บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1723 นายใหญ่ผู้อหังการ
บทที่ 1723 นายใหญ่ผู้อหังการ
ศิษย์น้องเล็ก?
คนทั้งหลายทั่วทิศต่างตะลึง เราไปล่วงเกินศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์เข้ายามใด?
หลังจากฟื้นจากความตะลึงในคราแรก พวกเขาต่างก็ค้นพบตัวตนของอู๋เซวี่ยฉานจากการส่งกระแสปราณสนทนา
ทว่าเพราะเหตุนี้เอง พวกเขาจึงมีปฏิกิริยารุนแรงเพียงนี้ยามได้ยินวจีของอู๋เซวี่ยฉาน
แต่อึดใจต่อมา พวกเขาทั้งหลายก็ร่างสะท้าน อำนาจกดดันจากร่างของอู๋เซวี่ยฉานน่าสะพรึงกลัวเกินไป ทำให้พวกเขาทั้งหลายอึดอัดจนหายใจไม่ออก
ขณะที่พวกเขาต่างตกตะลึงกันอยู่นั้นเอง อู๋เซวี่ยฉานก็สาวเท้าหนึ่งก้าว มาหยุดตรงหน้าเฉินซีอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์น้องเล็ก ข้าขอโทษ ระหว่างทางมีพวกมีตาไร้แววมาทำข้าเสียเวลาไปนิดหน่อย ข้าจึงมาช้า” อู๋เซวี่ยฉานกล่าวกับเฉินซีด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย
เฮือก!
มิเพียงพวกเขา กระทั่งจักรพรรดิชงโตวยังไม่เคยคาดคิด สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเฉียบพลัน เป็นไปได้อย่างไร? เขาเทพพยากรณ์มีศิษย์สายตรงชื่อเฉินซีเพิ่มมาอีกคนแต่เมื่อไหร่?
“ข้าไม่เป็นไร” เฉินซีส่ายหัว
อู๋เซวี่ยฉานพินิจเฉินซีตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วพลันขมวดคิ้วถอนหายใจ ตบบ่าเฉินซีก่อนพูด “เจ้าผ่านเหตุการณ์มามากมายนัก แต่ไม่ต้องห่วงแล้วนะ ศิษย์พี่มาแล้ว”
เพียงวาจานี้อย่างเดียว เฉินซีก็รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกลึกซึ้งถึงการได้พบศิษย์ร่วมสำนักที่ห่างไกลกันแสนนาน
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?” ทันใดนั้น หนึ่งเสียงก็ร้องดังสนั่น เจ้าของวจีนั้นคือกงเหย่หนานลี่ เขามองเรื่องทั้งหมดนี้อย่างจนใจ เห็นเฉินซีรอดหายนะครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่อาจแก้ไข หงุดหงิดขุ่นเคืองจนเจียนกระอักเลือด
นั่นสิ!
เป็นไปได้อย่างไร?
ตัวตนยิ่งใหญ่อื่น ๆ จากเอกภพจักรวรรดิเองก็รับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เช่นกัน ขณะเฉินซีกำลังจะถูกกำจัด จักรพรรดินีอวี้เชอก็ปรากฏตัวกะทันหัน และหลังจากนางถูกจักรพรรดิชงโตวไล่ต้อน นายใหญ่ของเขาเทพพยากรณ์ก็ปรากฏตัว!
เหตุเกินคาดฝันเช่นนี้ พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร?
สายตาของเขาเรืองโรจน์ด้วยรัศมีศักดิ์สิทธิ์ ประหนึ่งตะวันจันทราเจิดจรัสในโลกหล้า จับจ้องนิ่งที่กงเหย่หนานลี่
“ใช่แล้วทำไม? หรือพวกเจ้าเขาเทพพยากรณ์จะกล้า…?” กงเหย่หนานลี่สงบสติเอ่ยเสียงเครียด
ทว่าก่อนทันพูดจบประโยค ร่างของเขาพลันสะท้าน เสียงกร๊อบดังสนั่น ขณะที่หัวเข่าถูกขยี้เป็นเสี่ยงในทันใด
ตุ้บ!
เขาเข่าพับทรุดทรงตรงหน้าคนทั้งหลาย!
