บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1792 วิชาบัญชามังกร
บทที่ 1792 วิชาบัญชามังกร
เฉินซีจึงรีบลุกขึ้นแล้วพาเป่าน้อยกับเหล่าไป๋เคลื่อนมิติไปด้วยกัน
ฟ่าว!
แรงกระเพื่อมห้วงมิติตีตัวออก กระจายผ่านสุสานมวลมังกรอันเยือกเย็นและเงียบงัน
เมื่อเคลื่อนกายผ่านซากร่างมังกรมากมาย พวกเฉินซีก็เหมือนเป็นแค่แมลงตัวน้อยนิดเท่านั้น
ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเหล่ามังกรที่เคยอาศัยอยู่ในกลุ่มดาววิญญาณจรคิดอะไรอยู่ถึงได้ปล่อยให้ตนเองถูกฝังไปพร้อมกับมหาเทพเต๋าบรรพมังกรเช่นนี้
โครงกระดูกมังกรนั้นเป็นของล้ำค่าหายากยิ่ง หากเป็นโลกภายนอกคนคงแทบฆ่ากันตายเพื่อให้ได้มา…. เฉินซีเห็นแล้วก็ถอนหายใจ หากไม่รู้ว่าการสัมผัสโครงกระดูกพวกนี้จะทำให้เกิดเรื่องร้ายขึ้น ก็คงไม่อาจยั้งตัวเองแล้วเก็บรวบรวมพวกมันไว้แล้ว
“ไปทางนั้น” เหล่าไป๋คอยนำทาง ด้วยใช้สำเนียงมังกรสื่อสารกับจิตที่ยังหลงเหลืออยู่ของมังกรมายา ดังนั้นจึงรู้ทุกอย่างที่นี่ดี
แต่เฉินซีก็เห็นว่าเส้นทางที่เหล่าไป๋กำลังนำไปเป็นเส้นทางเดียวกับของพวกจักรพรรดิไท่จิ้ง
…
กรร! กรร! กรร!
เกือบเค่อต่อมา ก็พลันได้ยินเสียงคำรามอันลึกลับหนักหน่วงเต็มไปด้วยจิตสังหารดังก้องมาจากที่ไกล
เฉินซีหรี่ตาลงทันใด
หลังจากมุ่งหน้าเข้าไปอีกหน่อย พวกเขาก็ออกจากพื้นที่สุสานมวลมังกร ปรากฏเป็นพื้นที่เงียบสงัดอันกว้างใหญ่สู่สายตา
ไม่มีดารา ไม่มีแสง ไม่มีเสียง เหมือนเป็นพื้นที่ที่ไร้ซึ่งความมีชีวิตชีวาใด มีเพียงเส้นทางที่เต็มไปด้วยโครงกระดูกสีขาวดั่งหิมะทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา คล้ายว่าเป็นเส้นทางไร้จุดจบ
เสียงคำรามอันลึกลับที่เต็มไปด้วยจิตสังหารดังมาจากกองกระดูกพวกนั้น
มันเป็นภาพน่าผวานัก ท่ามกลางห้วงอากาศว่างเปล่าอันดับมืด มีเพียงเส้นทางกระดูกนี้ที่ปรากฏ พร้อมกับเสียงคำรามลึกลับดังคลอ เหมือนในอดีตที่นี่เคยเกิดสงครามครั้งใหญ่ จิตสังหารในสงครามนั้นยังคงไม่สลายหายไปจนถึงวันนี้
“นี่คือเสียงคำรามรบของเผ่ามังกร แปลง่าย ๆ ว่า ‘สังหาร’!” เหล่าไป๋มีสีหน้าเคร่งขรึมยามอธิบาย “เฉินซี เจ้ายังจำตอนที่อยู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนเมื่อหลายปีก่อนได้หรือไม่?”
