บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1707 ปราณกระบี่ปกคลุมสารทิศ .
บทที่ 1707 ปราณกระบี่ปกคลุมสารทิศ
มีภูเขาทั้งหมดสามสิบหกลูก
ภูเขาทุกลูกมีกลิ่นอายคลุมเครือซุกซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งไม่คล้ายของมนุษย์ และไม่คล้ายของภูตผีเช่นเดียวกัน แน่นอนว่ามันเป็นของวิญญาณกระบี่ที่เหล่าไป๋กล่าวถึงอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น เฉินซีก็สามารถระบุสถานการณ์คร่าว ๆ ในสันเขาอสูรได้ ชายหนุ่มหายใจเข้าลึก ท่าทางอาฆาตแผ่ปกคลุมหว่างคิ้วอย่างเงียบงัน
วิญญาณกระบี่เหล่านี้ล้วนบรรลุแก่นแท้ของเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสร ซึ่งเฉินซีหาได้กริ่งเกรงพวกมันหากต่อสู้ตัวต่อตัว แต่ถ้าพวกมันจับกลุ่มรุมล้อม ย่อมเกิดเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะท้านขวัญอย่างแน่นอน
โชคดีที่ข้าบรรลุแก่นแท้ของกระบวนท่าโอบวลัยแล้ว ซึ่งมีความสามารถในการป้องกันที่กล้าแกร่งที่สุด ดังนั้นเฉินซีจีงรู้สบายใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อต้องพึ่งพามัน
ฟิ่ว!
ทันใดนั้น บริเวณที่อยู่ห่างออกไปไกลโพ้นก็ถูกฟันเป็นเสี่ยง ๆ เหมือนเศษผ้า ด้วยปราณกระบี่อันคมกริบ และพุ่งเข้าใส่เฉินซีอย่างดุเดือด
มันรวดเร็ว แม่นยำ และดุร้าย!
ในเวลานี้ แม้แต่เฉินซีก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย คลื่นความเย็นแล่นไปตามกระดูกสันหลัง จึงใช้เพลงกระบี่โอบวลัยโดยสัญชาตญาณ!
โครม!
คลื่นเสียงของการปะทะดังเสียดหู และมันสั่นสะเทือนม่านพลังกระบี่ที่กลมเกลี้ยงจนเกิดประกายแสงปะทุออกมา ในขณะที่เฉินซีถูกพลังกระแทกจนลอยละลิ่ว ทำให้เลือดลมปั่นป่วนจนแทบกระอักเลือดออกมา
มันทรงพลังสุดเปรียบปาน!
เหมือนภูเขาจำนวนมากได้มาบรรจบกันจนกลายเป็นเข็มปักผ้าเล่มหนึ่งที่ฟาดฟันลงมาอย่างดุเดือด ซึ่งสร้างผลกระทบที่น่าพรั่นพรึงอย่างยิ่ง
หากไม่ใช่เพราะความสามารถในการป้องกันของเพลงกระบี่โอบวลัย เพียงแค่การโจมตีครั้งนี้ก็เพียงพอที่จะเจาะทะลุร่าง และบดขยี้ในคราเดียว!
นี่ไม่ได้กล่าวเกินจริง เพราะเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรอาจไม่สามารถเทียบกับกระบวนท่าประทีปเคลื่อนคล้อยในแง่ของความเร็ว แต่ถ้าเป็นในแง่ของพลังทำลายล้าง ก็ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัยอย่างแน่นอน!
ฟิ่ว!
ปราณกระบี่อีกสายหนึ่งสว่างขึ้นในระยะไกล มันทะลุอวกาศอย่างรวดเร็ว และมาถึงหน้าในพริบตา มันยังคงเป็นเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสร ทั้งยังดุร้ายและแม่นยำ พุ่งตรงไปที่จุดตายบนหว่างคิ้ว!
คิดว่าจะข่มเหงข้าง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเหวี่ยงกระบี่และใช้เพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรออกไปเช่นกัน
ครืน!
ปราณกระบี่ทั้งสองสายปะทะกันกลางอากาศ ทำให้แสงศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้น ทำลายสรรพสิ่งในพื้นที่ รัศมีสองร้อยห้าสิบลี้ออกเป็นเสี่ยง ๆ และแม้แต่อวกาศก็ถูกเหวี่ยงเข้าสู่ความวุ่นวาย
แต่ที่ทำให้เฉินซีต้องประหลาดใจ เมื่อเปรียบเทียบเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรกับวิญญาณกระบี่ ตัวเขากลับเหมือนท่อนไม้ไผ่ที่ภายในกลวงโบ๋และดูดีเพียงภายนอกเท่านั้น ทำให้มันถูกบดขยี้เป็นผุยผงทันทีที่ปะทะกัน มิหนำซ้ำปราณกระบี่นั้นไม่สูญเสียกำลังแต่อย่างใด และยังคงฟาดฟันเข้าหาเขาอย่างไม่หยุดยั้ง
แม้อานุภาพจะอ่อนลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ แต่การเปรียบเทียบกัน ทำให้เฉินซีตระหนักได้ทันทีว่าเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรของเขานั้นด้อยกว่ามาก!
