บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1780 งามจนยากอธิบาย
บทที่ 1780 งามจนยากอธิบาย
คันฉ่องคลายสัจธรรม!
สมบัติวิญญาณธรรมชาติที่ส่งต่อกันมาภายในตระกูลเยี่ย มันมีผลมหัศจรรย์หลากหลายอย่าง ไม่เพียงสามารถมองผ่านทุกสัจธรรมได้ ไม่ว่าความหลอกลวงหรือภาพลวงตาใดก็ไม่อาจหลอกมันได้เช่นกัน
แม้ว่าเฉินซีจะไม่รู้จักสมบัติชิ้นนี้ แต่ก็รู้ทันทีว่าเขาแย่แล้วเมื่อเห็นรูปร่างที่แท้จริงของตนปรากฏขึ้นในกระจกนั่น!
แน่นอนว่าฉับพลันนั้นสีหน้าของสิบหกบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลตระกูลเยี่ยก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมทันใด กลิ่นอายดุดันพลุ่งพล่าน พลังในร่างเล็งโจมตีที่เฉินซี
“จับไอ้เวรนั่นไว้!” จักรพรรดิหนานตู้ตะโกนดังลั่นมาจากไกล ๆ
ฟ่าว!
หากแต่เมื่อเขาพูดจบ เฉินซีก็หยิบกระบี่เปลื้องมลทินออกมาชิงโจมตีก่อนแล้ว!
ตอนนี้เจตจำนงกระบี่ไหลเวียนไปทั่วร่าง กลิ่นอายดุดันเย่อหยิ่งและทรงพลังยิ่ง เขาเหวี่ยงกระบี่ใส่บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน
เลือดสาดกระเซ็น บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลผู้นั้นไม่ทันตั้งตัวก็ถูกบั่นศีรษะ ปราณกระบี่ดุดันเข้าทำลายจิตวิญญาณจนกลายเป็นผุยผง สิ้นใจคาที่ทันที
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นรวดเร็วนัก แทบจะในพริบตาเดียวก็จบลงแล้ว เมื่อสิ้นเสียงจักรพรรดิหนานตู้ บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลคู่นั้นก็สิ้นใจพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็นแล้ว
ทุกคนใจสะท้านเบิกตามอง ทั้งโกรธทั้งตกใจไปพร้อมกัน
บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเป็นสหายของเขาชื่อว่าเยี่ยอวิ๋นหลง ขึ้นขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสุดมานานแล้ว นับได้ว่าเป็นผู้อาวุโสประจำตระกูลเยี่ยก็ว่าได้
หากแต่ตอนนี้กลับไม่มีโอกาสได้กรีดเสียงหรือหลบการโจมตีก็ต้องสิ้นใจไปแล้ว แล้วพวกเขาจะเชื่อสายตาได้อย่างไร?
ใช้เวลาอธิบายอาจนาน แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นชั่วพริบตาเท่านั้น หลังจากสังหารเยี่ยอวิ๋นหลงด้วยกระบี่เดียวแล้ว เฉินซีก็เงื้อกระบี่เปลื้องมลทินป้องกันตัวแล้วถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
ด้านหน้ามีจักรพรรดิอยู่ เฉินซีไม่โง่พอจะปะทะกับพวกเขาตรง ๆ หรอก
“บัดซบ! อย่าคิดหนีเชียวนะ!” หากแต่ด้านหลังเขาก็มีคนอยู่เช่นกัน เป็นชายแก่ร่างเตี้ยคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเฉินซีพุ่งเข้ามาก็คำรามลั่น ในมือถือขวานสีดำซัดเข้าใส่เฉินซี
ครืน!
“หึ!” เฉินซีแค่นเสียงเย็น กระบี่เปลื้องมลทินดูคล้ายเส้นแสงส่องระยับ ฟันฉับเดียวก็หายไปในพริบตา
เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ประทีปเคลื่อนคล้อย!
