บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1766 หยิ่งผยองเกินใคร
บทที่ 1766 หยิ่งผยองเกินใคร
………………..
บทที่ 1766 หยิ่งผยองเกินใคร
ท่าทางของเส้าเฮ่าอวี่ดูสงบนิ่ง ทำตัวราวกับอยู่ในสวนหลังบ้านของตัวเอง แต่กลับมีกลิ่นอายที่เอาแต่ใจและทีเล่นทีจริง
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่เคยสนใจเฉินซีและเป่าน้อยเลย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่สนใจการมีอยู่ของพวกเขา
หากผู้บ่มเพาะคนอื่นที่ไม่รู้ความจริงเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาย่อมคิดว่า เส้าเฮ่าอวี่เป็นเจ้าของสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูอย่างแน่นอน
เยี่ยเหยียนตัวแข็งทื่อ สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาไม่รู้จบ
แต่ดูเหมือนเส้าเฮ่าอวี่จะไม่สนใจแต่อย่างใด พลางเดินตรงไป ในขณะที่รอยยิ้มปรากฏที่มุมปาก ซึ่งดูเหมือนเยาะเย้ยและพึงพอใจ
แต่ไม่นานนัก เขาก็หยุดเคลื่อนไหว และเลิกคิ้วขึ้น
เพราะจู่ ๆ เฉินซีก็ขยับกายมายืนขวาง ดวงตาไร้คลื่นอารมณ์ใด ๆ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เส้าเฮ่าอวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และหันกลับมาถาม “เยี่ยเหยียน อารามไท่ชูมีศิษย์เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?”
แท้จริงแล้ว เขายังคงเพิกเฉิยต่อเฉินซี และถึงขั้นที่ไม่อยากเสวนาเลยด้วยซ้ำ
บรรยากาศเงียบงันเล็กน้อย
รอยยิ้มที่มุมปากของเส้าเฮ่าอวี่ค่อย ๆ เลือนหายไป เขาหันกลับมามองเฉินซีเป็นครั้งแรก แต่สายตากลับมีกลิ่นอายเย่อหยิ่งและไม่แยแส “เจ้าหนุ่ม หากเจ้าเป็นศิษย์ของอารามไท่ชู ดังนั้นจงแจ้งแก่นายท่านแห่งอาราม ว่าทายาทของตระกูลเส้าเฮ่า เส้าเฮ่าอวี่มาเยี่ยมนาง”
เขาหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาที่ขี้เล่นก็ปรากฏในดวงตา “แต่หากไม่ใช่ การขัดขวางเส้นทางของนายน้อยผู้นี้ก็ถือเป็นการยั่วยุ และเจ้าควรถอยออกไปหากไม่อยากตาย จงจำคำของนายน้อยผู้นี้ไว้ เพราะข้าไม่ได้ล้อเล่น!”
ทันทีที่สิ้นเสียงรอยยิ้มเยาะเย้ยก็ปรากฏที่มุมปาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินซีก็แย้มยิ้มเช่นกัน เป็นรอยยิ้มที่ยอดเยี่ยมมาก แต่กลับไปไม่ถึงดวงตา จากนั้นก็เปิดปากและกล่าวคำออกมาสามคำสั้น ๆ
“ไสหัวไป!”
เพียงไม่กี่คำ แต่กลับทำให้บรรยากาศที่นี่เยียบเย็นจนเป็นน้ำแข็งทันที
เส้าเฮ่าอวี่ยังคงยิ้ม แต่ดวงตากลับทอประกายสายฟ้าที่น่าพรั่นพรึงและเย็นชา เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นี่เจ้า… กำลังกล่าวกับนายน้อยผู้นี้หรือ?”
ในตอนนี้ เยี่ยเหยียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในขณะที่ความรู้สึกกังวลที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นในใจ นางตัดสินใจกัดฟันและไปยืนขวางหน้าเฉินซีทันที
ตามความตั้งใจเดิม นางก็หวังที่จะดูเส้าเฮ่าอวี่สั่งสอนเฉินซี เพื่อระบายความโกรธที่สะสมอยู่ในใจของนาง แต่ในเวลาเดียวกัน นางก็ไม่สามารถเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นได้
เนื่องจากในใจของเยี่ยเหยียนนั้น เมื่อเทียบกับเฉินซี เส้าเฮ่าอวี่ดูน่ารังเกียจยิ่งกว่าเสียอีก
“ก่อเรื่องเหรอ?” เส้าเฮ่าอวี่หัวเราะเบา ๆ “เยี่ยเหยียน หรือว่ามีบางอย่างระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้? นี่เจ้ากล้าทำให้นายน้อยผู้นี้ขุ่นเคืองเพียงเพื่อปกป้องมันเหรอ?”