โครม!
เฉินซีตวัดกระบี่ราชาเซวียนเพื่อฟันพลังปราณกระบี่ที่เหลืออยู่เป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เฉินซีสามารถสังเกตเห็นคู่ต่อได้อย่างชัดเจน น่าตกใจที่มันเป็นร่างดำลอยอยู่เหนือภูเขาที่ห่างออกไปไกลโพ้น
ร่างกายของมันหลั่งไหลไปด้วยประกายกระบี่อันดุเดือด คล้ายภาพลวงตาไร้ลักษณ์ ดูเหมือนกระบี่ไร้เทียมทานที่เผยคมสุดหาที่เปรียบ!
นี่เป็นหนึ่งในวิญญาณกระบี่ที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ พวกมันประสบกับปราณหักเหจากการลุ่มหลงในวิถีเต๋าแห่งกระบี่มากเกินไป และเหลือทิ้งไว้เพียงดวงวิญญาณเท่านั้น การที่มันดำรงอยู่มาจนถึงตอนนี้ ทำให้มันสูญเสียสติปัญญาไปจนสิ้น กลายเป็นปีศาจกระหายเลือดที่ไม่สามารถจดจำแม้แต่คนรัก หากอยู่ในโลกภายนอก ย่อมก่อให้เภทภัยที่เหนือล้ำเกินจินตนการแก่โลกบ่มเพาะอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม บัดนี้พวกมันถูกสะกดอยู่ที่นี่โดยปรมาจารย์แห่งยุคหม่านกู่ ทำให้ไม่สามารถชักนำภัยพิบัติมาสู่โลกได้ และกลายเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งคอยปกป้องที่นี่แทน
หากใครคิดเก็บเกี่ยวรากเต๋าวิภูจักรวรรดิ ก็มีเพียงสองผลลัพธ์เท่านั้น คือต้องฆ่าพวกมันหรือถูกมันฆ่า!
ฟิ่ว!
วิญญาณกระบี่พลันลงมืออีกครั้ง ปราณกระบี่ที่วาววับลอยขึ้นมาบนฝ่ามือ ทุบทำลายหยินหยางขณะที่กวาดไปทางเฉินซี
เพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสร ไม่เพียงแต่มีการจู่โจมเป็นเส้นตรงเท่านั้น แต่มันยังแม่นยำ ละเอียดอ่อน และลึกล้ำอีกด้วย มันเป็นดั่งสายน้ำที่ไหลอย่างราบรื่น แต่ก็มักแฝงด้วยความแม่นยำ ดุร้าย และน่าเกรงขามอยู่เสมอ!
ในเวลาเดียวกันนั้น เฉินซีก็ลงมือ แสงศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายจากร่าง แปรสภาพเป็นมวลอักขระยันต์อันลึกลับที่ไหลเวียนอยู่ทั่วกาย ทำให้ดูเหมือนจักรพรรดิผู้สูงส่งซึ่งไร้ผู้เปรียบ และมีกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม
โครม โครม โครม!
ทันใดนั้น ชายหนุ่มปะทะกับวิญญาณกระบี่มากกว่าร้อยกระบวนท่า ทั้งสองฝ่ายต่างใช้เพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสร และปราณกระบี่ปะทะกันเหมือนเพชรที่พยายามจะเจียระไนเพชร นับเป็นการต่อสู้ที่สูสีกันอย่างแท้จริง
เมื่อเทียบกับวิญญาณกระบี่แล้ว เฉินซีอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างปลอดภัยกว่า เพราะเพลงกระบี่โอบวลัย สามารถช่วยให้เขารอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง
อย่างไรก็ตาม เฉินซีก็ยังไม่อาจขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบได้เลย เหตุผลก็คือ ความเข้าใจในเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรยังคงด้อยกว่าวิญญาณกระบี่มาก ถึงขนาดที่ต้องใช้กลยุทธ์ป้องกันอยู่บ่อยครั้ง ท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด
ฟิ่ว!
