บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1718 รุกคืบติดต่อกัน
บทที่ 1718 รุกคืบติดต่อกัน
………………..
บทที่ 1718 รุกคืบติดต่อกัน
ทันใดนั้น ท่าทางของกงเหย่หนานลี่ก็เปลี่ยนไปในที่สุด ทั้งยังรู้สึกเศร้าสลดในใจอย่างยิ่ง
ด้วยสถานะและความแข็งแกร่งในปัจจุบัน การฆ่าเทวารู้แจ้งวิญญาณนั้นง่ายพอ ๆ กับการบี้มด และต่อให้เผชิญกับมหาเทวาวิญญาณ ก็มิอาจทำให้จริงจังกับมันได้
ทว่าบัดนี้ เขากลับพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของชายหนุ่มคนหนึ่งต่อหน้าสายตาของฝูงชน และนี่เป็นเพียงความอัปยศอดสูอันใหญ่หลวง
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สาเหตุสำคัญ ต้นตอของความรู้สึกเศร้าสลด คือสิ่งเล็ก ๆ ที่เขามองข้ามไป ทำให้พลังบ่มเพาะถูกสะกดอย่างสมบูรณ์ และสูญเสียความได้เปรียบในฐานะบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลโดยสิ้นเชิง
หากเป็นในยามอื่น นี่คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แม้ว่าพลังบ่มเพาะจะถูกสะกดในขณะที่คู่ต่อสู้เป็นมหาเทวาวิญญาณที่ติดสิบอันดับแรกของเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ เขาก็หาได้กริ่งเกรงไม่ ทั้งยังมั่นใจว่าจะพิชัยชัยคู่ต่อสู้ได้
แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินซีไม่ใช่บุคคลที่มหาเทวาวิญญาณทั้งสิบอันดับแรกจะสามารถเทียบเคียงได้ พลังฝีมือน่าพรั่นพรึงยิ่งกว่า และอาจถือว่าท้าทายสวรรค์!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาทำได้เพียงเลือกที่จะหลบหนีจากมหาสมุทรสุสานเทวะก่อน
แต่เห็นแน่ชัดว่าเฉินซีไม่คิดปล่อยเขาไป
ครืน!
เจตจำนงกระบี่ พุ่งขึ้นมาราวกับคลื่นยักษ์และส่งเสียงดังก้องกังวาน ขณะที่มันขวางกั้นเส้นทางล่าถอยของกงเหย่หนานลี่
กงเหย่หนานลี่ใช้พลังเต็มพิกัดโดยสัญชาตญาณ เขาชักกระบี่ที่เปล่งประกายราวกับหิมะเงินออกมาและแผดคำรามลั่นขณะฟันกระบี่ลงไป
เขาตั้งใจที่จะทะลวงผ่านปราณกระบี่อันมหึมานี้!
ต้องการฟันเพื่อเปิดเส้นทาง!
ทว่าเพียงชั่วครู่ เขาก็ต้องตกใจและเดือดดาลสุดขีด เพราะการโจมตีอย่างเต็มพิกัด มิอาจสั่นคลอนปราณกระบี่ที่พลุ่งพล่านได้เลย ทั้งยังถูกกระแทกกลับจนต้องล่าถอยอย่างต่อเนื่อง!
นี่มันเต๋าแห่งกระบี่ประเภทใดกัน?
กงเหย่หนานลี่เดือดดาลจนดวงตาแทบถลน หากเขาสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งที่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลได้ ก็จะสามารถทำลายอุปสรรคทั้งหมดด้วยการโบกมือเพียงครั้งเดียว
แต่น่าเสียดาย… ยามนี้เขาสามารถใช้พลังได้เพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณเท่านั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แล้วเขาจะต่อกรเฉินซีได้อย่างไร?
ในช่วงเวลาต่อมา กงเหย่หนานลี่ก็ถูกระเบิดกระแทกกลับไป ซึ่งไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบและสูญเสียโอกาสที่จะหลบหนีไปที่ชายฝั่งโดยสิ้นเชิง
“บัดซบ!” เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวสั่นสะเทือนฟ้าพลางโจมตีเฉินซีด้วยพลังเต็มพิกัด เขาตระหนักดีว่าหากเขายังหลบต่อไปเรื่อย ๆ เขาจะสูญเสียข้อได้เปรียบที่มีอย่างสมบูรณ์
“พวกเจ้ายังมัวยืนเฉยอยู่อีก หากเราไม่สามารถบดขยี้ไอ้สารเลวนี้ได้ในครั้งนี้ ถ้ามันหลบไปสู่ส่วนลึกของมหาสมุทรสุสานเทวะ เราจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!” ในเวลานั้น กงเหย่หนานลี่ได้เอ่ยผ่านกระแสปราณกับผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่บนชายฝั่ง
โครม!
