บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1784 ยืมมีดฆ่าคน
บทที่ 1784 ยืมมีดฆ่าคน
ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์!
สมบัติวิญญาณธรรมชาติซึ่งตกทอดมาจากปรมาจารย์ฝูซีแห่งเขาเทพพยากรณ์ มีอำนาจเกินหยั่งคาด
ทันทีที่ปรากฏ มันก็แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นกระเพื่อมใสกระจ่าง ครอบคลุมห้วงนภาพร่างพราวนี้ ผนึกทางหนีของจักรพรรดิหนานตู้ไว้อย่างสิ้นเชิง
“ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์!” สีหน้าของจักรพรรดิหนานตู้ย่ำแย่ แผดเสียงอย่างเครียดขึ้ง เหวี่ยงหอกสีทองในมือเข้าขวางตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ซึ่งกำลังกวาดเข้าใกล้ตนจากข้างหน้า
กระแสลมเย็นเยียบโหมแรง ขณะที่หอกนั้นเรืองโรจน์ดุจตะวัน
วูบ!
ตาข่ายอันพร่างพราวดุจแสงดาวเยียบเย็นถูกหอกฟาดจนสะท้านรุนแรง ทว่ามันก็ไม่ได้ถูกหยุดไว้ และเริ่มหดตัวเข้ามาดุจรวบแหจับปลาในห้วงสมุทรยามถึงคราวเก็บเกี่ยว
“สารเลว!” จักรพรรดิหนานตู้ทั้งตะลึงและเดือดดาล สัมผัสอันตรายร้ายแรงยิ่งได้ในใจ ทำให้เขาไม่ลังเลที่จะพ่นแก่นโลหิตออกมาคำใหญ่ ทำให้อำนาจยิ่งใหญ่จากร่างทะยานสูงขึ้นอีก และพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง
หอกสีทองเรืองสว่างดุจอัสนีโรจน์ เจิดจรัสสาดส่อง ดูประหนึ่งสามารถทะลวงผ่านฟ้าดิน เต็มไปด้วยบรรยากาศแข็งแกร่งร้ายกาจ
ทว่าขณะนั้นเอง กระบองเหล็กก็พุ่งเข้ามา ดุจเทือกบรรพตกระหน่ำลงจากเวหา ดุร้ายชวนสะพรึง
มิติแหลกถล่ม เสียงเลื่อนลั่นแหลมเสียดโสตกระหึ่มตาม
เพียงพริบตา สีหน้าของจักรพรรดิหนานตู้ก็แปรเปลี่ยนเฉียบพลัน เขาไม่กล้าพุ่งทะลวงต่อไป และหันหลังจับหอกสะบั้นเข้าใส่กระบองเหล็ก
เปรี้ยง!
ประกายแสงกระจายทั่วทิศพร้อมเสียงกัมปนาทสนั่นลั่น
ร่างสูงร้อยจั้งของเป่าน้อยเสียหลักโซเซกลางอากาศ
วูบ!
ทว่าก่อนที่จักรพรรดิหนานตู้จะทันย่ามใจกับความสำเร็จ ปราณกระบี่อันเรียบง่าย เก่าแก่ดุจข้ามผ่านกาลนาน เปี่ยมด้วยปราณโกลาหลก็มาถึงตรงหน้าเขา
จักรพรรดิหนานตู้พรั่นพรึงขนลุกซู่ วิญญาณเจียนหลุดลอย สัมผัสความน่าสะพรึงกลัวจากใจเป็นครั้งแรก
“เดี๋ยว….” เขาอ้าปากจะตะโกน ทว่าวาทะที่หลุดจากปากก็มีเพียงคำ ก่อนที่เสียงจะหยุดลงกะทันหัน ดวงตาเจียนถลนจากเบ้า
วูบ!
รูสีเลือดแหวกออกที่คอของเขา ทำให้โลหิตทะลักรินเช่นน้ำตก ย้อมนภาแดงฉาน
ปรากฏว่ากระบี่ของเฉินซีรวดเร็วเกินไป เร็วเสียจนจักรพรรดิหนานตู้ถูกทะลวงคอโดยไม่มีแม้แต่เวลาไหวตัว!
