บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1777 ป้ายวิญญาณ
บทที่ 1777 ป้ายวิญญาณ
………………..
บทที่ 1777 ป้ายวิญญาณ
ในท้องนภาพร่างพราวอันไร้ขอบเขต
วูบ!
หนึ่งคลื่นมิติสั่นเทิ้ม ก่อนที่หนึ่งเส้นทางจะทอดตัวจากในสุญญะ ไม่นานจากนั้น ร่างของเฉินซี เยี่ยเหยียน และเป่าน้อยก็เดินออกมาจากเบื้องลึก
เฉินซีมองไปรอบ ๆ พลางเอ่ยปาก “นี่คือเอกภพหยกอินทนิล?”
เยี่ยเหยียนตอบ “ใช่ หากเราเดินทางจากที่นี่ ก็จะผ่านแค่สิบหกเอกภพก่อนจะไปถึงเอกภพจักรวรรดิ”
แตกต่างจากทางลับสู่สวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูจากในเอกภพสมุทรทักษิณา ทางลับที่กลุ่มของเฉินซีใช้ในหนนี้เป็นทางลับที่เยี่ยเหยียนใช้เดินทางสู่อารามไท่ชู
เป่าน้อยเบิกตากว้าง พินิจไปรอบข้างอย่างอยากรู้อยากเห็น มันฉีกยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ออกจากสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชู มันจึงดูอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกสิ่ง
เยี่ยเหยียนพยักหน้า เตรียมออกเดินทาง
ทันใดนั้น เฉินซีก็เลิกคิ้ว หยุดนางไว้ “ช้าก่อน”
วูบ!
ไม่ทันสิ้นคำ คลื่นกระเพื่อมสายหนึ่งก็แผ่ออกมาจากไกล ๆ สาดรัศมีศักดิ์สิทธิ์เรืองรอง ก่อนที่ร่างหนึ่งจะปรากฏขึ้น
คิ้วของคนผู้นี้คมกริบดุจกระบี่ สวมชุดคลุมสีดำตัวหลวม นอกจากนั้นยังให้บรรยากาศเรียบง่ายเฉื่อยชา
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง ปราณของชายชุดดำผู้นี้ร้ายกาจนัก ดูด้อยกว่าเส้าเฮ่าอวี่เพียงเล็กน้อย ดังนั้นอีกฝ่ายก็น่าจะติดอันดับในเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาลเช่นกัน
แต่เฉินซีนึกฉงนว่าเหตุใดตัวตนอันถือได้ว่าเจิดจรัสโดดเด่นจึงมาอยู่ในที่เช่นนี้ หรืออีกฝ่ายจะรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว?
อึดใจต่อมา เฉินซีก็ได้คำตอบ
“น้องหญิง หายไปเกือบสามปี ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว” ชายชุดดำเดินบนท้องนภาอันเรืองรองขณะปากรำพึง เผยสีหน้าสะเทือนใจเล็กน้อย
เยี่ยเหยียนดูประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าสีหน้ากลับง้ำงอแทนที่จะปรีดายามพบญาติร่วมสายเลือด และกล่าวขึ้นเสียงเย็น “เยี่ยเฟิง เจ้ามาที่นี่ทำไม?”
“ข้าไม่ได้เพิ่งมานะ รออยู่ที่นี่มาสามปีแล้วต่างหาก” เยี่ยเฟิงกล่าวเนิบ ๆ “เดิมที ข้านึกว่าเจ้ามีอันเป็นไปในอารามไท่ชูเสียแล้ว แต่ใครเล่าจะคิดว่า… เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ น่าประหลาดใจจริง ๆ”
ใบหน้าของเยี่ยเหยียนเจือความเย็นเยือก “เจ้าหมายความเช่นไร?”
“ข้าหมายความเช่นไร? ข้าต่างหากที่ต้องถาม เหตุใดข้อตกลงแต่งงานระหว่างฮุ่ยฉงและเส้าเฮ่าอวี่จึงถูกทำลาย?” พริบตานั้น รอยยิ้มเรื่อยเฉื่อยที่มุมปากเยี่ยเฟิงก็เลือนหายไป ดวงตาคมกริบดุจอัสนีจับจ้องเยี่ยเหยียนอย่างเย็นเยียบ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าการทำลายข้อตกลงแต่งงานทำให้ตระกูลเยี่ยของเราลำบากแค่ไหน!?”
