บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1713 พายุกำลังมา
บทที่ 1713 พายุกำลังมา
ถ้อยคำของเชินถูเยียนหราน ทำให้ทุกคนพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในทันที และพึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่งผลให้ความกังวลในใจถูกลบล้างหมดสิ้น
ในทางกลับกัน เฉินซีรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ชายหนุ่มตระหนักดีว่าการอาศัยพลังเพื่อสะกดมหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ จะสามารถจัดการกับปัญหามากมายให้เขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ตราบใดที่สามารถหลบหนีจากเมืองเฟิงฉีได้ ความเป็นไปได้ก็จะไร้ขอบเขตอย่างแท้จริงในยามนั้น
ไม่ต้องกล่าวถึงว่าทาสเทพของฝ่ายจักรพรรดินีอวี้เชอ อวิ๋นชิงกำลังรออยู่ที่เมืองเฟิงฉีเช่นกัน ด้วยการช่วยเหลือของอวิ๋นชิง สถานการณ์ที่เฉินซีเผชิญอยู่จะปลอดภัยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
…
น้ำเต้าสะบั้นวิญญาณลัดเลาะผ่านพื้นที่ซึ่งปกคลุมด้วยปราณหมานกู่วิเวก และไม่พบอันตรายใด ๆ ตลอดทาง
แต่เส้นทางนั้นไกลโพ้น และต้องเหาะเหินเป็นเวลานานกว่าหนึ่งเดือน แม้จะด้วยความเร็วของน้ำเต้าสะบั้นวิญญาณก็ตาม
เฉินซีไม่ได้เกียจคร้านในช่วงเวลานี้ การเดินทางไปยังซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ครั้งนี้ ทำให้เขาได้รับผลประโยชน์มากมาย เมื่อคัดแยกและนับทุกสิ่งที่ได้รับมา แม้แต่ตัวเขาก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รากเต๋าวิภูจักรวรรดิถือได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดที่ได้รับ นอกจากนั้นยังมีรากเต๋าบรรพชนระดับแปดสามราก รากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดเก้าราก รากเต๋าบรรพชนระดับหกสิบหกราก รากเต๋าบรรพชนระดับห้ายี่สิบเจ็ดราก…
รากเต๋าบรรพชนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นของสิ่งที่ริบมาจากพวกของลั่วฉ่าวหนง หลังจากที่สังหารอีกฝ่ายแล้ว
นอกจากสมบัติทั้งหมดเหล่านี้ ยังมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่หายากเกินเปรียบปานกว่าสิบชนิด สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่หายากกว่าหกชิ้น และสารพัดโอสถอีกสามสิบเจ็ดขวด
วัตถุศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ ที่มีประโยชน์หลากหลายก็มีมากกว่าร้อยชนิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบแล้ว พวกมันไม่ได้มีค่ามากนัก
เมื่อกำไรทั้งหมดเหล่านี้มารวมกัน มูลค่าของมันอาจถือได้ว่ามหาศาลเกินจินตนาการอย่างแน่นอน มันมากพอที่จะทำให้ดวงตาของผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนกลายสีแดงฉานด้วยความอิจฉา
โดยเฉพาะรากเต๋าบรรพชนที่มีคุณภาพต่าง ๆ พวกมันแต่ละรากมีค่ามาก ทั้งยังถึงขั้นทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์มากมายต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน!
ทว่าในความเห็นของเฉินซี นอกเหนือจากส่วนเล็ก ๆ ที่เขานำไปใช้แล้ว สมบัติเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มีประโยชน์นัก
นี่คือภาพรวมของความแตกต่างในการบ่มเพาะ ในสายตาของคนขอทาน บางทีตะกร้าซาลาเปาร้อน ๆ อาจเป็นงานฉลองที่หรูหราอย่างยิ่ง แต่จักรพรรดิกลับเบื่อหน่ายที่จะเสวยปลาและเนื้อสัตว์ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว ย่อมไม่ชื่นชอบอาหารบางอย่างเช่นซาลาเปาที่ใช้เพียงเพื่อสนองความหิวของตน
นอกเหนือจากผลประโยชน์เหล่านี้ ผลประโยชน์ที่เฉินซีให้ความสำคัญอย่างแท้จริงคือสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ยึดได้จากกลุ่มลั่วฉ่าวหนง!
ดาบโลหิตปรโลก!
กระจกกร่อนวิญญาณ!
ระฆังวิเวกโลหิตศักดิ์สิทธิ์!
ไข่มุกต้นกำเนิดมังกร!
