บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1776 นักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลิน
บทที่ 1776 นักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลิน
เสียงของเทพธิดาหยุดลงกะทันหัน ขณะที่สายตาลึกล้ำคู่นั้นเบนมองไปไกล
ครู่สั้น ๆ ต่อมา นางก็แย้มยิ้ม “ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องรอห้าปีแล้ว”
มิทันสิ้นเสียง หนึ่งเสียงอันอบอุ่นเป็นมิตรก็ดังขึ้น “ขอบคุณที่ดูแลศิษย์น้องเล็กของข้ามาตลอดหลายปี”
เสียงนั้นเปรียบเสมือนแสงตะวันในเหมันต์ฤดู เพราะพริ้งดุจหยกกระทบ ทำให้เกิดความรู้สึกสบายใจดุจฟังสำเนียงเต๋าอันลึกล้ำ
ดวงตาของเฉินซีเจิดประกาย ศิษย์พี่ใหญ่!
ขณะที่เยี่ยเหยียนตะลึงงัน แล้วนางก็พลันสงวนท่าทีอย่างสุดชีวิต เหมือนในใจเต็มไปด้วยความว้าวุ่นสับสน ไม่รู้จะเผชิญหน้าตัวตนในตำนานเช่นนี้อย่างไรดี
มีเพียงฮุ่ยฉงที่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างประหลาดใจ “ผู้ใด? อู๋เซวี่ยฉาน?”
เพียงพริบตา หนึ่งบุคคลก็ปรากฏกายอย่างรวดเร็ว เขามีรูปร่างสูง เรือนผมยาวขาวโพลนเช่นหิมะเคลียบ่า รูปลักษณ์สะอาดสะอ้าน ยามดวงตาพริ้งพรายก็ดูราวมีหมู่ดาราโคจรเจิดจรัส สะท้อนลักษณ์การเคลื่อนจักรวาล วงจรความเป็นความตาย
“ฮุ่ยฉงน้อยโตขนาดนี้แล้ว เจ้ากระทั่งบรรลุวิชาเคลื่อนเต๋าเสถียรจิตถึงขั้นห้า ดีจริง ๆ” อู๋เซวี่ยฉานแย้มยิ้มพลางลูบศีรษะฮุ่ยฉงอย่างเป็นมิตร เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักฮุ่ยฉงอยู่นานแล้ว
ขณะเดียวกัน เขาก็หันไปพูดกับเฉินซี “ศิษย์น้องเล็ก ข้าทำให้เจ้ารอนานเสียแล้ว”
เฉินซีส่ายหัวยิ้ม ๆ “ห้าปีเองขอรับ”
“คารวะ… นายใหญ่” เยี่ยเหยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็สูดหายใจลึก กล่าวทักทาย
“เจ้าคือแม่หนูจากตระกูลเยี่ยผู้นั้น ข้าจำเจ้าได้” อู๋เซวี่ยฉานพยักหน้าด้วยสีหน้าอบอุ่น ทำให้เยี่ยเหยียนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“เจ้าบาดเจ็บหรือ?” เทพธิดาโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความประหลาดใจ
“ข้าสู้กับนักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลินมา ไม่คาดเลยว่าเจ้าเฒ่านั้นจะพัฒนาก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีนี้ ทำให้ข้าเสียเปรียบอยู่เอาการ” อู๋เซวี่ยฉานยิ้มเฉื่อย ตอบออกมาเสียงเรียบ
เพียงวาจาไม่กี่คำนี้ลำพังก็ทำให้เฉินซีจังงังในบัดดล เพียงจากรูปลักษณ์ภายนอกก็ดูออกยากแท้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเขาบาดเจ็บอยู่
มั่วหลิน! หัวใจของเยี่ยเหยียนสั่นสะท้านรุนแรงยามได้ยินชื่อนี้ เจือด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ในฐานะหนึ่งในผู้อาวุโสของนิกายอำนาจเทวะ นางย่อมตระหนักดีว่านักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลินเป็นมหาเทพเต๋าผู้มีความสามารถเกินธรรมดา!
