บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1756 สมบัติชิ้นสุดท้าย
บทที่ 1756 สมบัติชิ้นสุดท้าย
เห็นได้ชัดว่าเป็นอีแร้งเนตรมารที่กำลังแข่งเสนอราคากับเฉินซีก่อนหน้านี้
แต่ตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกยินดีอย่างที่ทุกคนคิด ทั้งยังไม่ได้เล่นเล่ห์อะไรกับเฉินซีด้วย
ตอนนี้เขาโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว
“พี่ใหญ่ สมบัตินั่นไม่ธรรมดาขนาดนั้นเลยหรือ?” นักพรตเต๋าหรานเสวี่ยในชุดนักพรตถามขึ้น
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก” อีแร้งเนตรมารส่ายหน้าก่อนถอนหายใจออกมา ถึงจะหายโกรธแล้ว แต่หว่างคิ้วก็ยังเจือแววมืดมน
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หากพวกเราเหล่าพี่น้องสังหารเขาเสีย แล้วชิงสมบัตินั่นมาตอนเจ้าคนที่อยู่ห้องรับรองพิเศษลำดับหนึ่งหมายเลขสามสิบหก ออกมาจากห้อง เช่นนี้ก็แก้ปัญหาได้แล้วไม่ใช่หรือ?” นักพรตเต๋าหรานเสวี่ยตาเป็นประกาย จากนั้นกล่าวว่า “หากทำเช่นนั้น ก็ไม่ต้องเสียผลึกศักดิ์สิทธิ์หลายสิบล้านชิ้น ทั้งห้องประมูลสมุทรทักษิณาเองก็ได้ผลดี”
อีแร้งเนตรมารครุ่นคิดหนัก ผ่านไปนานแล้วจึงเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้จักรพรรดิเจิ้นอู่กับจักรพรรดิฉางเล่อเองก็แข่งกันจะเอาหนามลายทองคำเพื่อตอบแทนบุญคุณเด็กนั่น หรือว่า… วันนี้เขาจะมาด้วย?”
นักพรตเต๋าหรานเสวี่ยชะงักไป ได้แต่พยักหน้าแล้วตกสู่ภวังค์ความคิด “นั่นก็เป็นไปได้”
“เรื่องนี้….” นักพรตเต๋าหรานเสวี่ยดูลังเล ไม่คิดเลยว่าเป้าหมายจะมีความสัมพันธ์เช่นนั้นกับจักรพรรดิเจิ้นอู่และจักรพรรดิฉางเล่อ
สองจักรพรรดินี้ไม่ธรรมดา มีอำนาจสูงส่งทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ควรล่วงเกินพวกเขาเพื่อการสังหารเด็กคนหนึ่ง
“ช่างเถอะ ให้ข้าเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน ไปสืบตัวตนคนที่อยู่ในห้องรับรองพิเศษลำดับหนึ่งหมายเลขสามสิบหก ก่อนแล้วค่อยชิงสมบัติมา ส่วนเจ้าเด็กนั่น… ค่อยหาโอกาสในอนาคตก็ยังไม่สาย” อีแร้งเนตรมารโบกมือสั่งคล้ายไม่พอใจ
แม้ว่านักพรตเต๋าหรานเสวี่ยจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อประเมินสถานการณ์แล้วก็ได้แต่ต้องทำตาม
“ไปแจ้งคนอื่นด้วย เราจะลงมือหลังจากการประมูลจบ ตอนที่เป้าหมายออกจากตลาดมืด” อีแร้งเนตรมารสั่งเสียงต่ำ
…
การประมูลเองก็ยังดำเนินต่อไป
หลังจากสงครามประมูลราคาระหว่างเฉินซีกับอีแร้งเนตรมารจบลง บรรยากาศก็ดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง หลายช่วงต่อมาก็ขายของประมูลออกในราคาสูงลิ่วไปได้อีกหลายชิ้น เกิดเป็นความตกตะลึงหลายต่อหลายครั้ง
ทว่าเฉินซีก็ไม่ได้เสนอราคาอะไรอีก
ประการแรก เป็นเพราะเขาไม่ต้องการสมบัติพวกนั้น หรือไม่มันก็อยู่ในระดับสูงเกินกว่าพลังบ่มเพาะตนเอง อย่างน้อยก็ต้องอยู่ขอบเขตมหาราชเทวาถึงจะใช้ได้
ประการที่สอง เป็นเพราะผู้ดูแลหญิงคนงามกลับมาแล้ว ทั้งนางยังไม่ได้กลับมาพร้อมกับสมบัติลับสีดำทรงคล้ายกระดูกนั่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังนำน้ำค้างทมิฬศักดิ์สิทธิ์อัคคีพินาศขวดหนึ่งมาด้วย!