“เอ่อ…. เออะ….” ดวงตาของจักรพรรดิหนานตู้เบิกกว้าง การถูกทะลวงคอทำให้เสียงที่ออกมาจากปากเขาดูประหลาดพิกล เหมือนยังไม่กล้าเชื่อว่าเพิ่งเกิดสิ่งใด
ขณะนี้ รูปลักษณ์ของจักรพรรดิหนานตู้ดูชวนตะลึงอย่างยิ่ง ร่างของเขาแหลกริ้ว กระดูกปรากฏรำไร สีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ดวงตาเหลือกถลน คอถูกทะลวงเป็นรู ดูน่าเวทนาถึงขีดสุด ทำให้ผู้อื่นไม่อาจเชื่อลงว่านี่คือจักรพรรดิผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือโลกา
วูบ!
เส้นผมของเฉินซีขาวโพลนเช่นหิมะ เหวี่ยงกระบี่เปลื้องมลทินในมือสะบั้นศีรษะของจักรพรรดิหนานตู้อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย จบชีวิตจักรพรรดิผู้นี้ลง
มันคือป้ายวิญญาณ!
เฉินซีเคยเห็นสมบัตินี้มาก่อนยามเยี่ยเฟิงถูกสังหาร ถึงขนาดที่หากมิใช่เพราะสมบัตินี้ พวกเขายามสัญจรผ่านกลุ่มดาววิญญาณจรนี่ คงไม่ต้องเผชิญเหตุลำบากลำบนเช่นปัจจุบัน
ทว่ายามนี้ หลังจักรพรรดิหนานตู้ตกตาย ป้ายวิญญาณของเขาก็ตั้งใจหนีกลับไปเช่นกัน หากข่าวนี้ถูกส่งกลับตระกูลเยี่ย มันก็คงยิ่งนำพาอันตรายสู่คณะของเฉินซีมากกว่าเดิมนัก
น่าเสียดายที่เฉินซีระวังเรื่องทั้งหมดนี้มาแต่ต้น เขาจึงมีปฏิกิริยาทันที
วูบ!
ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เปล่งแสงแผ่วเบา ขยับรวบเข้ามาเล็กน้อย จับดวงแสงสีขาวจากป้ายวิญญาณไว้ ไม่อาจกระดิกดิ้นรน
นี่คือจุดแข็งของตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ แม้ความสามารถในการโจมตีของมันจะไม่ถือว่าร้ายกาจ แต่มันก็สามารถจับชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์ ผนึกสรรพสิ่งรอบข้างได้ ยามนี้แค่สยบป้ายวิญญาณอันเดียว ย่อมง่ายแสนจะง่าย
เปรี้ยง!
เฉินซีคว้าป้ายวิญญาณมาขยี้แหลกเป็นเสี่ยง ทำให้มันกลายเป็นพิรุณแสงสลายหาย
…
นับแต่เริ่มศึกนี้จนจบศึก ใช้เวลาไปเพียงชั่วหนึ่งก้านธูปดับมอด ทว่ามันอันตรายดุเดือดเสียจนกล่าวได้ว่าสะท้านโลกา
หากโลกภายนอกทราบว่าบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลสิบหกคนและหนึ่งจักรพรรดิจากตระกูลเยี่ยอันยืนยงตกตายอย่างอเนจอนาถด้วยมือเฉินซี คงก่อให้เกิดเสียงลือลั่นกันเป็นแน่
ทว่าเฉินซีก็ต้องเสียหายสาหัสเพื่อบรรลุสิ่งนี้ เริ่มด้วยเสียดาบโลหิตปรโลก สมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นหนึ่งไป จากนั้นเพื่อกำจัดจักรพรรดิหนานตู้ เขาก็ต้องใช้วิชาอย่างระเบิดสังหารเทวะทำร้ายตนเองไปพร้อมศัตรู
แม้มันจะทำให้อำนาจต่อสู้ของเขาทวีคูณได้ในทันที แต่ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงสุดขั้ว อย่างน้อยที่สุด เขาก็จะอยู่ในสภาวะ ‘อ่อนแอ’ ไปห้าเดือน ไม่อาจตอบโต้ได้หากถูกศัตรูแข็งแกร่งไล่ล่า
เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เฉินซีจากไปกับเป่าน้อยอย่างไร้ลังเลหลังกำจัดจักรพรรดิหนานตู้ลงได้ เขาต้องการผ่านเส้นทางในกลุ่มดาววิญญาณจรไปก่อนที่ผลข้างเคียงของการใช้วิชาระเบิดสังหารเทวะจะปรากฏขึ้น
…
“จักรพรรดิผู้หนึ่งตกตายไปในศึกเมื่อครู่!”
