บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1704 หอกแห่งผู้กล้า
บทที่ 1704 หอกแห่งผู้กล้า
วูบ!
เฉินซีออกกระบี่จู่โจมตามสัญชาตญาณ
ทว่าร่างของอีกาทองสามขาวูบไหว แปรเปลี่ยนเป็นแสงทองพลิ้วไปหยุดเหนือหนึ่งศิลาอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนุ่ม ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะเหยียบย่างมาได้ รีบถอยจากที่นี่ไปเสีย หาไม่ เจ้าจะเผชิญหายนะถึงชีวิตแน่นอน!” สายตาคมกริบดุจอัสนีของอีกาทองมองมา ร่างของมันเต็มไปด้วยเพลิงทิพย์เฉิดฉัน ดุจดวงตะวันเจิดจรัสเผยฤทธาผลาญสวรรค์
ในตำนานแต่บรรพกาล อีกาทองเป็นสัตว์ปีกสูงสุดที่สามารถแปรสภาพเป็นดวงตะวันบนท้องฟ้า เรืองรองส่องรัศมีตราบกาล ปกครองการเปลี่ยนผันตะวันจันทรา การแปรเปลี่ยนฤดูกาล น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
และขณะนี้ อีกาทองสามขาซึ่งปรากฏตัวในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนได้ตำหนิเฉินซี คิดให้อีกฝ่ายล่าถอยไป ดูขึงขังชวนครั่นคร้ามอย่างยิ่ง
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีประหลาดใจ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างอีกาทองซึ่งมีความฉลาดในตัวเองยังมีตัวตนในวิหารศักดิ์สิทธิ์นี้หรือ? ไม่น่าเชื่อโดยแท้
“เจ้าหนุ่ม หากเจ้ายังลังเล ก็อย่าโทษบรรพชนผู้นี้ที่กำจัดเจ้าทิ้ง!” อีกาทองยืนผงาดบนก้อนหิน สะบัดปีกของมันเล็กน้อย ส่งเปลวเพลิงพวยพุ่งสาดแสงทั่วหล้า
“โอ้? งั้นขอข้าดูหน่อยเป็นไร ว่าเจ้าจะขวางทางข้าเช่นไร” จิตสังหารเคลือบนัยน์ตาดำขลับของเฉินซี กระบี่ราชาเซวียนในมือเผยคลื่นมาดร้ายอันคลุมเครือ
วูบ!
ปราณกระบี่สายหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงทะลวงหายไปในความว่างเปล่า
เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ประทีปเคลื่อนคล้อย!
ขณะเดียวกันนั้นเอง อีกาทองคำก็กระพือปีก ร่างวูบไหวแยกกันเป็นสิบร่าง
แต่ละร่างนั้นมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ ประหนึ่งสร้างจากเปลวเพลิงและเหล็กกล้า ล้อมวงบนอากาศอย่างสมบูรณ์
ตู้ม!
อีกาทองทั้งสิบบินวนบนอากาศ เพลิงศักดิ์สิทธิ์จากพวกมันกัดกร่อนปราณกระบี่ของเฉินซี พร่างพรมละอองแสงไปทั่วทิศ
เฉินซีหรี่ตาลง ขณะที่หัวใจอดสั่นสะท้านไม่ได้ อีกาทองทั้งสิบไม่ใช่มายาอย่างเห็นได้ชัด พวกมันเป็นสัตว์เทพอย่างแท้จริง!
เห็นได้ชัดว่านี่คือวิชาสร้าง ‘ร่างแบ่ง’ ทำให้อีกาทองแบ่งอวตารเก้าร่างได้ในพริบตา
อึดใจต่อมา อีกาทองทั้งสิบก็ผละจากกัน ก่อเป็นสิบลำแสงพุ่งทะลวงเข้าจู่โจมเฉินซีจากต่างทิศทาง
ฟ้าดินในละแวกถูกแผดเผาเป็นหลุมรูชวนขวัญผวา พวกมันไม่ใช่ลำแสงสีทองอย่างแท้จริง แค่เคลื่อนไหวรวดเร็วกันเกินไปเท่านั้น
แม้เฉินซีจะมีอำนาจต่อสู้แข็งแกร่งในปัจจุบัน หัวใจก็ยังสั่นสะท้าน ร่างวูบไหวต่อเนื่อง กว่าจะหลบการโจมตีรอบนี้ไปได้อย่างฉิวเฉียด
“ฝีมือมีแค่นี้ ยังกล้าคิดเอื้อมคว้ารากเต๋าวิภูจักรวรรดิหรือ? น่าขัน!” เสียงหัวเราะเยียบเย็นของอีกาทองดังสนั่นในฟ้าดิน
พร้อมกันนั้น ลำแสงสีทองก็พุ่งทะยานรวมตัวกันอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว กระทั่งเผยอำนาจทะลุทะลวงอันแข็งแกร่งไร้ใดต้าน
เปรี้ยง!