“เจ้าพูดบ้าอะไร!?” เยี่ยเหยียนโกรธมากจนหายใจเข้าออกแรง ๆ เพื่อระงับเพลิงโทสะในใจ
“หลีกทางซะ!” ท่าทางของเส้าเฮ่าอวี่กลายเป็นเย็นชาและไม่แยแส พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงดูแคลน “นายน้อยผู้นี้ต้องการให้สตรีอย่างเจ้า มาบอกข้าว่าต้องทำอะไรตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ขณะที่กล่าว สายตาคมปลาบดุจสายฟ้าก็จับจ้องไปที่เฉินซี ทั้งยังแฝงด้วยกลิ่นอายคุกคามน่าเกรงขาม “เจ้าหนุ่ม ไม่ได้ยินที่ข้าถามหรือ? ไยถึงกลายเป็นใบ้ไปแล้วเล่า?”
เคร้ง!
กระบี่เปลื้องมลทินปรากฏบนฝ่ามือของเฉินซี “ไสหัวไปซะ ไม่งั้นข้าจะส่งเจ้าออกไป”
“ฮ่า ฮ่า! เจ้าตั้งใจจะลงมือกับข้าเหรอ?” เส้าเฮ่าอวี่ดูเหมือนเผชิญกับเรื่องที่น่าขบขันอย่างยิ่ง และแผดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฮ่า ฮ่า! ฮ่า ฮ่า! เจ้าหนุ่ม เจ้าทำให้นายผู้นี้ขุ่นเคือง รู้หรือไม่?”
โครม!
ทันใดนั้น กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเส้าเฮ่าอวี่ก็เปลี่ยนไป ร่างกายเต็มไปด้วยแสงสีทอง ดูเหมือนเทพสงครามที่อาบย้อมด้วยรัศมีสีทอง จากนั้นกลิ่นอายก็พุ่งทะยานขึ้นสู่เก้าชั้นฟ้า บันดาลให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างยิ่ง
“คุกเข่า!” ในขณะที่ตวาด อักขระลึกลับและโบราณจำนวนหนึ่งก็ลอยขึ้นมาจากฝ่ามือของเส้าเฮ่าอวี่ พวกมันเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์สีเงินที่เปล่งประกายและเจิดจ้าอย่างยิ่ง จากนั้นพลันตวัดฝ่ามือฟาดไปที่ศีรษะของเฉินซีอย่างแรง
ฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายทันที มันพังทลายลงทีละนิด ในขณะที่ก้อนและฝุ่นผงพุ่งกระเด็นสู่บริเวณโดยรอบ ส่งผลให้กลิ่นอายของเส้าเฮ่าอวี่ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้น
“ระวัง!” เยี่ยเหยียนร้องอุทานขึ้น ในขณะที่หัวใจของนางอดไม่ได้ที่จะบีบรัด
นางตระหนักดีว่า แม้เส้าเฮ่าอวี่ดูเหมือนจะเอาแต่ใจและไม่เอาอ่าว แต่แท้จริงแล้วเขาดำรงอยู่มานานกว่าสามหมื่นเจ็ดพันปี ทั้งยังติดอันดับที่เจ็ดสิบสองของเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาล!
ฟึ่บ!
ประทีปเคลื่อนคล้อย!
เมื่อต้องรับมือกับการต่อสู้ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ กระบวนท่าที่รวดเร็วที่สุดในบรรดาเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
โครม!
ทั้งสองคนอยู่ห่างจากกันไม่ถึงสิบสองจั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงปะทะกันในทันที และการปะทะกันนี้ก็ทำให้ฟ้าดินอันกว้างใหญ่นี้พังทลายลงฉับพลัน ในขณะที่แสงสีนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาจากจุดที่พวกเขาปะทะกัน
โชคดีที่พลังงานของข้อจำกัดที่ปกคลุมสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูได้สำแดงเดช และขจัดคลื่นกระแทกที่เกิดจากปะทะกันอย่างเงียบ ๆ ซึ่งป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อบริเวณโดยรอบ
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นในโลกภายนอก พลังทำลายที่เกิดจากการปะทะกันครั้งนี้ ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ภูมิประเทศและทำให้พื้นที่โดยรอบสั่นสะเทือน
“เอ๊ะ ช่างเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นจริง ๆ น่าเสียดาย หากวันนี้เจ้าไม่คุกเข่าให้กับนายน้อยผู้นี้ ก็อย่าหวังว่าจะรักษาชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าได้!” เส้าเฮ่าอวี่ตกตะลึงเล็กน้อย และดูเหมือนจะไม่คาดคิดว่าเฉินซีจะต้านทานการโจมตีได้
แต่ถึงอย่างนั้น การกระทำของเขาไม่เชื่องช้าแต่อย่างใด ขณะที่กล่าวก็สืบกายพุ่งปราดออกไป ผมปลิวพลิ้วไสว สายตาจับจ้องดุจกระบี่คมกริบ ฝ่ามือพวยพุ่งด้วยอักขระโบราณขณะที่เปิดฉากโจมตีอีกครั้ง
ไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาใด ๆ เส้าเฮ่าอวี่ผู้นี้ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือในหมู่บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เขามีนิสัยที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งเหนือกว่าชายชราเหล่านั้นเช่นกงเหย่หนานลี่ และตี้อวิ๋นชิวเสียอีก
น่าเสียดายที่เขาโชคร้ายที่ได้พบกับอัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์อย่างเฉินซี
ในขณะนี้เจตจำนงกระบี่พัวพันอยู่รอบกายเฉินซี มันดูเรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ไร้ประกายเจิดจ้าใด ๆ อย่างไรก็ตาม กลับแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของเต๋าอันเป็นธรรมชาติ เจตจำนงกระบี่นี้เป็นเหมือนฟ้าดิน ในขณะที่ฟ้าดินเป็นเหมือนหัวใจของเขา และหัวใจของเขาก็ควบคุมกระบี่!
