บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1783 สถานการณ์แปรเปลี่ยนเฉียบพลัน
บทที่ 1783 สถานการณ์แปรเปลี่ยนเฉียบพลัน
………………..
บทที่ 1783 สถานการณ์แปรเปลี่ยนเฉียบพลัน
อันที่จริง ยามโจมตีหนนี้ เฉินซีแบกรับความเสี่ยงมหาศาล
เริ่มที่เขาไม่แน่ใจว่าอำนาจจากเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบจะสามารถสร้างความเสียหายแก่โครงสร้างภายในของสมบัติวิญญาณธรรมชาติเพื่อให้มันระเบิดตามวัตถุประสงค์ได้หรือไม่
สอง เฉินซีไม่อาจยืนยันได้ว่าจักรพรรดิหนานตู้จะติดกับหรือไม่ หากไม่หลงกล เขาก็คงเสียสมบัติวิญญาณธรรมชาติอย่างเปล่าดายไปหนึ่งชิ้น
โชคยังดี หลังจากที่เขาครุ่นคิดและทดสอบในที่ลับ ชายหนุ่มก็ตระหนักว่าอำนาจท้าทายสวรรค์ของเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบอันเป็นข้อห้ามในโลกหล้าจะสมดังชื่อเสียง ไม่เพียงมันสามารถส่งสรรพสิ่งในโลกหล้าสู่จุดจบ กระทั่งสมบัติวิญญาณธรรมชาติอันก่อเกิดจากความโกลาหลยังไม่อาจรับการโจมตีจากอำนาจของมันได้
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีเกิดความเข้าใจลึกซึ้งขึ้นว่าเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบร้ายกาจเพียงไร
ขณะเดียวกัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้พิสูจน์แล้ว ว่าเขาเดิมพันถูกทาง!
หากมิใช่เพราะเช่นนี้ เขาคงไม่อาจสั่นคลอนจักรพรรดิโดยอิงเพียงอำนาจต่อสู้ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นกลางได้
นี่คือความต่างชั้นระหว่างสองขอบเขต ดุจคันสวรรค์กั้นแดน อย่างน้อยที่สุด ขณะนี้เฉินซีก็ยังไม่อาจก้าวข้าม
…
ท้องนภาอันพร่างพราวยังคงพังทลายลง ขณะที่รัศมีเรืองรองปั่นป่วนกระเพื่อมพลิ้ว ทั่วทิศปั่นป่วนโกลาหล
ทว่าขณะที่เฉินซีคิดว่าจักรพรรดิหนานตู้ตายไปแล้วนั้นเอง หนึ่งเสียงแผดก้องอันเปี่ยมโทสะก็พลันดังสนั่น
“ไอ้เด็กเวร! ข้าจะฆ่าเจ้า!!” พร้อมกันนั้น เสียงกึกก้องก็ดังสนั่นขณะที่หนึ่งบุคคลพุ่งเข้ามาจากความโกลาหล เรืองรองด้วยจิตสังหารชวนสะพรึงอย่างยิ่ง ปรากฏว่าเขาก็คือจักรพรรดิหนานตู้!
ยังอยู่อีก! เฉินซีตกตะลึงในใจ รู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ ใครเล่าจะคาดคิดว่าจักรพรรดิหนานตู้จะรอดตายจากการระเบิดอันน่าสะพรึงยิ่งนั่น?
ทว่าขณะนี้แม้จักรพรรดิหนานตู้จะยังมีชีวิต เขาก็อยู่ในสภาพอเนจอนาถยิ่งนัก เส้นผมของเขายุ่งเหยิง ผิวบนใบหน้าส่วนใหญ่ไหม้ดำ แขนซ้ายหายไป ผิวทั่วกายปกคลุมด้วยบาดแผล กระดูกโผล่
เมื่อมองจากไกล ๆ เขาก็เหมือนเป็นซากศพเปื่อยยุ่ย
สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า แม้แรงระเบิดจากการทำลายดาบโลหิตปรโลกจะไม่สามารถสังหารจักรพรรดิหนานตู้ได้ แต่มันก็ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสสะบักสะบอม
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีตระหนักเสียทีว่าจักรพรรดิน่าสะพรึงกลัวเพียงไร!
แม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส สภาพสะบักสะบอม แต่สุดท้ายเขาก็ยังเป็นจักรพรรดิผู้หนึ่ง อูฐอดตายยังตัวใหญ่กว่าม้า ขณะนี้เมื่อเจ้าตัวโจมตีด้วยโทสะ อำนาจที่แสดงจึงร้ายกาจกระทั่งเทียบได้กับยามไม่ได้บาดเจ็บ
เปรี้ยง!