ร่มกรอบทองแสงคราม!
ธงพิทักษ์ปฐพีที่ห้า!
มีทั้งหมดเจ็ดชิ้น และแต่ละชิ้นเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้น ทุก ๆ ชิ้นเป็นสุดยอดศาสตราศักดิ์สิทธิ์ที่มาจากมหาอำนาจในเอกภพจักรวรรดิ พวกมันล้วนมีชื่อเสียงเกรียงไกรและสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์ทุกประเภท
ทว่าในตอนนี้ พร้อมกับการเสียชีวิตของมหาเทวาวิญญาณทั้งเจ็ด ได้แก่ ลั่วฉ่าวหนง ตี้จวิน กงเหย่เจ๋อฟู เยว่หรูฮวา จินชิงหยาง คุนอู๋ชิง และเป่ยเหวิน สมบัติวิญญาณธรรมชาติทั้งหมดนี้จึงตกอยู่ในมือของเฉินซี!
พวกมันล้ำค่าเกินคณานับ!
ทว่าตอนนี้ ทั้งเจ็ดชิ้นได้ตกอยู่ในมือของเฉินซีแล้ว หากผู้อื่นสืบทราบถึงเรื่องนี้ แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็อาจไม่สามารถนิ่งนอนใจ และลงมือเพื่อยิงพวกมัน!
ท้ายที่สุดแล้ว พวกมันคือสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่มีโอกาสได้มาโดยวาสนาเท่านั้น แต่ละสิ่งล้วนมีผลอันน่าอัศจรรย์และพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ พวกมันเป็นตัวตนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในโลกนี้ เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลอมกลั่นขึ้นมาได้
แต่ในความเห็นของเฉินซี สมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านี้มีปัญหาอย่างมาก เนื่องจากแต่ละชิ้นมาจากมหาอำนาจในเอกภพจักรวรรดิ และทุกชิ้นมีชื่อเสียงเรื่องลือ หากใช้มัน ผู้คนย่อมจดจำได้เป็นแน่แท้ และผลที่ตามมาจะต้องร้ายแรงยิ่ง
อย่างน้อย ในเวลานั้นทุกคนคงรู้เช่นเห็นชัดว่าเป็นเขา ที่สังหารกลุ่มลั่วฉ่าวหนง!
ดังนั้นเฉินซีจึงไม่ลังเลที่จะซ่อนสมบัติวิญญาณธรรมชาติเหล่านี้เอาไว้ จนกว่าเขาจะมีพลังมากพอที่จะต้านทานมหาอำนาจของเอกภพจักรวรรดิ
สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีกังวลก็คือ เมื่อครั้งที่เขาสังหารลั่วฉ่าวหนง ภาพเหมือนของปราชญ์ได้บินออกมา และเอาศพของลั่วฉ่าวหนงไปด้วย ดังนั้นเฉินซีไม่สามารถระบุได้ว่า ตระกูลลั่วของเอกภพจักรวรรดิได้เห็นตัวตนของเขาหรือไม่
สรุปแล้ว กำไรของเฉินซีจากการเดินทางไปยังซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่นั้นเกินความคาดหมายยิ่ง ทว่าในเวลาเดียวกัน มันก็นำปัญหาและอันตรายมาเช่นกัน ถือได้ว่าเป็นโชคลาภและหายนะที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาที่จะจัดการอย่างไร
ข้าสามารถมอบรากเต๋าของบรรพชนเหล่านี้ให้กับสหายและคนที่ข้ารักได้ในอนาคต และข้าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินเงินทองที่จำเป็นได้เช่นกัน สำหรับสมุนไพรและสมบัติศักดิ์สิทธิ์ พวกมันเป็นประโยชน์กับตัวข้า ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะหรือขัดเกลายันต์ศัสตรา พวกมันจะสามารถสร้างผลอัศจรรย์มากมาย…
หลังจากเรียงลำดับและนับทุกอย่างเสร็จสิ้น เฉินซีก็มุ่งความสนใจไปที่การพุ่งเข้าสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เมื่อเปรียบเทียบกับสมบัติเหล่านี้ที่ล้วนเป็นวัตถุภายนอก เขาให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะของตัวเองมากขึ้นบนเส้นทางสู่เต๋า
ในชั่วพริบตา เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน
น้ำเต้าสะบั้นวิญญาณที่เฉินซีและคนอื่น ๆ โดยสารได้ผ่านซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่และมาถึงเหนือมหาสมุทรสุสานเทวะ ดังนั้นหากไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น พวกเขาจะสามารถกลับไปยังเมืองเฟิงฉีได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ในทางกลับกัน บรรยากาศภายในเมืองเฟิงฉีเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันอย่างสมบูรณ์ กระแสคลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว!