นี่คือระดับที่สองของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่!
ฟิ่ว!
ปราณกระบี่ที่ก่อตัวจากกระบวนท่าเชือดเฉือนกาสรปรากฏขึ้น มันเรียบง่าย ธรรมดา และเต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ แต่ก็ยังแม่นยำ อำมหิต และทรงพลังถึงขีดสุด
ทันใดนั้น ปราณกระบี่สายนี้เปรียบเสมือนลำแสงเยียบเย็นที่สั่นคลอนปฐพี และส่องสว่างจักรวาล!
“นี่มัน…!” เส้าเฮ่าอวี่รู้สึกหวาดกลัว ในขณะที่ความสยดสยองผุดขึ้นในใจอย่างอธิบายไม่ได้ ตัวสั่นสะท้านราวกับถูกเข็มนับหมื่นนับพันทิ่มแทง
น่าเสียดาย กว่าเขาจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว เพลงกระบี่ของเฉินซีบดขยี้พลังฝ่ามือ ทั้งยังทะลุแนวป้องกัน และกระแทกเข้ากับหน้าอกอีกฝ่ายอย่างแรง!
ทันใดนั้น เส้าเฮ่าอวี่รู้สึกราวถูกภูเขาจำนวนมหาศาลถล่มเข้าใส่ เลือดกระเซ็นออกจากปากและจมูก กระดูกทั่วร่างเจียนแตกหัก
โครม!
ร่างกระแทกลงบนพื้นและระเบิดหินจนกระจุย ก่อนที่จะเกิดหลุมรูปร่างคนบนพื้น ยิ่งกว่านั้น ร่างของเขายังกระตุกอย่างไม่รู้จบ
เมื่อเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาอย่างไร้ผู้เปรียบ เมื่อครั้งที่เป็นเหมือนเทพสงครามเรืองรัศมี
ตอนนี้ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยฝุ่นผงและสิ่งสกปรก ทั้งยังตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช จนผู้อื่นไม่สามารถทนดูได้
ทั้งหมดนี้เกิดจากเพลงกระบี่เพียงกระบวนท่าเดียว!
ตั้งแต่การต่อสู้เริ่มต้นจนกระทั่งเส้าเฮ่าอวี่พ่ายแพ้ในขณะนี้ เฉินซีใช้เพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเหยียนซึ่งแต่เดิมกังวล นิ่งอึ้งราวกับถูกฟ้าผ่า ดวงตาสุกใสงดงามเบิกกว้าง ในขณะที่นางเกือบคิดว่ากำลังมองเห็นภาพหลอน
แต่เฉินซีกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่ใช่ที่เส้าเฮ่าอวี่อ่อนแอมาก แต่เป็นเพราะสังเกตเห็นชุดเกราะสีเขียวเข้มที่คนผู้นี้สวม
น่าประหลาดใจที่มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติ และเป็นเพราะชุดเกราะนี้เองที่ทำให้เส้าเฮ่าอวี่สามารถต้านพลังของเพลงกระบี่ก่อนหน้านี้ได้
แต่ถึงกระนั้น อานุภาพของเพลงกระบี่นี้ก็น่าตกใจอย่างยิ่ง แรงกระแทกที่เกิดขึ้นทำให้เส้าเฮ่าอวี่ สั่นสะท้านจนเลือดทะลักออกจากทวารทั้งเจ็ด และกระดูกในร่างแทบป่นปี้
เห็นได้ชัดว่า หากเส้าเฮ่าอวี่ไม่ได้สวมชุดเกราะนั้น เขาคงถูกปลิดชีพตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว!