เพราะเขาคือมั่วหลิน นักบวชศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตมหาเทพเต๋า สถานะสูงส่ง อำนาจยิ่งใหญ่เสียจนเป็นรองเจ้านิกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
ตัวตนยิ่งใหญ่เช่นนี้มาขัดแย้งกับนายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ และกระทั่งทำให้นายใหญ่เสียเปรียบได้เช่นนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่ามั่วหลินร้ายกาจเพียงไร
“เขาทำร้ายเจ้าได้ หรือมั่วหลินจะสำเร็จ ‘บรรลุเลิศเหนือภพภูมิ’ แล้ว?” เทพธิดาเหมือนจะจมในภวังค์ความคิด
“แม้จะยัง แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ” อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพลันส่ายหน้ายิ้ม ๆ “แต่เขาก็สภาพแย่กว่าข้านัก หากหนนี้ข้าไม่ได้แวะมาหาเจ้า เราคงต้องสู้กันต่ออีกสิบกว่าปีเพื่อหาผู้ชนะ”
“ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?” เทพธิดาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงเปิดปาก
“ไม่เป็นไรหรอก หากเจ้าปรากฏตัว เจ้าเฒ่านั่นคงเผ่นหนีหายไปทันที หนนี้ข้าจับตัวเขาได้อย่างยากลำบาก ไม่อยากให้เขาหนีไปอีก” แม้อู๋เซวี่ยฉานจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนพูดคุยเรื่อยเปื่อย แต่ก็เผยเค้าความมั่นคง
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีเข้าใจทันทีว่า ศิษย์พี่ใหญ่อู๋เซวี่ยฉานเกิดจิตสังหาร คิดจบชีวิตมั่วหลิน!
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่?” เทพธิดาเอ่ยถาม
“ข้ารับปากศิษย์น้องเล็กไว้ว่าจะมารับเขา ข้าจึงต้องมา” อู๋เซวี่ยฉานแย้มยิ้ม ก่อนที่จะถอนหายใจ รอยยิ้มกลายเป็นจืดเจื่อน “แต่น่าเสียดาย หนนี้ข้าคงทำได้เพียงขอให้เขากลับไปคนเดียว”
เฉินซีรีบร้อนเอ่ยปาก “ศิษย์พี่ใหญ่ นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ท่านไม่ต้องลำบากตัวเองหรอก เรื่องสำคัญในขณะนี้คือระวังตัวให้ดียามสู้กับมั่วหลินผู้นั้นต่างหาก”
น่าขันสิ้นดี แค่เรื่องการกลับเขาเทพพยากรณ์ ขอเพียงมีเส้นทาง เขาก็ย่อมกลับไปคนเดียวได้ เหตุใดต้องให้อู๋เซวี่ยฉานไปส่งด้วย?
หากคนอื่นมาได้ยินเข้า คงพูดแน่แท้ว่าเฉินซีเสแสร้งสำออย
“อย่าห่วงเลย มั่วหลินทำอะไรศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าไม่ได้หรอก” เทพธิดาโพล่งขึ้น ดูเหมือนจมในความคิด สายตามองไปที่อู๋เซวี่ยฉาน
อู๋เซวี่ยฉานแย้มยิ้ม ไร้วาจาอื่นใด
“ศิษย์น้องเล็ก เส้นทางไปสำนักอยู่ในยันต์นี้ และเมื่อกลับไป จะมีคนมารับเจ้าแน่นอน” อู๋เซวี่ยฉานพลิกฝ่ามือเรียกยันต์ชิ้นหนึ่งออกมา มันมีรูปร่างดุจดวงดาว เรืองรัศมีเจิดจรัสกระจ่างใส ลึกลับดุจมายา
เฉินซีรีบร้อนรับมันมาจากอู๋เซวี่ยฉาน ตรวจสอบด้วยเจตจำนง และสังเกตเห็นข้อมูลต่าง ๆ ดุจแผนที่ กระจ่างทันทีว่านี่คือทางไปสู่เขาเทพพยากรณ์
“ศิษย์พี่ใหญ่วางใจได้เลย” เฉินซีแย้มยิ้ม ก่อนจะหันมองเยี่ยเหยียน กล่าวขึ้นอย่างลังเล “ศิษย์พี่ใหญ่ มีอีกเรื่องที่ข้า…”
“ไม่ต้องพูดมากไปกว่านี้แล้ว ข้าตระหนักชัดดี” อู๋เซวี่ยฉานขัดขึ้นยิ้ม ๆ “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าตัดสินใจได้เลย ขอเพียงเจ้าคิดว่ามันถูกต้อง เราก็จะสนับสนุนเจ้า เพราะสุดท้าย เจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งในเขาเทพพยากรณ์ของเรา”
