บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1754 การแข่งขันระหว่างจักรพรรดิ
บทที่ 1754 การแข่งขันระหว่างจักรพรรดิ
เฉินซีงุนงงในขณะที่ห้องประมูลตกอยู่ในความโกลาหล
ไม่ว่าจะเป็นศิลาเต๋าสมุทรศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิฉางเล่อหรือเหล็กจิตปรภพเพลิงวารีของจักรพรรดิเจิ้นอู่ ทั้งคู่ต่างก็เป็นสมบัติที่หายากและล้ำค่าอย่างยิ่ง
หากเป็นผู้บ่มเพาะธรรมดาทั่วไปย่อมไม่มีประโยชน์สำหรับสมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้ แต่พวกมันกลับมีแรงดึงดูดอย่างมหาศาลต่อผู้ที่ระดับการบ่มเพาะขอบเขตมหาราชเทวา!
อาจกล่าวได้ว่ามูลค่าของสมบัติชิ้นใดชิ้นหนึ่งในนั้น มีมูลค่ามากกว่าหนามลายทองคำเสียอีก
หากเปรียบเทียบสมบัติอันล้ำค่าทั้งสองนี้โดยละเอียด ก็ไม่อาจตัดสินว่าชิ้นไหนเหนือกว่ากัน แต่ผู้คนกลับกล่าวว่าเหล็กจิตปรภพเพลิงวารีนั้นหายากกว่าศิลาเต๋าสมุทรศักดิ์สิทธิ์เล็กน้อย
แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือชิ้นส่วนของหนามลายทองคำนั้น ทำให้จักรพรรดิที่มีชื่อเสียงสองคนต้องแข่งขันกันเอง และเผยเค้าของการเผชิญหน้ากันราง ๆ ทำให้ผู้คนที่อยู่ที่นี่ตกตะลึงและไม่กล้าที่จะเสนอราคาอีก
แน่นอนว่า แม้จะมีจักรพรรดิอยู่มากมาย แต่ถ้าในแง่ของอำนาจและอิทธิพล จักรพรรดิเจิ้นอู่ก็เหนือกว่าพวกเขามาก ยิ่งไปกว่านั้น ชายชรามีชื่อเสียงเลื่องลือมานานแล้ว และมีข่าวลือว่าเขาใกล้ที่จะบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าในอีกเพียงไม่กี่ก้าว ดังนั้นจะมีใครกล้าแข่งขันกับบุคคลดังกล่าว?
แม้ว่าชื่อเสียงของจักรพรรดิฉางเล่อจะด้อยกว่าจักรพรรดิเจิ้นอู่เล็กน้อย แต่เขาก็เป็นจ้าวแห่งเอกภพสมุทรทักษิณา และมีอำนาจมหาศาล แม้แต่ตลาดมืดแห่งนี้ก็ยังอยู่ในอาณาเขตของเขา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จักรพรรดิเจิ้นอู่เป็นเหมือนมังกรพลัดถิ่น ซึ่งไม่ได้ครองความได้เปรียบแต่อย่างใด
บัดนี้ทั้งสองกำลังแข่งขันกันเพื่อสมบัติดังกล่าว จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบโดยปริยาย
มีเพียงหญิงงามบนเวทีเท่านั้นที่มีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า เพราะยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งเป็นผลดีสำหรับห้องประมูลสมุทรทักษิณา ดังนั้นนางย่อมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นจักรพรรดิทั้งสองแข่งขันกัน
“ฮ่า ๆ ๆ พี่จ้าว! ถ้าเป็นสมบัติชิ้นอื่น ข้าคงยอมให้ท่านไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับหนามลายทองคำชิ้นนี้! ข้าจะสร้างรุ้งหิมะหลากสีอายุหนึ่งล้านปีขึ้นมาอีกครั้ง!” เสียงหัวเราะของจักรพรรดิฉางเล่อดังก้องกังวานราวกับเสียงระฆัง และวาจาก็เด็ดเดี่ยว ทำให้บรรยากาศดูใกล้ปะทุเล็กน้อย
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ จักรพรรดิเจิ้นอู่ก็ทอดถอนใจ “พี่เจิ้น ทำไมต้องเกรี้ยวกราดขนาดนี้? บอกตามตรง ข้าเป็นหนี้บุญคุณน้องชายคนนี้ และข้าต้องได้มันมา ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม”
เขาเป็นหนี้บุญคุณหรือ?
น้องชาย?
ผู้คนในห้องโถงต่างประหลาดใจ จะมีใครในโลกนี้ที่ทำให้จักรพรรดิเจิ้นอู่เป็นหนี้บุญคุณได้?
