บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1703 โชคลาภในวิหารศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 1703 โชคลาภในวิหารศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าเฉินซีจะไม่ทราบถึงต้นกำเนิดของสมบัติปราชญ์ทั้งห้าของนิกายพุทธ แต่สายตาก็ได้ผ่านการฝึกฝนมาจนเฉียบคมอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงรับรู้ได้ทันทีว่าสมบัติเหล่านั้นหายากและล้ำค่าเพียงใด
นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมในตอนนี้เฉินซีจึงตกใจและรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
เจียหนานทำเพียงยิ้มรับ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและพูดว่า “หากวันหนึ่ง สหายเต๋าสามารถกำจัดวิชาลับออกจากแม่นางเจิ้น ในภายภาคหน้า โปรดเดินทางไปยังนิกายพุทธที่เอกภพจักรวรรดิสักครั้ง ในเวลานั้น ข้าจะรอการมาถึงของท่าน และขอโอกาสสู้ตัวต่อตัวกับสหายเต๋า”
เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาก็พูดว่า “เหตุใดถึง?”
การแสดงออกของเจียหนานทั้งสงบและหนักแน่น เขานิ่งเงียบลงก่อนจะพูดว่า “เพื่อเห็นแก่เส้นทางสู่เต๋าของข้า”
มันเป็นประโยคที่เข้าใจยากอย่างยิ่ง แต่กลับทำให้ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง และประสานมือ “เมื่อถึงเวลา ข้าจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน”
เจียหนานประสานมือตอบและโค้งคำนับ “ขอบคุณที่เติมเต็มความปรารถนาของข้า สหายเต๋า”
ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันหลังกลับและตั้งใจจะจากไป
เจียหนานไม่ได้หันกลับมา แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงจุดนั้นและพูดอย่างสงบ “สหายเต๋า ข้าขอถามท่าน ในเวลาสิบปี ท่านมั่นใจว่าสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลได้หรือไม่? ”
เฉินซีตกใจกับคำถามนี้ แต่ก็ยังตอบ “หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็คงเกินพอ”
เจียหนานกล่าวต่อ “ข้าต้องการประมือกับเจ้า ยามอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ไม่ใช่ในขอบเขตการฝึกฝนปัจจุบัน สำหรับรากเต๋าวิภูจักรวรรดินั้น… นอกจากสหายเต๋าและเย่เฉิน ผู้อยู่บนอันดับหนึ่งในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ ไม่มีบุคคลใดในโลกสมควรได้รับมันแล้ว”
ปลายประโยคแฝงไว้ด้วยร่องรอยของความผิดหวังที่หาได้ยาก ก่อนที่กระแสเสียงจะกลับมาสงบเช่นเดิม
คิ้วของเฉินซีเลิกขึ้น และคาดเดาอะไรบางอย่างได้เล็กน้อย
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ ส่งกล่องหยกผ่านอากาศไปให้เจียหนาน “ในนี้มีรากเต๋าบรรพชนระดับเก้าอยู่ โปรดรับมันไว้”
เขาได้รับสิ่งนี้มาจากศพของกงเหย่เจ๋อฟู ความจริงแล้วกลุ่มของเล่ออู๋เหินนั่นควรเป็นฝ่ายได้รับมันก่อน แต่กลับถูกกลุ่มของกงเหย่เจ๋อฟูชิงเอาไป
เจียหนานดูประหลาดใจเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็หันกลับมามองดูกล่องหยกที่ลอยอยู่ข้างหน้าตน และเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็เก็บมันไปอย่างระมัดระวัง
เขาประสานฝ่ามือสวดบูชาพุทธองค์ แล้วหันหลังกลับอย่างสงบนิ่ง จากไปรวดเร็ว โดยไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก
แต่การกระทำนี้ของเจียหนาน ก็นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนนอกจริง ๆ
เพื่อที่จะขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เขาได้ฝ่าอันตรายมากมายและประสบการณ์อันตรายมานับไม่ถ้วน จนได้ไปเห็นการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงระหว่างเฉินซีและกลุ่มของลั่วฉ่าวหนง ทว่ากลับไม่ใช้โอกาสนี้เข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียน และชิงรากเต๋าบรรพชนไป
จนกระทั่งการต่อสู้สิ้นสุดลง เขาถึงปรากฏตัวขึ้นและช่วยเหลือเฉินซี โดยใช้คาถาพุทธคุณและสมบัติปราชญ์ทั้งห้า เพื่อปราบปรามกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราในร่างกายของเจิ้นหลิวชิง อย่างไรก็ตาม เขาเพียงยอมจ่ายออกไปเช่นนั้นก็เพื่อโอกาสในการประมือกับเฉินซีในอนาคต
ถึงขนาดที่เมินเฉยต่อเฉินซีที่กล่าวว่าจะมอบรากเต๋าวิภูจักรวรรดิให้หลายต่อหลายครั้ง
ทั้งหมดนี้ดูเหลือเชื่อจริง ๆ
ทำไมเขาถึงทำเช่นนั้น?
