บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1722 เขามาแล้ว
บทที่ 1722 เขามาแล้ว
พริบตานั้น หัวใจของจักรพรรดินีอวี้เชอร่วงวูบ
หากแค่ภาพเหมือนของปราชญ์หรือไข่มุกแดนเทวะยี่สิบสี่ประการอย่างเดียว นางก็มั่นใจว่าจะสามารถสู้ยิบตาพาเฉินซีหนีออกไปได้
แต่เมื่อสมบัติวิญญาณธรรมชาติเรืองฤทธิ์เกินหยั่งคาดทั้งสองปรากฏขึ้นพร้อมกันใต้การควบคุมของจักรพรรดิชงโตว นั่นทำให้นางรู้สึกจนใจ
ต่อให้สู้เดิมพันด้วยชีวิตก็เป็นไปไม่ได้!
นี่คือสัจธรรมของสถานการณ์ นางไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ
วิ้ง! วิ้ง!
ไข่มุกแดนเทวะสั่นสะท้าน ปลดปล่อยรัศมีศักดิ์สิทธิ์เป็นคลื่นสีฟ้าครามขวางทางหนีของจักรพรรดินีอวี้เชอและเฉินซีไว้จนสิ้น
ร่างของจักรพรรดิชงโตวปกคลุมด้วยอัสนี เผยอำนาจสูงส่งกดดัน รอยยิ้มผู้ชนะประดับมุมปากบาง ๆ
“พิภพปราชญ์ผนวกกับไข่มุกแดนเทวะยี่สิบสี่ประการ จักรพรรดิผู้ใดในแดนเทพโบราณทะลวงการป้องกันเช่นนี้ได้บ้าง?” จักรพรรดิชงโตวกล่าวกับจักรพรรดินีอวี้เชออย่างเฉยชา “อวี้เชอ ข้าให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า ยอมถอยไป ส่งเจ้าเด็กเฉินซีนั่นมาให้ข้าจัดการแต่โดยดีเสีย”
เห็นเช่นนี้ ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายซึ่งมองมาจากไกล ๆ ผ่อนคลายสบายใจ เหตุเกินคาดฝันเมื่อครู่ตาลปัตรแล้ว ในที่สุดเหตุการณ์ก็จะคลี่คลาย พวกเขาจึงตื่นเต้นในใจกันอีกครั้ง
“ส่งเขามา!”
“เฉินซี รีบคุกเข่าลงเสีย!”
“หากเจ้ายังมีจิตสำนึก ก็อย่าสร้างความลำบากให้จักรพรรดินีอวี้เชอ ยอมมอบตัวมาเสียดี ๆ แล้วคุกเข่าชดใช้ความผิดเสีย!”
ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายจากกองกำลังสูงสุดในเอกภพจักรวรรดิตะโกนลั่นเสียงแข็ง พวกเขาไม่ได้กลัวตัวตนของจักรพรรดินีอวี้เชอ แค่กลัวการบ่มเพาะของนางเท่านั้น
เพราะถึงอย่างไร ด้วยสถานะปัจจุบัน ยามเผชิญหน้าจักรพรรดิทั่วไป พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสดงความให้เกียรติด้วยซ้ำ
ประกอบกับสัจธรรมที่ขณะนี้ จักรพรรดินีอวี้เชอถูกจักรพรรดิชงโตวต้อนจนมุมโดยสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาสิ้นความกังวลว่านางจะกล้ากระทำการรุนแรงใด ๆ อีก
จักรพรรดินีอวี้เชอได้ยินเสียงตะโกนเหล่านี้แล้วหน้าบูดบึ้ง กล่าวขึ้นเสียงเย็น “หากพวกเจ้าทั้งหลายยังปากพล่อยกันต่อไป ต่อให้ต้องเสี่ยงชีวิต ข้าก็จะดับชีวิตไร้ค่าของพวกเจ้าเสีย!”
แต่สายตาที่มองมายังจักรพรรดินีอวี้เชอและเฉินซีเจือเค้าเหยียดหยามเย็นชา จนป่านนี้นางยังไม่ยอมรามือ น่าเวทนาเสียจริง!
ขณะเดียวกัน เล่ออู๋เหินและคณะหดหู่ยิ่งนัก พวกเขามีลำดับอาวุโสต่ำที่สุดในหมู่ผู้คนที่นี่ และไม่สามารถแม้แต่จะเอ่ยปากใด ๆ อย่าว่าแต่ช่วยเหลือเฉินซีเลย
อีกอย่าง กระทั่งจักรพรรดินีอวี้เชอยังจนมุม แล้วผู้ใดในหล้าจะช่วยเฉินซีได้?