ในเมื่อเฉินซีกล้าที่จะฆ่าลั่วฉ่าวหนงและมหาเทวาวิญญาณเหล่านั้น ทั้งยังกล้าถือว่าผู้อาวุโสของนิกายอำนาจเทวะอย่างเยี่ยเหยียนเป็นศัตรู แล้วเฉินซีจะเกรงกลัวต่อฐานะที่ไม่ธรรมดาของเส้าเฮ่าอวี่ได้อย่างไร
“บัดซบ! บัดซบ! มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!?” เส้าเฮ่าอวี่คำรามอย่างเดือดดาล ขณะค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้น แทบไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้นจะสามารถเอาชนะเขาได้ภายในสองกระบวนท่า และหมายสังหารเขาจริง ๆ!
ในขณะที่เขากำลังจะโจมตีอีกครั้ง เงากระบี่สายหนึ่งก็แวบขึ้นมาต่อหน้าต่อตา เส้าเฮ่าอวี่ถูกกระบี่ฟาดหน้าทิ่มลงกับพื้น ทำให้ฟันหลุดออกมาสองสามซี่ และใบหน้าก็ปูดโปนจนน่าสยดสยองเกินกว่าจนทนดูได้
“นายน้อยผู้นี้จะฆ่าเจ้า! จะฆ่าเจ้าให้จงได้! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ก็ต้องชดใช้เป็นสิบเท่า! ไม่สิ! ร้อยเท่าสำหรับสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้!” เส้าเฮ่าอวี่เปล่งเสียงร้องโหยหวนจากพื้นดิน มันเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและโกรธแค้น
เมื่อครั้งที่มาถึงที่นี่ เหินข้้ามาด้วยเมฆมงคล และทำให้อสูรนภาทั้งหมดกู่ร้องประหนึ่งแสดงความเคารพต่อวิหคอมตะ เขาทั้งสง่างาม ไม่ธรรมดา และหยิ่งผยอง และไม่คิดเหลือบแลเฉินซีเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกการเคลื่อนไหวหรือการกระทำล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหนือกว่า ถึงขนาดเยี่ยเหยียนยังขุ่นเคือง แต่กลับไม่กล้ากล่าวอะไรสักคำ ทำได้เพียงกล้ำกลืนคำดูถูกและความอัปยสที่ได้รับอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
ทว่าในขณะนี้ สภาพของเขาต่างกันราวฟ้ากับเหว
ส่วนเยี่ยเหยียนรู้สึกงุนงงเล็กน้อย นางมั่นใจว่าตนไม่ใช่คู่มือเฉินซี และไม่อาจเทียบเฉินซีกับในอดีตได้อีกต่อไป แต่ไม่คิดเลยว่าพลังฝีมือของเขาจะน่ากลัวขนาดนี้
แต่เมื่อนางสังเกตเห็นจิตสังหารที่เต็มหว่างคิ้วเฉินซี และเห็นว่าเขาตั้งใจจะสังหารเส้าเฮ่าอวี่จริง ๆ เยี่ยเหยียนก็ตัวสั่นสะท้านพลางกรีดร้องว่า “อย่าฆ่าเขา!”
เฉินซีตั้งใจที่จะชำระแค้นไอ้สารเลวคนนี้ แต่เมื่อเห็นเยี่ยเหยียนมีท่าทีเช่นนี้ ดวงตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ลง
ท้ายที่สุด เขาก็หันไปสั่งเป่าน้อยเสียงเรียบ “โยนมันออกไป”
ฟึ่บ!
เป่าน้อยเข้ามาทันทีและยิ้มกว้างจนถึงใบหู “ดี ๆ ข้าสุดจะทนกับมันมานานแล้ว เจ้าทุบตีเขาได้ประเสริฐยิ่ง น่าชื่นชมจริง ๆ” ขณะที่กล่าว มันก็เหยียดอุ้งมือ คว้าคอเสื้อของเส้าเฮ่าอวี่ ก่อนที่จะพุ่งไปไกล
“เจ้าสัตว์หน้าขน! ปล่อยนายน้อยผู้นี้ซะ! ไอ้สารเลว!! เจ้า! เจ้า! เจ้า! เจ้ากล้าตบนายน้อยผู้นี้เหรอ!? เจ้าสัตว์หน้าขน!!” เสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและไม่พอใจของเส้าเฮ่าอวี่ยังคงดังก้องมาจากระยะไกล ก่อนจะตามมาด้วยเสียงตบที่ดังชัดเจนอย่างยิ่ง พร้อมกับเสียงหัวเราะของเป่าน้อยที่เต็มไปด้วยความสุข….
………………..