เฉินซีพยักหน้า จนถึงตอนนี้เขาก็ยังจำได้ว่ามีจิตศึกจำนวนมากถูกกักอยู่บนภูเขานั้น ทั้งหมดล้วนเคยเป็นเทพที่เจ้าแห่งยุคหมานกู่ เซวียนจับไว้ แล้วขังไว้บนภูเขาแห่งนั้น
“หากจำไม่ผิด เส้นทางกระดูกนี้คงจะเหมือนกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียน ก้าวเข้าไปแล้วคงต้องถูกแรงกดดันมหาศาลยับยั้งแน่ อีกทั้งยิ่งเดินเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกดดันรุนแรงกว่าเก่า” เหล่าไป๋อธิบายเสียงต่ำ จากนั้นสั่งว่า “เจ้าต้องระวังด้วย”
“ในเมื่อเรามาแล้วเราย่อมต้องทำให้ดีที่สุด” เฉินซียิ้มพร้อมนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
พูดจบเขาก็เดินมาหน้าเส้นทางกระดูกที่เงียบสงัด
“เป่าน้อย เตรียมพร้อม” เฉินซีมองเป่าน้อย อีกฝ่ายคลี่ยิ้มแล้วทำท่าว่าเข้าใจแล้ว
“ไปกันเถอะ!” เฉินซีจึงแวบร่างก้าวเท้าขึ้นบนถนนกระดูก
ทันใดนั้น กระแสจิตสังหารหนาแน่นสายหนึ่งก็กดทับลงมาราวกับขุนเขา เสียงคำรามสำเนียงมังกรซึ่งเต็มไปด้วยความพยาบาทดังก้องเต็มสองหู
เฉินซีเม้มปาก ทำจิตใจให้มั่นคงดั่งหินผาและรักษาความสงบไว้ ก่อนจะเดินหน้าต่อไป
แรงกดดันจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
จังหวะที่ก้าวเท้าเข้าเส้นทางไป แรงกดดันนั้นเทียบได้กับแรงโจมตีของเทวารู้แจ้งวิญญาณ แต่ยิ่งมุ่งหน้าไปความรุนแรงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม
ครืน!
แรงกดดันไร้ลักษณ์และพลังน่าขนหัวลุกก็เหมือนกับคลื่นน้ำที่สาดเข้าใส่ เกิดเป็นเสียงลั่นครืนดังออกมา
คล้ายว่าบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจำนวนมากโจมตีเข้าพร้อมกัน หมายบดขยี้เฉินซีเสียให้สิ้นซาก
บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลธรรมดาคงไม่อาจอดทนเช่นนี้ได้…. เฉินซีสะบัดแขนเสื้อ เสียงลั่นครืนดังขึ้น ก่อนจะทำลายแรงกดดันล่องหนที่กำลังพุ่งเข้ามา
เคราะห์ดีที่ตอนนี้มันยังไม่อันตรายมากไป เฉินซียังมุ่งหน้าต่อพร้อมสะบัดแขนเสื้อทำลายแรงกดดันไร้ลักษณ์ไปด้วย
แรงกดดันล่องหนนั้นคงมาจากข้อจำกัดโบราณเผ่ามังกร มันกดดันลงมาเหมือนคลื่นมหาสมุทร ยิ่งเดินลึกเข้าไปก็ยิ่งดุดันขึ้นเรื่อย ๆ
ฟ่าว!
หลังจากเดินหน้าเข้าไปอีกไม่กี่อึดใจ เฉินซีก็เลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนหยิบกระบี่เปลื้องมลทินออกมาฟัน ทิ้งรอยโจมตียาวไว้บนห้วงอากาศ ก่อนสลายแรงกดดันที่โจมตีเข้ามา
เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว แรงกดดันมีอำนาจเทียบเท่ากับบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูงสุดแล้ว เป็นเหตุให้เฉินซีไม่สามารถจัดการด้วยมือเปล่าได้อีกต่อไป
“เฉินซี เจ้าพักก่อน ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”
เป่าน้อยชื่นชอบการต่อสู้จนเป็นนิสัย ดังนั้นหลังจากมองเฉินซีเดินหน้าเข้ามาอย่างง่ายดาย เขาจึงอยากลองดูบ้าง ตอนนี้จึงยับยั้งความอยากไม่ได้อีก เงื้อกระบองเหล็กออกมาโจมตีบ้าง
ครืน!
แรงกดดันเหล่านั้นระเบิดออกเป็นเสี่ยงพร้อมกับเสียงระเบิดลั่น
เป่าน้อยตาเป็นประกาย ร้องออกมา “เยี่ยมไปเลย! ยอดเยี่ยมเลย!”