ทันทีที่สิ้นคำ เฉินซีก็พุ่งปราดเข้ามาหาดุจระเบิด และการโจมตีเพียงครั้งเดียวจากเฉินซีก็เกือบจะทำให้กระดูกภายในร่างของเขาแตกหัก ในขณะถูกซัดจนกระเด็น ทำให้ไม่กล้าว่อกแว่กอีกต่อไป
…
“เราควรทำอย่างไร?”
“แม้ว่าเราจะเข้าไปในมหาสมุทรสุสานเทวะ แต่พลังฝีมือย่อมถูกสะกดเช่นกัน และมันจะเป็นอันตรายต่อเรา”
“ข้าว่าไม่ควร ไอ้สารเลวนั่นสามารถสังหารลั่วฉ่าวหนงและมหาเทวาวิญญาณอีกหกตนได้ในวันเดียว พลังฝีมือน่าจะมาถึงขีดสุดของขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณแล้ว หากเราพลาดพลั้ง หลังจากเข้าร่วมการต่อสู้ เราจะหันหลังกลับไม่ได้แล้ว”
“แล้วเราควรทำอย่างไร? หรือเราจะมองดูไอ้สารเลวน้อยนั่นอาละวาดต่อหน้าเราอย่างนี้? หากข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป ทั่วทั้งแดนเทพโบราณคงจะหัวเราะเยาะพวกเรา!”
ในขณะนี้ เหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากตระกูลเยว่ ตระกูลจิน ตระกูลคุนอู๋ และตระกูลเป่ยต่างสับสนลังเล
เนื่องจากมหาสมุทรสุสานเทวะจะสะกดพลังบ่มเพาะ และหลังจากได้เห็นพลังฝีมือที่ท้าทายสวรรค์ของเฉินซีแล้ว ทั้งหมดก็รู้สึกไม่แน่ใจและลังเลเล็กน้อย เพราะกริ่งเกรงว่าจะไม่สามารถสามารถบดขยี้เฉินซีได้อย่างเต็มที่ และเป็นฝ่ายตกตายเสียแทน
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นเดือดดาลสุดขีด ทั้งที่จัดวางกองกำลังอย่างแน่นหนา แต่กลับทำได้เพียงเฝ้าดูอยู่บนชายฝั่งอย่างจนปัญญา และไม่กล้าผลีผลามก้าวเท้าเข้าสู่มหาสมุทรสุสานเทวะ ดังนั้นความคับข้องใจในใจจึงยิ่งทบทวี
ครืน!
แสงอันเจิดจร้าส่องแสงระยิบระยับเหนือมหาสมุทรอันห่างไกล ขณะที่ปราณกระบี่พุ่งทะยานขึ้นไปบนฟากฟ้า
ในขณะนี้ กงเหย่หนานลี่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบโดยสิ้นเชิง และถูกเฉินซีสยบอย่างสมบูรณ์ เขาถูกโจมตีจนเลือดชโลมเสื้อผ้า เผ้าผมถูกปล่อยลงมาสยายพลิ้ว และใบหน้าก็บิดเบี้ยวอย่างน่าสยดสยอง ในท้ายที่สุด เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวก็ดังก้องติดต่อกัน คล้ายตกอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ ทั้งยังน่าสมเพชยิ่ง
เนื่องจากพลังบ่มเพาะของกงเหย่หนานลี่ถูกสะกด ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการจัดอันดับในเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาลจึงถูกผู้เยาว์ทุบตีจนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหนี นี่เป็นเรื่องยากสำหรับพวกมันที่จะยอมรับ
“ทุกคน ลงมือเถอะ ในเมื่อมีข้าอยู่ด้วย อย่าได้กังวลเกินไปนักเลย”
ในขณะที่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ต่างลังเลและไม่แน่ใจ เสียงที่ไม่แยแสและแผ่วเบาก็ดังก้องข้างหูพวกมันทันที
สิ่งนี้ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นตกตะลึงในใจ แต่เพียงครู่เดียว ดวงตาของทุกคนพลันสว่างวาบ
เพราะผู้ที่กล่าวคือ จักรพรรดิชงโตว ลั่วชงแห่งตระกูลลั่ว!
“ในเมื่อผู้อาวุโสลั่วชงอยู่ที่นี่ แล้วไยเราต้องลังเลอีก?”
“มาเถอะ ข้าสั่งสมความโกรธเกรี้ยวไว้เต็มท้องแล้ว! เราต้องฆ่าไอ้สารเลวนี่!”
“ลงมือ!”