สำหรับผู้บ่มเพาะที่ยึดถือวาจาเป็นสัจจะ การเป็นหนี้บุญคุณนั่นไม่ใช่เรื่องง่าย และถึงขั้นที่อาจต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ในทางกลับกัน การทำให้บุคคลอย่างจักรพรรดิเจิ้นอู่เป็นหนี้บุญคุณได้นั้น มีค่ามากกว่าการได้รับสมบัติวิญญาณธรรมชาติเสียอีก!
ในขณะนี้ ผู้คนในห้องโถงต่างก็พอเข้าใจราง ๆ ว่าเหตุใดจักรพรรดิเจิ้นอู่ถึงมุ่งมั่นที่จะได้รับสมบัตินี้นัก
มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ยิ้มอย่างขมขื่นในใจ เพราะเขาทราบดีว่าเขาคือ ‘น้องชาย’ ที่จักรพรรดิเจิ้นอู่กล่าวถึง ทว่า… เขาอยากให้จักรพรรดิเจิ้นอู่ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่า!
เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป คนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดย่อมเป็นห้องประมูลสมุทรทักษิณาอย่างแน่นอน สำหรับความโปรดปรานนั้น เฉินซีไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก
เสียงถอนหายใจของจักรพรรดิเจิ้นอู่ยังคงดังก้องไปทั่วห้องโถง แต่เมื่อสิ่งที่จักรพรรดิเฉียงเล่อกล่าวต่อจากนี้ กลับทำให้ผู้คนที่ร่วมงานประมูลตกตะลึงกันถ้วนหน้า
“เอ๊ะ! นั่นเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ข้าก็ตั้งใจที่จะรับสมบัติชิ้นนี้ เพื่อตอบแทนบุญคุณน้องชายคนหนึ่งเช่นกัน” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและประหลาดใจ
มันเป็นการตอบแทนบุญคุณน้องชายคนหนึ่ง เหมือนกับจักรพรรดิเจิ้นอู่ทุกประการ แล้วพวกเขาจะไม่ตกใจได้อย่างไร?
ถึงขนาดที่พอจะมั่นใจได้ราง ๆ ว่าบุคคลที่จักรพรรดิทั้งสองกล่าวถึงอาจเป็นคนเดียวกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเมืองนาวาวิญญาณเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่เนื่องจากภารกิจที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่นานมานี้ และหนึ่งในเงื่อนไขของภารกิจคือหนามลายทองคำ!
เมื่อรวมเบาะแสทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน นั่นไม่ได้หมายความว่า ‘น้องชาย’ ที่จักรพรรดิทั้งสองกล่าวถึงคือเจ้าของภารกิจนั้นหรือ?
เขามีรากเต๋าบรรพชนมากมาย ทำให้เกิดพายุไปทั่วทั้งเมือง และก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตอนนี้เขายังทำให้จักรพรรดิทั้งสองที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นหนี้บุญคุณได้ และถึงขั้นไม่ลังเลที่จะแข่งขันกันเองเพื่อตอบแทนบุญคุณนี้!
บุคคลธรรมดาทั่วไปจะบรรลุทั้งหมดนี้ได้อย่างไร?
แม้แต่เฉียนอันก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแปลกไปเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะมองดูเฉินซีซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ พลางทอดถอนใจยาว
ใครจะคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้?
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เขาทราบอย่างชัดเจนว่า ‘บุญคุณ’ ที่จักรพรรดิฉางเล่อกล่าวถึงนั้น แท้จริงแล้วเป็นของเหล่าไป๋ และมันหาได้เกี่ยวข้องกับเขาไม่
แต่เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิฉางเล่อเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเฉินซี
“แล้วไปเถอะ ข้าจะยอมให้พี่เจิ้นได้สมบัติชิ้นนี้ไป” หลังจากเงียบไปสักระยะหนึ่ง จักรพรรดิเจิ้นอู่ก็ถอนหายใจเบา ๆ
“ขอบคุณมาก เมื่อการประมูลสิ้นสุดลง ข้าจะจัดงานเลี้ยงเพื่อดื่มและพูดคุยกับพี่จ้าวเป็นการส่วนตัวอย่างแน่นอน!” จักรพรรดิฉางเล่อแผดหัวเราะด้วยน้ำเสียงโล่งใจ เห็นได้ชัดว่าการแข่งขันกับจักรพรรดิเจิ้นอู่ ได้นำความกดดันมาสู่เขาอย่างมากเช่นกัน