อะไรคือข้อพิจารณาในการทำสิ่งเหล่านี้?
เฉินซีไม่รู้ และไม่สามารถเข้าใจคนผู้นี้ได้ ดังนั้นในใจของเขาอีกฝ่ายจึงดูลึกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ
บางทีเมื่อเขาได้ก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนบริสุทธิ์ของนิกายพุทธในเอกภพจักรวรรดิ และต่อสู้กับเจียหนาน เขาก็คงจะได้รับคำตอบทั้งหมด
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เฉินซีก็รู้สึกขอบคุณเจียหนานเป็นอย่างยิ่ง และไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ได้มอบรากเต๋าบรรพชนระดับเก้าให้อีกฝ่ายไป
“หลิวชิงไม่ต้องกังวล ข้าจะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม!” เฉินซีก้มมองใบหน้าอันเงียบสงบและสวยงามของเจิ้นหลิวชิงในอ้อมแขน ในใจปราศจากความโศกเศร้าอีกต่อไป มีเพียงความมุ่งมั่นเท่านั้น
ชายหนุ่มเก็บร่างของเจิ้นหลิวชิงไว้ในจักรวาลภายในร่างกายของเขาอย่างระมัดระวัง ด้วยวิธีนี้เท่านั้น ที่จะทำเขารู้สึกสบายใจที่สุด
ฟิ่ว~
จากนั้นเฉินซีก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง และจ้องมองไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนที่อยู่ไกลออกไป
เจียหนานเคยกล่าวไว้ว่าในโลกนี้ มีเพียงเฉินซีและเย่เฉิน ที่อยู่บนอันดับหนึ่งในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณเท่านั้น ที่สามารถรับรากเต๋าวิภูจักรวรรดิจากวิหารศักดิ์สิทธิ์มาได้
ในเวลานั้น เฉินซีไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก แต่เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ เขาก็พบข้อสรุปที่ทำให้ตกใจอย่างยิ่ง
ไม่ใช่ว่านี่หมายความว่า ถึงลั่วฉ่าวหนงกับคนอื่น ๆ จะเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ก่อน ก็ไม่สามารถรับรากเต๋าวิภูจักรวรรดิได้หรอกหรือ?
ถ้านั้นเป็นจริง แล้วเพราะเหตุใด?
หรือว่าวิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนจะยังมีความลับอื่น ๆ อยู่อีก?
ชายหนุ่มจึงมุ่งหน้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
…
อีกาทองคำสิบตัวบินโฉบอยู่บนท้องฟ้า เปล่งแสงสีทองอันเจิดจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์และสง่างามลงมา
วิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียน ตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มานานจนไม่อาจนับ มันยิ่งใหญ่ และสง่างาม กลิ่นหอมเบาบางโปรยปรายแผ่กระจายออกไปราวสายฝน
ทุกอย่างเงียบสงบ จนดูเคร่งเครียด
มีเพียงเสียงฝีเท้าของเฉินซีเท่านั้น ที่ดังก้องไปทั่วยอดเขา
โอม!
ทันทีที่ร่างของเฉินซีเข้าใกล้ ประตูสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ทอประกายสว่างเจิดจ้า สีทองโอ่อ่าและศักดิ์สิทธิ์ ราวกับแสงแรกยามรุ่งอรุณ
นี่เป็นข้อจำกัด ที่ทอดยาวปิดกั้นขวางทางเข้าไว้
โครม!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจ คือม่านแสงสีทองนั้น เพียงสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
โครม!
