผู้นั้นหรือไม่?”
“ยังไม่รู้จัก ซึ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดนัก”
“ก็แค่มหาเทวาวิญญาณที่ยังขึ้นเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องไปสนใจมากนักหรอก ทุกคนดูการเคลื่อนไหวของเทียบอันดับเทวาแล้วพอจะคาดเดาอะไรได้หรือไม่?”
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น ยอดฝีมือทั้งหลายก็เคลื่อนสายตาขึ้นไปบนฟ้าเพื่อมองเทียบอันดับเทวาอีกครั้ง
ฟ่าว!
เป็นตอนนั้นเองที่ชื่อหนึ่งพลันลอยปรากฏขึ้นมา จากนั้นมันก็กลายเป็นก้อนแสงสีทองที่หายวับไป เหมือนกับดาราที่ร่วงหล่น
“มีคนหายไป!”
“ใครมันกล้ากำจัดมหาเทวาวิญญาณที่มีชื่อขึ้นเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณกัน?”
“เป็นเป่ยเหวินอันดับห้าสิบสามที่ถูกจัดการไป เด็กคนนั้นเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของตระกูลเป่ยแห่งเอกภพจักรวรรดิ ไม่คิดเลยว่าจะอายุสั้นเช่นนี้”
ยอดฝีมือทั้งหลายชะงักอึ้งไป
“หลายปีที่ผ่านมานี้ มียอดฝีมือบนเทียบอันดับที่ล้มตายไปมาก แต่ก็ไม่เคยทำให้เทียบอันดับเคลื่อนไหวเช่นนี้มาก่อน หรือว่าการตายของเป่ยเหวินจะเกี่ยวข้องกับบางอย่างที่เทียบอันดับเทวาจับสังเกตได้?” คนหนึ่งมุ่นคิ้ว
ฟ่าว!
ในขณะที่กำลังคุยกันอยู่นั้น รายชื่อหนึ่งก็ลอยขึ้นจากเทียบอันดับแล้วกลายเป็นก้อนแสงหายวับไปอีกครั้ง
“จินชิงหยางอันดับที่ยี่สิบสี่! นั่นก็ยอดฝีมือรุ่นเยาว์เผ่าศิลาทองคำ มีฝีมือไม่น้อยหน้าใคร อีกทั้งบรรพบุรุษในตระกูลยังมอบสมบัติวิญญาณธรรมชาติ ธงพิทักษ์ปฐพีที่ห้า ให้เขาอีกต่างหาก เห็นได้ชัดว่าตระกูลตั้งความหวังไว้มาก แต่สุดท้ายก็ต้องจากไปเช่นนี้”
ทุกคนตกตะลึงยิ่งที่สองมหาเทวาวิญญาณตายตกไปตามกันในระยะเวลาสั้น ๆ เช่นนี้ได้ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?
หมายความว่าไม่ปกติ!
สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียดขึ้นทันใด
ฟ่าว!
พวกเขายังไม่ทันคิดหาสาเหตุได้ อีกชื่อหนึ่งก็ลอยขึ้นมาแล้วหายวับไป
สามมหาเทวาวิญญาณตายไปในระยะเวลาไล่เลี่ยกันทำให้ทุกคนพูดไม่ออก ตกตะลึงนิ่งค้างไป ถึงขั้นที่หลายคนผุดลุกขึ้นยืนแล้วแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า
มหาเทวาวิญญาณ!
แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือหาใครเทียมทั้งนั้น นับว่าหาได้ยากในหมู่เทวารู้แจ้งวิญญาณทั้งหลาย แต่ชั่วระยะเวลาไม่นาน สามมหาเทวาวิญญาณก็มอดม้วยมรณา ในอดีตไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก่อน!
ฟ่าว! ฟ่าว!
แต่ยอดฝีมือทั้งหลายและยอดฝีมือโบราณที่อยู่มานานก็ต้องตกตะลึงมากขึ้นไปอีกเมื่อมีอีกสองรายชื่อหายวับไป
เยว่หรูฮวาอันดับที่สิบสี่
ตี้จวินอันดับที่สิบสอง
…
และในจังหวะที่เห็นชื่อลั่วฉ่าวหนงและกงเหย่เจ๋อฟูซึ่งอยู่อันดับสาม และอันดับเก้าหายวับไปตามลำดับ รอบข้างก็เงียบสนิท หากเข็มหล่นก็คงได้ยินทั่ว
เจ็ดมหาเทวาวิญญาณตายตกไปภายในวันเดียวกัน ทั้งยังมีสองคนที่รั้งสิบอันดับแรก! หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ทั่วเอกภพจักรวรรดิคงได้สั่นคลอนเป็นแน่!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“เหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้?”