นับแต่เริ่มจนบัดนี้ อย่าว่าแต่ตัวกงเหย่หนานลี่เอง กระทั่งผู้อื่นยังไม่ทันสังเกตว่าอู๋เซวี่ยฉานทำได้อย่างไร
เหตุกะทันหันเกินคาดคิดนี้ทำให้สีหน้าคนอื่น ๆ มากมายแปรเปลี่ยน มีข่าวลือเสมอมาว่านายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์มีความสามารถเกินธรรมดา การบ่มเพาะเกินหยั่งก้นบึ้ง ยามนี้ได้ประจักษ์กับตา พวกเขาก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ากลัวกว่าข่าวลือเสียอีก
“อ๊าก!!!” กงเหย่หนานลี่แผดเสียงสนั่นลั่น กระเสือกกระสนลุกขึ้นอย่างเต็มกำลัง ทว่าก็ถูกอำนาจยิ่งใหญ่ไร้ลักษณ์สะกดไว้ ไม่ว่าพยายามเช่นไรก็ล้วนไร้ผล
หนึ่งบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้ติดอันดับบนเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาล ตัวตนยิ่งใหญ่จากตระกูลกงเหย่ ณ เอกภพจักรวรรดิถูกทำลายกระดูกเข่า ต้องคุกเข่าลงตรงหน้าธารกำนัล เหตุการณ์นี้ทำให้ตัวตนยิ่งใหญ่ทั่วทิศรู้สึกสุดหวาดผวาในใจ
“นั่นสิ หรือเจ้าจะไม่ถามไถ่สักคำว่าเจ้าเด็กนั่นไปทำผิดร้ายแรงเช่นไรไว้? แค่หลับหูหลับตาปกป้องเขาก็เกินไปแล้ว!”
“เด็กนี่ไม่เพียงฆ่าคุนอู๋ชิง ทายาทตระกูลข้าซึ่งเป็นมหาเทวาวิญญาณ ทายาทตระกูลอื่นอย่างลั่วฉ่าวหนง กงเหย่เจ๋อฟู ตี้จวิน เยวลู่ฮวา จินชิงหยาง และเป่ยเหวินก็ถูกเจ้าเด็กนี่ฆ่าเช่นกัน ฆาตกรไร้จิตสำนึกเช่นนี้เป็นความอับอายของเขาเทพพยากรณ์ของพวกเจ้าแท้ ๆ!”
ตัวตนทรงอำนาจคนอื่น ๆ ต่างพูดด่าทอเฉินซีอย่างเดือดดาลเช่นกัน
เฉินซีเห็นเช่นนี้ก็แค่นยิ้ม ไอ้แก่งี่เง่าเหล่านี้น่าสะอิดสะเอียนถึงขีดสุดโดยแท้ ก่อนหน้านี้ พวกเขายามจัดการกับข้าสุดแสนหยิ่งผยองไร้เหตุผล กระทั่งกระทำการไร้คำนึงใด ๆ ยามนี้เมื่อศิษย์พี่ใหญ่มา พวกเขาก็เริ่มมีเหตุผลกันขึ้นมาทันที ไร้ยางอายกันที่สุด
ถูกผิด? เหลวไหลทั้งเพ!
หากเราใช้เหตุผลกันได้ แล้วพวกลั่วฉ่าวหนงมารุมโจมตีข้ากันด้วยกงการอะไร? แล้วเหตุใดข้าจะฆ่าพวกเขาไม่ได้?
สิ่งที่เขาแค้นที่สุดคือเจิ้นหลิวชิงถูกทำร้ายเพราะคณะของลั่วฉ่าวหนง ทำให้เฉินซีไม่อาจอภัยให้สารเลวเหล่านี้ได้!
เขาสูดหายใจลึก ๆ ตั้งใจจะอธิบายสถานการณ์แก่ศิษย์พี่ใหญ่ของตน อู๋เซวี่ยฉาน
ทว่าอู๋เซวี่ยฉานโบกมือ ส่งสัญญาณบอกเฉินซีว่าไม่ต้องพูดอะไร
อึดใจต่อมา อู๋เซวี่ยฉานก็ปรายสายตามองเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเอะอะไม่หยุดปากกันอย่างเย็นเยียบ เอ่ยหนึ่งวาทะออกมาเบา ๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุกเข่า”
เป็นเพียงคำคำหนึ่ง แต่กลับเหมือนอัสนีทะยานลงจากฟ้า
พริบตาต่อมา เสียงกระดูกแหลกก็ดังระรัวเป็นชั้นคลื่น ตัวตนยิ่งยงผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างแผดเสียงโหยหวนระงมตามกัน ก่อนจะเข่าพับทรุดลงไปอย่างเกินขัดขืน
เหตุการณ์เช่นนี้ชวนตะลึงถึงขีดสุด
มันทำให้คนอื่น ๆ อดหวนนึกขึ้นมิได้ว่าก่อนหน้านี้ จักรพรรดิชงโตวก็พูดกับเฉินซีในลักษณะเดียวกัน เกิดเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญไม่แตกต่าง
ทว่าสุดท้าย เฉินซีก็มิได้คุกเข่า ขณะนี้ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายจากเอกภพจักรวรรดิไม่มีแม้แต่เวลาจะไหวตัวขัดขืน พวกเขาล้วนถูกบังคับคุกเข่ากันแล้ว!
