บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1730 สถานที่ลึกลับ
บทที่ 1730 สถานที่ลึกลับ
ภายในหมอกสีม่วงที่กำลังพลุ่งพล่าน ทัศนวิสัยโดยรอบแทบเป็นศูนย์ บรรยากาศอันเงียบสงบอย่างแปลกประหลาดนี้ก็เต็มไปด้วยจิตสังหารอันไร้ขอบเขต…
ในขณะนี้ แม้แต่เหล่าไป๋และจักรพรรดินีอวี้เชอก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ทั้งสองต่างมิกล้าคลายความระมัดระวัง ท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นข้อจำกัดที่ถูกสร้างโดยจ้าวเต๋า และมันน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง
ฟิ่ว!
หมอกสีม่วงพุ่งสูงขึ้น และกลืนกินร่างของทุกคนอยู่ภายในนั้น
เฉินซีดูเหมือนจะมั่นใจอย่างยิ่ง เขาเดินไปตามเส้นทางแปลก ๆ บางครั้งก็หันหลังกลับ บางครั้งก็หยุดและบางครั้งก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ ปรากฏการณ์ทุกประเภทเช่นฟ้าผ่า คลื่นยักษ์ ภูเขาไฟ รอยแยกมิติที่พาดผ่านฟ้าดินราวกับหุบเหว เสียงคำรามของเทพอสูรโบราณ ธารโลหิตที่หลั่งไหลลงมา ภูเขาโครงกระดูก และซากศพที่น่าสยดสยองกองพะเนินอยู่บนผืนดิน…. ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งและเป็นตัวแทนของภัยอันตรายถึงชีวิต!
อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถเอาชนะอันตรายเหล่านี้ได้เสมอภายใต้การนำของเฉินซี และหลีกเลี่ยงมันได้อย่างฉิวเฉียด
ทั้งสองคนตระหนักดีว่าหากเฉินซีไม่ได้เป็นผู้นำในครั้งนี้ พวกเขาคงอาจเผลอไปเปิดกลไกของข้อจำกัดเทวะและประสบกับเภทภัยไปแล้ว
หลังจากนั้น เหตุการณ์ข้างหน้ายิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิม บางครั้งก็มีหลุมดำที่กลืนกินบริเวณโดยรอบ บางครั้งก็มีดวงดาวจำนวนมากมายที่ระเบิดเป็นชิ้น ๆ ซึ่งทำให้เกิดประกายแสงโปรยปรายลงมา ก่อนที่ทั้งจักรวาลจะถูกทำลายไปพร้อมกับพวกมัน….
และทั้งหมดนี้ไม่ใช่ภาพลวงตา อย่างไรก็ตาม กลุ่มของเฉินซีได้หลีกเลี่ยงอันตรายเหล่านี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น มิฉะนั้นคงได้ติดร่างแหไปด้วย และผลที่ตามมาก็ยากจะจินตนาการได้
ในขณะนี้ แม้แต่เฉินซีก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์และเป็นประกายอย่างน่าตกใจ
ข้อจำกัดเทวะนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ และหากมีใครเผชิญหน้ากับมัน แม้แต่การดำรงอยู่ในขอบเขตมหาราชเทวาก็อาจจะพินาศภายในนั้น!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นิกายศักดิ์สิทธิ์ล้อมวิญญาณยังคงไม่สามารถพิชิตข้อจำกัดเทวะนี้ได้จนถึงขณะนี้ เพราะหากไม่บรรลุความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระหรือมีการบ่มเพาะขั้นสูงสุดในขอบเขตมหาเทพเต๋า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะข้อจำกัดเทวะนี้
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตื่นตัวและระมัดระวังมากยิ่งขึ้น บางครั้ง เขาไม่ได้เดินหน้าแม้แต่ก้าวเดียวเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม และบางครั้งก็เคลื่อนตัวเป็นระยะทางมากกว่าสองพันห้าร้อยลี้ ภายในชั่วพริบตา
ในขณะนี้ ดูเหมือนเขาจะสามารถทำนายอนาคตได้ในขณะที่ก้าวผ่านข้อจำกัดเทวะซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย และตั้งใจที่จะสร้างเส้นทางที่ปลอดภัยของตนเอง
โครม!