“น่าตกใจยิ่ง!”
ผ่านไปนานทุกคนก็ตั้งสติได้หลังจากไม่มีชื่อไหนหายไปอีก ในตอนนี้ สีหน้าแข็งค้างตกตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเคร่งเครียดไปในพลัน
ด้วยรู้ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติเช่นนี้ย่อมต้องสร้างความโกลาหลขึ้นในเอกภพจักรวรรดิได้แน่ กองกำลังใหญ่จำนวนมากย่อมโกรธเคืองกับผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้นี้!
“ใครกันแน่ที่กล้ากระทำเรื่องเช่นนี้ สังหารยอดฝีมือไปตั้งหลายคน? คนผู้นี้โอหังยิ่งนัก คงจะสิ้นสติไปแล้วเป็นแน่”
“ไปสืบหาเสีย! ต้องดูให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ!”
“แล้วต้องแจ้งเตือนคนในตระกูลของมหาเทวาวิญญาณที่ตายไปเหล่านั้นด้วย อย่างไรเราก็ปิดข่าวไม่ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเขาได้พาลมาโกรธเรา ประเดี๋ยวเป็นปัญหาอีก”
“ยอดฝีมือตายกันไปหลายคน เกิดความเคลื่อนไหวผิดปกติบนเทียบอันดับเทวา…. หรือว่าแดนเทพโบราณกำลังจะเกิดความโกลาหลอีกครั้ง? ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย!”
ในวันนี้ ข่าวทั้งหลายได้แพร่ออกไปทั่วเอกภพจักรวรรดิอย่างรวดเร็ว
ชั่วระยะเวลาเพียงวันเดียว ทั่วเอกภพจักรวรรดิก็ตกอยู่ในความโกลาหล ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายล้วนพูดคุยถึงเรื่องนี้ กองกำลังเก่าแก่มากมายล้วนตกตะลึง
…
ณ ยอดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปรมาจารย์เซวียน
เจียหนานนั่งลงบนพื้น ใบหน้านิ่งสงบมั่นคงเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาตรวจดูร่างกายเจิ้นหลิวชิงอยู่ชั่วขณะก่อนถอนหายใจเสียงเบา
“แม่นางเจิ้นถูกกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา เป็นวิชาโบราณของยุคก่อน มีเพียงไม่กี่คนในแดนเทพโบราณที่มีวิชานี้”
ยุคก่อน? เฉินซีมุ่นคิ้ว แต่เขาไม่สนเรื่องนั้น สายตามองเจียหนานอย่างมีหวัง “สหายเต๋าเจียหนาน จากที่เจ้าดูแล้ว พอจะสามารถ… ทำให้หลิวชิงฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่?”
“ยากมาก” เจียหนานเงียบไปเล็กน้อยก่อนตอบ “เมื่อใช้วิชานี้แล้ว พลังของมันจะฝังลึกลงในโชคชะตาของคนผู้นั้น ควบคุมเส้นชีวิต ทำให้จิตใจและจิตวิญญาณเกิดความปั่นป่วน กระทั่งยอดฝีมืออำนาจสูงสุดยังทำอะไรไม่ได้”
เจาะลึงถึงจิตวิญญาณ ควบคุมโชคชะตา! แค่ได้ยินเท่านี้ก็ทำให้เฉินซีใจหล่นวูบ เขารู้ว่า ‘กู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตรา’ นั้นทรงพลังมาก แต่ก็เกินกว่าที่คาดไว้
เจียหนานเคลื่อนสายตานิ่งสงบมองอีกฝ่าย “สหายเต๋าใจเย็นก่อน ตอนนี้แม่นางเจิ้นยังไม่ได้สิ้นใจ เท่านี้ก็นับว่าโชคดีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เฉินซีนิ่งไป ใจสั่นสะท้าน ใช่ ข้าลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน?
หากนางยังไม่ตายก็นับว่ายังมีหวังไม่ใช่หรือ?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ดวงตาเฉินซีจึงสดใสขึ้น ความเศร้าและความโกรธที่สะสมอยู่ในใจลดลงมาก แต่ก็ยังถามขึ้นว่า “สหายเต๋าเจียหนาน ในเมื่อรู้ว่าเป็นวิชาลับนี้ เช่นนั้นมีวิธีรับมือหรือไม่?”