คนสิบกว่าคนทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ทำให้หัวใจผู้บ่มเพาะทั้งหลายรายล้อมสั่นสะท้านด้วยความกลัว ยิ่งกว่านั้น เปลือกตาของพวกเขายังกระตุก ร่างทื่อนิ่งกับที่
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เขาอหังการเกินไป!
นายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ไม่ปรากฏตัวมาเกินนับปี ทว่าทันทีที่เผยลักษณ์ก็ลงมืออย่างอหังการ เด็ดขาดเย็นชา ทำให้คนอื่น ๆ ไม่อาจเชื่อกันลง
“หากพวกเจ้ามีเหตุผลกันนัก ก็คงไม่ทำร้ายศิษย์น้องเล็กของข้าเช่นนี้ ดังนั้นยามข้าจัดการกับพวกเจ้า จึงทำได้เพียงไร้เหตุผลยิ่งกว่า” อู๋เซวี่ยฉานเหลือบชำเลืองตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายซึ่งคุกเข่ากับพื้นอย่างเย็นชา แล้วจึงหันมองคนอื่น ๆ ที่เหลือ “ยังมีผู้ใดอยากจะเสวนากับข้า อู๋เซวี่ยฉานด้วยเหตุผลอีกหรือไม่?”
พวกเขาต่างเงียบไปดุจจักจั่นในเหมันตฤดู ทั่วทิศสงัดงันวังเวง
ชั่วขณะนี้ อู๋เซวี่ยฉานไม่ต่างกับจักรพรรดิผู้ครองฟ้าดิน ตระหง่านสูงเหนือโลกหล้า เผยกิริยาสง่างามสูงสุด
“นายใหญ่ เจ้าทำเช่นนี้จะมากไปแล้วนะ!” สีหน้าของจักรพรรดิชงโตวเกินทนมองนัก กล่าวขึ้นเสียงเบา
“ข้าทำเกินไป?” อู๋เซวี่ยฉานเลิกคิ้วมองจักรพรรดิชงโตวอย่างเย็นเยียบ
จักรพรรดิชงโตวหรี่ตาลง สูดหายใจลึก ๆ และกล่าวว่า “อะไร? หรือพวกเจ้าเขาเทพพยากรณ์ตั้งใจจะเป็นอริกับเราทั้งหมด?”
อู๋เซวี่ยฉานพลันหัวเราะเสียแทน แล้วกล่าวกับจักรพรรดิชงโตวอย่างเฉยชา “ข้าให้โอกาสเจ้า หากเจ้ารับการโจมตีจากข้าได้สามกระบวน ข้ากับศิษย์น้องเล็กจะจากไปทันที หาไม่ ทิ้งชีวิตเจ้าไว้ที่นี่ ว่าเช่นไร?”
มันเป็นเพียงคำพูดง่าย ๆ แต่กลับอหังการไร้ใดปาน
สีหน้าของจักรพรรดิชงโตวพลันดำคล้ำ กล่าวเสียงเบา “หากข้าไม่ตกลงเล่า?”
อู๋เซวี่ยฉานเก็บรอยยิ้ม เปลี่ยนสีหน้าเป็นเฉยชา “หากไม่ ก็คุกเข่าลงขอขมาเสีย”
จากข่าวลือ เขาเทพพยากรณ์ขึ้นชื่อเรื่องความลึกลับและเก็บตัวเงียบเสมอมา นอกจากนั้น ยังกล่าวกันว่านายใหญ่อู๋เซวี่ยฉานเป็นคนอบอุ่นยิ่ง ทว่าขณะนี้ เขากลับอุกอาจอหังการ หรือนั่นจะเป็นเพราะเฉินซี?
“จะเกินไปแล้ว!” จักรพรรดิชงโตวเดือดดาลสุดขีด ชี้หน้าอู๋เซวี่ยฉาน “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ขอข้าประจักษ์ฝีมือนายใหญ่หน่อยแล้วกัน!”
เปรี้ยง!
ปราณยิ่งใหญ่ระเบิดพล่าน เผยอำนาจไร้ขอบเขต
ขณะเดียวกัน ไข่มุกแดนเทวะยี่สิบสี่ประการก็ถูกใช้ แปรเปลี่ยนเป็นม่านพลังดุจจักรวาลขวางหน้า เผยภาพยิ่งใหญ่ชวนสะพรึงยามดาราโคจร ตะวันจันทราผันแปรภายใน ฟาดกระแทกลงใส่อู๋เซวี่ยฉานอย่างดุดัน
เขาโจมตีอย่างสุดกำลังมาแต่แรก อำนาจจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ปกคลุมพื้นที่ล้านลี้ในฉับพลัน ทำให้สรรพสิ่งสิ้นสลาย มหาเต๋าพังทลาย!