ในเวลาถัดมา ร่างจำนวนมากที่มีกลิ่นอายอันทรงพลังนั่นทะยานขึ้นไปบนฟ้า พวกมันเป็นเหมือนตะวันที่แผดเผาจำนวนมากซึ่งค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกมันฉีกผ่านท้องฟ้าจากทุกทิศทุกทาง และพุ่งทะยานไปยังมหาสมุทรสุสานเทวะ
“ไม่ได้การ!” สีหน้าของเล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ และหัวใจของพวกเขาก็ร้อนรนด้วยความวิตกกังวล
…
พรวด!
ในอากาศเหนือมหาสมุทรสุสานเทวะ กงเหย่หนานลี่ถูกกระแทกใส่อีกครั้ง ทำให้เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ด ใบหน้าดูดุร้ายและเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือด มิหนำซ้ำเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ถูกเฉือนฟันจนขาดเป็นริ้ว ๆ ดูน่าสังเวชยิ่งกว่าขอทานเสียอีก
เขาแทบจะคลุ้มคลั่งแล้ว และคำรามอย่างเกรี้ยวกราดไม่รู้จบ แต่ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีที่เด็ดขาดของเฉินซีได้อย่างเต็มที่
เขาสาบานกับทวยเทพว่า ตั้งแต่เริ่มบ่มเพาะจนถึงยามนี้ เขากงเหย่หนานลี่ไม่เคยได้รับความสูญเสียเช่นนี้ ทั้งยังไม่เคยรู้สึกเสียใจและขุ่นเคืองเท่ากับที่รู้สึกในขณะนี้ ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ร่างกายอัดอั้นเจียนระเบิด
เมื่อเปรียบเทียบกับกงเหย่หนานลี่แล้ว เฉินซีก็ตกตะลึงในใจอย่างมากเช่นกัน จนการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ เขาได้โจมตีถึงตายไปหลายครั้ง แต่กลับไม่สามารถปลิดชีพไอ้เฒ่าสารเลวนี้ได้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า แม้พลังบ่มเพาะของกงเหย่หนานลี่จะถูกสะกด แต่ก็ไม่ง่ายที่จะสังหารบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
ฟิ่ว!
เฉินตวัดฟันด้วยกระบี่ในมืออีกครั้ง คราวนี้เขาทุ่มพลังเต็มพิกัด โดยตั้งใจใช้ความแม่นยำและความดุร้ายของเพลงกระบี่เชือดเฉือนกาสรเพื่อบดขยี้กงเหย่หนานลี่ในคราวเดียว เพื่อเป็นคำเตือนแก่ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้าง
เฉินซีขมวดคิ้ววูบ จากนั้นก็สังเกตเห็นเงาร่างมากกว่าสิบร่างที่เผยพลังศักดิ์สิทธิ์อันมหาศาล ซึ่งกำลังโจมตีจากระยะไกลในบัดดล
โครม!
เฉินซีโบกสะบัดแขนเสื้อวูบหนึ่ง เกิดเป็นลำแสงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งปราดออกไปราวกับกระแสน้ำ จากนั้นกระแทกเข้ากับหม้อหยกจนสั่นอย่างรุนแรง และถูกระเบิดปลิวว่อน
เฉินซีคว้าโอกาสนี้โจมตีกงเย่หนานลี่อีกครั้ง
“รนหาที่ตาย!”
“โอหังนัก!”
แต่เห็นได้ชัดว่าเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ที่เร่งรีบมาถึงนั้น ไม่คิดจะปล่อยให้เฉินซีได้ฉกฉวยโอกาสนี้ไป
ทันทีที่มาถึง ก็เปิดฉากจู่โจมอย่างโหดเหี้ยมด้วยพลังเต็มพิกัดและสมบัติศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จากทุกทิศทุกทาง
เฉินซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุด และพลิกตัวตวัดกระบี่ต้านทานการโจมตีเหล่านี้
ตู้ม! โครม!
ในช่วงเวลาต่อมา มหาสมุทรที่กว้างใหญ่ก็บังเกิดฟ้าร้องและฟ้าผ่า ในขณะที่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้แต่อวกาศก็ถูกระเบิดเป็นชิ้น ๆ ในขณะที่บริเวณโดยรอบถูกบดขยี้เป็นผงธุลี ทั้งหมดประหัตประหารกันจนมืดฟ้ามัวดิน
ฉากที่น่าประหลาดใจดังกล่าว สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมอย่างท่วมท้น และทำให้พวกเขาต้องตกใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าในใจ
ใครจะจินตนาการได้ว่า ผู้ยิ่งใหญ่จากมหาอำนาจระดับสูงในเอกภพจักรวรรดิจะมารวมตัวกันในวันนี้?
ใครจะกล้าจินตนาการว่าคู่ต่อสู้ที่เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ต้องผนึกกำลังกัน จะเป็นเพียงชายหนุ่มขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณเท่านั้น
มันเป็นไปไม่ได้เลย!