“เจ้าก็เลยมากล่าวโทษข้าที่นี่น่ะหรือ?” หัวใจของเยี่ยเหยียนดิ่งวูบ นางไม่คาดเลยว่าจะต้องเผชิญสถานการณ์เช่นนี้ยามเพิ่งออกมาจากอารามไท่ชู
ขณะเดียวกัน เฉินซีอดประหลาดใจน้อย ๆ มิได้ ไม่อาจคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างเยี่ยเหยียนและเยี่ยเฟิงกระจ่าง พวกเขาเป็นพี่น้องกันแท้ ๆ แต่กลับปฏิบัติต่อกันเช่นศัตรู
แต่สิ่งนี้ก็ทำให้เฉินซีตระหนักเสียที ว่าเหตุใดเยี่ยเหยียนจึงยอมไปสู่เขาเทพพยากรณ์ดีกว่ากลับตระกูลเยี่ย
นางคงตระหนักอยู่แล้ว ว่าหลังทำลายสัญญาแต่งงานและฆ่ากลุ่มของเส้าเฮ่าอวี่ นางจะไม่เพียงไร้ที่ยืนในนิกายอำนาจเทวะ แต่รวมถึงตระกูลเยี่ยเช่นกัน
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่า การทำลายสัญญาแต่งงานนี้ทำให้ตระกูลเยี่ยเดือดร้อนไม่น้อย
“กล่าวโทษเจ้า? เปล่าเลย ข้าแค่อยากยืนยันเท่านั้นว่าผู้ใดกันแน่ทำลายสัญญาแต่งงาน” เยี่ยเฟิงพูดเสียงเบา
เยี่ยเหยียนแค่นยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าจะบอกหรือ?”
“ข้าลืมบอกไป ความผิดพลาดของเจ้าทำให้ตระกูลเยี่ยของเราโกรธเคืองกันทั้งตระกูล หากเจ้ายังไม่ยอมรับผิด ก็อย่าโทษพี่ชายอย่างข้าที่จับตัวเจ้ากลับตระกูลด้วยตนเอง!” สีหน้าของเยี่ยเฟิงไร้อารมณ์ ดวงตาเรืองประกายเย็นเยียบ “หลังจากข้าจับเจ้ากลับตระกูล ก็สายเกินเสียใจแล้วนะ”
ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทำให้บรรยากาศตึงเครียด กรุ่นไอสงครามเฉียบพลัน
“พวกเจ้า… มีสัมพันธ์กันเช่นไรแน่?” เฉินซีโพล่งถาม
“จากความสัมพันธ์ทางสายเลือด เขาเป็นญาติผู้พี่ของข้า แต่เขาก็เป็นปรปักษ์กับข้าเสมอมานับแต่แม่ข้าถูกสังหารยามข้ายังเด็ก แต่เพื่อความอยู่รอด ข้าจึงไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้มาตลอดหลายปี เพราะตระหนักดีว่าหากพูดไป อย่าว่าแต่จะล้างแค้นให้แม่ข้า เขากับบิดาคงฆ่าข้าไปแล้ว” เสียงของเยี่ยเหยียนเหมือนถูกเค้นลอดไรฟัน สีหน้าเย็นเยียบชวนสะพรึง
นางซ่อนความลับนี้ไว้ในใจเสมอมา ไร้ผู้ใดล่วงรู้ แต่ยามนี้ นางสะบั้นทุกสัมพันธ์กับตระกูลเยี่ยและนิกายอำนาจเทวะ จึงไม่คิดทำร้ายตนอีกต่อไป
ชั่วขณะนั้น เฉินซีอดรู้สึกสงสารเยี่ยเหยียนขึ้นมาไม่ได้ ญาติร่วมสายเลือดกลายเป็นศัตรู ความรู้สึกเช่นนี้ย่อมไม่น่าพิสมัย
ขณะนี้กระทั่งสีหน้าของเยี่ยเฟิงยังแปรเปลี่ยนเฉียบพลัน ดูจะประหลาดใจเล็กน้อย ขณะตำหนิเสียงแข็ง “ไร้สาระ! เยี่ยเหยียน ข้าว่าเจ้าบ้าไปแล้ว!”
“อะไร? กล้าทำไม่กล้ารับหรือ?” สีหน้าของเยี่ยเหยียนยิ่งทวีความเย็นเยียบ เสียงของนางเต็มไปด้วยคำเย้าเยาะและความแค้นสุดขีด
“เหลวไหล! เจ้าทำให้ตระกูลอับอายโดยแท้!”