ไกลออกไป หนึ่งก้อนศิลาซึ่งแข็งอย่างยิ่งถูกทะลวงผ่าน แผดผลาญสู่ความไม่มีไปในพริบตา ดูเหมือนแม้สัมผัสเพียงเฉี่ยวเฉียด ผลลัพธ์ก็จะเป็นความตาย!
เฉินซีหลบเลี่ยงไม่จบสิ้น ทว่าสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เพราะแม้เขาจะใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิง เขากลับยังเทียบความเร็วอีกาทองไม่ค่อยได้!
มันเร็วเกินไป!
อีกาทองเหล่านี้บรรลุเต๋าศักดิ์สิทธิ์เพลิงตะวัน มีอำนาจผลาญนภาต้มสมุทร กอปรกับสัจธรรมที่พวกมันรวดเร็วดุจภูตพราย ร่างอวตารโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง อำนาจของมันกระทั่งเทียบได้กับการถูกมหาเทวาวิญญาณระดับกงเหย่เจ๋อฟูสิบคนรุมโจมตี
วูบ!
ทันใดนั้น หนึ่งแสงทองก็แฉลบเฉี่ยวไหล่ของเฉินซี อำนาจแผดผลาญของมันทำให้ผิวเนื้อของเขาไหม้ เผยกระดูกออกมาทันควัน
“น่าขัน! ตลกสิ้นดี! ผ่านกาลไปแสนนาน ผู้บ่มเพาะในโลกหล้าอ่อนแอเพียงนี้กันหมดแล้วหรือ? ดูท่าโลกหล้าจะเปลี่ยนไป เส้นทางบ่มเพาะทุกวันนี้เสื่อมสลายแล้ว!” อีกาทองพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเคร่งขรึมของมันเจือความเศร้าเล็กน้อย
“ฮึ!” เฉินซีแค่นเสียงเย็นชา สีหน้ายังคงเยือกเย็น ทว่าในใจมีจิตสังหารแผ่พล่านแล้ว
เขาหยุดเคลื่อนที่ ทำเพียงยืนนิ่ง สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเข้าสู่สภาวะสุดสงบเงียบในทันที
พลังใจอันแข็งแกร่งไร้คู่เปรียบทะลักออกดุจคลื่นธาร ปกคลุมฟ้าดิน โอบล้อมทุกพื้นที่ในฟ้าดิน ขณะเดียวกัน วงล้อแสงอันเจิดจรัส ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ก็ปรากฏเด่นหลังศีรษะของเขา มีแท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงอยู่ภายใน
เพียงพริบตา เฉินซีก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน พลังชีวิตของเขาพลุ่งพล่าน ทั่วร่างเผยเจตจำนงกระบี่อันแข็งแกร่งทะลวงสู่เวหา ดูประหนึ่งกระบี่ไร้เทียมทานซึ่งถูกชักออกจากฝักในทันใด!
วูบ!
ขณะเดียวกัน ลำแสงสีทองสายหนึ่งก็ทะลวงเวหามาอยู่ตรงหน้าเฉินซี เผยอำนาจน่าสะพรึงกลัว แผดผลาญประหนึ่งจะทำให้โลกหล้ามอดไหม้เป็นจุณ
เร็วจนเกินใดเปรียบ!
เร็วเสียจนกระทั่งสัมผัสของเฉินซียังตรวจจับมันไม่ทัน!
หากเป็นในอดีต เฉินซีคงเลือกหลบการโจมตีเช่นนี้เป็นแน่ แต่ไม่ใช่ในขณะนี้
เขากระทั่งหลับตาลง ขณะที่พลังดวงใจในกายพลุ่งพล่านออกมาอย่างไม่จบสิ้น
เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัยเป็นวิชากระบี่สูงสุด แต่ขณะเดียวกันก็เป็นกระบี่ดวงใจลี้ลับ!
ดวงใจนั้นไร้ขอบเขต บรรจุจักรวาลและกาลเวลาอันยาวไกลในกรอบเล็กจ้อยของมันได้ ครอบคลุมได้ทุกสรรพสิ่ง
พลังเช่นนี้ล้ำลึกคลุมเครือ ห่างไกลเกินผู้ใดวาดฝัน ในหมู่ผู้บ่มเพาะทั้งหลายตลอดกาลนาน เหล่าผู้เลิศล้ำทั่วแดนหล้า คนกลุ่มน้อยนักที่จะสามารถควบคุมพลังนี้ได้อย่างสมบูรณ์
…
มีเพียงหนึ่งปราณกระบี่วูบไหว เช่นสายลมโชยผ่านโลกทั้งใบ
ฉับ!