“หากข้าเข้าใจไม่ผิด นั่นคงเป็นจักรพรรดิหนานตู้จากตระกูลเยี่ย ไม่อาจคาดคิดได้เลยจริง ๆ ว่าผู้ใดกันแน่ที่ฆ่าเขา?”
“รีบส่งข่าวกลับไป เรื่องนี้สาหัสมากนัก ข้าเชื่อว่าไม่นานหรอก มันจะสะท้านไปทั่วแดนเทพโบราณแน่แท้”
หลังเฉินซีจากไปไม่นาน ตัวตนมากมายก็ทะยานมาจากแสนไกลในท้องนภาพร่างพราว พวกเขาอดผงะตกใจมิได้ยามเห็นว่าบริเวณรอบข้างกลายเป็นซาก ปกคลุมด้วยความพินาศวังเวง
พวกเขาเป็นผู้บ่มเพาะจากเอกภพเวิ้งจันทรา และสังเกตเห็นความวุ่นวายของศึกนี้จากไกล ๆ
แต่เพราะมันไกลเกินไป พวกเขาจึงไม่ทราบว่าใครกันที่สู้กับจักรพรรดิหนานตู้และคนอื่น ๆ จากตระกูลเยี่ย
แต่พวกเขาแน่ใจว่าจักรพรรดิหนานตู้ตายแล้ว! นอกจากนั้น กระทั่งบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งสิบหกที่มากับจักรพรรดิหนานตู้ก็ตายไปในศึกด้วย!
ศึกอันร้ายแรงสะท้านหล้าเช่นนี้ไม่เคยปรากฏในแดนเทพโบราณตราบกาลช่วงนี้ โดยเฉพาะเมื่อเหล่าผู้บ่มเพาะที่ตกตายมาจากตระกูลเยี่ย ยิ่งน่าตกใจไปใหญ่
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าศึกนี้จะทำให้เกิดเสียงลือลั่น ป่วนทั่วแดนเทพโบราณแน่แท้!
…
เอกภพจักรวรรดิ ตระกูลเยี่ย
ทว่าขณะนี้สีหน้าของพวกเขามืดดำ ดวงตาเรืองประกายกร้าวเย็นเยียบ ยิ่งกว่านั้นบรรยากาศจากพวกเขายังทำให้สาวใช้ซึ่งยืนประจำอยู่ไกล ๆ กลัวจนร่างสั่นเจียนเข่าอ่อน
“พวกเขาตายกันหมดแล้ว….” หนึ่งเสียงเฒ่าชรารำพึงดังออกมาจากในโถงบรรพชน ทำให้สีหน้าของเหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ของตระกูลเยี่ยไม่น่าดูชม
ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้รับป้ายวิญญาณสิบกว่าป้ายซึ่งกลับมาพร้อมเพรียงกัน พวกมันล้วนเป็นของยอดฝีมือตระกูลเยี่ยซึ่งมุ่งหน้าไปกับจักรพรรดิหนานตู้
พวกเขาล้วนตกตาย และป้ายวิญญาณที่กลับมาบันทึกทุกสิ่งที่เกิดหน้าทางเชื่อมในกลุ่มดาววิญญาณจร
สิ่งนี้ทำให้พวกเขารับรู้เสียทีว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือชายชุดเขียวในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นกลาง!
“บรรพบุรุษ เจ้าเด็กนั่นน่าจะเป็นศิษย์เขาเทพพยากรณ์ เฉินซีขอรับ” เยี่ยเป่ยเหอสูดหายใจลึก ๆ และกล่าวเสียงเบา “เจ้าเด็กนั่นเชี่ยวชาญยันต์เทวะและค่ายกล นอกจากนั้น อำนาจต่อสู้ยังท้าทายสวรรค์ห่างไกลเกินบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั่วไป อำนาจเช่นนี้ มีเพียงศิษย์เขาเทพพยากรณ์เท่านั้นที่มีได้”
“เจ้าจะบอกว่าศิษย์ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลของเขาเทพพยากรณ์อย่างเขาฆ่าหนานตู้ได้หรือ?” เสียงโรยรานั้นดังขึ้นอีกครั้งอย่างเฉยชา
“แม้จะไม่น่าเชื่อ แต่หนานตู้… น่าจะเผชิญหายนะแน่แล้วขอรับ” สีหน้าของเยี่ยเป่ยเหอหดหู่ ความเศร้าอย่างไม่อาจบรรยายและโทสะพลุ่งพล่านในใจ จักรพรรดิหนานตู้เป็นน้องชายของเขา แต่ยามนี้ตกตายไป หัวใจเขาจะไม่รวดร้าวได้หรือ?