เฉินซีถูกโจมตีทีเผลอ ทำได้เพียงเผชิญหน้ามันตรง ๆ แล้วเขาก็ถูกการโจมตีนี้กระแทกกระดูกทั่วกายเจียนแหลก ร่างของชายหนุ่มกระเด็นปลิว
“ตาย!” จักรพรรดิหนานตู้แผดเสียง ไล่ล่าเฉินซีไปก่อนที่ชายหนุ่มจะทันแม้แต่จะไหวตัว หอกสีทองในมือดุจเคียวเทพมรณะ เผยอำนาจทำลายล้าง เสียบเข้าหาศีรษะของเฉินซี
หากถูกการโจมตีนี้เข้า ไม่ว่าดวงจิตของเฉินซีจะร้ายกาจเพียงไร เขาก็คงมิพ้นตกตายในทันที
เปรี้ยง!
ในยามคับขันนี้เอง หนึ่งเงาร่างสีทองพลันทะยานออกมาจากเฉินซี เหวี่ยงกระบองเหล็กขวางการโจมตีนี้ไว้ กระทั่งทำให้จักรพรรดิหนานตู้ซวนเซไปสองสามก้าว
“ไอ้แก่งี่เง่า! ข้าจะจัดการกับเจ้าเอง!” ร่างสีทองนั้นแปรขนาดเป็นสูงร้อยจั้ง สามเศียรหกกรในทันที ดวงตาสีทองเรืองรองเช่นตะวัน ในมือถือกระบองเหล็กดำสนิท ทั่วร่างเต็มไปด้วยปราณดุร้ายกดดันรวนสรรพสิ่ง
เขาซ่อนตัวอยู่ ณ จักรวาลในร่างเฉินซีมาแต่แรก และยามนี้เมื่อชีวิตของเฉินซีอยู่ในอันตราย เขาก็ตัดสินใจเชิญเป่าน้อยออกมาทันที
“วานรตาทอง! ที่แท้ก็เป็นเจ้า! เจ้าสัตว์ที่ฆ่าลูกข้า!” ขณะนี้ในที่สุดจักรพรรดิหนานตู้ก็เห็นรูปลักษณ์ศัตรูตนชัดเจน ชั่วขณะนั้น ดวงตาของเขาเหลือกถลนแดงก่ำด้วยโทสะ
“ตาย!” จักรพรรดิหนานตู้แผดเสียงสนั่น
หนึ่งเหตุการณ์ชวนตะลึงอุบัติขึ้น ท้องนภาพร่างพราวทั่วบริเวณอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตนี้คือบริเวณชายขอบของกลุ่มดาววิญญาณจร ทว่าในพริบตานี้ หมู่ดาราจากไกล ๆ พลันระเบิดเป็นเสี่ยงพร้อมเสียงคำรามนี้ กลายเป็นอุกกาบาตปลิวกระเด็น
อำนาจเช่นนี้เกินธรรมดา โทสะของเขาถล่มโลกหล้า สลายหมู่ดาวเสียจนกลายเป็นเศษอุกกาบาตกระเซ็นสาย
ขณะนี้แม้จักรพรรดิหนานตู้จะบาดเจ็บสาหัส แต่เขาก็อยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง น่าสะพรึงกลัวเกินธรรมดา
หอกสีทองในมือเขาเรืองรัศมีศักดิ์สิทธิ์ ดูประหนึ่งถูกเพลิงผลาญ ปกคลุมด้วยอำนาจบัญชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อันดุดัน ขณะที่เขาเหวี่ยงมันโจมตีเป่าน้อยอย่างกราดเกรี้ยว
เปรี้ยง!
หอกสีทองเรืองโรจน์แผดมิติ หลอมฟ้าดินใกล้เคียง ดูประหนึ่งจมบริเวณรอบข้างสู่ขุมนรกหมกไหม้
ตู้ม!