โลกาสะท้านแหลก แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นกระเพื่อมเคลื่อนสู่ทั่วทิศ ทำให้ลำแสงสีทองสายนั้นแผดคำรามลั่น
สรรพสิ่งคืนสู่สภาพดั้งเดิม และลำแสงสีทองก็แปรเป็นอีกาทองตัวหนึ่งเช่นกัน ทว่าปีกของมันข้างหนึ่งถูกสะบั้นขาด โลหิตสาดกระเซ็นจากแผล!
หนึ่งกระบี่ฟาดฟันหนึ่งอีกาทองร่วงลงพื้น
มันส่งเสียงร้องโหยหวน ดูเหมือนดวงตะวันโรยจากฟ้า
เปรี้ยง!
เศษหิวปลิวกระเด็นทั่วทิศ ขณะที่อีกาทองตัวนั้นระเบิดเป็นดวงแสงสีทองจรัสจ้าไปทั่วฟ้าดิน
“หือ?” เสียงอันประหลาดใจ งุนงงระคนเดือดดาลดังขึ้นในฟ้าดิน
การโจมตีไม่ได้หยุดลงเพียงเท่านั้น การโจมตีของลำแสงทองอีกเก้าสายก็ไม่ได้หยุดเช่นกัน มันยิ่งทวีความน่าสะพรึงกลัวขึ้นไปอีก
ขณะนี้ ดูประหนึ่งดวงตะวันนับไม่ถ้วนโปรยปราย อีกาทองระเบิดเป็นเสี่ยง แล้วแสงทองเจิดจรัสก็เบ่งบาน ก่อนจะหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
ขณะเดียวกัน เฉินซียังคงยืนที่เดิมแต่ต้นจนจบ ดวงตาปรือปิด สีหน้าเยือกเย็นเฉยชา มิได้ขยับแม้แต่น้อย
มีเพียงกระบี่ราชาเซวียนเสียหายในมือเขาที่ฟาดฟันปราณกระบี่สิบสายไปตัดปีกอีกาทองเหล่านั้นเมื่อครู่ การเคลื่อนไหวของเขาเรียบง่ายไร้ความลังเล ทุกการโจมตีล้วนเป็นประทีปเคลื่อนคล้อยซึ่งถูกใช้ออกมาเหมือนๆ กัน แต่กลับเผยผลลัพธ์ตะลึงโลกา
เมื่อเฉินซีลืมตา หนึ่งเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น อีกาทองทั้งสิบโรยร่วง ทว่าหนึ่งเสียงกลับดังขึ้นอีกบนท้องฟ้า
“เจ้าเด็กสมควรตายนี่! บรรลุความลึกล้ำของประทีปเคลื่อนคล้อยแล้วยังไง? ถุ้ย! บรรพชนผู้นี้ไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!” เสียงนั้นฟังดูโกรธเคือง เหมือนคนถ่อยตามถนนก่นด่า
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตะลึง “เจ้ายังมีชีวิตหรือ?”
“หึหึหึหึ! งงสินะ? ดูสารรูปโง่เง่านั่นสิ หากบรรพชนผู้นี้รังแกง่ายนัก มีหรือข้าจะอยู่ที่นี่มาได้นานแสนนาน? เจ้าหนู เจ้ายังอ่อนหัดนัก ยังเด็กเกินไป!” เสียงนั้นไม่ได้ทรงภูมิเช่นกาลก่อน แต่กลับให้ความรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่อง โอ้อวดและล้อเลียนเสียแทน
เฉินซีอดขมวดคิ้วมิได้ พลังใจยิ่งใหญ่กวาดไปทั่วฟ้าดิน แต่กลับไม่อาจหาร่องรอยอีกาทองพบ ขณะเดียวกัน เสียงนั้นก็เงียบไป เหมือนอีกาทองได้จากไปแล้ว
“สงสัยจริงว่านั่นมันบ้าอะไร เหตุใดจึงมีของแบบนี้อยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์?” เฉินซีเลิกคิ้ว พูดไม่ออกเล็กน้อย
เฉินซีส่ายหัว หยุดคิดถึงเรื่องทั้งหมดนี้แล้วเดินหน้าต่อไป หนนี้ เขามาที่นี่เพื่อรากเต๋าวิภูจักรวรรดิ ดังนั้นไม่ว่าหนทางตรงหน้าจะอันตรายเพียงไร เขาก็ไม่มีทางยอมถอย!
