บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1748 กระบี่เปลื้องมลทิน
บทที่ 1748 กระบี่เปลื้องมลทิน
เงื่อนไขที่จักรพรรดิเจิ้นอู่เสนอนั้นเย้ายวนเป็นอย่างยิ่ง และหากเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดา ๆ คนอื่น ผู้บ่มเพาะคนนั้นคงจะยินดีและตอบตกลงแล้ว
จักรพรรดิเจิ้นอู่เองก็มั่นใจมากว่าเขาได้แสดงความจริงใจแล้ว และตราบใดที่อีกฝ่ายรู้วิธีชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย บุคคลนั้นก็จะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่ในความเห็นของเฉินซี บางทีเงื่อนไขที่จักรพรรดิเจิ้นอู่เสนอนั้น อาจทำให้ผู้บ่มเพาะคนอื่นปีติยินดี ทว่ามันหาได้น่าดึงดูดใจสำหรับเขาไม่
เหตุผลนั้นง่ายมาก ศิษย์พี่ใหญ่อู๋เซวี่ยฉานของเขาคือมหาเทพเต๋า และตอนนี้เขายังติดต่อกับมหาเทพเต๋าอีกคนซึ่งคือปรมาจารย์แห่งอารามไท่ชู
ด้วยเหตุนี้ เงื่อนไขที่จักรพรรดิเจิ้นอู่เสนอนั้นไม่สามารถทำให้เฉินซีหวั่นไหวได้มากนัก
แต่เฉินซีก็ไม่ปฏิเสธ เนื่องเพราะเขาต้องการหญ้าปีกมายาแปรลักษณ์จริง ๆ และชายหนุ่มไม่สามารถปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดลอยไปได้
ทว่าเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะจ่ายราคานั้นด้วยรากเต๋าบรรพชนที่สูงกว่าระดับหก
“ข้าซาบซึ้งในความปรารถนาดีของผู้อาวุโส” เฉินซีไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งก่อนจะกล่าวว่า “ไม่ต้องกล่าวถึงความโปรดปรานในยามนี้ ข้าเพียงขาดกระบี่คู่มือที่เหมาะสม หากผู้อาวุโสสามารถตอบสนองคำขอของข้าได้ ข้าจะมอบรากเต๋าของบรรพชนให้แก่ผู้อาวุโสโดยปริยาย”
“ไม่สิ!”
“เขาไม่ได้ปฏิเสธ และยังฉวยโอกาสนี้เพื่อขอกระบี่จากจักรพรรดิเจิ้นอู่ด้วยซ้ำ!”
หัวใจของเฉียนอันกระตุกวูบทันที “นี่ไม่ถือว่าได้คืบจะเอาศอกหรอกหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาทำให้จักรพรรดิเจิ้นอู่โกรธเคือง?”
ในขณะนี้ จักรพรรดิเจิ้นอู่ที่อยู่ในห้องตรงข้ามอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง และเขาแปลกใจเล็กน้อย เนื่องเพราะชายหนุ่มในห้องตรงข้ามกลับกล้าต่อรองกับเขาจริง ๆ!
“สามหาวนัก!” จ้าวจิ่วคุนไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป จากนั้นจึงกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ตั้งใจฉวยโอกาสนี้เพื่อขูดรีดท่านปู่อย่างไร้ยางอาย ท่านปู่อย่าได้คล้อยตามมันเป็นอันขาด!”
