บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1794 ตงปั๋วเหวิน
บทที่ 1794 ตงปั๋วเหวิน
มีคนอยู่ที่นี่หรือ? เฉินซีตกใจ ระแวดระวังขึ้นมาโดยพลัน เขาเพิ่งสังเกตพบยามนี้เองว่ามีชายหนุ่มชุดม่วงผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิท่ามกลางสายหมอกบนหนึ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์จากไกล ๆ
เมื่อเฉินซีพินิจดูดี ๆ เขาก็สังเกตพบว่าชายหนุ่มชุดม่วงนั้นสวมมงกุฎหยกทรงสูงสีม่วง รูปลักษณ์หล่อเหลา สายตาเย็นเยียบ เฉยชาและดุดันถึงขีดสุด แม้จะดูเยาว์วัย แต่เฉินซีก็สัมผัสได้ว่าคนผู้นี้คลับคล้ายมีชีวิตมาแสนนานนัก
“พลังชีวิตก่อจักรวาล เก้าดาราเรียงราย เจ้านี่ ที่แท้คือจักรพรรดิเก้าดารา!” ขณะเดียวกัน เหล่าไป๋ก็สังเกตเห็นชายหนุ่มชุดม่วง และเตือนเฉินซีด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างตกตะลึงทันที
จักรพรรดิเก้าดารา! หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้าน ใครเล่าจะคาดคิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้จะเป็นหนึ่งในตัวตนอันแข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตมหาราชเทวา?
แต่เมื่อคิดดูแล้ว มันก็ให้ความรู้สึกปกติธรรมดา เพราะไม่มีทางเลยหากจะมีตัวตนธรรมดาผู้ใดข้ามภยันตรายมาถึงที่นี่ได้
เพราะถึงอย่างไร กระทั่งจักรพรรดิไท่จิ้งในขณะนี้ยังติดอยู่บนเส้นทางกระดูก แม้ทั้งคู่จะเป็นจักรพรรดิ แต่เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มชุดม่วงแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิไท่จิ้งมาก
แต่เหตุใดจักรพรรดิเก้าดาราจึงมาอยู่บนหุบเขารังมังกร ไม่ออกแสวงวาสนาสูงสุดของมหาเทพเต๋าบรรพมังกร?
“เอ๋!” ทันใดนั้น ชายหนุ่มชุดม่วงบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็เหมือนสังเกตเห็นบางสิ่ง สายตามองเฉินซี ดูจมในภวังค์ความคิด “เจ้าหนูคนหนึ่งในขั้นกลางขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอย่างเจ้ากลับออกมาจากแดนเต๋าวรุณจินดา ผ่านภูมิมังกรมายา ข้ามสุสานมวลมังกรและทางสวรรค์โครงมังกรมาถึงนี่ได้ ไม่ธรรมดาเลย เจ้ามาจากขุมกำลังยิ่งใหญ่แห่งใด? อาจารย์เจ้าคือผู้ใด?”
“นามอาจารย์ข้า ไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามีสิทธิ์รู้” เฉินซีตอบอย่างสุขุม ตัดสินคร่าว ๆ ในใจว่าจักรพรรดิเก้าดาราผู้นี้น่าจะติดอยู่ที่นี่ มิเช่นนั้น ชายหนุ่มชุดม่วงคงออกแสวงมรดกของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรนานแล้ว มีหรือจะเสียเวลาเสวนาเรื่อยเปื่อยกับเฉินซีได้?
“หึ ๆ เจ้าหนู เจ้าระแวงเกินไป นับแต่ที่ข้า ตงปั๋วเหวิน เริ่มบ่มเพาะจนบัดนี้ ข้าก็เชื่อฟังกฎระหว่างสำนักอย่างเคร่งครัดมาตลอด มีหรือจะมาทำร้ายเด็กอย่างเจ้า?” ชายหนุ่มชุดม่วงหัวเราะร่า ทว่าสายตาพินิจสีหน้าของเฉินซีอย่างระมัดระวัง
น่าเสียดาย การแสดงออกของเฉินซีสุขุมเกินไป ทำให้ตงปั๋วเหวินไม่อาจสืบข้อมูลอันเป็นประโยชน์ใด ๆ ได้เลย
ตงปั๋วเหวิน? นามนี้ไม่ได้คุ้นหูสำหรับเฉินซี แต่เขาไม่มีทางผ่อนความระแวงลงเพราะวาทะของอีกฝ่าย
ขณะเดียวกัน เฉินซีก็บอกให้เป่าน้อยให้ระวังตัว ก่อนจะส่งกระแสปราณถึงเหล่าไป๋ “คิดหาทางผ่านหุบเขารังมังกรได้แล้วหรือไม่?”
“การรับมือทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรไม่ได้ยาก เจ้าก็แค่ใช้ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรเป็นสื่อโคจรเคล็ดวิชาหนึ่งก็สลายภัยคุกคามของพวกมันได้หมดสิ้น” เหล่าไป๋ส่งกระแสปราณตอบกลับ “สิ่งที่ข้าเป็นห่วงจริง ๆ คือในหุบเขารังมังกรไม่ได้มีเพียงทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรต่างหาก”
“โอ้?” เฉินซีหรี่ตาลง
“ช่างมันเถอะ ข้าแนะนำให้เจ้าไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ข้าติดอยู่ที่นี่มาแปดพันปีแล้ว แต่ไม่อาจได้มรดกนั้นมา ความแข็งแกร่งของพวกเจ้ายิ่งไม่ไหวไปใหญ่เลย” ตงปั๋วเหวินส่ายหัว สีหน้าดูเย็นชา ดุดัน และเฉยเมย ทว่าน้ำเสียงไร้ความมุ่งร้ายหรือเดียดฉันท์ เหมือนเพียงพูดเรื่องสุดแสนธรรมดา
ทว่ายามเหล่าไป๋ได้ยินเข้า มันกลับแค่นเสียงเย็นชาอย่างสุดทน “แค่เพราะเจ้าติดอยู่ที่นี่ ไม่ได้หมายความว่าเราจะติดที่นี่ด้วยเช่นกัน บางครั้ง ความแข็งแกร่งก็มิได้ตัดสินทุกสิ่ง”
ตงปั๋วเหวินนิ่งไป ก่อนจะตวัดสายตาคมกริบมาพินิจเหล่าไป๋อยู่เนิ่นนาน จึงขมวดคิ้วกล่าวอย่างเจือความเคลือบแคลง “เจ้านกน้อย เจ้ามีที่มาเช่นไร? เจ้าอยู่เพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ แต่กลับวางท่าใหญ่โต ไม่รู้จักเจียมตัวเลยจริง ๆ”
ก่อนเหล่าไป๋จะทันได้เอ่ยปาก เขาก็กล่าวต่อ “ข้าบอกเจ้าได้เลยว่า ในหุบเขารังมังกรมีข้อจำกัดทั้งสิ้นสองอย่าง หนึ่งคือทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกร หากมิใช่จักรพรรดิหกดารา การข้ามมันไปแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
“ข้อจำกัดที่สองอยู่เบื้องใต้ร่างข้านี่ ที่นี่มีภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้นสิบแปดลูก ก่อขึ้นจากพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรหลังตกตาย อันตรายเสียจนมิใช่สิ่งที่พวกเขาต่อต้านได้เลย จากการประมาณของข้า ผู้ที่มีโอกาสผ่านที่นี่ได้แม้สักนิด อย่างน้อย ๆ ก็ต้องอยู่ในขอบเขตมหาเทพเต๋าครึ่งขั้น”
วาทะของเขายืนยันความเคลือบแคลงของเหล่าไป๋ได้พอดิบพอดี ทำให้หัวใจของเฉินซีร่วงวูบอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ตัวตนขอบเขตมหาเทพเต๋าครึ่งขั้นยังมีโอกาสริบหรี่? ตงปั๋วเหวินไม่น่าโกหก มิเช่นนั้น มีหรือจักรพรรดิเก้าดาราอย่างเขาจะมาติดอยู่ที่ข้อจำกัดที่สอง?