แม้พวกเขาจะเห็นมันด้วยสองตาของตัวเองในขณะนี้ แต่ก็ไม่สามารถยอมรับมันได้ ทั้งยังตกใจจนหายใจไม่ออก
สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด คือแม้ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกปิดล้อมจากทุกทิศทุกทาง แท้จริงแล้วเฉินซีกลับไม่ได้ตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบเลยสักนิด ทั้งยังต่อสู้กับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้อย่างสูสี!
“อู๋เหินเจ้ารู้จักเด็กคนนี้ได้อย่างไร” สีหน้าของเล่อเป่ยโหยวเคร่งขรึม และอดที่จะถามคำถามนี้ไม่ได้ เพราะเขารู้สึกตกใจต่อพลังฝีมือของเฉินซีอย่างแท้จริง
แม้ว่าเฉินซีจะอาศัย ‘สนามพลัง’ ที่เป็นเอกลักษณ์ของมหาสมุทรสุสานเทวะ เพื่อสะกดพลังฝีมือของผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น แต่การจะบรรลุสิ่งนี้ได้ อาจถือว่าเป็นประวัติการณ์และน่าตกใจยิ่ง
ครั้งนี้เล่ออู๋เหินเมินเฉยต่อลุงเก้าโดยสิ้นเชิง
สายตาจับจ้องไปที่วงต่อสู้ในระยะไกล พลางพร่ำอธิษฐานในใจ ให้เฉินซีสามารถยืนหยัดจนถึงที่สุด และขอให้เฉินซีสังหารไอ้เฒ่าเหล่านั้นให้หมดสิ้น
ไม่ใช่แค่เล่ออู๋เหิน เชินถูเยียนหราน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ยก็รู้สึกแบบเดียวกัน
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังมีความกังวลเสี้ยวเล็ก ๆ ที่ไม่อาจขจัดออกไปจากใจได้ เพราะนี่คือมหาสมุทรสุสานเทวะ ดังนั้นแม้ในตอนนี้เฉินซีจะสามารถต้านทานสิ่งเหล่านี้ได้ มันก็คงจะไร้ประโยชน์หากเขาไม่สามารถหลบหนีออกไปได้!
…
ในขณะนี้ ด้วยความงุนงง เฉินซีดูเหมือนได้ย้อนกลับไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียน และกลับสู่สถานการณ์ที่ถูกรุมโดยวิญญาณกระบี่ที่ไร้เทียมทานทั้งสามสิบหกดวง
ทว่าคู่ต่อสู้ของเขาถูกเปลี่ยนเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าสิบคน ซึ่งมาจากตระกูลชั้นนำต่าง ๆ ในเอกภพจักรวรรดิ
ชายชราเหล่านี้ล้วนมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน ดังนั้นแม้พลังบ่มเพาะจะถูกสะกด แต่ด้วยเคล็ดวิชาขั้นสุดยอด และด้วยพลังวิเศษที่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ครอบครองอยู่ ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ก็ยังคงน่าทึ่งอย่างยิ่ง และไม่ใช่สิ่งที่วิญญาณกระบี่ที่ไร้สติปัญญาเหล่านั้นจะเทียบได้
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้หาได้เป็นภัยคุกคามต่อเฉินซีไม่!
โอม!
แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่ในวงล้อแห่งแสง เหมือนกับฐานศิลาที่ยึดเต๋าทั้งหมดไว้
แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง!
ทันใดนั้น กลิ่นอายอันกล้าแกร่งของเฉินซีก็ปะทุพลังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งแฝงกลิ่นอายของอำนาจอันสูงสุด ที่ซึ่งอยู่เหนือทุกสิ่งและดูแคลนยุคสมัย
ครืน!
เพียงโบกมือเบา ๆ ปราณกระบี่หลายเส้นก็โปรยปรายลงมาดุจห่าฝน และไขว้ตัดกันขณะที่กวาดออกไปอย่างดุเดือด ปราณกระบี่ทุกสายล้วนมีพลังทำลายล้างสูงสุด และทันทีที่พวกมันปรากฏกาย ฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ก็ตกอยู่ในความเงียบงัน
มีเพียงเสียงกระบี่กู่ร้องที่ชัดเจนและดังกึกก้องจนหูแทบหนวกเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนกับเสียงคำรามของมังกรที่พุ่งไปทะยานไปทั้งฟ้าดิน!
“แท่นบูชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูง!”
“เด็กคนนี้… ได้บรรลุขอบเขตสูงสุดของการบ่มเพาะแล้วจริง ๆ!”
“ไม่ได้การ! พวกเขาตกอยู่ในอันตราย!”
ในขณะนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนบนชายฝั่งมหาสมุทรต่างหวาดกลัว และสีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที
………………..