จักรพรรดิเจิ้นอู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก ข้าย่อมรู้ดีแก่ใจ”
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ทอดถอนใจ ก่อนลุกยืนขึ้นแล้วตบไหล่จ้าวจิ่วคุน พลางกล่าวว่า “ถ้าเจ้าต้องการรากเต๋าบรรพชนที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ก็ต้องจ่ายในราคาที่สมเหตุสมผล”
“แต่….” จ้าวจิ่วคุนรู้สึกไม่เต็มใจ
“ไม่มีแต่!” จักรพรรดิเจิ้นอู่โบกมือ และขัดจังหวะจ้าวจิ่วคุน พร้อมเผยท่าทางที่สง่างามออกมา
“จิ่วคุน เจ้าจำยามที่มาหาข้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้หรือไม่? แม้ว่าพวกเขาจะริเริ่มส่งรากเต๋าบรรพชนมาให้ข้า แต่พวกเขาก็ร้องขอมากเกินไป และบางคนถึงกับตั้งใจที่จะบุกรุกดินแดนของเราในเอกภพภาสอุดร พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความโลภและความทะเยอทะยานที่บ้าคลั่ง!”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นที่มุมปากของจักรพรรดิเจิ้นอู่ “แต่ตอนนี้ เราสามารถซื้อรากเต๋าบรรพชนที่คุณภาพดีเยี่ยมได้ด้วยการแลกเปลี่ยน และมันก็ดีมากแล้ว อย่างน้อยที่สุด ก็ดีกว่าตกลงตามเงื่อนไขของสหายเก่าเหล่านั้นเป็นร้อยเท่า”
จ้าวจิ่วคุนเงียบทันทีเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เขาตระหนักดีว่ามียอดคนจำนวนมากเดินทางมาหาปู่ของเขา และพวกเขาได้เสนอที่จะมอบรากเต๋าบรรพชนที่มีคุณภาพดีเยี่ยมให้กับท่านปู่ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอทั้งหมดล้วนถูกปู่ของเขาปฏิเสธ เหตุผลก็คือ เจตนาของพวกเขาไม่บริสุทธิ์ อีกทั้งยังเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ปู่ของเขาไม่สามารถรับได้อย่างแน่นอน
ซึ่งสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขา จ้าวจิ่วคุน!
หากไม่ใช่เพื่อช่วยให้เขาได้บรรลุขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล จักรพรรดิเจิ้นอู่คงไม่ต้องเผชิญกับปัญหามากมายขนาดนี้
“ท่านปู่….’ จ้าวจิ่วคุนหายใจเข้าลึก ๆ และดูเหมือนจะตั้งใจจะกล่าวอะไรบางอย่าง
“เอาละ ในวันข้างหน้า หากเจ้าทุ่มเทบ่มเพาะ แค่นั้นก็มากเพียงพอแล้ว” จักรพรรดิเจิ้นอู่ยิ้มเป็นเชิงว่าไม่ต้องกล่าวอะไรอีก
เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ จักรพรรดิเจิ้นอู่ดูเหมือนจะตัดสินใจบางอย่างได้ เขายกมือขึ้นและนำกล่องกระบี่ทองสัมฤทธิ์ออกมา ตัวกล่องกระบี่นั่นเต็มไปด้วยรอยกระดำกระด่าง อบอวลไปด้วยกลิ่นอายเก่าแก่และเคร่งขรึมที่เกิดจากสั่งสมผ่านกาลเวลามานานนม
“ท่านปู่ ท่านคงไม่คิดที่จะมอบสมบัตินี้ให้คนผู้นั้นกระมัง?!” ทันใดนั้น จู่ ๆ จ้าวจิ่วคุนก็ร้องโพล่งออกมา และดูเหมือนว่าเขาจะจำสมบัติที่อยู่ในกล่องกระบี่ทองสัมฤทธิ์ได้
“ต่อให้ข้าครอบครองมันไป ก็หาได้มีประโยชน์อันใดไม่” จักรพรรดิเจิ้นอู่ส่ายศีรษะและหยุดลังเล เขาหันกลับมาพร้อมกับผลักประตูออก “มอบสิ่งนี้และหญ้าปีกมายาแปรลักษณ์ให้กับผู้ดูแล และให้ผู้ดูแลส่งพวกมันให้กับเขา”
“ขอรับ!” ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ข้างนอกประตูรีบโค้งคำนับ และรับกล่องกระบี่ก่อนจะจากไปอย่างเร่งรีบ