การประมูลสมบัติชิ้นที่สองสิ้นสุดลงเช่นนั้น จักรพรรดิฉางเล่อชำระค่าสมบัติด้วยศิลาเต๋าสมุทรศักดิ์สิทธิ์และรุ้งหิมะหลากสีอายุหนึ่งล้านปี เพื่อรับหนามลายทองคำไป
ทว่า… เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิฉางเล่อไม่คิดเสียดายแม้แต่น้อย
…
การประมูลดำเนินต่อไป
หญิงงามได้หยิบสมบัติชิ้นที่สามขึ้นมา มันเป็นไข่มุกผสานเต๋าที่มีขนาดเท่าไข่เป็ด อีกทั้งยังโปร่งใส และเปล่งประกายแวววาวออกมา
สิ่งนี้ย่อมเป็นสมบัติอันล้ำค่าของฟ้าดิน และมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อผู้บ่มเพาะขอบเขตมหาราชเทวา มันสามารถช่วยในการหลอมรวมเต๋าศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกทั้งยังมีผลที่มหัศจรรย์ และหายากเป็นอย่างยิ่ง โดยปกติแล้วมันจะเกิดจากภายในแก่นแท้โกลาหล และหากใครไม่มีวาสนาเพียงพอ ต่อให้ค้นไปนานเนิ่นนาน ก็ไม่มีวันหาพบ
ดังนั้นทันทีที่หญิงคนนั้นกล่าวจบ เสียงประมูลราคาแข่งกันก็ดังก้องไปทั่วห้องโถง มันคึกคักและเข้มข้น ซึ่งในไม่ช้า ราคาก็พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
เฉินซีทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อเผชิญกับสมบัติดังกล่าว มันสูงส่งเกินไป ในขณะที่เขาเป็นเพียงบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ดังนั้นมันจึงไร้ประโยชน์สำหรับเขาโดยสิ้นเชิง
ชัดเจนแล้วว่าตัวตนของผู้ประมูล เกือบทั้งหมดล้วนเป็นจักรพรรดิ
ในท้ายที่สุด ไข่มุกผสานเต๋าชิ้นนี้ตกเป็นของจักรพรรดิจ้านเซียวแห่งเอกภพนพตันตริ ซึ่งชนะการเสนอราคาด้วยกระดูกนภาของวิหคอมตะที่แท้จริง
จักรพรรดิหลายคนถอนหายใจเบา ๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาค่อนข้างเสียใจที่ไม่สามารถได้รับสมบัตินี้
“น่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ”
“ฮ่า ฮ่า อย่าเพิ่งใจร้อนไป การประมูลครั้งนี้ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังจากนี้จะต้องมีสมบัติที่ล้ำค่าและหายากมากยิ่งขึ้นแน่”
ผู้บ่มเพาะทั้งหมดในห้องโถงพูดคุยกันอย่างคึกคัก และพวกเขาก็เต็มไปด้วยความคาดหวังต่อสมบัติชิ้นต่อไป
ในขณะนี้ มีผู้ดูแลคนหนึ่งเคาะประตูและส่งกล่องหยกเข้าไปในห้องรับรองพิเศษที่เฉินซีอยู่
แน่นอนว่ามันคือหนามลายทองคำ!
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิฉางเล่อได้ส่งคนนำมันมามอบให้เขา
นี่เป็นไปตามที่เฉินซีคาดการณ์ จากนั้นจึงชำเลืองมองเหล่าไป๋ “ดูเหมือนครั้งนี้ข้าจะได้รับประโยชน์เพราะเจ้า”
เหล่าไป๋ทำเสียงฮึดฮัดอย่างภาคภูมิ และดูเหมือนมันกำลังบอกว่าไม่สำคัญ
เฉินซียิ้ม แต่กลับคิดอยู่ในใจ ตอนนี้เหลือเพียงน้ำค้างทมิฬศักดิ์สิทธิ์อัคคีพินาศ ข้าก็จะรวบรวมวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่ข้าต้องการได้ ข้าสงสัยว่ามันจะปรากฏในการประมูลนี้หรือไม่?
น่าเสียดายที่สมบัติส่วนใหญ่เป็นสมบัติที่เหมาะสมกับจักรพรรดิเท่านั้น เฉินซีจึงได้แต่มองดูอย่างจนปัญญาและรู้สึกอิจฉาในใจ
แต่ทว่า… การปรากฏตัวของสมบัติเหล่านั้นทำให้เฉินซีเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับสมบัติที่จักรพรรดิต้องเตรียมไว้สำหรับการบ่มเพาะ และอาจกล่าวได้ว่า มันได้เปิดโลกทัศน์อย่างแท้จริง
ในเวลาไม่นาน สมบัติวิญญาณธรรมชาติอีกชิ้นก็ปรากฏขึ้น มันเป็นบรรทัดหยกที่ยาวกว่าสี่ฉื่อ สีขาวผ่องดุจหิมะ พื้นผิวถูกจารึกไว้ด้วยอักขระเต๋าที่ลึกลับจนหนาแน่น ทั้งยังแผ่พลังวิญญาณธรรมชาติที่น่าตกใจ และส่องสว่างไปทั่วทั้งห้องโถง
บรรทัดชะตาเต๋าเทวะ!