มันเป็นท่ากระบี่ที่ไร้ร่องรอย เหมือนแสงที่วาบผ่านมาเพียงพริบตา เหมือนสายฟ้าซัดลงมา เหมือนภาพลวงตาหลอกจิต
“เวรแล้ว!” หัวใจชายชราสะดุ้งสุดตัว ใช้ประสบการณ์จากการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนหลบไปตามสัญชาตญาณ
ฉัวะ!
เลือดสาดกระเซ็นอีกครั้ง แม้ว่าครั้งนี้จะหลบทัน แต่แขนขวาที่ถือขวานไว้ก็ถูกสะบั้นขาด กระเด็นขึ้นฟ้าไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน
นับว่าเขายังโชคดีนัก ไม่เช่นนั้นคงไม่เสียแค่แขน แต่ถูกปลิดชีพไปแล้ว
เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลคนอื่น ๆ จึงตั้งสติแล้วล้อมเฉินซีจากทุกทิศทางไว้
แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเต็มไปด้วยจิตสังหารหนาแน่น
ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าชายหนุ่มตรงหน้ารับมือไม่ง่าย
“โจมตีพร้อมกันเลย!”
ยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลตระกูลเยี่ยล้วนหยิบสมบัติศักดิ์สิทธิ์หลากหลายออกมาซัดการโจมตีใส่เฉินซี
ทั้งขวาน ขวานศึก เคียว ดาบ หอก กระบี่ ง้าว…. สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายส่องประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างน่าเกรงขาม เหมือนดาวตกโปรยตัวลงมาพร้อมกับเสียงลั่นสั่นสะท้านไปทั่วทั้งบริเวณ แสงสว่างจ้าที่ปลดปล่อยออกมาสว่างกำจายไปทั่วท้องฟ้าพร่างดาว
ทั้งแรงพลังการโจมตียังรุนแรงอย่างไม่อาจอธิบายได้!
กว่าสิบบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจึงลงมือโจมตีพร้อมกัน นับเป็นภาพตระการตาน่าเกรงขามอย่างไม่น่าเชื่อ
หากเป็นคนธรรมดาก็คงสิ้นใจตายคาที่ไปนานแล้ว!
…
ตอนนี้ เฉินซียังคงสีหน้าสุขุมนุ่มลึกไว้ มีเพียงดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารเดือดพล่าน
ตู้ม!
กลิ่นอายดุดันระเบิดออกพร้อมกับผมยาวที่ปลิวไสว กระแสศักดิ์สิทธิ์รวมตัวกันเป็นยันต์อักขระลึกลับที่ลอยอยู่รอบกาย กระบี่เปลื้องมลทินในมือส่งเสียงร้องดังเสียงคำรามของมังกร ทำให้เฉินซีคล้ายกับเป็นยอดกระบี่ผู้ควบคุมท้องฟ้ายามราตรี
เขาก้าวไปตามตำแหน่งดาวกระบวยใหญ่ รูขุมขนทั่วร่างเปล่งไปด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ ก่อกำเนิดขึ้นเป็นผังอักขระยันต์ศักดิ์สิทธิ์เผยออกมารอบข้าง ปกป้องคุ้มกายเฉินซีไว้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
สมบัติศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากร้องหวีดหวิวเข้ามาคล้ายดวงตะวันหล่นจากฟ้า ปะทะเข้ากับยันต์เทวะจนดังสนั่น
พริบตานั้น ดวงดาวโดยรอบรัศมีหนึ่งล้านลี้ก็สั่นสะท้านรุนแรงคล้ายจะร่วงหล่น อีกทั้งดาราพันดวงที่อยู่ใกล้รัศมีการต่อสู้ก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ
หากแต่การโจมตีสะท้านฟ้าเช่นนั้นก็ยังไม่อาจทำอะไรผังอักขระยันต์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคุ้มกายเฉินซีอยู่ได้เลย!
จึงทำให้บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลตระกูลเยี่ยทั้งหลายหรี่ตาลง ฝีมือเด็กคนนี้ไม่แกร่งเกินไปหน่อยหรือ?
ฟ่าว!