“ท่านปู่ ราคาเช่นนั้นไม่มากเกินไปหน่อยหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นหากมันตกอยู่ในมือของคนชั่ว!? จะไม่เป็นการทำให้ชื่อเสียงของมันด่างพร้อยหรอกหรือ?!” จ้าวจิ่วคุนอดไม่ได้ที่จะทุบอกและกระทืบเท้าด้วยความโกรธสุดขีด
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะไปเอามันกลับมาด้วยตัวเอง” จักรพรรดิเจิ้นอู่กล่าวคำเหล่านี้เบา ๆ น้ำเสียงของเขาสงบนิ่ง ไม่แยแส ทั้งยังมีกลิ่นอายที่กดดันและหยิ่งผยอง
…
การสนทนาระหว่างจักรพรรดิเจิ้นอู่และจ้าวจิ่วคุนไม่ได้ดังเข้าไปในห้องของเฉินซี และสิ่งนี้ทำให้บรรยากาศเงียบงันเล็กน้อย
หัวใจของเฉียนอันอดไม่ได้ที่จะตีบตันโต เมื่อไม่มีการตอบกลับจากจักรพรรดิเจิ้นอู่มาพักใหญ่ และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในขณะที่พึมพำว่า “จักรพรรดิเจิ้นอู่… คงไม่… ขุ่นเคืองกระมัง?”
เฉียนอันกล่าวอย่างกังวล “แล้วองค์ชายล่ะ?”
เฉินซีกล่าวอย่างครื้นเครง“เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นใคร แล้วเขาจะทำให้ข้าลำบากได้อย่างไร?”
แม้ว่าเฉินซีจะกล่าวเช่นนี้ แต่เฉียนอันก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เหตุผลก็คือจักรพรรดิเจิ้นอู่ไม่เหมือนกับจักรพรรดิองค์อื่น ๆ ชื่อเสียงของเขายิ่งใหญ่อย่างแท้จริง จนถึงขั้นสร้างความหวาดกลัวในใจของทุกคน และทำให้คนอื่นไม่กล้าเกิดเจตนาร้ายต่อเขา
ในขณะนี้ เสียงเคาะก็ดังขึ้น
สิ่งนี้ทำให้เฉียนอันตื่นตัวทันที เขามองไปที่เฉินซีก่อนจะกล่าวเบา ๆ ว่า “นั่นใครอยู่นอกประตู? เจ้าไม่รู้เหรอว่ามีการแลกเปลี่ยนในห้องรับรองพิเศษนี้”
“เฉียนอัน จักรพรรดิเจิ้นอู่ได้ส่งสมบัติมาสองชิ้น จงออกมารับมันเอง” เสียงสูงวัยดังก้องมาจากภายนอก
“ท่านอาจารย์เผิง!” เฉียนอันตกตะลึงทันที เมื่อเห็นเฉินซีมีสีหน้างุนงง เขาก็รีบอธิบายว่า “หัวหน้าโถงเผิงเป็นจักรพรรดิจากเอกภพสมุทรทักษิณา ในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นหนึ่งในหกหัวหน้าโถงของโถงแลกเปลี่ยนของข้า เขามาจากเผ่าครุฑปีกเขียว ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงข้อพิพาทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ปรากฏว่าที่นี่มีจักรพรรดิคอยดูแลอยู่ ไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีใครกล้าก่อปัญหาที่นี่”
เฉินซีกับดูเหมือนครุ่นคิดแทน จากนั้นจึงสั่งว่า “ไปนำมันมา”
เฉียนอันพยักหน้ารับ หลังจากที่เขาออกจากห้อง ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับกล่องหยกและกล่องกระบี่ทองสัมฤทธิ์โบราณ
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง และดูเหมือนว่าจะคาดเดาบางอย่างได้ทันที ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เขาเปิดกล่องหยกก่อน แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมเห็นสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีลักษณะคล้ายโสมสีม่วงอ่อน และมีละอองแสงที่มีกลิ่นหอมหวานซึ่งฟุ้งกระจายสู่บริเวณโดยรอบ มันวางอยู่เงียบ ๆ ภายในกล่องหยก ซึ่งนั่นก็คือหญ้าปีกมายาแปรลักษณ์!