ระหว่างทางไปห้องประมูลสมุทรทักษิณา เฉินซีเคยได้ยินผู้บ่มเพาะหลายคนพูดถึงสมบัติชิ้นนี้ เมื่อสมบัตินี้ถูกนำเสนอ มันก็ทำให้เกิดความแตกตื่นครั้งใหญ่ในทันที และสายตาของทุกคนก็จ้องมองอย่างไม่อาจละสายตาได้
หญิงงามแทบไม่มีเวลาอธิบายเพิ่มเติม ก่อนที่การประมูลจะเริ่มขึ้นทันที ไม่ใช่แค่จักรพรรดิเท่านั้นที่เข้าร่วม แม้แต่บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลบางคนที่มีภูมิหลังไม่ธรรมดาก็เข้าร่วมการเสนอราคาด้วยเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเพิกเฉยต่ออำนาจและอิทธิพลของจักรพรรดิเหล่านั้น เพื่อประโยชน์ในการครอบครองสมบัติวิญญาณธรรมชาตินี้ และเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสมบัติชิ้นนี้น่าดึงดูดเพียงไร
ไม่เว้นแม้แต่เฉินซี เขาขอให้เฉียนอันเสนอราคาเล็กน้อยเพื่อพยายามแข่งขัน น่าเสียดายที่การแข่งขันดุเดือดเกินไป จักรพรรดิหลายคนเริ่มแข่งขันกันจนสูญเสียเหตุและผล ดังนั้นเฉินซีจึงทำได้เพียงถอนตัวออกไปอย่างจนใจ
ตอนนี้เฉินซีสังเกตเห็นว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นความมั่งคั่งของเขาก็ถือว่ายังไม่เพียงพออย่างแท้จริง แน่นอนว่า หากเขาผลิตรากเต๋าบรรพชนและสมบัติวิญญาณธรรมชาติไว้ในครอบครอง มันจะเป็นเรื่องราวที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ในท้ายที่สุด ผู้ที่ได้บรรทัดชะตาเต๋าเทวะคือจักรพรรดิเมี่ยวเฟิงจากเกาะนภาเมฆินทร์แห่งเอกภพสมุทรทักษิณา แต่ราคาที่เขาต้องจ่ายไปนั่นก็น่าประหลาดใจมาก มันเป็นสมบัติล้ำค่ามากกว่าร้อยชนิดที่มีโอกาสได้รับโดยวาสนาเท่านั้น และมูลค่าของทุก ๆ ชิ้นก็มากมายจนประเมินค่าไม่ได้
“คนผู้นี้แทบขายโลงศพของตนเพียงเพราะสิ่งนี้ด้วยซ้ำ หากบรรพชนเดาไม่ผิด คนผู้นี้อาจประสบปัญหาคอขวดในการบ่มเพาะ และเขาตั้งใจที่จะพึ่งพาสมบัตินี้เพื่อทะลวงผ่าน น่าเสียดายที่ราคาดังกล่าวไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย” เหล่าไป๋ส่ายหัวและหัวเราะเยาะไม่รู้จบ
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะเม้มปาก “เจ้าวิหคเฒ่าตัวนี้ช่างหยิ่งผยองและเต็มไปด้วยคำพูดเหน็บแนม นั่นเป็นถึงสมบัติวิญญาณธรรมชาติ แล้วเขาจะไม่ยอมจ่ายราคาขนาดนั้นเพื่อให้ได้มันมาได้อย่างไร?
“สมบัติที่จะประมูลครั้งต่อไปนี้ มีต้นกำเนิดที่ไม่อาจระบุได้ และแม้แต่ผู้ประเมินราคาของเราก็ไม่สามารถบ่งบอกสรรพคุณของมันได้ เมื่อถึงเวลา ข้าจะประกาศราคาขั้นต่ำ จากนั้นจะปล่อยให้ทุกคนได้ตรวจสอบ พิจารณาและเสนอราคา”
ทันใดนั้น หญิงงามบนเวทีก็ยิ้มกว้างพลางหยิบกระดูกสีเข้มออกมา มันเปรอะเปื้อนด้วยคราบเลือดสีแดงเข้ม ทั้งยังเปี่ยมด้วยกลิ่นอายที่คลุมเครือและรกร้าง ยิ่งไปกว่านั้น มันมีรูปร่างเหมือนหัวกะโหลก และดูลึกลับมาก
ผู้คนในห้องโถงล้วนตกตะลึง นั่นคืออะไร?
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะสงสัยเช่นกัน หรือว่ากะโหลกสีเข้มนี้เป็นสมบัติลับ?
………………..