เป็นจังหวะนั้นเองที่เฉินซีสบโอกาสโจมตีออกไปอีกครั้ง คราวนี้ชายหนุ่มเหวี่ยงกระบี่เปลื้องมลทินออกไปอย่างไม่ยากเย็น
มันเป็นภาพเกินบรรยาย ท่วงท่าดูง่ายดาย คงความเป็นธรรมชาติไว้
เป็นความงามจนยากจะอธิบายได้
เป็นความลึกล้ำที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
ท่ากระบี่นี้เผย ‘ความงาม’ แห่งเต๋าในฟ้าและดิน ทั้งยังมี ‘ความลึกล้ำ’ ของสรรพสิ่งอยู่ภายใน เป็นภาพน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง
นี่คืออำนาจของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับสอง!
…
ฉับพลันนั้น ใจบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลตระกูลเยี่ยก็ต้องตกตะลึง แต่ไม่นานก็เต็มไปด้วยความหวาดผวา
หวาดกลัวสุดขีด!
แต่ละคนล้วนก้าวถึงขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลมาเนิ่นนานแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นเสาหลักของตระกูลเยี่ยแห่งนิรันดร์กาล ปกติแล้วไม่ค่อยเดินทางไปไหน เพราะทั้งพลังบ่มเพาะ ฝีมือ และอิทธิพลย่อมไม่ได้ใช้รับมือกับคนธรรมดา
หากเยี่ยเฟิงไม่ได้สิ้นใจตายไปในครั้งนี้และทำให้จักรพรรดิหนานตู้โกรธเกรี้ยวจนถึงขีดสุด พวกเขาก็คงไม่เคลื่อนไหวเป็นแน่
จึงทำให้คิดว่าพลังของพวกเขาคงมากพอที่จะขยี้ศัตรูได้ ใครจะคิดว่าพอเริ่มต่อสู้ บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลฝั่งตนเองกลับถูกสังหารไปหนึ่ง ส่วนอีกคนก็ถูกสะบั้นแขนขวาขาด
พอพวกเขาตื่นตัวพร้อมสู้แล้ว ก็ไม่อาจกำจัดศัตรูได้ในคราวเดียว สุดท้ายจึงเข้าใจว่าชายหนุ่มผู้นี้ประเมินต่ำไม่ได้
ตอนนี้เมื่อได้เห็นท่ากระบี่ของเฉินซี พวกเขาก็ไม่ตกใจอีก แต่เป็นความตกตะลึงและหวาดกลัวแทน ให้ความรู้สึกเหมือนความหวาดหวั่นบางอย่างกำลังคืบคลานเข้าในใจ
นี่มันเต๋ากระบี่อะไรกันแน่? พวกเขาตกใจจนคิดอะไรไม่ออก ไม่อาจคงความสุขุมไว้ได้อีกต่อไป
…
เมื่อเริ่มศึกต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับเหล่าบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลตระกูลเยี่ย จักรพรรดิหนานตู้ที่ยืนอยู่ไกล ๆ ก็เผยรอยยิ้มเย็นที่มุมปาก
สายตาที่มองทางเฉินซีคล้ายกับมองคนที่ตายไปแล้ว
ความตายอันแสนโหดร้ายของเยี่ยเฟิงบุตรชายของเขา ทำให้จักรพรรดิเยี่ยหนานตู้ไม่อาจคุมความเยือกเย็นไว้ได้อีก เกิดเป็นความโกรธแค้นและจิตสังหารสั่งสมขึ้นมาในจิตใจ
ดังนั้นในความคิดเขา ชายหนุ่มผู้นั้นอย่างไรวันนี้ก็ต้องตาย ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต
หากแต่สถานการณ์กลับเกินสิ่งที่จักรพรรดิหนานตู้คาดการณ์ไว้ เขาตกตะลึงยิ่งเมื่อเห็นว่าเฉินซีกลับไม่ใช่ฝ่ายเสียเปรียบ แต่ยังคว้าเอาจังหวะได้เปรียบมาต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากแม้ตัวคนเดียวได้
แต่เมื่อเห็นมหายันต์เทวะเผยขึ้นจากร่างเฉินซีแล้วคุ้มกายอีกฝ่ายไว้ จักรพรรดิหนานตู้ก็ตกตะลึงตาค้าง
เขาเทพพยากรณ์! เด็กคนนี้จะมาจากเขาเทพพยากรณ์ได้อย่างไรกัน?