“มันอาจจะเป็น….” เฉียนอันตัวแข็งทื่อ และเขารู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
ชิ้ง!
ในขณะเดียวกัน เฉินซีได้เปิดกล่องกระบี่แล้ว และทันใดนั้น เสียงกระบี่อันแผ่วเบาก็ดังขึ้น
เมื่อพินิจมันอย่างระมัดระวัง กระบี่โบราณที่ถูกวางอยู่ภายในกล่องนั่นกว้างสองชุ่นครึ่ง ยาวกว่าสี่ฉื่อ มีสีน้ำเงินเข้ม และเรียบเนียนราวกับกระจก พื้นผิวของมันถูกจารึกด้วยอักขระเต๋าที่ลึกลับ และหลั่งไหลด้วยรัศมีอันศักดิ์สิทธิ์ที่ระยิบระยับดุจแสงจันทร์
แม้ว่ามันจะถูกวางเงียบ ๆ อยู่ภายในกล่องกระบี่ แต่เมื่อเฉินซีเพ่งมอง เขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงกลิ่นอายที่ดุร้ายและเยือกเย็นซึ่งทิ่มแทงใบหน้า ทำให้ต้องหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้ มิหนำซ้ำยังรู้สึกเจ็บแปลบและชาเล็กน้อย
“สมบัติวิญญาณธรรมชาติเหรอ?”
“กลิ่นอายนี้ไม่บริสุทธิ์ และคล้ายกับสมบัติวิญญาณประดิษฐ์มากกว่า”
“แต่ไฉนมันถึงมีพลังวิญญาณธรรมชาติที่บริสุทธิ์เช่นนี้?”
ทันใดนั้น ความประหลาดใจก็ผุดขึ้นในใจเฉินซี ซึ่งมาพร้อมกับความสงสัยมากมาย เพราะเขาไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่ากระบี่โบราณเล่มนี้เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ประเภทใด
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ปกติ
ในทางกลับกัน เฉียนอันตัวสั่นเทา สีหน้าผันแปรเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน พร้อมกับสืบกายหลบไปด้านข้าง ราวกับไม่กล้าเข้าใกล้กระบี่โบราณเล่มนี้
แต่อย่างน้อย เขาก็มั่นใจว่าจักรพรรดิเจิ้นอู่ไม่ได้โกรธเคือง อีกทั้งยังมอบหญ้าปีกมายาแปรลักษณ์และกระบี่โบราณเล่มนี้ที่มีกลิ่นอายที่น่าตกใจอีกด้วย!
สิ่งนี้เหนือความคาดหมายของเฉียนอัน ทั้งยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าจักรพรรดิเจิ้นอู่กำลังคิดอะไรอยู่
“สหายเต๋า กระบี่เล่มนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ขณะนั้น เสียงที่ไม่แยแสและมั่นคงของจักรพรรดิเจิ้นอู่ก็ดังก้องอยู่ในห้อง
“มันน่าเกรงขามมาก” เฉินซีหยุดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเสริมว่า “มันพิเศษมาก และคุณค่าของมันอาจจะไม่ด้อยไปกว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติเลย”
“นับว่าเจ้ามีสายตาเฉียบแหลม กระบี่เล่มนี้เรียกว่ากระบี่เปลื้องมลทิน ซึ่งเป็นของยอดคนในอดีตที่เหยียบย่างขึ้นสู่มหาวิถีกระบี่ แม้ว่ามันจะไม่ใช่สมบัติวิญญาณธรรมชาติที่แท้จริง แต่แกนกลางของมันก็ถูกสร้างขึ้นจากสมบัติวิญญาณธรรมชาติ ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลมันอย่างดีและไม่ทำให้ชื่อเสียงของมันด่างพร้อย” เสียงของจักรพรรดิเจิ้นอู่เแฝงไปด้วยความอาวรณ์
“กระบี่เปลื้องมลทิน!” เดิมที่เฉินซีรู้สึกว่าชื่อนี้ค่อนข้างแปลก และสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุด ก็คือเพื่อที่จะหลอมสร้างกระบี่เล่มนี้ ถึงกลับมีคนที่ไม่ลังเลที่จะหลอมสมบัติวิญญาณธรรมชาติให้เป็นแกนกลางของมัน!