ระหว่างพูดก็เงื้อกระบองเหล็กโจมตีอย่างดุดันไปตลอดทาง เหล่าไป๋เห็นแล้วเป็นต้องกลอกตาใส่ “ลิงตัวไหน ๆ ก็ไม่ต่างกันเลย บ้าการต่อสู้ หยุดไม่อยู่ เหมือนลิงคลั่งอย่างไรก็อย่างนั้น”
เมื่อได้เป่าน้อยช่วยเหลือ เฉินซีจึงวางใจทันใด ฉวยโอกาสนี้มาสนใจรอบข้างแทน
ยิ่งมุ่งหน้าเข้าไปเท่าไหร่ พื้นที่รอบกายก็ยิ่งเงียบสงัดและมืดลงกว่าเดิม ราวกับว่าอยู่ภายใต้ราตรีมืดหรืออยู่ในหุบเหวลึกก็มิปาน
ทว่าเส้นทางกระดูกเบื้องล่างดูทอดตัวไปยาวเหลือเกิน คล้ายกับว่าไร้จุดจบ….
จึงทำให้เฉินซีถามขึ้นมาว่า “เหล่าไป๋ เจ้าบอกว่าสุสานมหาเทพเต๋าบรรพมังกรอาจอยู่ที่ปลายทางนี้ใช่หรือไม่?”
“หากสถานการณ์เลวร้ายขึ้นมา ข้าจะระเบิดสมบัติวิญญาณธรรมชาติอีกชิ้น หรือไม่ก็ใช้ระเบิดสังหารเทวะอีกสักรอบ” เฉินซีกลับยิ้มด้วยนัยน์ตาเย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดเล่น
เมื่อมั่นใจแล้วว่าพวกจักรพรรดิไท่จิ้งมาจากตระกูลเส้าเฮ่า เขาจึงรู้ว่าพวกนั้นมาเพื่อสังหารเขาแน่
เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงเขาไม่ฆ่า พวกนั้นก็คงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารเขาเป็นแน่
เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้ว เฉินซีก็ต้องประหลาดใจที่เส้นทางกระดูกปรับขยายกว้างขึ้นเหมือนกางพัด
แต่แรงกดดันเองก็เพิ่มขึ้นในฉับพลันเช่นกัน หากแรงกดดันก่อนหน้านี้เทียบได้กับคลื่นน้ำ แรงกดดันในปัจจุบันก็เทียบได้กับกองทัพทรงพลังได้เลยทีเดียว
“ดี! ดีเลย! ดียิ่ง!” เป่าน้อยกลับยิ่งสู้ยิ่งดูตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม ร่างยืดสูงขึ้นร้อยจั้ง มีสามเศียรหกมือ ถือกระบองเหล็กไว้แล้วเหวี่ยงโจมตีด้วยท่าทีดุดัน ทำให้เหมือนเป็นเทพสงครามที่กำลังเผยฤทธิ์
เฉินซีเห็นแล้วก็เหม่อไป
“วานรตาทองเป็นภูตฟ้าดิน พรสวรรค์ไม่ธรรมดา เกิดมามีใจรักการต่อสู้ เจ้าอารามไท่ชูไม่ได้ยับยั้งนิสัยนี้ไว้เพราะเหตุนี้ วิชาที่นางส่งต่อให้ก็เป็นวิชาต่อสู้ที่เยี่ยมยอดที่สุด เช่นนี้ถึงเจ้าลิงนี่จะอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ก็ใช้การต่อสู้พัฒนาตนเองขึ้นได้ นับได้ว่าเป็นการบ่มเพาะเต๋าผ่านการต่อสู้” เหล่าไป๋อธิบายอยู่ด้านข้าง จากนั้นหัวเราะกล่าวว่า “เจ้าอารามผู้นั้นถึงกับยอมแยกจาก ให้เจ้าลิงมาอยู่ข้างกายเจ้า มีเขาอยู่ข้างกายก็เหมือนเจ้ามีคู่หูฝีมือดีร่วมต่อสู้”
จังหวะนั้นเอง ร่างสูงร้อยจั้งของเป่าน้อยก็ถูกดีดกลับมาหลายก้าว ถูกแรงกดดันซัดกลับมาจนอยู่ในสภาพน่าอายเล็กน้อย
ครืน!