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่!” เฉินซีพยักหน้า หัวใจรู้สึกอบอุ่น
ขณะเดียวกัน เยี่ยเหยียนอดเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสองตาสองหู ยามเห็นเฉินซีและอู๋เซวี่ยฉานแก้ปัญหาที่ทำให้นางสุดแสนหนักอกสิ้นหวังสุดขีดลงได้เพียงการพูดคุยสั้น ๆ
หลังจากนั้น นางก็ทอดถอนใจ บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเทพพยากรณ์มีเอกลักษณ์โดดเด่นก็ได้ แตกต่างจากนิกายตระกูลอื่นใดในโลก มันมีความทะนง ทรัพยากร และมรดกแตกต่าง เพียงพอให้ศิษย์ทั้งหลายเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมันได้อย่างเต็มหัวใจ
“เยี่ยมเลย! สุดยอด!” ฮุ่ยฉงตื่นเต้นจนกระโดดโลดเต้น
“ฮุ่ยฉงน้อย เหตุใดเจ้าไม่มาสู่เขาเทพพยากรณ์ด้วยเล่า?” อู๋เซวี่ยฉานเห็นเช่นนี้ก็ขำคิกอย่างอดไม่ได้
ฮุ่ยฉงเครียดขึ้นมาทันที นางเหลือบมองเทพธิดาอย่างลังเล “ข้าก็อยากไปเหมือนกัน แต่ว่า…”
“เจ้าไปไม่ได้” เทพธิดาปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “เว้นแต่จะถึงวันที่เจ้าบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวา มิเช่นนั้น การเข้าสู่โลกหล้า ขัดเกลาตัวเองในขณะนี้มีแต่จะทำให้เจ้าถูกสารพัดกรรมพัวพัน ทำให้ความคิดของเจ้าแปดเปื้อน”
ดวงตาของฮุ่ยฉงหม่นแสงลงทันที ก้มหน้าลงเม้มปาก อันที่จริงแล้ว นางไม่เต็มใจแยกทางกับพี่สาวอยู่เล็กน้อย
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็ไปกันได้แล้ว” เทพธิดามองอู๋เซวี่ยฉาน “สุดท้ายแล้ว หัวใจเจ้าก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งนานแล้วมิใช่หรือ?”
“ก็จริง เจ้าเฒ่ามั่วหลินนั่นยังรอข้าอยู่ และข้าก็กลัวเขาจะหาข้ออ้างแล้วหนีหางจุกตูดไปก่อน” อู๋เซวี่ยฉานว่าพลางหัวเราะเบา ๆ
…
หลังจากอู๋เซวี่ยฉานจากไปไม่นาน เฉินซีกับเยี่ยเหยียนก็ตั้งใจจะออกจากอารามไท่ชู มุ่งหน้าสู่เอกภพจักรวรรดิ
ก่อนหน้านี้ เขารับตัวเจิ้นหลิวชิงจากเทพธิดาแล้ว และยามนี้ เขาก็ได้แผนที่ลับอันนำสู่เขาเทพพยากรณ์จากอู๋เซวี่ยฉาน ย่อมไร้เจตนาอยู่ที่อารามไท่ชูต่อไป
เทพธิดาไร้คำพูดใด นางพาฮุ่ยฉง มฤควิญญาณขาวและเป่าน้อยมาส่งเฉินซีและเยี่ยเหยียน
เจี๊ยก! เจี๊ยก!
เมื่อเห็นว่าเฉินซีและเยี่ยเหยียนกำลังจะจากไป เป่าน้อยก็ร้องอย่างไม่เต็มใจ ท่าทางร้อนรนอย่างอดไม่ได้
“เจ้าวานรนี่!” เทพธิดาชำเลืองมองเป่าน้อย ในใจอดรำพึงมิได้ นางตระหนักดีว่าความคิดของวานรตาทองตัวนี้เปลี่ยนไปแล้ว
เป่าน้อยถูกตำหนิก็ก้มหัวลงทันที ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ อีก
“เฉินซี” จู่ ๆ เทพธิดาก็เอ่ยเรียก
“ผู้อาวุโสมีเรื่องใดหรือ?” เฉินซีหันกลับมาถามอย่างประหลาดใจ
“หลังก่อเรื่องเช่นนี้ไว้ เจ้ายังคิดจากไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ?” นางชี้เป่าน้อย “พาเขาไปกับเจ้าด้วย”
“งั้นก็ไปกันเถอะ” เฉินซียิ้มเจื่อน ทว่าในใจค่อนข้างปรีดา
“ไปสิ” เทพธิดาโบกมือ
ยามนี้เองที่เป่าน้อยเหมือนได้รับอภัย ตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น
วูบ!