เฉินซีลงมืออีกครั้ง คราวนี้ เขาใช้ความแข็งแกร่งถึงแปดส่วน รัศมีศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงกฎเต๋าพลุ่งพล่าน กลายร่างเป็นกระบี่ ก่อนจะฟาดฟันลงอย่างแรง
การโจมตีดังกล่าวเพียงพอที่จะสังหารมหาเทวาวิญญาณ อย่างเยว่หรูฮวาและจินชิงหยางได้ง่ายดาย ทว่ามันกลับล้มเหลวที่จะทะลวงผ่านม่านแสงสีทองนี้!
เรื่องนี้ทำให้เฉินซีรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่วงล้อแสงลุกโชติช่วง สว่างไสวงดงามและทรงพลัง ปรากฏขึ้นมาด้านหลังศีรษะของเขา พร้อมด้วยแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงที่สถิตอยู่ภายใน
ชายหนุ่มจรดนิ้วเข้าหากันเป็นกระบี่ จากนั้นก็ฟันออกด้วยกระบวนท่าเชือดเฉือนกาสร
ในการโจมตีครั้งนี้ เฉินซีได้ใช้ความแข็งแกร่งเต็มสิบส่วนแล้ว!
เปรี้ยง!
ฝนแสงระเบิดออกไปรอบ ๆ รุนแรงจนแม้แต่ยอดเขายังสั่นไหว คราวนี้ม่านแสงสีทองถูกผ่าออกจากกันเป็นทางเดิน
ในไม่ช้า ประตูวิหารศักดิ์สิทธิ์ก็กลับคืนสู่สภาพเดิม อย่างไรก็ตาม อีกาทองสิบหัวที่เคยอยู่บนท้องฟ้านั่นกลับหายไปแล้ว…
…
ด้านนอกแดนรากบรรพกาล หน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์รากบรรพชน ผู้พิทักษ์วิหารชราดูเหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่ง และทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมริมฝีปากของเขา
ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งในที่สุดมันก็สะเทือนถึงท้องฟ้า และทำลายชั้นเมฆบนนั้น
เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความยินดี และความโล่งใจ ราวกับสมหวังในความปรารถนาของตน
“เจ้าตัวน้อยที่น่าทึ่ง เขาคงจะเป็นผู้รู้แจ้งแผนภาพวารีหลากลำดับที่แปด… ข้าหวังว่าเขาจะสามารถทนต่อการทดสอบภายในนั้น และดึงรากเต๋าวิภูจักรวรรดิที่นายท่านใช้ความพยายามอย่างมากในการเลี้ยงดูออกมาได้ เพียงวิธีนี้ ความปรารถนาของนายท่านก็จะได้รับการตอบสนองเสียที แต่ไม่ว่าเขาจะสามารถเอาชนะนายท่าน และสร้างเส้นทางสู่จุดสูงสุดของตัวเองได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองแล้ว…” ผู้พิทักษ์วิหารพึมพำ ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยอารมณ์
เมื่อจ้องมองชายหนุ่ม และหวนนึกถึงอดีตอีกครั้ง
ในเวลานั้น นายท่านได้เรียกเทพต้นกำเนิดมามากมายหลายพัน ใช้วิธีการสูงสุดเพื่อเปิดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขึ้น หลังจากนั้นใช้พลังแห่งสวรรค์สรรค์สร้างวิหารศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขา ก่อนที่จะปราบปรามจิตศึกจำนวนนับพันของศัตรูลงที่นี่ สิ่งทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อบำรุงเลี้ยงรากเต๋าวิภูจักรวรรดิเท่านั้น!
และทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นเพียงความกังวลเรื่องเดียวก่อนจากไปของนายท่าน….
บางทีสำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป นี่อาจเป็นโอกาสอันดี แต่มีเพียงผู้พิทักษ์วิหารเท่านั้นที่รู้ว่าเหตุผลที่นายท่านทำเช่นนี้ก็เพื่อเส้นทางเต๋า!
ไม่ใช่แค่เพื่อเส้นทางไปสู่เต๋าของนายท่านเท่านั้น แต่ยังเพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสามารถเข้าใจเส้นทางสุดท้ายอย่างแท้จริง ก้าวข้ามทุกเส้นทางเต๋าบนโลกนี้ และไปถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางมหาเต๋า!