จังหวะนั้นเอง แรงกดดันที่เหลืออยู่ก็รุดผ่านเป่าน้อยเข้าโจมตีเฉินซี เสียงลั่นครืนทำเอาเลือดในกายเฉินซีปั่นป่วน
“เฉินซีระวังด้วย! แรงกดดันตอนนี้เทียบได้กับระดับจักรพรรดิแล้ว!” เป่าน้อยร้องเสียงดังกำลังพุ่งเข้ามา นอกจากไม่กลัวแล้วยังยิ่งตื่นเต้นลงมือดุดันกว่าเก่าอีกต่างหาก
เหมือนอย่างที่เหล่าไป๋ว่า เป่าน้อยเหมือนเกิดมาเพื่อต่อสู้
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าลิงน้อยคงต้านไว้ได้อีกไม่นาน รีบเอาไข่มุกต้นกำเนิดมังกรของเจ้าออกมาเสีย!” เหล่าไป๋รีบสั่ง เหมือนคาดการณ์เอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงมีท่าทีสุขุมไม่ตื่นตกใจแต่อย่างไร
ไข่มุกต้นกำเนิดมังกร!
มันเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่เฉินซีชิงมาจากจินชิงหยางแห่งตระกูลจิน เอกภพจักรวรรดิ เคยนำออกมาใช้เพียงครั้งเดียวตอนรับมือกับจักรพรรดิหนานตู้ในวันนั้น
พอได้ยินเหล่าไป๋วันนี้ เฉินซีจึงได้เข้าใจ แค่เอ่ยชื่อของมันขึ้นมาก็รู้แล้วว่าสมบัติวิญญาณธรรมชาติชิ้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกร
“ข้าจะส่งต่อวิชาบ่มเพาะเผ่ามังกรให้เจ้า จากนั้นเจ้าก็จะสามารถดึงผลลัพธ์มหัศจรรย์ออกมาจากสมบัติชิ้นนี้ได้” เหล่าไป๋พูดจบ ก็ส่งกระแสข้อมูลอันลึกล้ำเข้าสู่ห้วงจิตสำนึกของเฉินซี
วิชาบัญชามังกร!
ช่างเป็นชื่อที่ดูดุดันนัก แต่กลับเป็นวิชาที่ส่งต่อกันมาภายในเผ่ามังกร ใช้เพื่อขัดเกลากลิ่นอายมังกรในร่าง ซึ่งเป็นพลังที่สามารถกำจัดวิญญาณบดขยี้โลกาได้
ด้วยความสามารถในการทำความเข้าใจของเฉินซี เขาจึงใช้เวลาเพียงชั่วครู่ในการทำความเข้าใจความลึกล้ำของวิชานี้
ตู้ม!
ขณะเดียวกันนั้น เป่าน้อยก็ถูกดีดกระเด็นกลับมาอีกครั้ง ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด แต่พริบตาเดียวก็คำรามลั่นแล้วพุ่งเข้าต่อสู้อีกครั้ง
“เป่าน้อยกลับมาก่อน!” เฉินซียั้งเป่าน้อยไว้ พูดจบชายหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโคจรวิชาบัญชามังกร ทำให้ทั่วร่างปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรออกมาจาง ๆ
กลิ่นอายนี้พุ่งเข้าไปในไข่มุกต้นกำเนิดมังกรที่อยู่บนฝ่ามือ พริบตาเดียวไข่มุกขนาดเท่าฝ่ามือก็เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างจ้าออกมา พร้อมกับเสียงมังกรคำรามดังลั่นขึ้นฟ้า
วิ้ง!
เผยให้เห็นพลังมังกรโบราณอันลึกลับสู่สายตา มันพุ่งเป็นสายออกมาจากไข่มุกต้นกำเนิดมังกร
ครืน!
พลังมังกรจากไข่มุกต้นกำเนิดมังกรรุดหน้าเข้าปะทะกับแรงกดดัน ตอนนี้แรงนั่นเทียบเท่าได้กับพลังโจมตีของจักรพรรดิแล้ว แต่กลับถูกทำลายจนแตกออกดั่งแก้วเนื้อบาง ลั่นครืนแล้วก็หายวับไป ถูกทำลายหายสิ้น!
………………..