“ผู้อาวุโส….” เฉินซีผู้มองเรื่องทั้งหมดนี้เงียบ ๆ ตลอดมาสูดหายใจลึก ตั้งใจจะพูดบางอย่าง
ทว่าจักรพรรดินีอวี้เชอก็ขัดขึ้น “ฟังคำข้า”
เฉินซีผงะไป ในใจทั้งตื้นตันและเดือดดาล ความรู้สึกที่ประสบซับซ้อนอย่างยิ่ง
หนึ่งตัวตนยิ่งใหญ่ในขอบเขตมหาราชเทวาตกต่ำเพียงนี้เพื่อช่วยตน แล้วเฉินซีจะไม่สะเทือนใจได้หรือ?
แต่เขารู้สึกเคืองแค้นเดือดดาลมากกว่า!
โกรธเคืองที่เจ้าเฒ่าเหล่านี้กระทำการเกินไป แค้นตนเองที่ไร้กำลังจัดการกับเรื่องทั้งหมดนี้ ทำได้เพียงอยู่ในกำมือผู้อื่น!
ชายหนุ่มหวนนึกภาพเหตุการณ์ในกาลก่อน เริ่มด้วยตี้อวิ๋นชิวจู่โจม คิดจะบังคับสืบวิญญาณ แล้วกงเหย่หนานลี่ก็โจมตี คิดบดขยี้เขาในพริบตา….
หากข้ารอดหายนะนี้ไปได้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าทั้งหลายลิ้มรสการกระทำของตนเองในภายหน้าแน่นอน! ข้าทำแน่!! สีหน้าของเฉินซีเฉยชา ขณะที่ความแค้นพลุ่งพล่านไม่จบสิ้นในอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ความคิดนี้บังเกิดในใจ
“อวี้เชอ พวกเขาจะมาที่นี่ในไม่ช้า และเจ้าย่อมไร้หนทางหนีในยามนั้น หากยังไม่ยอมถอยต่อไป สถานการณ์จะยิ่งแย่สำหรับเจ้านะ” จักรพรรดิชงโตวพูดช้า ๆ ด้วยท่าทางสำรวมวางตัว
แม้จะพูดเช่นนี้ เขาก็ยังไม่กล้ากดดันจักรพรรดินีอวี้เชอมากเกินไป เพราะหากนางสู้เดิมพันด้วยชีวิต ผลที่ตามมาจะไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดอยากประสบ
“หากข้าสู้เดิมพันด้วยชีวิตเล่า?” จักรพรรดินีอวี้เชอเหมือนอ่านความคิดจักรพรรดิชงโตวได้ นางกล่าวขึ้นเสียงเย็น
“สู้เดิมพันด้วยชีวิต?” สีหน้าของจักรพรรดิชงโตวเฉยชา “ต่อให้เจ้าเดิมพันด้วยชีวิต เจ้าประกันได้หรือว่าจะทะลวงผ่านการป้องกันของพิภพปราชญ์และไข่มุกแดนเทวะยี่สิบสี่ประการได้? เจ้าประกันได้หรือว่าจะพาไอ้เด็กเวรนั่นไปได้?”
ทุกคำถามถามขึ้นอย่างอหังการ เจือกระทั่งน้ำเสียงเย้ยเยาะ เหมือนจะเย้ยหยันจักรพรรดินีอวี้เชอที่ประเมินความสามารถของตนสูงเกินไป
จักรพรรดินีอวี้เชอนิ่งเงียบ
ยามตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายเห็นเช่นนี้จากไกล ๆ รอยยิ้มเย็นบนหน้ายิ่งแสยะกว้าง ความรู้สึกสำเร็จชื่นบานอันไม่อาจอธิบายยังเกิดในใจยามเห็นจักรพรรดิผู้หนึ่งถูกไล่ต้อนถึงเพียงนี้
“เฉินซี รีบคุกเข่าลงเสีย!” กงเหย่หนานลี่ไม่อาจฝืนตนเองได้อีก เขาตะโกนออกมาดังลั่น ไม่เชื่อว่าจักรพรรดินีอวี้เชอจะกล้าแบ่งสมาธิมาจัดการกับเขาในสถานการณ์เช่นนี้
สารเลว! ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ขณะที่ลึก ๆ เรืองรองด้วยจิตสังหารชวนขนลุก
…
จักรพรรดิชงโตวและจักรพรรดินีอวี้เชอเผชิญหน้า
เฉินซีเม้มปากเงียบ
ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายยิ้มเย็นอยู่ไกล ๆ
กงเหย่หนานลี่ตะโกนลั่น ตั้งใจบังคับให้เฉินซีคุกเข่าลงชดใช้ ‘ความผิด’
เล่ออู๋เหินและคนอื่น ๆ มีสีหน้าโกรธเคือง รู้สึกหดหู่ในใจนัก
ขณะนี้ บรรยากาศดูเงียบสงัดดุจป่าช้า ชวนอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
เพียงครู่ต่อมา จักรพรรดินีอวี้เชอเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้ และพลันเงยหน้าขึ้น ดวงตากระจ่างเผยแววมาดมั่น
สีหน้าของจักรพรรดิชงโตวแย่ลง กล่าวขึ้นเสียงเย็น “อะไร? เจ้าตั้งใจจะสู้อย่างไร้ความหมายหรือ? บอกเจ้าตามตรง คนที่กำลังจะมาถึงคือนิกายอำนาจเทวะ….”