…
ณ เมืองเฟิงฉี
ท่าทางของอวิ๋นชิงเคร่งขรึมในขณะที่เดินไปตามท้องถนนซึ่งมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองในระยะไกล
“ข้าสงสัยว่าใครกันที่กล้าฆ่ามหาเทวาวิญญาณมากมายปานนี้ นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน”
“ปัจจุบันข่าวเรื่องนี้กำลังแพร่กระจายอย่างบ้าคลั่งผ่านแดนเทพโบราณ และสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เมืองเฟิงฉีของเรา พายุกำลังจะมาจริง ๆ”
“มหาเทวาวิญญาณทั้งเจ็ดเสียชีวิตภายในวันเดียว ซึ่งรวมถึงยอดฝีมือที่ไร้ผู้เปรียบเช่น ลั่วฉ่าวหนงและกงเหย่เจ๋อฟู ไม่น่าแปลกใจที่ทำให้เกิดความปั่นป่วนเช่นนี้ ข้าได้ยินมาว่า มหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลังลั่วฉ่าวหนงและคนอื่น ๆ ได้ลั่นวาจาว่า ไม่ว่าจะต้องจ่ายสักเท่าไหร่ก็ตาม พวกเขาจะล้างบางตระกูลคนชั่วให้หมด จากนั้นก็เผากระดูกพวกมันและโปรยขี้เถ้าทิ้ง!
“เบา ๆ หน่อย เมืองเฟิงฉีไม่เหมือนเมื่อกาลก่อน บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของเอกภพจักรวรรดิได้รวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว ถ้าเราทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ผลที่ตามมาก็น่ากลัวเกินจินตนาการ”
ตลอดทางเต็มไปด้วยเสียงสนทนา ในขณะที่ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจและสับสน ทำให้บรรยากาศในเมืองกดดันอย่างมาก
อวิ๋นชิงย่อมได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ และสีหน้าก็เคร่งขรึมมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าเขาทราบเรื่องนี้ตั้งแต่สิบกว่าวันที่แล้ว ในเวลานั้นเขาตกใจมาก และแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
ท้ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นลั่วฉ่าวหนง กงเหย่เจ๋อฟู ตี้จวิน เยว่หรูฮวา จินชิงหยาง คุนอู๋ชิง หรือเป่ยเหวิน ทุกคนล้วนเป็นมหาเทวาวิญญาณที่ได้รับการจัดอันดับในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ และมีชื่อเสียงเกรียงไกร
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งหมดล้วนเสียชีวิตภายในวันเดียวกัน นี่เป็นดั่งเสียงฟ้าร้องที่ดังก้องท่ามกลางท้องฟ้าใส มันทำให้ทั่วทั้งแดนเทพโบราณสั่นสะเทือน และทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ในทางกลับกัน เมืองเฟิงฉีได้กลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจในแดนเทพโบราณทั้งหมด เหตุผลก็เรียบง่ายเช่นกัน เป็นเพราะลั่วฉ่าวหนงกับคนอื่น ๆ ได้สำรวจมหาสมุทรสุสานเทวะและเข้าสู่ซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ก่อนที่พวกเขาจะพินาศติดต่อกัน!
ใครเป็นผู้กระทำเรื่องทั้งหมดนี้กันแน่?
บางทีนี่อาจเป็นคำถามทั่วไปในใจของผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคน เนื่องจากความสามารถพิเศษของมหาสมุทรสุสานเทวะ ในการสะกดพลังของคนคนหนึ่ง จึงมีเทวารู้แจ้งวิญญาณจำนวนไม่มากที่สามารถเข้าไปได้ และเนื่องจากซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่นั้นอันตรายเกินคณานับ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถไปถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์รากบรรพชนได้
ในทางกลับกัน เพื่อที่จะเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์รากบรรพชน เราต้องผ่านการทดสอบประตูแห่ง ‘ชีวิต’ หรือ ประตูแห่ง ‘ความตาย’ เสียก่อน จึงจะสามารถผ่านวิหารศักดิ์สิทธิ์และเข้าไปในแดนรากบรรพกาลได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องเอาชนะข้อจำกัดที่กระจายไปทั่วบันไดหยกขาว เพื่อเข้าสู่ตำหนักเต๋านภาม่วง….