ซึ่งเกินความคาดหมายของเฉินซียิ่ง เดิมทีเขาคิดไม่ตกเรื่องสมบัติชิ้นนี้ ใครจะคิดว่าหลังได้เข้าร่วมการประมูล ยังไม่ทันได้เสนอราคาอะไรพวกเขาก็เป็นฝ่ายเอามาเสนอให้เขาก่อนแล้ว
แต่ไม่ทันไร เฉินซีก็เข้าใจ เพราะผู้ดูแลหญิงกลับมาในคราวนี้เพื่อเป็นตัวแทนของผู้มีอำนาจทั้งหลายซึ่งจัดการประมูลขึ้นมา
จึงทำให้เฉินซีเข้าใจในที่สุดว่าที่จัดการประมูลขึ้นก็เพราะได้ประโยชน์จากหนามลายทองคำมามากมาย อีกทั้งสมบัติที่เฉินซีนำมาแลกกับสมบัติรูปร่างคล้ายกระดูกสีดำในครั้งนี้ก็ล้ำค่าเกินไป นั่นคือรากบรรพชนระดับเจ็ด เจ้าของงานจึงตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายแล้วมอบน้ำค้างทมิฬศักดิ์สิทธิ์อัคคีพินาศเป็นของกำนัล
เหตุใดจึงเป็นน้ำค้างทมิฬศักดิ์สิทธิ์อัคคีพินาศ?
ก็คงเป็นเพราะพวกเขาเดาได้แล้วว่าเฉินซีเป็นเจ้าของคำจ้างนั่น ถึงขั้นที่จักรพรรดิฉางเล่อเองก็เคยบอกใบ้ไว้นานแล้ว
อย่างไรจักรพรรดิฉางเล่อก็เป็นจ้าวเอกภพสมุทรทักษิณา มีหรือจะไร้สัมพันธ์กับห้องประมูลสมุทรทักษิณา?
คนอื่นอาจไม่รู้ตัวตนของเฉินซี แต่เขารู้ดีว่าเฉินซีเข้าอารามไท่ชูไปในวันนั้น มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับปรมาจารย์อาราม
เมื่อรวมทุกสิ่งเข้าด้วยกันแล้ว จึงทำให้ห้องประมูลสมุทรทักษิณาไม่กล้าล่วงเกินเฉินซี อาจเป็นเพราะสาเหตุนี้พวกเขาจึงเป็นฝ่ายมอบน้ำค้างทมิฬศักดิ์สิทธิ์อัคคีพินาศให้เขาก่อน
ตอนนี้เหล่าไป๋กำลังพินิจพิเคราะห์สมบัติลึกลับด้วยความตั้งใจ ตาเขาเป็นประกาย ปากก็เหมือนพึมพำบางอย่าง ดูมีสมาธิกับมันมากโดยไม่สนใจรอบกายเลย
เฉินซีไม่ได้ไปกวนเหล่าไป๋ แต่เขาไม่ได้สนใจการประมูลไปตั้งนานแล้ว
หลังจากได้หนามลายทองคำและน้ำค้างทมิฬศักดิ์สิทธิ์อัคคีพินาศมาแล้ว เฉินซีก็รวบรวมวัตถุเทวะได้ครบเสียที
ด้วยเหตุนี้ เรื่องเดียวในใจเขาตอนนี้คือการรีบกลับอารามไท่ชูแล้วนำของทั้งหมดให้ท่านเทพธิดา
ในเงื่อนไขสามข้อของท่านเทพธิดานั้น เฉินซีทำสำเร็จไปสองข้อแล้ว เหลือเพียงข้อสุดท้ายเท่านั้น คือการรั้งอยู่ที่สวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูเพื่อปกป้องมันเป็นเวลาห้าปี
นับว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเฉินซีแต่อย่างไร
ที่สำคัญ ศิษย์พี่ใหญ่อู๋เซวี่ยฉานก็เคยกล่าวไว้ว่า เขาต้องใช้เวลาอย่างน้อยไม่ห้าปีก็สิบปีกว่าจะกลับมารับเฉินซีกลับสู่เขาเทพพยากรณ์ได้!