หากข่าวนี้แพร่กระจายออกไป เกรงว่าคนผู้นี้จะถูกประณามว่าเป็นคนเสียสติเป็นแน่แท้ ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อสมบัติวิญญาณธรรมชาติถูกหลอม มันก็จะสูญเสียพลังที่เคยมีไปตลอดกาล
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เฉินซีไม่สามารถระบุได้ว่ากระบี่เล่มนี้เป็นสมบัติประเภทใดเมื่อครั้งที่เห็นมันเป็นครั้งแรก
แต่ถึงกระนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากระบี่เล่มนี้จะต้องทรงพลังอย่างยิ่ง มันเกินความคาดหมายของเฉินซี และมูลค่าของมันก็ทัดเทียมกับสมบัติวิญญาณธรรมชาติอย่างแน่นอน!
ทว่าจักรพรรดิเจิ้นอู่กลับมอบกระบี่เล่มนี้ให้เขาจริง ๆ เพียงแค่ประโยคเดียวที่เขากล่าว และสิ่งนี้เกินความคาดหมายของเฉินซีอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทำให้เขาตกตะลึงเล็กน้อย
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่มอบกระบี่เล่มนี้ให้แก่ข้า” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และแสดงความขอบคุณอย่างจริงจัง
ขณะที่กล่าว เขาก็ส่งกล่องหยกไปให้เฉียนอันที่ตกอยู่ในสภาพตกตะลึง และกล่าวว่า “ช่วยส่งสิ่งนี้ให้ข้าด้วย”
เฉียนอันรับมันตามสัญชาตญาณ และเดินออกจากห้องด้วยความงุนงง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้เขาต้องประหลาดใจ และไม่อาจสงบจิตใจได้จนถึงตอนนี้
ในอีกห้องหนึ่ง
“เจ้าเด็กนั้นรู้จักต่อรองจริง ๆ ถึงกับใช้รากเต๋าบรรพชนระดับเจ็ดเพื่อแลกเปลี่ยนกับกระบี่เปลื้องมลทิน” จ้าวจิ่วคุนยังคงอารมณ์เสีย และเขารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับปู่ของเขา ซึ่งคือจักรพรรดิเจิ้นอู่
“กระบี่ที่ถูกเก็บซ่อนอยู่ในกล่องก็ไม่ต่างจากไข่มุกที่ถูกปกคลุมไปด้วยละอองธุลี มันเป็นเสียของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้” จักรพรรดิเจิ้นอู่ยิ้มเบา ๆ
ในขณะนี้ เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้น จากนั้นบริวารได้ยื่นกล่องหยกเข้าไปในห้องด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท นี่คือสมบัติที่บุคคลนั้นส่งมา”
“เจ้าออกไปได้แล้ว” จักรพรรดิเจิ้นอู่รับกล่องหยกมาจากมือ และเปิดมันหลังจากที่บริวารได้จากไปแล้ว
“อืม?” ในเวลาต่อมา ดวงตาของเขาพลันทอประกายเจิดจ้า เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ภายในกล่องหยกอย่างชัดเจน
………………..