สองวันต่อมา จู่ ๆ วานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินก็พุ่งออกมาขวางหน้า มันสูงประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบจั้ง และมีหอกกระดูกสีขาวเหมือนหิมะอยู่ในมือขณะที่มันพุ่งไปในอากาศ
ทันใดนั้นอวกาศอันกว้างใหญ่ก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวของมันทำให้เฉินซีรู้สึกหายใจไม่ออกและเผยสีหน้าตกใจ
“อวี้เชอ โจมตี! เจ้าต้องฆ่ามันภายในหกสิบลมหายใจ!” เฉินซีรีบกล่าวผ่านกระแสปราณด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
เคร้ง! เคร้ง!
ก่อนที่เฉินซีจะกล่าวเสร็จ จักรพรรดินีอวี้เชอก็โจมตีอย่างรุนแรง กระบี่พิฆาตฟ้าและกระบี่มลทินอเวจีกลายเป็นลำแสงสองสายซึ่งส่งเสียงหวีดหวิวออกไป
โครม!
เหมือนฟ้าดินแยกออกจากกันและพังทลายลง แสงศักดิ์สิทธิ์อันเจิดจ้าได้กวาดไปทุกทิศทุกทาง และกดดันเฉินซีจนร่างเซกลับไป
พร้อมกับจักรพรรดินีอวี้เชอที่ถูกการโจมตีสะท้อนกลับจนต้องถอยร่นไป
“ช่างอ่อนแอยิ่งนัก! ไปตายซะ!” วานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินเยาะเย้ย เปล่งเสียงที่เหมือนกับฟ้าคำรามที่สั่นสะเทือนจนถึงดวงวิญญาณ
โครม!
จักรพรรดินีอวี้เชอเผยสีหน้าเคร่งขรึม นางหายใจเข้าลึก และใช้กำลังเต็มที่เพื่อต่อสู้กับมัน
ชั่วขณะหนึ่ง ปราณกระบี่กวาดออกไปทั้งแนวนอนและแนวตั้ง ในขณะที่เงาหอกวูบวาบ คล้ายกำลังจะระเบิดสถานที่นี้ออกเป็นเสี่ยง ๆ และเปลี่ยนให้กลายเป็นฉากแห่งความรกร้าง
ทั้งที่จักรพรรดินีอวี้เชอเป็นถึงจักรพรรดิ แต่วานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินกลับสามารถต่อสู้กับนางได้อย่างทัดเทียม สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันน่ากลัวเพียงใด
“ไม่ได้การ หากนางยังคงไม่สามารถฆ่าสัตว์ร้ายตัวนี้ได้ เส้นทางที่ปลอดภัยนั้นก็จะสูญสลายไปโดยสิ้นเชิง….” เฉินซีมีสีหน้าหม่นหมองทั้งยังรู้สึกกังวลในใจ
เขาไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้ได้ และหากว่าเขาถูกกวาดเข้าสู่วงต่อสู้ เขาก็จะถูกทำลายล้างทันทีโดยไม่มีโอกาสได้ต่อต้าน
ณ เวลานี้เอง เหล่าไป๋กลับเริ่มกล่าวด้วยท่าทางที่ลึกซึ้ง
จักรพรรดินีอวี้เชอตัวสั่นสะท้าน ก่อนที่ร่างของนางจะทะยานออกไป ก่อนจะตวัดกระบี่พิฆาตฟ้าในแนวเฉียง ปราณกระบี่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนที่จะถาโถมลงมาดุจกระแสน้ำในมหาสมุทร พลังศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างกายของนางคำรามลั่นเหมือนมังกร จากนั้นจึงมาบรรจบอยู่ภายในฝ่ามือ
ฟึ่บ!
มันกระแทกเข้าใส่วานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินจนกระเด็นอย่างแรง พร้อมกับเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดินีอวี้เชอรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย เพราะที่ผ่านมา นางไม่เคยทำสิ่งนี้มาก่อน
ทว่าก่อนที่นางจะหายจากอาการตกใจ เสียงของเหล่าไป๋ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เคร้ง!
จักรพรรดินีอวี้เชอใช้กระบี่ในมือโดยสัญชาตญาณและกวาดมันไปในแนวโค้ง จนดูเหมือนหยินและหยางถูกสะบั้นออกจากกัน เผยให้เห็นฉากที่ไร้ที่ติและน่าสยดสยอง
พรวด!
การฟาดฟันครั้งนี้ฟันแขนของวานรขาดไปข้างหนึ่ง!