การทดสอบ ข้อจำกัด และอันตรายที่ซ้อนทับกันหลายชั้นเหล่านี้ ทำให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังประตูแห่งมหาเต๋า มีผู้รู้เพียงสิบกว่าคนเท่านั้น
แต่ที่สำคัญที่สุดคือ จนถึงขณะนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ส่วนหนึ่งในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ยังคงไม่ได้กลับมา ในขณะที่บางส่วนไม่มีโอกาสเข้าไปในตำหนักเต๋านภาม่วง เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่กลับมาจึงไม่ทราบเรื่องราวทั้งหมดนี้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครก็ตามจะยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ดังนั้นทุกคนกำลังรอ รอผู้เยี่ยมยุทธ์ที่มุ่งหน้าไปยังซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่กลับมา และรอที่จะได้รับคำตอบที่แน่ชัด
ในระหว่างการรอคอยนี้ มหาอำนาจของเอกภพจักรวรรดิ เช่น ตระกูลลั่ว ตระกูลกงเหย่ ตระกูลตี้ ตระกูลเยว่ ตระกูลจิน ตระกูลคุนอู๋…. ทั้งหมดได้ส่งยอดฝีมือที่สุมด้วยไฟโทสะอันไร้ขอบเขต เมื่อมาถึงเมืองเฟิงฉี
ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น มหาอำนาจที่อยู่เบื้องหลังผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ ที่เข้าไปในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ได้ส่งผู้เยี่ยมยุทธ์ไปด้วยเช่นกัน และไม่ใช่เพื่อสิ่งใดอื่น นอกจากพวกเขากริ่งเกรงว่าสมาชิกในตระกูลหรือนิกายของพวกตนอาจต้องประสบเคราะห์ร้ายเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ตระกูลเล่อ ตระกูลเชินถู ตระกูลจวนอวี๋ และอื่น ๆ เป็นต้น
อาจกล่าวได้ว่า เมืองเฟิงฉีเป็นเหมือนถังดินปืนในขณะนี้ และบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ของมหาอำนาจต่าง ๆ ในเอกภพจักรวรรดิได้มารวมตัวกันที่นี่ กองกำลังน่าพรั่นพรึงจนเรียกได้ว่าสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกา
อวิ๋นชิงสังเกตเห็นเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว และอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเฉินซีในใจ
หวังว่า… จะไม่ใช่เจ้าหนูนั้นที่เป็นคนทำ….
อวิ๋นชิงถอนหายใจลึก อันที่จริง เขาไม่เชื่อว่าพลังฝีมือของเฉินซีนั่นเพียงพอที่จะทำลายล้างลั่วฉ่าวหนงและคนอื่น ๆ ได้ในคราวเดียว แต่ถ้ามันเป็นความจริงล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเกี่ยวข้องกับเฉินซีจริง ๆ?
เหตุผลที่อวิ๋นชิงคิดเช่นนั้นก็เนื่องมาจากข้อมูลบางอย่างที่เขาได้รับในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
แม้พวกเขาจะไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนฆ่า ลั่วฉ่าวหนงและคนอื่น ๆ แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์บางคนที่กลับมาจากซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ล่วงหน้าได้เปิดเผยว่า เฉินซีมีปากเสียงกับเยว่หรูฮวา จินชิงหยาง ตี้จวิน และคนอื่น ๆ ในแดนรากบรรพกาล
มันคงจะดีถ้ามันเป็นเพียงแค่นี้ แต่ต่อมาเขาได้ยินมาว่า เฉินซีเกิดข้อพิพาท ซึ่งเป็นศัตรูกับกงเหย่เจ๋อฟูและลั่วฉ่าวหนง
เมื่อประกอบกับความจริงที่ว่าเฉินซีอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองในการผ่านบันไดหยกขาว และเข้าสู่ตำหนักเต๋านภาม่วง ทั้งหมดทุกอย่างพุ่งเป้าไปที่คนผู้นี้
ท้ายที่สุด นอกเหนือจากกลุ่มลั่วฉ่าวหนงและกลุ่มเล่ออู๋เหินแล้ว มีเพียงเฉินซีและเจียหนานเท่านั้นที่เข้าไปในตำหนักเต๋านภาม่วง
เป็นเพราะเหตุนี้ อวิ๋นชิงจึงกังวลเช่นนี้
ถึงขั้นที่แน่ใจว่า บรรดาผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นที่รวมตัวกันภายในเมืองเฟิงฉี ยามนี้อาจถือว่าเฉินซีเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญไปแล้ว!
………………..