ทว่าเรื่องทั้งหมดนี้จบลงในพริบตา
ขณะที่คนทั้งหลายรอบทิศคืนสติ พวกเขาก็ต้องผงะเมื่อพบว่าแท้จริง ไข่มุกแดนเทวะยี่สิบสี่ประการอยู่ในมืออู๋เซวี่ยฉาน!
เหตุการณ์นี้ทำให้ดวงตาของพวกเขาเจียนถลนด้วยความตะลึง มันเกินคำนึงไปมากนัก!
“เจ้า…. เจ้า…. ที่แท้เจ้าก็….” ม่านตาของจักรพรรดิชงโตวหดตัวเฉียบพลัน เหมือนตระหนักถึงบางสิ่งแล้ว ทำให้เขาทั้งตะลึงและครั่นคร้ามถึงขีดสุด
“คุกเข่า” อู๋เซวี่ยฉานยื่นมือเรียวกว้างของตนออกกดบนอากาศเบา ๆ
เปรี้ยง!
บริเวณที่จักรพรรดิชงโตวถูกระเบิดเป็นชิ้นเสี่ยง ขณะที่ตัวเขาก็เหมือนถูกค้อนยักษ์ทุบถล่ม โลหิตทะลักรินจากทุกรูขุมขนในกาย ใบหน้าบิดเบี้ยว ท้ายที่สุดก็ไม่อาจทานทนแรงกดดันมหาศาลเช่นนี้จนคุกเข่าดังตุ้บกลางอากาศ
หนึ่งจักรพรรดิคุกเข่าต่อหน้าปวงชนเช่นนั้น!
ชั่วขณะนี้ ทั่วทิศเงียบกริบ ทุกผู้ต่างลืมหายใจ ม่านตาหดเรียว เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เหตุการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจพานพบได้ในรอบล้านปี!
ถึงอย่างไร นั่นก็คือจักรพรรดิ! กระทั่งในเอกภพจักรวรรดิ จักรพรรดิยังเป็นตัวตนสูงสุดซึ่งถือครองอำนาจยิ่งใหญ่เหนือเอกภพ
ทว่าขณะนี้ ตัวตนเช่นนั้นผู้หนึ่งกลับถูกบังคับคุกเข่า….
ม่านตาของจักรพรรดินีอวี้เชอหดตัวอย่างช่วยไม่ได้ นางเหมือนตระหนักถึงบางสิ่ง ทำให้สายตาของนางที่มองมายังอู๋เซวี่ยฉานเต็มไปด้วยความตะลึง ขณะที่หัวใจไม่อาจสงบลงได้เลย
“อู๋เซวี่ยฉาน! ข้าจะไม่มีวันลืมความอัปยศที่ประสบวันนี้!” จักรพรรดิชงโตวแผดเสียงอย่างเดือดดาลสะท้านฟ้าดิน เต็มไปด้วยโทสะคั่งแค้นไร้ขอบเขต
“มาหาข้าได้เสมอเลย” อู๋เซวี่ยฉานเหลือบมองเขา แล้วไม่คิดสนใจเขาอีก
เขาหันมามองเฉินซี แล้วจึงกล่าวยิ้ม ๆ “ศิษย์น้องเล็ก พอใจหรือไม่?”
เฉินซีส่ายหัว “ท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะศิษย์พี่ใหญ่ช่วยเหลือ ข้าจะพอใจก็ต่อเมื่อยามบดขยี้พวกเขาทีละคนด้วยมือตนในภายหน้ายามก้าวหน้าในการบ่มเพาะแล้ว”
อู๋เซวี่ยฉานอดยิ้มมิได้ เขาเหมือนสังเกตเห็นบางสิ่ง ทำให้สายตาเบนมองไปไกล คิ้วคลับคล้ายย่นหากัน กล่าวเสียงเบาว่า “ช่างมันเถอะ เราไปกันก่อนดีกว่า”
เฉินซีผงะ “แล้วพวกเขาเล่า….”
อู๋เซวี่ยฉานตอบยิ้ม ๆ “ข้าจะปล่อยไว้ให้เจ้าสนองในภายหน้า”
ว่าแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง แล้วสะบัดแขนเสื้อพาเฉินซีกับจักรพรรดินีอวี้เชอปลาสนาการไปทันทีโดยไม่ถามความเห็น