เสียงเฒ่าชรานั้นเอ่ยถาม “เจ้าจะทำการใด?”
“ไม่ว่าอย่างไร เราก็ต้องฆ่าเจ้าเด็กนั่นขอรับ!” เยี่ยเป่ยเหอกัดฟัน เค้นเสียงลอดไรฟันเจือจิตสังหารสุดขั้ว
“เขาเทพพยากรณ์… ไม่ได้น่ากลัว ขอเพียงเราใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ผูกพันธมิตรกับตระกูลเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะ เราก็ไม่ต้องกลัวเขาเทพพยากรณ์เลย” หลังจากเงียบไปครู่สั้น ๆ เสียงเฒ่าชรานั้นก็ดังขึ้นอีก “แต่ก่อนหน้านั้น เราต้องกัดฟันทนไปก่อน”
เยี่ยเป่ยเหอและคณะต่างผงะ ไม่คาดคิดเลยว่าบรรพบุรุษจะตัดสินใจให้พวกเขายอมกล้ำกลืนอดทนความอัปยศไปเงียบ ๆ
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาล้วนไม่พอใจ
“บรรพบุรุษ ท่านหมายความว่าเราควรปล่อยเรื่องนี้ไปหรือขอรับ? แล้วภายหน้า เอกภพจักรวรรดิกับแดนเทพโบราณจะคิดเช่นไรกับตระกูลเยี่ยของเราเล่า?” เยี่ยเป่ยเหออดถามไม่ได้ “เราเสียหนึ่งจักรพรรดิและบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอีกสิบหกคนในครานี้นะขอรับ!”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หัวใจของเยี่ยเป่ยเหอก็เจียนหลั่งเลือด แม้การเสียสมาชิกไปเท่านี้มิน่าจะสั่นคลอนรากฐานตระกูลเยี่ยได้ แต่ก็เพียงพอเป็นบาดแผลสาหัสได้
หากพวกเขาไม่ตอบโต้ พวกเขาตระกูลเยี่ยคงไม่พ้นเป็นตัวตลกในสายตาประชาชีแน่แท้!
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะไม่ชอบใจเพียงไร ก็ต้องจับตามองสถานการณ์แล้วปรับเปลี่ยนตามกาล เราตระกูลเยี่ยเผชิญหายนะและบททดสอบสารพัน เพื่อที่จะยืนยงตราบกาล ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลอันยืนยงได้ หรือยามนี้ เสียหายนิดหน่อยก็ทนไม่ได้กันแล้ว?” เสียงเฒ่าชรานั้นเว้นช่วงเล็กน้อย “แน่นอน มันเป็นการอดทนเพียงชั่วประเดี๋ยว แต่เราก็ส่งข่าวเรื่องนี้ให้ตระกูลเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะได้ บอกพวกเขาว่าการที่เยี่ยเหยียนทรยศและความตายของพวกเส้าเฮ่าอวี่น่าจะเกี่ยวกับเจ้าหนูจากเขาเทพพยากรณ์นั่น พวกเขากระทำการได้ตามสมควร”
สายตาของเยี่ยเป่ยเหอและเหล่าตัวตนยิ่งใหญ่เรืองประกายทันทีที่ได้ยิน ยืมมีดฆ่าคน?
“ไปสิ หากข้าเข้าใจไม่ผิด เจ้าเด็กนี่… ตั้งใจกลับเขาเทพพยากรณ์อยู่แน่ บอกตระกูลเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะเรื่องนี้ด้วยนะ พวกเขาจะเข้าใจเองว่าต้องทำเช่นไร หากปล่อยเจ้าเด็กนั่นกลับเขาเทพพยากรณ์ได้คราวนี้ ฆ่าเขาภายหน้าจะเป็นเรื่องยากแล้ว”
หลังกล่าวจบ เสียงเฒ่าชรานั้นก็เงียบไป
ขณะเดียวกัน ในที่สุดยามนี้ เยี่ยเป่ยเหอก็ตัดสินใจจะทนไปก่อน และใช้ตระกูลเส้าเฮ่ากับนิกายอำนาจเทวะไปฆ่าเฉินซีแทน!