โลหิตของเทพสาดกระจายไปในอากาศ ในขณะที่วานรคำรามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันดูเหมือนจะไม่เชื่อและเดือดดาลมากขึ้น
ณ เวลานี้ ในที่สุดเฉินซีก็เข้าใจได้ทันที เหล่าไป๋ไม่ได้กล่าวถึงกระบวนท่าที่เฉพาะเจาะจง และมันเป็นรูปแบบหนึ่งของเคล็ดวิชาพิเศษในการใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างกาย ซึ่งด้วยวิธีนี้เองที่ช่วยให้จักรพรรดินีอวี้เชอสามารถควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างกายได้ดีขึ้นหนึ่งระดับ ดังนั้นพลังการบ่มเพาะจึงปะทุขึ้นพร้อมกับบรรลุผลที่น่าตกใจเช่นนี้
เหล่าไป๋กล่าวประโยคแล้วประโยคเล่าด้วยเคล็ดวิชาที่ลึกซึ้งและคลุมเครือ ภายใต้คำแนะนำดังกล่าว จักรพรรดินีอวี้เชอสามารถต่อสู้อย่างห้าวหาญมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่มีสิ่งใดจะหยุดยั้งนางได้ นางโจมตีวานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินจนเลือดสาดกระเซ็นอย่างรุนแรง ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อย
ในทางกลับกัน เฉินซีรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าเหล่าไป๋ ผู้เฒ่าจอมหลงตัวเอง และมีฝีปากร้าย จะสามารถชี้แนะผู้บ่มเพาะขอบเขตมหาราชเทวาในการต่อสู้ได้จริง ๆ มิหนำซ้ำ ยังกลายเป็นจอมทัพที่มีความสามารถในการบัญชาขั้นสูง
“ดูเหมือนว่าวิหคเฒ่าจะมีความลับอยู่อีกสินะ…” เฉินซีดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด
พรวด!
เสียงคำรามที่น่าตกตะลึงดังก้องไปทั่วหล้า ในขณะที่ศีรษะของวานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินถูกฟันขาดกระเด็นไปบนท้องฟ้า ร่างอันใหญ่โตล้มกองกับพื้น
ในโลกภายนอก วานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินนี้สามารถทัดเทียมกับตัวตนขอบเขตมหาราชเทวาได้ ทว่าบัดนี้มันกลับถูกจักรพรรดินีอวี้เชอสังหารสิ้น
แม้แต่จักรพรรดินีอวี้เชอก็ตกตะลึง และนางก็แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเพิ่งทำสำเร็จ
“หึ! ข้าแค่แสดงทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มันกลับทำให้พวกเจ้าตกตะลึงถึงเพียงนี้ พวกเจ้ายังอ่อนหัดนัก” เหล่าไป๋กล่าวอย่างพึงพอใจ
ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ศพของวานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินก็กลายเป็นควันหายไปอย่างรวดเร็ว และหากพวกเขาไม่ได้เห็นมันด้วยสองตาของตัวเอง ก็คงจะคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
ขณะที่กล่าว ร่างก็วูบไหวและพุ่งกายไปข้างหน้า
จักรพรรดินีอวี้เชอย่อมไม่กล้าลังเล และรีบตามไปติด ๆ
ครืน!
หลังจากที่พวกเขาเพิ่งจากไป ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ก็พังทลายลงมา แปรสภาพกลายเป็นเป็นเหวแห่งความว่างเปล่าที่ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่!
แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องประสบกับหายนะอย่างแน่นอน หากพวกเขาช้าไปหนึ่งก้าว
ในส่วนถัดไปของการเดินทาง ไม่มีสัตว์ร้ายเช่นวานรศักดิ์สิทธิ์สีเงินปรากฏตัวอีกต่อไป แต่มันก็อันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ
อาจกล่าวได้ว่าทุกฝีก้าวล้วนเต็มไปด้วยภยันตราย
ตลอดทาง แม้แต่เฉินซีก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และไม่กล้าปล่อยให้ตัวเองว่อกแว่ก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จักรพรรดินีอวี้เชอซึ่งแต่เดิมตั้งใจจะขอคำชี้แนะจากเหล่าไป๋ ได้แต่ยั้งใจตัวเอง เพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเฉินซี
หญิงสาวยังรู้สึกตกใจไม่หาย เพราะเคล็ดวิชาที่เหล่าไป๋ชี้แนะนั้นไม่เพียงแต่สามารถปรับปรุงการควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ของนางได้เท่านั้น แม้แต่การบ่มเพาะที่หยุดนิ่งมาเป็นเวลานานก็ยังแสดงสัญญาณของการคลายตัวและทะลวงผ่านได้
สำหรับผู้บ่มเพาะในระดับการบ่มเพาะเช่นนี้ สิ่งนี้มีค่ายิ่งกว่าการประสบโชคลาภโดยบังเอิญครั้งไหน ๆ
“เรามาถึงแล้ว” ทันใดนั้น เฉินซีก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและกล่าวด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้า ทำให้ฉากตรงหน้าเปลี่ยนไปทันที ผืนป่าอันเงียบสงัดที่ปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏขึ้น แผ่บรรยากาศเงียบและสงบสุขอย่างยิ่ง
มองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่า ป่าอันเงียบสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์หายาก ที่มีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากวัชพืชไร้ค่า พวกมันส่งกลิ่นหอมแปลก ๆ และมีความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เฉินซีสังเกตเห็นอย่างชัดเจนว่า สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ถูกปกคลุมไปด้วยความผันผวนของข้อจำกัด และเห็นได้ชัดว่ามีคนปลูกมันไว้ที่นี่
นอกจากนี้ยังมีถนนหินปูนท่ามกลางป่าเขียวขจี ทอดตัวคดเคี้ยวลึกเข้าไปในแมกไม้ และไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้
บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ และแผ่กลิ่นอายที่ทำให้จิตใจสงบอย่างน่าประหลาด
แต่สิ่งที่ทำให้เฉินซีต้องประหลาดใจ คือประสาทสัมผัสของเขาถูกสะกดด้วยพลังที่มองไม่เห็น หลังจากที่เขามาถึงที่นี่ ในระยะสองร้อยห้าสิบลี้ เขาแทบไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งใดได้เลย!
ไม่ใช่แค่เฉินซีเท่านั้น จักรพรรดินีอวี้เชอก็ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน และนี่ทำให้จักรพรรดินีอวี้เชอที่เพิ่งผ่อนคลายกลับมาระมัดระวังตัวอีกครั้ง
เนื่องจากข้อจำกัดเทวะนั้นน่ากลัวมาก ดังนั้นจึงประจักษ์ว่า ‘ผู้เยี่ยมยุทธ์’ ที่อาศัยอยู่ที่นี่นั้นน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถประมาทได้เลย
“สถานที่แห่งนี้… ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!” ในขณะนี้ แม้แต่เหล่าไป๋ก็มีทีท่าแปลกไปและเผยให้เห็นสีหน้าเคร่งขรึมที่หาได้ยาก “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เราคงไม่ได้อยู่ในแดนเทพโบราณอีกต่อไปแล้ว!”
อะไรนะ!?
จักรพรรดินีอวี้เชอและเฉินซีต่างตกตะลึง เราไม่ได้อยู่ในแดนเทพโบราณเหรอ? แล้วเราอยู่ที่ไหน?
“เอาเป็นว่าเราควรระวังไว้ดีที่สุด เพราะบุคคลที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกเช่นนี้ได้ ย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน” เหล่าไป๋กล่าวเตือน แต่ในช่วงเวลาต่อมา มันก็เผยธาตุแท้และหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน ในเมื่อเจ้ามีบรรพชนอย่างข้าอยู่ด้วย ก็เพียงพอแล้วที่จะเปลี่ยนโชคร้ายให้เป็นโชคลาภ”
เฉินซีและจักรพรรดินีอวี้เชอสบตากัน และลอบกลอกตาอย่างเงียบงัน
“ไม่นึกเลยว่าหลังจากผ่านไปหลายปี จะมีสหายเต๋ามาถึงที่นี่มากมายเพียงนี้ โปรดตามข้ามา”
ทันใดนั้น เสียงอันอบอุ่นก็ดังขึ้น พร้อมกับกวางสีขาวที่เต็มไปด้วยแสงอันบริสุทธิ์เยื้องย่างเข้ามา มันมีสีขาวราวหิมะ ดูบริสุทธิ์ไร้มลทินใด ๆ มีเขาเพียงอันเดียวบนหัว ทำให้มันดูงดงามและไม่ธรรมดา
ทันทีที่ปรากฏตัว มันก็พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็หันหลังกลับและก้าวเดินไปตามถนนหินปูน
หัวใจของเฉินซีและคนอื่น ๆ สั่นไหวทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่ากวางขาวมาที่นี่ได้อย่างไร!
มันลึกลับเกินไป
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายลี้ลับที่ทำให้ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในใจ
………………..