…
“ชิ้นต่อไปจะเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายแล้ว ทุกคนคงตั้งตารอเวลานี้กันอยู่สินะเจ้าคะ” ทันใดนั้น น้ำเสียงไพเราะของหญิงสาวก็ดังขึ้น ดึงเฉินซีออกจากภวังค์ความคิดได้ทันที ทำให้เขาแหงนหน้าขึ้นไปมองห้องโถง
“อ้อ ให้บรรพชนเช่นข้าดูหน่อยสิว่าสมบัติชิ้นสุดท้ายคืออะไร….” เหล่าไป๋เองก็แหงนหน้ามองด้วยความสนใจเช่นกัน
ตอนนี้ไม่เพียงเหล่าไป๋เท่านั้นที่ตั้งใจรอดู แต่ทุกคนถึงกับกลั้นใจรอสมบัติชิ้นสุดท้ายกันแล้ว
บรรยากาศเงียบสนิทเผยแววแคร่งเครียดออกมา
ตอนนี้ใบหน้าของสาวงามเองก็เคร่งขรึมเช่นกัน ดูจะติดระมัดระวังอยู่เล็กน้อยเสียด้วย “สหายเต๋า เมื่อเห็นสมบัติแล้วโปรดอย่าส่งเสียงอึกทึกครึกโครมไป”
ช่างเป็นคำเตือนที่ยิ่งทำให้สงสัยนัก
เมื่อนางว่าจบ ชายชราคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนเวที เขาถือกล่องสมบัติสัมฤทธิ์ชิ้นหนึ่งไว้ในมือ มันดูเป็นของโบราณยิ่ง พื้นผิวถูกกัดกร่อนไปด้วยพลังแห่งกาลเวลาที่ผันผ่าน
ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่กล่องสมบัตินั้น ไม่มีใครส่งเสียงอะไรแม้สักนิด
ชิ้ง!
กล่องสมบัติถูกเปิดออกท่ามกลางสายตาทุกคู่ กระแสพลังผันผวนคล้ายกับว่าส่งผ่านมาจากโบราณกาลแผ่ออกมา ทำให้ใจทุกผู้คนสั่นไหว รู้สึกเหมือนถูกแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้โอบล้อมกาย
“หรือว่า… มันจะเป็น….” เหล่าไป๋เบิกตา เฉินซีเห็นว่าทั่วทั้งร่างของมันแข็งค้างไปแล้ว เหมือนคุมความรู้สึกบางอย่างไว้ไม่ได้
เฉินซีถึงกับใจสั่น ในกล่องนั้นมีสมบัติอะไรอยู่กันแน่? พริบตาเดียวทุกคนจึงได้เห็นว่าภายในนั้นคือเตาหิน ดูธรรมดามากเหมือนเตาที่ทำมาจากหินธรรมดาเตาหนึ่ง พื้นผิวขรุขระเป็นอย่างยิ่ง
มันมีสามขา สองที่จับ มีลักษณะกลม หมอกสีเทาพวยพุ่งออกมาจากเตานั้น คล้ายกับสามารถกลืนกินทั้งเอกภพเข้าไปได้!
กลิ่นอายโบราณบางอย่างแผ่ออกมา คล้ายกับฝ่ากาลเวลาขึ้นมาปรากฏอยู่บนโลกาอีกครั้ง
ทันใดนั้น ร่างของทุกคนก็สั่นสะท้าน อารมณ์ขึ้นลงยังควบคุมไม่ได้
หลายคนถึงขนาดมีสีหน้าตกตะลึงจนแทบหายใจไม่ออก เหมือนกับได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
นั่นมันอะไรกัน?
ตอนนี้เฉินซีเองก็สัมผัสได้ถึงกระแสพลังไม่ธรรมดาบางอย่าง จิตใจพลันรู้สึกเหมือนเหม่อลอย เริ่มเกิดความหวาดกลัวขึ้นภายในใจ
ชายหนุ่มมองเห็นภาพท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดารา เห็นเงาร่างสง่างามกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในเตาหินขณะกำลังเดินทางผ่านห้วงอวกาศอันเวิ้งว้าง ก้าวผ่านกำแพงทั้งหลาย ผ่านความโกลาหล พริบตาเดียวสิบล้านปีก็ผ่านพ้นไป
แต่ก็เหมือนกับกำลังหลีกเลี่ยงบางอย่างอยู่ จึงทำให้มีแต่ต้องเดินหน้าต่อ ราวกับว่าหากช้ากว่านี้ก็คงถึงคราวเคราะห์
เวลาผ่านพ้นไหลเวียนเปลี่ยนไปเรื่อย….