เปรี้ยง!
ก่อนจะทันพูดจบ คลื่นอำนาจร้ายแรงสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเหนือพิภพปราชญ์ กวาดออกมาเช่นวงคลื่นกระเพื่อม
หือ? เสียงของจักรพรรดิชงโตวหยุดลงเฉียบพลัน ดวงตาเผยเค้าตกตะลึง
คนอื่น ๆ รอบข้างเองก็ผงะไป ใครกันบังอาจกระทำเช่นนี้ในยามคับขันนี่? คนผู้นั้นไม่รู้จักพิภพปราชญ์ที่สร้างจากภาพเหมือนของปราชญ์ตระกูลลั่วหรือไร?
เปรี้ยง!
ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นจากความตะลึง พิภพปราชญ์ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงอีกครั้งดุจอัสนีฟาด เลื่อนลั่นไปทั่วฟ้าดิน ทำให้หัวใจทุกดวงเต้นกระตุก แก่นโลหิตในกายปั่นป่วน
สีหน้าของจักรพรรดิชงโตวดำคล้ำ เจ้าพวกคนจากนิกายอำนาจเทวะมาแล้วหรือ? แต่เหตุใดจึงกระทำเช่นนี้เล่า?
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ขณะนั้นเอง เสียงเลื่อนลั่นสะท้อนถี่รัวดุจพายุโหมไปทั่วทิศ
พิภพปราชญ์ตลอดล้านลี้สั่นสะท้านรุนแรง ส่งเสียงครืนโครมน่าเวทนาประหนึ่งจะรับภาระเช่นนี้ไม่ไหว
ตู้ม!
ทว่าขณะที่กำลังจะลงมือนั้นเอง การระเบิดสนั่นแก้วหูก็บังเกิดกะทันหัน ภายใต้สายตาตกตะลึงทุกคู่ พิภพปราชญ์ป่นสลายเป็นผุยผงดุจกระจกแตก กระจัดกระจายหายไปทันที
“ถอยไป! เร็วเข้า!” อำนาจซึ่งกระจายออกมาน่าสะพรึงเกินไป มันขยี้สรรพสิ่งเป็นผุยผุง ทำให้คนอื่น ๆ ต้องพากันหลบจ้าละหวั่น
กระทั่งม่านตาของจักรพรรดินีอวี้เชอยังหดตัวเล็กน้อย นางพาเฉินซีหลบลูกหลงทรงอำนาจนี้ไปด้วยกัน
“ใครกัน!? บังอาจนัก!” เสียงของจักรพรรดิชงโตวเจือโทสะ พลันสะบัดแขนเสื้อ แล้วไข่มุกแดนเทวะยี่สิบสี่ประการก็แปรเปลี่ยนเป็นลำแสง พุ่งตรงไปไกล
ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้ทุกผู้คนตะลึงเงียบ
ไข่มุกแดนเทวะนั้นถูกหัตถ์ใหญ่เพรียวบางข้างหนึ่งดีดเบา ๆ แล้วมันก็สั่นสะท้านกระเด็นกลับไปหาจักรพรรดิชงโตว
การดีดมันกลับมาอย่างง่าย ๆ นี้เหมือนดีดแมลงวันไปห่างตัว ทว่านั่นไม่ใช่แมลงวัน มันคือสมบัติสูงสุดของตระกูลลั่วแห่งเอกภพจักรวรรดิ เป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันสามารถสะกดโลกหล้าและอำนาจภายในได้!
ขณะนี้จักรพรรดิชงโตวกระทั่งใช้มันอย่างเต็มกำลัง จึงเป็นที่ชัดเจนว่าอำนาจของมันน่าสะพรึงกลัวเพียงไร ทว่ามันกลับถูกมือข้างนั้นดีดกระเด็น!