เปรี้ยง!
ขณะเดียวกัน เยี่ยเฟิงก็เงื้อมือ แล้วภูเขาศักดิ์สิทธิ์สีทองก็ก่อตัวในมือ ทะลวงมิติกระแทกลงใส่เยี่ยเหยียนอย่างรุนแรง
การโจมตีนี้ดุดัน ป่าเถื่อน และทรงพลังอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าคิดสังหารเยี่ยเหยียนในทันที
“ข้าเอง!” ขณะที่เฉินซีกำลังจะเข้าช่วยเหลือ เป่าน้อยพลันแผดเสียง กระบองเหล็กในมือระเบิดรัศมีศักดิ์สิทธิ์ กวาดฟาดออกไป
ขณะนี้เห็นได้ชัดว่าเป่าน้อยอยู่ไม่สุขเล็กน้อย จิตศึกพลุ่งพล่านรุนแรง แม้จะไม่ได้แปลงร่างสู่ลักษณ์สูงร้อยจั้ง สามเศียรหกกร แต่ก็ยังดุร้ายสุดขีดยามออกศึก ประหนึ่งเทพสงครามอันเรืองอำนาจเหนือใด
เปรี้ยง!
เสียงกระแทกสะเทือนหล้าสนั่นลั่น ดุจอัสนีขยี้ลงจากเก้าชั้นสรวง ทำให้อุกกาบาตและพื้นที่ในบริเวณแปดพันลี้ถูกป่นเป็นผุยผง ละอองแสงกระจายไปทั่วทิศ
ภูเขาสีทองซึ่งก่อตัวในมือเยี่ยเฟิงถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย ขณะที่กระดูกทั่วแขนขวาถูกฟาดเสียจนแหลกร้าว ข้อนิ้วแตกละเอียด
หากหลบไม่ทัน พลองเหล็กเมื่อครู่ก็เกือบฟาดเขาตายในกระบวนท่าเดียวแล้ว
“สารเลว!” เยี่ยเฟิงแผดเสียงอย่างเจ็บปวด ใบหน้าบูดเบี้ยว เขามิกล้าเชื่อเลยว่าตนจะบาดเจ็บในหนึ่งการโจมตีเช่นนี้
เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นทายาทสายตรงผู้หนึ่งของตระกูลเยี่ยอันยืนยง บ่มเพาะมาถึงหนึ่งหมื่นหกพันปีจนบัดนี้ บรรลุสู่ขั้นสมบูรณ์ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลมาเนิ่นนาน นอกจากนั้นเขายังอยู่ในลำดับเก้าสิบสองบนเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาล ต่อกรเหล่าผู้เฒ่าทั้งมวลในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลได้
ในเอกภพจักรวรรดิ เขาคือหนึ่งในตัวตนโดดเด่นส่วนน้อยซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือ
ทว่าขณะนี้แขนขวาเขาเกือบแหลกจากการโจมตีเดียวของวานรตัวหนึ่ง เช่นนี้จะรับไหวได้หรือ?
เปรี้ยง!
ทว่าก่อนที่เยี่ยเฟิงจะฟื้นจากอาการตะลึง เป่าน้อยก็เหวี่ยงกระบองเหล็กโจมตีอีกครั้ง มันเรียบง่ายและดุดัน เจือเจตนาทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง
เปรี้ยง!
ขณะเดียวกัน เยี่ยเฟิงถูกฟาดกระเด็นเช่นว่าวสายป่านขาด กระแทกร่างเข้ากับดาวร้างดวงหนึ่ง
ขณะนี้เฉินซีก็อดประหลาดใจมิได้ เป่าน้อยอาศัยข้อจำกัดรอบสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูเพื่อจัดการเส้าเฮ่าอวี่ จักรพรรดิคุนมู่ และจักรพรรดิเซวี่ยอิ่งได้อย่างหมดจด และนี่เองเหตุผลที่ทำให้เป่าน้อยดูสุดดุดันไร้เทียมทาน
ทว่าขณะนี้ พวกเขาอยู่นอกอารามไท่ชูแล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังสามารถเผยอำนาจยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำให้เฉินซีตกตะลึงอย่างแท้จริง
หากเฉินซีเข้าใจไม่ผิด แม้เป่าน้อยจะมีการฝึกฝนบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวาแล้ว แต่เขาก็ถือได้ว่าเป็นตัวตนสูงสุดในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล และแข็งแกร่งกว่าเส้าเฮ่าอวี่ ลำดับเจ็ดสิบสองบนเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาลมากนัก!