ทันใดนั้น แสงอันเจิดจ้าก็พุ่งออกมาจากภูเขาในระยะไกล ก่อนจะกลายร่างเป็นวิญญาณกระบี่ ซึ่งพุ่งทะลุผ่านท้องฟ้าเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้ โจมตีเฉินซีพร้อมกับวิญญาณกระบี่อีกตัวหนึ่ง
เฉินซีรู้สึกตึงเครียดในพลัน สัญญาณอันตรายปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้ เพียงแค่ต้องจัดการกับวิญญาณกระบี่เพียงตัวเดียว ก็ทำให้เขาต้องใช้เพลงกระบี่โอบวลัยเพื่อปกป้องตัวเองแล้ว ทว่ายามนี้มีวิญญาณกระบี่มาเพิ่มอีกตัว แรงกดดันที่เผชิญอยู่จึงเพิ่มพูนเป็นทบทวี
ไม่ได้การแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะเกิดอันใดขึ้นหากวิญญาณทั้งสามสิบหกตัวเปิดฉากโจมตีพร้อมกัน?
ข้าต้องรีบยุติการต่อสู้โดยเร็วที่สุด!
แต่จะทำอย่างไร?
เฉินซีจึงมุ่งความสนใจไปที่เพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสร และตระหนักดีว่า การทดสอบได้มุ่งเป้าไปที่กระบวนท่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งจนถึงบัดนี้ เขายังพบว่ามันยากที่เข้าใจอย่างถ่องแท้
มันยากเกินเข้าใจ!
เห็นได้ชัดว่ายากกว่าการทำความเข้าใจเพลงกระบี่ผาสมุทร เพลงกระบี่ประทีปเคลื่อนคล้อย และเพลงกระบี่โอบวลัย ไม่ใช่เพราะมันลึกซึ้ง แต่เป็นเพราะมันยากสำหรับเฉินซีที่จะจับร่องรอย ในขณะที่ติดพันอยู่ในการต่อสู้ดุเดือดเช่นนี้!
ใช่ เขาต้องการเวลาและพลังเพื่ออนุมาน แต่น่าเสียดาย ท่ามกลางการโจมตีที่เฉียบคมของวิญญาณกระบี่ทั้งสองนี้ เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหายใจด้วยซ้ำ อีกทั้งสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ยังร้ายแรงมาก ทำให้เขาไม่สามารถรวบรวมสมาธิเพื่อสรุปความลึกซึ้งของเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรได้เลย
แน่นอนว่าสามารถค่อย ๆ ขัดเกลาผ่านการต่อสู้จริงได้ แต่เฉินซีไม่กล้ารับประกันว่าจะสามารถขัดเกลาความลึกซึ้งของมันได้ทั้งหมด ก่อนที่วิญญาณกระบี่ตัวอื่น ๆ จะเปิดฉากโจมตี
ฟิ่ว!
ทันใดนั้น แสงเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นจากภูเขาลูกที่สาม พร้อมกับวิญญาณกระบี่ที่พุ่งปราดออกมา
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเฉินซีดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง และไม่กล้าคิดอะไรอีกต่อไป ทำได้เพียงต่อสู้อย่างสุดกำลัง
ทันใดนั้น บริเวณนี้ได้เต็มไปด้วยปราณกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ มันฟาดฟันใส่กันและส่งเสียงกังวานไปทั่วปฐพี ทำให้เกิดกระแสอากาศที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งกวาดไปทุกทิศทุกทาง
หากลั่วฉ่าวหนงยังมีชีวิตอยู่และได้เห็นการต่อสู้ที่สะท้านปฐพีนี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเช่นไร!
บางทีเจียหนานอาจคาดเดาเรื่องทั้งหมดนี้มาแต่แรกแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่เขายอมแพ้อย่างเด็ดเดี่ยว
ท้ายที่สุดแล้ว พลังยุทธ์ ณ ปัจจุบันของเฉินซีก็เพียงพอที่จะทำลายล้างลั่วฉ่าวหนง ผู้ซึ่งอยู่ในอันดับสามในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณได้อย่างง่ายดาย ทว่ากลับถูกขัดขวางอยู่ที่นี่ ทั้งที่ได้ประสบการขัดเกลาครั้งใหญ่ก่อนที่จะมาถึงสันเขาอสูร แต่ตอนนี้กลับไม่มีทีท่าว่าจะถูกสยบ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าคนอื่น ๆ จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไรหากต้องเผชิญกับสิ่งนี้
สรุปแล้ว วิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียน ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าไปได้
มันตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่มานานจนไม่อาจนับ แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถเอารากเต๋าวิภูจักรวรรดิออกไปได้
…
เมื่อวิญญาณกระบี่ตัวที่สามเข้าร่วมการต่อสู้ เฉินซีก็ถูกสยบอย่างสมบูรณ์ และไม่สามารถตอบโต้ได้อีก
ทำได้เพียงพึ่งพาเพลงกระบี่โอบวลัยเพื่อป้องกันการโจมตีที่ไร้จุดสิ้นสุด และต้องคอยหลบเลี่ยงโดยไม่อาจหยุดพัก ปราณกระบี่ทุกสายที่โจมตีม่านพลังกระบี่นั้นเปี่ยมด้วยพลังอันท่วมท้น สั่นสะเทือนจนเลือดลมปั่นป่วน จนเลือดหลั่งรินออกมาจากมุมปาก
โครม!