อึดใจต่อมา ทั้งสองก็ประมือเผชิญศึก ดุจสองภูเขาศักดิ์สิทธิ์พุ่งกระแทกกันในจักรวาลพร่างดาว คลื่นแสงศักดิ์สิทธิ์สารพัดสีเรืองรองจากการปะทะ ทำให้โลกหล้า ตะวันจันทราจืดจางไร้ประกาย
เหตุการณ์เช่นนี้อธิบายได้ว่าเป็น ‘วิปโยคถล่มแดน’ เพราะเค้าลางการทำลายล้างชัดเจนทุกแห่งหน
หากไปเกิดขึ้นในแดนดินอันมีสิ่งมีชีวิตอาศัย คงทลายเมืองน้อยใหญ่ แดนดินเกินคณานับ
…
เฉินซีหอบหายใจขณะลุกขึ้น สีหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขณะมองมายังภาพศึกอันดุเดือดยิ่งจากไกล ๆ
เป็นไปตามเฉินซีคาดคิด การที่เป่าน้อยสามารถบดขยี้เส้าเฮ่าอวี่ จักรพรรดิคุนมู่และจักรพรรดิเซวี่ยอิ่งลงได้ง่าย ๆ ในกาลก่อนก็เป็นเพราะพึ่งอำนาจข้อจำกัดในสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชู ทำให้เป่าน้อยบรรลุในสิ่งที่ปกติตนไม่มีทางทำได้ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
ทว่าขณะนี้ พวกเขาออกมาจากสวนศักดิ์สิทธิ์ไท่ชูแล้ว ดังนั้นแม้อำนาจต่อสู้ของเป่าน้อยจะยังถือได้ว่าท้าทายสวรรค์ แต่เขาก็ทำได้เพียงต่อสู้สูสีกับจักรพรรดิหนานตู้ในสภาพบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
หากเป็นจักรพรรดิหนานตู้ยามสมบูรณ์พร้อม เป่าน้อยก็ไม่น่าต่อกรกับเขาได้
ขณะเดียวกัน พลังชีวิตอันถึกทนและอำนาจต่อสู้ที่จักรพรรดิหนานตู้เผยออกมาก็ทำให้เฉินซีตกตะลึงสุดขีดเช่นกัน
“เจ้าสัตว์ร้าย! ต่อให้วันนี้ข้าต้องทำร้ายรากฐานของตัวเอง ข้าก็จะผลาญกระดูกเจ้าเป็นเถ้าธุลี!” การโจมตีอยู่เนิ่นนาน แต่ก็ไม่อาจบรรลุผลทำให้จักรพรรดิหนานตู้ยิ่งเดือดโทสะ ประกายแดงเลือดพลุ่งพล่านในดวงตา ขณะที่ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวชวนสะพรึง ยิ่งกว่านั้น ร่างของเขายังเผยปราณดุร้ายเจียนทลายโลกา
เปรี้ยง!
ขณะเดียวกัน ปราณร้ายกาจของเขาก็ทะยานสูงขึ้นอีกหน ดอกสีทองเหวี่ยงผ่านมิติ ส่งร่างสูงร้อยจั้งของเป่าน้อยกระเด็นถอย
โฮก!
เป่าน้อยคำรามลั่นขณะเหวี่ยงกระบองเหล็กตอบโต้อย่างเดือดดาล ศึกนี้กระตุ้นความดุร้ายในสันดานของเป่าน้อยออกมาได้อย่างสมบูรณ์
ทว่าเฉินซีก็เห็นว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เป่าน้อยก็ไม่น่าทนอยู่ได้จนจบศึก….
ข้าควรทำเช่นไร? สีหน้าของเฉินซีแปรเปลี่ยนไปมา เหมือนลังเลในบางสิ่ง
ท้ายที่สุด เขาก็กัดฟันกรอด คู่เนตรทมิฬลึกล้ำดุจหุบเหวเผยประกายเด็ดเดี่ยว
เปรี้ยง!
สังเกตได้ชัดเจนว่าเรือนผมดกดำของเขากลายเป็นสีขาวโพลนในเฉียบพลัน ขณะที่ปราณอันยิ่งใหญ่โถมทวีต่อเนื่องไม่ขาดสาย
ขณะนี้เหมือนอสูรร้ายบรรพกาลตนหนึ่งคืนชีพขึ้นในร่างของเขา ตั้งใจทะยานสู่หล้าเข้ากลืนกินศัตรู!
ระเบิดสังหารเทวะ!
สุดยอดวิชาอันถ่ายทอดกันในเผ่าหยาจื้อ
มันเป็นสุดยอดวิชาทำร้ายวิญญาณ พลัง แก่นแท้ และรากฐานในกายโดยแลกกับการเพิ่มอำนาจขึ้นอย่างก้าวกระโดด เสริมอำนาจต่อสู้ขึ้นเป็นสองเท่า นับแต่บ่มเพาะมาจนบัดนี้ หากมิใช่ยามคับขันเสี่ยงตาย เฉินซีจะไม่ยอมใช้วิชานี้ออกมาเด็ดขาด
ทันใดนั้น ฟ้าดินก็สั่นสะท้าน ขณะที่ปราณร้ายกาจไร้เทียมทานระเบิดออกจากร่างของเฉินซี สร้างรัศมีศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังห้อมล้อมทั่วกาย
ก่อนหน้านี้ ยามจักรพรรดิหนานตู้ยังสมบูรณ์พร้อม เฉินซีก็ยังสามารถรับการโจมตีของเขาโดยอาศัยอำนาจต่อสู้ของตนลำพังได้ ขณะนี้อำนาจต่อสู้ของเฉินซีทวีคูณ เห็นได้ชัดว่าอำนาจของเขาน่าสะพรึงกลัวเสียจนท้องนภาพร่างพราวระเบิดเป็นจุณในพริบตา
“หืม?” ภาพนี้ทำให้จักรพรรดิหนานตู้ซึ่งกำลังสู้ยิบตาอยู่ไกล ๆ หันมาสนใจ และเจ้าตัวก็ไม่อาจเลี่ยงความรู้สึกตกตะลึงได้
ทว่าก่อนที่เขาจะทันมีปฏิกิริยาใด ๆ เป่าน้อยก็เหวี่ยงกระบองเหล็กเข้าใส่จักรพรรดิหนานตู้จนไม่กล้าปล่อยใจลอยเสียสมาธิอีก
เคร้ง!