ระหว่างทาง ละอองแสงซึ่งสร้างขึ้นจากกลิ่นโอสถนั้นยังคงพลิ้วแผ่วผ่านบรรยากาศรอบข้างไม่จางหายจากแสนไกล
ยิ่งเฉินซีเดินหน้า เขายิ่งทวีความระแวดระวัง
วูบ!
หนึ่งชั่วจิบชาผันผ่าน หอกสำริดเปื้อนเลือดเล่มหนึ่งก็พุ่งทะยานผ่านมิติมาด้วยอำนาจมหาศาลอหังการ จิตสังหารชวนขนลุกปกคลุมทั่วฟ้าดิน
ชั่วขณะนี้ กระทั่งผู้แข็งแกร่งอย่างเฉินซียังอดรู้สึกขวัญผวามิได้ ทั้งพลัง แก่นแท้ และจิตวิญญาณทั่วร่างกระสับกระส่ายไม่อยู่สุข ถูกคุกคามโดยจิตสังหารจนไม่อาจควบคุม
“ฮึ!” เฉินซีแค่นเสียงเย็น ขณะที่รัศมีศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่านออกจากกาย ทำให้ร่างดูประหนึ่งกำลังลุกไหม้ นอกจากนั้น พลังศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งยังโถมทะลักไม่ขาดสาย ดุจมหาสมุทรอันเชี่ยวกราก
เปรี้ยง!
ปราณกระบี่สายหนึ่งทะยานเวหา เผยอำนาจประทีปเคลื่อนคล้อยอันยิ่งใหญ่ ปะทะเข้าใส่หอกสำริดเล่มนั้นจนเกิดเสียงเลื่อนลั่นสนั่นแก้วหู ดุจตะวันจันทราระเบิดออกอย่างพร้อมเพรียง
เฉินซีซวนเซถอยก้าวแล้วก้าวเล่า ตกใจเมื่อพบว่าแม้หอกเล่มนั้นจะถูกฟาดกระเด็นไปเช่นกัน แต่เพียงพริบตา มันก็สั่นสะท้าน เปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์ แล้วพุ่งเข้ามาด้วยอำนาจทะลักทลายอีกครั้ง
เฉินซีเคยใช้เจตจำนงกระบี่เช่นนี้ตัดปีกอีกาทองทั้งสิบตัวลงได้อย่างง่ายดาย ทว่าขณะนี้ เขากลับพบว่าการสกัดหอกสำริดนี้ช่างยากเย็นนัก!
“ไอ้โง่! นี่คือหอกแห่งผู้กล้า มันจะมุ่งหน้าไม่ย่อท้อ ไม่มีวันยอมถอย! มันถูกเรียกเป็นอาวุธร้ายอันหาญกล้าที่สุดในยุคหมานกู่ แต่เจ้ากลับใช้ประทีปเคลื่อนคล้อย กระบวนท่าเลื่อนลอยที่สุดของเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัยกับมัน? โง่ยิ่งกว่าคนโง่ซะอีก! หากเซวียนยังอยู่ เขาคงโมโหตายเป็นแน่” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ดูลำพองเย้ยหยัน แสนสุขีจากความทุกข์ของเฉินซี
มันน่าโมโหยิ่งนัก เพราะเสียงนี้ช่างน่ารำคาญ ยียวนชวนตีเหลือเกิน
หอกแห่งผู้กล้า? ขณะที่ความคิดนี้ไหลเข้ามาในใจเฉินซี เสียงเปรี้ยงสนั่นก็ดังก้อง หอกเปื้อนเลือดโจมตีเข้ามาอีกครั้ง ขยี้มิติเป็นผุยผง เผยอำนาจร้ายกาจดุดันถึงขีดสุด
เฉินซีไม่อาจหลบ จึงทำได้เพียงปะทะกับมันตรง ๆ
ตู้ม!
เสียงกระแทกสนั่นลั่นกึกก้อง หนนี้เขาถูกฟาดจนถอยไปสองสามก้าวอีกครั้ง ข้อมือชาเล็กน้อย
เปรี้ยง!
ก่อนเฉินซีจะทันได้พักหายใจ มิติก็แหลกเป็นเสี่ยง หอกสำริดจู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
หอกนี้แข็งแกร่งจริง ๆ มันเคลื่อนไหวอย่างเรียบง่าย ดุดัน เต็มไปด้วยช่องโหว่ยามปะทะตรง ๆ ทว่าเมื่อผนวกอำนาจยิ่งใหญ่และรุกคืบอย่างกล้าหาญ มันกลับน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด!
………………..