สุดท้ายภาพเงาร่างงดงามก็เลือนรางลง ยิ่งดูห่างไกลขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าจะหายไป
“จะ… หนีมันพ้นได้จริงหรือ?” ได้ยินเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้น ให้ความรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวและความโศกเศร้าอันลึกล้ำ
เฉินซีใจสะท้าน ความรู้สึกโดดเดี่ยวเข้าปกคลุมจิตใจ ราวกับถูกฟ้าดินทอดทิ้ง เหมือนถูกดับหวังจนหมดสิ้น รู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก….
ตู้ม!
จากนั้นภาพก็สั่นสะท้าน เตานั่นหายไป ก่อนที่เขาจะได้สติ ใบหน้าเจือแววหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยจนต้องสูดลมหายใจเข้าอยู่หลายครั้ง
นี่มันสมบัติอะไรกัน? ถึงกับขนาดทะลวงเข้าถึงจิตและใจโดยที่ข้าไม่รู้ตัวเลยหรือ!?
แล้วสตรีผู้นั้นเป็นใครกัน?
“เฉินซี รีบออกไป! เร็วเข้า!” เหล่าไป๋เอ่ยเสียงเครียด
“เหล่าไป๋ เกิดอะไรขึ้น?” เฉินซีตกใจอยู่บ้างจนทำอะไรไม่ถูก มันก็แค่สมบัติชิ้นสุดท้ายในงานประมูล แต่สามารถทำให้ใจเขาหวาดกลัวและเกิดภาพแปลกประหลาดขึ้นภายในใจได้ กระทั่งเหล่าไป๋ยังถูกผลกระทบไปไม่น้อย
“รีบไป! เร็วเข้า! ยิ่งห่างจากไอ้ของเวรนี่ได้ไกลแค่ไหนยิ่งดี!” เหล่าไป๋กัดฟันแน่น เหมือนว่าจิตใจกำลังขุ่นเคืองเรื่องบางอย่าง
ที่แปลกคือเฉียนอันและสองผู้ดูแลหญิงด้านข้างกลับดูไม่เป็นอะไรเลย ตอนนี้ทั้งหมดกำลังมองเฉินซีกับเหล่าไป๋ด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
“ก็ได้!” เฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วไม่มองเตาหินนั่นอีก ชายหนุ่มหันหลังกลับแล้วจากไปพร้อมกับเหล่าไป๋
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉียนอันจึงไม่สนอีกต่อไปว่าการประมูลจะจบลงหรือไม่ เขารีบเดินตามเฉินซีไปทันที
“นั่นมัน… สมบัติแห่งยุค!?”
“สวรรค์โปรด!”
“น… นั่น… นั่น… นั่นมันของจริงนี่!”
ทันทีที่ก้าวออกจากห้องพิเศษ ก็เกิดเสียงร้องตกใจดังขึ้นทั่วทั้งห้องโถง มันเป็นไปด้วยความตกตะลึง ความไม่อยากเชื่อ และความวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
เฉินซีชะงัก เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายจะกัดฟันแล้วจากไป
แต่ในใจยังคงความรู้สึกคลุมเครือไว้ สมบัติแห่งยุคหรือ? นั่นมันสมบัติที่หลงเหลือจากยุคก่อนไม่ใช่หรือไร?
จากที่เหล่าไป๋เล่าไว้ สมบัติเช่นนั้นเต็มไปด้วยทัณฑ์สวรรค์ มีอำนาจท้าทายสวรรค์จนกลายเป็นของต้องห้าม หากเต๋าแห่งสวรรค์พบมันเมื่อไหร่ ทั้งสมบัติและผู้ครอบครองจะต้องถูกทำลายไปพร้อมกัน!
เหตุใด… พวกเขาจึงเอาสมบัติเช่นนี้ออกประมูลกัน? เหตุใดเตาหินนั่นถึงได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งได้?