“แค้นนัก!” ท่ามกลางเสียงคำรามสะท้านสรวง ร่างโชกเลือดเละเทะของเยี่ยเฟิงพุ่งออกมา สีหน้าบิดเบี้ยวร้ายกาจ
“เยี่ยเหยียน หรือเจ้าจะคิดว่าพอมีผู้ช่วยก็จะกร่างกำแหงตามใจได้? รอก่อนเถอะ จากวันนี้ไป เจ้าจะกลายเป็นความอับอายของตระกูลเยี่ยทั้งตระกูล ต้องชดใช้ด้วยความตาย!”
ขณะแผดเสียง เขาก็หันหลังหนีไป
ทว่าเป่าน้อยเหมือนคาดไว้แล้ว มันพลันหัวเราะหึ ร่างวูบไหวกลายเป็นลำแสงสีทอง พุ่งมาขวางทางเยี่ยเฟิงแล้วฟาดกระบองเหล็กใส่!
ตู้ม!
“เจ้าสัตว์หน้าขน! กล้าดียังไง!!!” ในที่สุดยามนี้ เยี่ยเฟิงก็ขวัญผวา แต่เขาก็ไม่อาจหลบได้ ศีรษะถูกฟาดเป็นเสี่ยง ร่างแหลกเหลว
เหตุการณ์นี้ชวนสยดสยองเกินไป ดุร้ายป่าเถื่อนถึงที่สุด
กระทั่งเฉินซียังอดถูจมูกมิได้ พึมพำกับตนเองว่าเจ้าเป่าน้อยดูร่าเริงเชื่อฟัง ใครเล่าจะกล้าคาดคิดว่ายามศึก จะดุร้ายโหดเหี้ยมได้เพียงนี้?
กร๊อบ!
ทันใดนั้น เฉินซีก็ได้ยินเสียงบางอย่างแหลกสลายลงยามเยี่ยเฟิงสิ้นใจ แล้วแสงสีขาวสายหนึ่งก็ทะลวงเวหา พุ่งหายไปไกล
เป่าน้อยคิดหยุดมัน แต่ไม่อาจทำสำเร็จ
“นั่นคือป้ายวิญญาณของตระกูลเยี่ย หากแตกออก มันก็จะกลับสู่ตระกูลเยี่ย และผู้ยิ่งใหญ่ของตระกูลเยี่ยก็จะรู้ทุกเรื่องจากมัน” สีหน้าของเยี่ยเหยียนพลันเคร่งขรึมซีดขาว
หัวใจของเฉินซีสะท้าน ป้ายวิญญาณ?
“แม่นางเยี่ยเหยียน คงไม่โทษข้าที่ฆ่าเจ้านั่นใช่หรือไม่? เขาน่าเกลียดจริง ๆ นะ ถึงขนาดที่ข้าทนมองไม่ได้เลย” ขณะเดียวกัน เป่าน้อยก็กลับมา คืนสู่รูปลักษณ์ร่าเริงฉลาดเฉลียว เกาศีรษะด้วยสีหน้าอับอายเล็กน้อย ขณะฉีกยิ้มพูดกับเยี่ยเหยียน
“เจ้าช่วยข้าล้างแค้น ข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร?” เยี่ยเหยียนเค้นรอยยิ้ม ไม่ได้สนใจชะตาชีวิตของเยี่ยเฟิง แต่นางกังวลถึงสิ่งที่จะตามมาหลังข่าวการตายของเยี่ยเฟิงถูกส่งกลับตระกูลเยี่ยต่างหาก
“เราใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ไปจากที่นี่กันเถอะ เมื่อกลับถึงเขาเทพพยากรณ์ ก็ไม่ต้องห่วงภัยอันตรายใด ๆ แล้ว” เฉินซีครุ่นคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจเฉียบขาด
“ขอโทษนะที่ลากเจ้าเข้าสู่ปัญหาอีกแล้ว” เยี่ยเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษขอโพย
“จำไว้ว่านี่ไม่ใช่ปัญหาของเจ้าคนเดียว ผู้ทำลายสัญญาแต่งงานในวันนั้นคือข้า คนที่พวกเขาจะฆ่าคือข้าต่างหาก” เฉินซีตบบ่านางพลางพูดอย่างเคร่งขรึม