ในโลกนี้ จะมีสักกี่คนที่ครอบครองจิตใจ วิสัยทัศน์และจิตวิญญาณที่กว้างไกลเช่นนี้ได้?
“แต่….” ทันใดนั้น ผู้พิทักษ์วิหารขมวดคิ้ว ราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “หลังจากสังหารมหาเทวาวิญญาณไปมากมายขนาดนั้น เด็กคนนี้จะต้องประสบปัญหาใหญ่เป็นแน่”
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่ผู้พิทักษ์วิหารก็ไม่กังวล
นี่คือการฝึกฝนรูปแบบหนึ่ง หากไม่สัมผัสกับสภาวะอารมณ์ของโลก และไม่ได้มีประสบการณ์พลิกผันบนเส้นทางสู่เต๋า แล้วจะก้าวไปบนเส้นทางที่แตกต่างไปจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิงได้อย่างไร?
ในความเห็นของเขา แม้ว่าในอนาคตข้างหน้าเฉินซีจะเสียชีวิต แต่ท้องฟ้าก็ยังไม่พังทลาย และโลกก็เพียงสูญเสียผู้เยี่ยมยุทธ์ไปคนหนึ่ง
…
นี่คือป่าโบราณและเก่าแก่ เต็มไปด้วยภูเขาและแม่น้ำ กว้างใหญ่ไพศาล นอกจากนี้อากาศยังเต็มไปด้วยเมฆสีทอง ปกคลุมบรรยากาศลึกลับที่วุ่นวายยิ่ง
ฟิ่ว!
หมู่เมฆสีทองเปล่งประกาย พร้อมกลิ่นหอมโชยแทรกซึมเข้าสู่จิตวิญญาณ ไหลเข้าสู่ร่างกายของเฉินซี ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายไปทั้งตัว
ความรู้สึกนี้เหมือนกับการถูกแช่อยู่ในน้ำอาบสมุนไพร ที่ทำจากสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์อันมีเอกลักษณ์ไม่มีใครเทียบได้ มากพอที่จะทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์คนใดคนหนึ่งหลงใหลอย่างมาก
หากได้ฝึกฝนที่นี่ ย่อมสามารถบรรลุผลอัศจรรย์ได้อย่างไม่คาดคิดแน่นอน
อาจมีสมบัติตามธรรมชาติมากมาย ทั้งจากสวรรค์และโลกกระจายอยู่ทั่วที่นี่!
หลังจากที่เฉินซีถอนหายใจยาวแรง ชายหนุ่มก็เดินทางต่อ ข้ามผ่านป่าโบราณเพื่อค้นหารากเต๋าวิภูจักรวรรดิในตำนาน
เขาไม่ได้ค้นหาอย่างไร้จุดหมาย แต่กำลังค้นหาจากจุดที่กลิ่นหอมก่อตัวจากแสงในอากาศ และมุ่งหน้าไปยังแหล่งกำเนิดของมัน
กลิ่นหอมนี้แปลกมาก มันซึมเข้าไปในกระดูกและทำให้จิตใจสั่นไหว เฉินซีสังเกตเห็นความเป็นเอกลักษณ์ของมันได้ตั้งแต่ที่ยังอยู่นอกวิหารศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ระหว่างทาง เขาเห็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์มากมายที่หาได้ยากในโลกภายนอก แต่สิ่งที่ทำให้เฉินซีตกใจก็คือ เมื่อสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เติบโตเต็มที่ แก่นแท้ที่ควรมีอยู่ด้านในกลับหายไป เหลือเพียงร่างกายที่เหี่ยวแห้งเท่านั้นที่ยังคงอยู่
แล้วสิ่งที่ดูดซับแก่นแท้ทั้งหมดในสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ไปคืออะไรกันแน่?
โครม!
ขณะที่เฉินซีกำลังสับสน ทันใดนั้นพายุสีม่วงก็ปะทุขึ้น จากนั้นอีกาสามขาก็บินเข้ามาหาเฉินซี พร้อมกับไฟศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึงกลัวที่คลุมทั่วร่างกายของมัน