“ขออภัยด้วย ด้วยความสามารถของข้าทำได้เพียงแต่ยับยั้งพลังที่ทำลายร่างให้แม่นางเจิ้นได้เท่านั้น แต่แก้พิษไม่ได้หรอก” เจียหนานเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอโทษ
เฉินซีไม่ผิดหวังแต่อย่างใด ทั้งสายตายังวาดหวังขึ้น กลับเอ่ยขึ้นว่า “เท่านั้นก็พอแล้ว หากทำให้หลิวชิงรอดได้ ข้าจะเป็นคนหาวิธีแก้พิษให้นางเอง!”
พูดถึงจุดนี้ก็เหมือนนึกอะไรออก เขามองเจียหนานด้วยสายตาจริงจัง “ที่ข้าพูดไปก่อนหน้านี้ยังมีผล หากสหายเต๋าช่วยเหลือข้าได้ รากเต๋าวิภูจักรวรรดิภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนก็เป็นของเจ้า!”
เจียหนานไม่พูดอะไรแล้วเงียบไปนาน สุดท้ายก็นำโคมหนึ่ง อาสนะ ประคำสวดมนต์ บาตร และคัมภีร์ออกมา
โอม!
บนฟากฟ้าบังเกิดดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สีขาวใสบริสุทธิ์จำนวนมาก มันผลิดอกบานช้า ๆ และปล่อยกระแสพลังศักดิ์สิทธิ์เข้าโอบร่างเจิ้นหลิวชิงไว้
อึดใจต่อมา สมบัติศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายพุทธ โคม อาสนะ ประคำสวดมนต์ บาตร และคัมภีร์ก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงทั้งห้าเส้นพุ่งเข้าลำคอเจิ้นหลิวชิง ดวงใจ จิตใจ จิตวิญญาณ และท้องทะเลแห่งลมปราณของนาง ก่อนจะหายไป
พริบตานั้น เจิ้นหลิวชิงถูกโอบล้อมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่าง หากยังหายใจและไม่ใช่ว่าสองตาปิดสนิทเช่นนี้ก็คงดูเหมือนคนกำลังหลับอยู่
จึงทำให้เฉินซียิ่งเกิดความหวัง ไม่คิดเลยว่าในจังหวะที่เขาเศร้าโศกเสียใจและโกรธแค้น เต็มไปด้วยความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด สถานการณ์จะเปลี่ยนผันได้เช่นนี้
แค่ก!
ทันใดนั้นเจียหนานก็สำลักเลือดออกมา ใบหน้าพลันซีดขาว แต่ยังคงมีสีหน้ามั่นคงยิ่งสงบดังเดิม
“สหายเต๋า ข้าใช้คาถาพุทธคุณและสมบัติปราชญ์ทั้งห้ายับยั้งกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราภายในร่างแม่นางเจิ้นไว้แล้ว ภายในสิบวันจะไม่เป็นอะไรแน่” เจียหนานพูดยิ้ม ๆ เหมือนยกภาระหนักออกจากอก
เฉินซีตกใจมากตอนเจียหนานกระอักเลือดออกมา คงเพราะได้รับบาดเจ็บระหว่างรักษานาง
“ขอบคุณมาก” เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วป้องมือบอกขอบคุณสีหน้าจริงจัง ในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ทั้งสองเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย แต่เจียหนานกลับเป็นฝ่ายเผยตัวช่วยเหลือเฉินซีไว้มาก ทำให้เขาซาบซึ้งใจไม่น้อย
เขาไม่รู้เลยว่าสมบัติทั้งห้าที่เจียหนานใช้ยับยั้งกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราไว้คือ ‘สมบัติปราชญ์ทั้งห้า’ จากห้าจ้าวพุทธองค์แห่งนิกายพุทธที่บรรลุขั้นโพธิสัตว์ มันเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และปัญญาแห่งพุทธองค์ มูลค่าเทียบได้กับห้าสมบัติวิญญาณธรรมชาติเลยทีเดียว!
สมบัติวิญญาณธรรมชาติถึงห้าชิ้น!
จะมีใครในโลกนี้ที่เต็มใจสละให้คนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันมากเช่นนี้?