มันกระโดดขึ้นบ่าเฉินซี ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น
“ผู้อาวุโส ลาแล้ว” เฉินซีประสานกำปั้นคารวะ แล้วจึงหันกายจากไป
เป่าน้อยนั่งบนบ่าเฉินซีขณะโบกมือลาเทพธิดา มฤควิญญาณขาวและฮุ่ยฉง
ท้ายที่สุด ดวงตาของวานรก็แดงก่ำ เจียนร่ำไห้เต็มที
แม้การบ่มเพาะของมันจะไม่ธรรมดา สุดท้ายแล้ว มันก็ไม่เคยก้าวเท้าออกจากสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูเลยสักหน เป็นเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา ผ้าขาวที่ยังไม่ถูกโลกภายนอกเปรอะเปื้อน ยามนี้เมื่อมันกำลังจะจากไป แม้ในใจจะลิงโลดปรีดา แต่ก็ยังลังเลยามคิดว่าต้องจากกับเทพธิดา มฤควิญญาณขาว และฮุ่ยฉง
“เทพธิดา เหตุใดเป่าน้อยไปได้ แต่ข้าไปไม่ได้กันเจ้าคะ?” ฮุ่ยฉงเห็นร่างของพวกเฉินซีลับตาไปก็อดรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อยไม่ได้ พึมพำขึ้นด้วยน้ำเสียงหดหู่
“เจ้าจำที่ข้าพูดได้หรือไม่ ชะตากรรมของเฉินซีผู้นี้เกินคาดหยั่ง ขณะที่เจ้ามักจะกระตุ้นให้เกิดทัณฑ์แห่งกรรมได้บ่อย ๆ หากเจ้าไปกับเขา ก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย” เทพธิดารำพึง ครุ่นคิดลึกล้ำแล้วจึงกล่าวว่า “พักผ่อนแล้วบ่มเพาะให้ดี หากเจ้าเด็กเฉินซีนั่นบรรลุขอบเขตมหาราชเทวาได้ในภายหน้า เจ้าก็ออกไปหาเขาได้ แต่ก่อนหน้านั้น เจ้าไม่อาจพัวพันกับเขาได้เลย”
ฮุ่ยฉงผงะไป ก่อนจะถามอย่างสงสัย “เทพธิดา เหตุใดข้าต้องไปหาเขาเจ้าคะ? ข้าแค่ไม่อยากพรากจากพี่สาวข้าเท่านั้นเอง”
เทพธิดานิ่งไป ก่อนจะยิ้มเยาะตนเองอย่างหายากยิ่ง “ข้าคงกังวลมากไปกระมัง”
ว่าแล้ว นางก็มือไพล่หลัง หันเดินกลับสู่อารามไท่ชู “ลู่เอ๋อร์ ผนึกเส้นทางลับ เริ่มปิดด่านบ่มเพาะตั้งแต่วันนี้ไป”
“รับทราบ เจ้านาย” มฤควิญญาณขาวพยักหน้า ก่อนจะหันกายจากไปอย่างรวดเร็ว
“เทพธิดา” ฮุ่ยฉงตามหลังเทพธิดาไป พูดขึ้นอย่างลังเล
เทพธิดาพูดเสียงเรียบ “ว่า”
“หากข้าบรรลุขอบเขตมหาราชเทวาได้จริง ๆ ข้าจะออกสู่โลกภายนอกได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?” ฮุ่ยฉงลังเลอยู่นาน ก่อนจะถามเสียงแผ่ว
เทพธิดาชะงักเท้า เงียบไปเนิ่นนาน ก่อนจะตอบ “ถึงยามนั้น… ต่อให้ข้าอยาก ก็หยุดเจ้ามิได้แล้วมิใช่หรือ?”
“ข้าว่าแล้ว เทพธิดารักข้าที่สุด” ฮุ่ยฉงกอดแขนนาง เผยรอยยิ้มเจิดจรัสเรืองรอง