จักรพรรดิหนานตู้ลังเลอยู่เพียงเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจโยนความคิดเรื่องภูมิหลังเฉินซีทิ้งไปเพื่อแก้แค้นให้บุตรชาย!
หากแต่ภายในพริบตาเดียวสีหน้าก็ต้องเปลี่ยนผัน ยามได้เห็นท่ากระบี่ที่เฉินซีซัดออกมา เขาก็ร้องออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว “ระวัง! ถอยมา! เดี๋ยวนี้เลย!”
…
จักรพรรดิหนานตู้ร้องตะโกนดังลั่นฟ้าราวสายฟ้าฟาด แต่มันกลับช้าเกินไปเสียแล้ว
พริบตานั้น เฉินซีก็ซัดท่ากระบี่ออกมา กลิ่นอายดุดันแผ่กระจายออกรอบข้าง แช่แข็งห้วงอากาศจนทุกสิ่งนิ่งสนิท
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ชั่วพริบตาต่อมา แรงระเบิดอำนาจเกรงขามก็ดีดออก พลังผันผวนกระจายออกรอบทิศ พร้อมกับแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายสลายหายไป มันเป็นเสียงสมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถูกทำลายจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
เป็นเหตุนองเลือดน่าผวายิ่ง!
นี่คืออำนาจของท่ากระบี่ของเฉินซี มันเป็นกระบวนท่าที่แกร่งที่สุดที่เขาใช้นับตั้งแต่ที่ขึ้นขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นกลางมาได้ ไม่อาจนำไปเทียบกับตัวตนในอดีตได้เลย
“เวรเอ๊ย!” หากแต่เมื่อสิ้นท่ากระบี่นั้นแล้ว ก็ได้ยินเสียงตะโกนลั่นพร้อมกับกระแสพลังซัดเข้าใส่เฉินซี
ตู้ม!
เฉินซีใช้กระบี่ขวางการโจมตีของจักรพรรดิหนานตู้ไว้ แต่กลับถูกบีบกลับไปกว่าสิบก้าว เลือดในกายพลุ่งพล่าน
เป็นเพราะจักรพรรดิหนานตู้ใช้สัญชาตญาณจับสังเกตได้ว่าท่าไม่ดีจึงช่วยทุกคนไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ช่วยไว้ได้เพียงสองบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ถูกทำลายหายสิ้น!
ทว่าแม้ว่าสองบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจะโชคดีรอดพ้นมาได้ แต่ก็บาดเจ็บหนัก กลัวจนคิดอะไรไม่ออกอีก ทั้งยังหมดกำลังใจต่อสู้ ดังนั้นจึงไม่อาจทำการต่อสู้ได้
“ไอ้บัดซบนี่!” จักรพรรดิหนานตู้โกรธจนหน้าดำหน้าแดง สายตาที่จ้องเฉินซีคล้ายสายฟ้าฟาด
กลับปล่อยให้คนในตระกูลสิบสี่คนถูกสังหารตรงหน้าได้ นับว่าเป็นการลบหลู่จักรพรรดิหนานตู้จนทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นฟืนไฟ
หากเป็นคนธรรมดาในตระกูลเยี่ยก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คือสิบสี่บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสุดยอด นับว่าเป็นเสาหลักของตระกูลเยี่ย!
การเสียคนไปเป็นจำนวนมากในคราวเดียวเช่นนี้นับเป็นแรงโจมตีหนักหน่วงแก่ตระกูลเยี่ยทีเดียว!
“ไอ้เด็กเวรนี่ เจ้าทำให้ข้าโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร วันนี้ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!” จักรพรรดิหนานตู้พูดจบ กลิ่นอายดุดันก็ปกคลุมรอบข้าง เมฆดำบดบังท้องฟ้าเบื้องบน คล้ายว่าปิดตายพื้นที่โดยรอบเอาไว้
………………..