ท่ามกลางความเงียบกริบวังเวง หนึ่งร่างสาวเท้าผ่านมิติเข้ามา
คนผู้นั้นมีรูปร่างสูง เส้นผมสีขาวดุจหิมะเคลียบ่า ใบหน้ากระจ่างดาษดื่น ดวงตาเรืองรองส่องประกายดุจบรรจุจักรวาลดาราสะท้อนความเป็นไปแห่งกาลในดาราจักร เป็นภาพวงจรความเป็นความตายแห่งสรรพสิ่งอันยิ่งใหญ่
เพียงสบตากับคนผู้นี้ วิญญาณของคนทั้งหลายก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว เหมือนความลับทั้งปวงที่กอบกุมไว้ถูกเปิดโปงสู่ที่แจ้ง
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาอดรู้สึกตะลึงไม่ได้ คนผู้นี้ต้องมีการบ่มเพาะเช่นไร จึงสามารถทำเช่นนี้ได้?
ศิษย์พี่ใหญ่! หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้านรุนแรงเมื่อเห็นบุคคลนี้ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่ของตนจะปรากฏกายในขณะนี้!
นายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์! ดวงตากระจ่างของจักรพรรดินีอวี้เชอเรืองรองเจิดจรัส รุ่งโรจน์อย่างยิ่ง เจือเค้าความประหลาดใจระคนยินดี มีกระทั่งความโล่งใจปนมา
อู๋เซวี่ยฉาน! สีหน้าของจักรพรรดิชงโตวเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด เขาเองก็ไม่อยากเชื่อเล็กน้อย และสงสัยว่าเหตุใดศิษย์เอกของเขาเทพพยากรณ์จึงมาปรากฏตัวที่นี่
ในหมู่ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลาย มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่รู้ถึงตัวตนของอู๋เซวี่ยฉาน ทำให้ร่างของพวกเขาเกร็งนิ่ง สีหน้าตกตะลึงมึนงงกันอย่างช่วยไม่ได้
ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักอู๋เซวี่ยฉาน พวกเขาอาศัยปราณยิ่งใหญ่จากร่างของอู๋เซวี่ยฉานและปฏิกิริยาของคนอื่น ๆ รอบข้างก็ตระหนักได้ทันทีว่าอู๋เซวี่ยฉานไม่ธรรมดายิ่งนัก!
“เหตุใดผู้มาจึงเป็นเจ้า?” จักรพรรดิชงโตวสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวเสียงเบา
“เพราะสหายเต๋าจากนิกายอำนาจเทวะทั้งหลายไม่อาจมาที่นี่กันได้แล้ว ข้าจึงมาเพียงลำพัง” อู๋เซวี่ยฉานแย้มยิ้มขณะเอ่ยปากเสียงเรียบ
ทว่าคำพูดของเขาทำให้จักรพรรดิชงโตวผงะจังงัง ม่านตาหดตัว ร่างเกร็งชะงักกับที่ ในใจบังเกิดมรสุมพัดโถม
จนกระทั่งบัดนี้ ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างพอเดาได้เพียงว่า กองกำลังจากนิกายอำนาจเทวะกำลังจะมาจัดการกับจักรพรรดินีอวี้เชอเช่นกัน
ส่วนนิกายอำนาจเทวะจะส่งผู้ใดมากันแน่นั้น พวกเขาก็ยังไม่ทราบคำตอบ แต่พวกเขาแน่ใจว่าในเมื่อเป้าหมายคือการจัดการจักรพรรดินีอวี้เชอ อย่างน้อยที่สุด ผู้มาก็ต้องมีการบ่มเพาะในขอบเขตมหาราชเทวาหรือไม่?
ทว่าขณะนี้ อู๋เซวี่ยฉานซึ่งมาถึงอย่างกะทันหันกลับพูดว่าคนจากนิกายอำนาจเทวะเหล่านั้นไม่อาจมาที่นี่ได้อีก มิได้หมายความหรือว่าพวกเขามีอันเป็นไปหรือ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านไม่จบสิ้น ไม่อาจสงบลงได้เนิ่นนาน
“แต่ว่า… เหตุใดศิษย์เขาเทพพยากรณ์เช่นเจ้าจึงมา? ทุกอย่างที่นี่ดูไม่เหมือนจะเกี่ยวข้องกับเขาเทพพยากรณ์ของเจ้าเลยนี่?” สีหน้าของจักรพรรดิชงโตวดำคล้ำ กล่าวเน้นทีละคำ
“ศิษย์น้องเล็กของข้าถูกรังแกถึงเพียงนี้ แต่เจ้ากลับบอกว่าข้า อู๋เซวี่ยฉานไม่เกี่ยวข้องหรือ?!” สีหน้าของอู๋เซวี่ยฉานเปลี่ยนเป็นเฉยเมยเย็นชาทันควัน เพียงพริบตา รอบกายก็เหมือนมีจักรวาลเคลื่อนวน ทั่วร่างเผยปราณยิ่งใหญ่กดดัน มหาศาลสะท้านเวหาเสียจนสรรพสิ่งกำสรวลไร้ระเบียบ
………………..