“ฮ่า ๆ” ทันใดนั้น เหล่าไป๋ก็หัวเราะหยันขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย ดูเหยียดหยาม แต่ก็เหมือนล้อเลียนตงปั๋วเหวินว่าพูดจาเกินจริง
“แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ไป?” เมื่อสังเกตเห็นเช่นนี้ เฉินซีก็รีบร้อนเปลี่ยนประเด็น ป้องกันมิให้เหล่าไป๋ยั่วโมโหตงปั๋วเหวิน
“ข้าไม่เต็มใจรามือ” ตงปั๋วเหวินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเก้าดาราแล้ว และไม่รู้ต้องรอนานเพียงไรจึงได้เหยียบย่างสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋า ในเมื่อเป็นเช่นนั้น หากข้าบ่มเพาะที่นี่ บางทีก็อาจพลิกสถานการณ์ ได้มรดกนั้นมาในสักวัน บางทีข้าอาจกระทั่งบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋าเพราะมันก็ได้”
“น่าเสียดาย ข้าเกรงว่าชั่วชีวิต เจ้าคงไม่มีโอกาสอื่นอีก” เหล่าไป๋แค่นหัวเราะเสียงเย็น เขาก็หมายมาดจะได้มรดกนั้นมาเช่นกัน ดังนั้นวาทะของตงปั๋วเหวินจึงเหมือนกระตุ้นความรู้สึกอยากแข่งขันในตัวอย่างรุนแรง
“โอ้?” สายตากราดกร้าวดุจอัสนีของตงปั๋วเหวินหรี่ลงทันควัน จับจ้องเหล่าไป๋อยู่เนิ่นนาน ก่อนจะพลันเริ่มคลี่ยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับเย็นเยียบเหลือแสน “ก็ได้! ขอข้าพินิจหน่อยว่าเทวารู้แจ้งวิญญาณอย่างเจ้า เหตุใดจึงกล้ากำแหงไร้ยางอายเช่นนี้!”
สิ้นคำ เขาก็หลับตาเริ่มทำสมาธิอีกครั้ง ไม่สนใจกลุ่มของเฉินซีอีก
ขณะเดียวกัน เห็นเช่นนี้ เฉินซีก็เหมือนเจิดประกายความเข้าใจ เหลือบมองเหล่าไป๋อย่างครุ่นคิดพลางกล่าวถาม “เจ้าหาวิธีรับมือมันได้แล้วหรือ?”
เหล่าไป๋เผยยิ้มมีเลศนัย “ถึงกาล เจ้าจะเข้าใจเอง”
หลังจากนั้น เหล่าไป๋ก็ไม่ชักช้า ใช้เจตจำนงถ่ายทอดตราเคล็ดวิชาหนึ่งให้กับเฉินซี
จากนั้นเขาจึงกล่าวเสียงเบา “หลังใช้เคล็ดวิชานี้ มันจะสร้างความเสียหายแก่ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรแน่แท้ แต่ไม่ต้องกังวล ขอเพียงเราข้ามข้อจำกัดแรกไปได้ ตัวข้า บรรพชนผู้นี้รับประกันว่ามิเพียงอำนาจของสมบัติวิญญาณธรรมชาตินี้จะฟื้นคืน มันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมากนัก!”
“ขอเพียงเราผ่านข้อจำกัดแรกไปได้ ต่อให้ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรถูกทำลายก็คุ้มค่า” เฉินซีแย้มยิ้ม พลางเฉยชาต่อเรื่องนี้
…
หนึ่งก้านธูปมอดต่อมา เฉินซีบรรลุเคล็ดวิชาที่ได้จากเหล่าไป๋อย่างปรุโปร่ง ดวงตาปรากฏเค้าความประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ เคล็ดวิชานี้บอกไม่ได้ว่าลึกล้ำนัก แต่มันก็สุดแสนพิสดาร
เฉินซีไม่คิดมากไปกว่านั้น ก่อนจะเริ่มพาเหล่าไป๋และเป่าน้อยรุดหน้า
ตู้ม!
ทันทีที่ลงมือ หนึ่งคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวพลันปรากฏในฟ้าดิน อัสนีเรืองรองหลายต่อหลายสายโถมกระหน่ำลง
“ตาย!”
“ตาย!”
“ตาย!”
มวลอัสนีส่งเสียงมังกรคำรนรุนแรงเจือจิตสังหารน่าสะพรึงกลัว ฟาดลงมาราวคลื่นธารสีเงินทะลักลงจากท้องนภา เป็นภาพชวนตื่นตาสะท้านจิต
นี่คือทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกร ‘ทัณฑ์สวรรค์’ รูปแบบหนึ่งจากเผ่ามังกร อำนาจร้ายแรงยิ่งนัก ตงปั๋วเหวินกล่าวไว้ไม่ผิด การจะผ่านข้อจำกัดนี้ได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องแข็งแกร่งไม่ด้อยกว่าจักรพรรดิหกดารา
สีหน้าของเฉินซีเคร่งขรึมอย่างอดไม่ได้
ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรลอยขึ้นบนอากาศก่อนทัณฑ์อัสนีมาถึงตัว และพลันเริ่มหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง สาดรัศมีศักดิ์สิทธิ์เรืองจ้า กระทั่งขยี้สุญตาแหลกริ้ว แปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำอันหมุนวน
อำนาจการหมุนนั้นแข็งแกร่งยิ่งจริงแท้ ดุจสายลมกระหน่ำแรงถล่มหล้า ประหนึ่งจะฉีกกระชากฟ้าดินเป็นเสี่ยง ๆ
เปรี้ยง!
ทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรสายแรกฟาดลงมาด้วยอำนาจยิ่งใหญ่เกินใดเทียม
หากเป็นยามปกติทั่วไป ไม่ว่าเฉินซีจะมั่นใจในความแข็งแกร่งตนเพียงไหน เขาก็คงตะลึงจนเผ่นหนียามเผชิญการโจมตีเช่นนี้ ไม่กล้าเผชิญหน้ามันตรง ๆ เป็นแน่
ถึงขนาดที่แม้แต่สัตว์ร้ายอย่างเป่าน้อยยังอดรู้สึกพรั่นพรึงไม่ได้
“นี่พวกเขาวอนตายกันหรือ?” เมื่อได้ยินเสียงทัณฑ์อัสนีเลื่อนลั่น ตงปั๋วเหวินผู้ขัดสมาธิบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ไกล ๆ รำพึงในใจ
วูบ!
ทว่าอึดใจต่อมา เสียงกระแทกเสียดสนั่นก็กึกก้องไปทั่วฟ้าดิน ทำให้กระทั่งแก้วหูของตงปั๋วเหวินยังปวดแปลบ
ไกลออกไปบนอากาศ ไข่มุกเม็ดหนึ่งเรืองประกายเฉิดฉันดุจตะวัน หมุนตัวเร็วบิดสุญตาใกล้เคียงจนแหลกเป็นหลุมดำ ขณะที่ทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรซึ่งฟาดลงมาดูไม่ต่างจากอสรพิษสีเงินจมวังวน มันกระเด็นกระดอนไปมา แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนทิศทางการโจมตีได้ ดูประหนึ่งถูกปั่นรวมไปในกระแสวังวน….
ไข่มุกต้นกำเนิดมังกร! หรือเจ้าเด็กนี่จะเป็นทายาทตระกูลจิน? แต่ทายาทท้าทายสวรรค์เกินธรรมดาเช่นนี้มาเกิดในตระกูลจินแต่ยามใด?
ขณะที่ตงปั๋วเหวินตกตะลึงจังงัง หนึ่งเสียงเปรี้ยงก็กระหึ่มกัมปนาท ทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรเส้นนั้นถูกเหวี่ยงออกจากวังวนปลิวไปไกลอย่างรุนแรง!
นั่นคือทัณฑ์อสนีบาตอันเรืองฤทธายิ่งใหญ่ ทว่ายามนี้กลับถูกเหวี่ยงกระเด็นเช่นหอกเหล็ก เหตุนี้ทำให้ตงปั๋วเหวินผงะตะลึง นั่นมันวิชาอะไร? เหตุใดจึงพิสดารนัก?
เห็นเช่นนี้ เฉินซี เหล่าไป๋ และเป่าน้อยต่างนึกโล่งอก สำเร็จแล้ว!
เคล็ดวิชาที่เหล่าไป๋ถ่ายทอดให้เฉินซีเป็นวิชาที่ใช้อำนาจของไข่มุกต้นกำเนิดมังกรเป็นฉนวนเบี่ยงทัณฑ์อัสนี บังคับย้ายทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรจากวิถีเดิม
และเมื่อทำเช่นนี้ เฉินซีและคณะก็จะพ้นอันตราย ไม่ต้องปะทะทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรตรง ๆ กล่าวได้ว่าเลิศล้ำพิสดาร
“อ๊าก!!!” ทว่าทั้งตงปั๋วเหวินและกลุ่มของเฉินซีล้วนไม่คาดคิดว่ายามทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรสายนั้นถูกเบี่ยงออกไม่ทันถึงพื้น ตัวตนกลุ่มหนึ่งจะปรากฏขึ้น นอกจากนั้น ตำแหน่งปรากฏตัวของพวกเขายังอยู่เบื้องใต้ทัณฑ์อัสนีเพลิงมังกรนั้นพอดิบพอดี….
เสียงแผดร้องโหยหวนอันสุดแสนหวาดผวานั้นก็มาจากใครสักคนในหมู่ตัวตนกลุ่มนั้น
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันยิ่ง ประหลาดเกินไป ประหนึ่งพวกเขาปรากฏตัวเพื่อรับอัสนี บังเอิญจริงแท้
อย่าว่าแต่ตงปั๋วเหวินและกลุ่มของเฉินซีเลย กระทั่งตัวตนกลุ่มนั้นยังไม่เคยคาดคิดว่าเหตุเช่นนี้จะบังเกิด
………………..