หลังจากนั้นไม่นาน เฉินซีก็ถูกซัดจนกระเด็นอีกครั้ง สีหน้าซีดเซียว ทว่าสายตากลับมั่นคง แน่วแน่ และสุกใสราวกับดวงดาวอันเป็นนิรันดร์
เป็นเวลานานมากแล้วที่เฉินซีได้ประสบกับความรู้สึกถูกสยบโดยสิ้นเชิง และนี่ไม่ได้ทำให้เขาเศร้าสลดเสียใจ แต่กลับทำให้จิตต่อสู้พุ่งทะยานเทียมฟ้า
เพราะตระหนักดีว่า วิถีบ่มเพาะกำลังได้รับการขัดเกลามาตั้งแต่แรกเริ่ม ทุกคนประหลาดใจและตกตะลึงกับพลังฝีมือที่ไม่ธรรมดาแต่หาได้มีใครรู้ว่าเขาต้องใช้ความพยายาม ความอุตสาหะ ทั้งยังต้องหลั่งเลือดและหยาดเหงื่อไปมากมายเพียงใด
มิหนำซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องเผชิญกับอันตรายและเภทภัยร้ายแรงมากมายเพียงใด!
แต่ทั้งหมดนี้ไม่สลักสำคัญอีกต่อไป ยามนี้เฉินซีตระหนักดีว่า หลังจากประสบกับการขัดเกลาที่อันตรายอย่างยิ่ง ผลประโยชน์ที่ได้รับจะไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าราคาที่ต้องจ่ายย่อมสมน้ำสมเนื้อ ซึ่งคือการอดทนต่ออันตรายร้ายแรง ทั้งยังถูกสยบทั้งร่างกายและจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่อง
ในขณะนี้ เฉินซีมีสภาพที่ดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีความกังวลหรือความคิดใด ๆ ถึงขั้นที่ลืมฟ้า ลืมดิน และลืมทุกสรรพสิ่ง
ลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว
ลืมเวลาผันผ่าน
ลืมแม้แต่รากเต๋าวิภูจักรวรรดิ
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ ภูเขาลูกที่สี่ ภูเขาลูกที่ห้า ภูเขาลูกที่หก…. วิญญาณกระบี่ได้เข้าร่วมการต่อสู้อย่างไม่ขาดสาย และปิดล้อมอย่างสมบูรณ์
ปราณกระบี่ไร้ที่เปรียบได้ถูกประหัตประหารด้วยเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุด กลายเป็นลำแสงที่กวาดผ่านฟ้าดิน ด้วยพลังอันทรงอานุภาพที่สามารถสังหารทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกมัน!
ในทางกลับกัน ม่านพลังกระบี่ทรงกลมก็ระเบิดพลังอย่างรุนแรง เมื่อมองจากระยะไกล ชายหนุ่มเหมือนลูกหนังที่ถูกระเบิดจนกระเด็นอย่างไม่รู้จบ และไม่สามารถโต้กลับได้แม้แต่น้อย
“วิญญาณกระบี่ทั้งสิบเก้าตัวได้เปิดฉากจู่โจมแล้ว ไยเจ้าหนูนั่นถึงยังไม่บรรลุถึงแก่นแท้ของเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรอีก?”
ในระยะไกล เหล่าไป๋ได้หุบปีกลงและยืนอย่างภาคภูมิอยู่บนยอดเมฆา ขณะมองลงไปที่การต่อสู้เบื้องล่าง ไร้คลื่นอารมณ์หยอกล้อ และอิ่มเอมในแววตาอีกต่อไป ทั้งยังเผยให้เห็นถึงความงุนงงและสับสนแทน
“เป็นไปไม่ได้ ตามพรสวรรค์โดยธรรมชาติและความสามารถในการเข้าใจที่เจ้าหนูนั่นเผยออกมา ย่อมเพียงพอที่จะบรรลุแก่นแท้ของมัน ก่อนที่วิญญกระบี่ตัวที่หกจะปรากฏออกมาด้วยซ้ำ…”