ฟ้าดินถล่มพินาศ ขณะที่อำนาจจากการโจมตีนี้สะเทือนเก้าชั้นสรวง ดุจภาพยามผ่าความโกลาหลก่อแดนดิน
เชือดเฉือนกาสร!
นี่คือการโจมตีอันแม่นยำ เฉียบคมและดุดันที่สุดในเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ยามเฉินซีใช้มัน ปราณกระบี่ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมานั้นจนก่อเป็นโลกแห่งกระบี่ สะท้อนจักรวาลทั่วทิศ!
“บ้าเอ๊ย!” สีหน้าของจักรพรรดิหนานตู้แปรเปลี่ยนเฉียบพลัน สมองโล่งขึ้นจากสภาวะบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ เขาตระหนักแล้วว่าอำนาจต่อสู้ของเฉินซีแปรเปลี่ยนไปอย่างมหันต์ เพียงพอคุกคามเขาได้แล้ว
ทว่าเขาในยามนี้รบพัวพันกับเป่าน้อยอยู่ ไม่อาจแยกตัวออกมาได้ เขาจึงทำได้เพียงรับการโจมตีของเฉินซีจากข้าง ๆ ตรง ๆ
เสียงเปรี้ยงสนั่นก้อง ดุจสรรพสิ่งมอดมลาย รัศมีเจิดจ้าสุดขีดสาดส่องทั่วทิศ หลังจากนั้นแสงสว่างทั้งหลายทั่วท้องนภาพลันพังทลายดุจสมุทรกว้างโถมคลื่น แล้วเริ่มแผดผลาญลุกไหม้!
คลื่นมหึมานั้นงดงามตระการ กล่าวได้ว่าสะท้านดาราจักร สะเทือนทวยเทพ!
เปรี้ยง!
ยามเผชิญการโจมตีนี้ จักรพรรดิหนานตู้ผู้บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้วไม่อาจทานทนได้อีก เขาถูกฟาดกระเด็นไป ร่างอันเละเทะของเขาเกิดเสียงแหลกระเบิดหลายต่อหลายเสียง โลหิตพรั่งพรูจากร่าง กระดูกโผล่พ้นมังสะ ดูทั้งน่าเวทนาและน่าสะพรึงกลัว
“สารเลว!” จักรพรรดิหนานตู้เดือดดาลสุดขีด จมในโทสะและความแค้นสุดขั้วจนหน้ามืด
เดิมทีเขาแน่ใจว่าหนนี้ชัยชนะต้องอยู่ในกำมือ เพราะเขาพาญาติมิตรขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลมากมายมากับเขา และรู้สึกว่าแค่นี้ก็พอจับตัวสังหารเป้าหมายได้แล้ว
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเพียงชายหนุ่มขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นกลางคนเดียว กลับสามารถทำให้เขาเสียเปรียบได้หนแล้วหนเล่า และยามนี้เขากระทั่งเผชิญอันตรายถึงชีวิต
เขาไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้เลย!
ตั้งแต่ยามใดกันที่จักรพรรดิสามารถถูกบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเอาชนะได้?
“ไอ้หนูสมควรตาย เจ้าสัตว์ร้าย! ภายหน้าข้าจะมาคิดบัญชีพวกเจ้าแน่!” ไม่ว่าเขาในยามนี้จะคับแค้นเพียงไร จักรพรรดิหนานตู้ก็ตระหนักดีว่าสถานการณ์หลุดการควบคุมของเขาไปแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป สถานการณ์ที่เขาต้องเผชิญจะเกินคาดคิดอย่างแน่นอน
เขาหันหลังทะยาน คิดหนีจากที่นี่
“คิดหนี?” รอยยิ้มเย็นเผยแผ่วที่มุมปากเฉินซี จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ ทำให้ตาข่ายอันดูประหนึ่งมายาปากหนึ่งแผ่ออกจากมือเขาอย่างเฉียบพลัน
………………..