บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1797 เงาร่างหมื่นจั้ง
บทที่ 1797 เงาร่างหมื่นจั้ง
ความลังเลสื่อให้ถึงความกังวล
สิ่งที่ทำให้เฉินซีกังวลไม่ใช่การยอมเสี่ยงผ่านข้อจำกัดที่สองโดยใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ แต่เป็นตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิเก้าดาราบนยอดบรรพตห่างออกไปนั่นต่างหาก!
แม้ตงปั๋วเหวินจะไม่เผยจิตมุ่งร้าย แต่เฉินซีก็ไม่กล้ามองข้ามเขาเลย
อีกอย่าง ยังมีจักรพรรดิอีกคนย่างสามขุมเข้ามา เฉินซีจึงไร้ทางเลือกนอกจากยิ่งต้องระแวง
“เจ้ากังวลเรื่องจักรพรรดิเก้าดาราผู้นั้นหรือ?” เหล่าไป๋เหมือนมองทะลุความคิดของเฉินซีได้ และกล่าวขึ้นผ่านการส่งกระแสปราณ “ไม่ต้องห่วง เจ้านั่นติดอยู่ตรงนั้น ยากนักที่จะขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย หากเขาคิดฉวยโอกาสลงมือกับเรา เขาก็ต้องฝืนพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรอันเนืองแน่นรอบข้างเสียก่อน”
เหล่าไป๋นิ่งไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวต่อ “ขอเพียงเราฉวยโอกาสยามไม่ตั้งตัว เข้าสู่ข้อจำกัดที่สองก่อน เขาก็ย่อมไม่อาจทำอะไรเราได้”
เฉินซีขมวดคิ้ว “เราจะฉวยโอกาสยามไม่ตั้งตัวได้อย่างไร?”
เหล่าไป๋อดยิ้มอย่างเหิมเกริมมิได้ “หรือเจ้าจะยังไม่เห็น? เป็นที่ชัดเจนว่าเจ้านั่นคิดว่าเราผ่านข้อจำกัดที่สองไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ จักรพรรดิอย่างเขาจะไม่ลงมือกับผู้น้อยต่ำสถานะกว่า ในทางกลับกัน เขาจะทำเพียงแค่มองเฉย ๆ ด้วยอยากเห็นว่าเราจะทำเช่นไรในการพยายามข้ามข้อจำกัดที่สอง นี่แหละโอกาสของเรา”
เฉินซีครุ่นคิดหนักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าตกลง
…
ครู่ต่อมา คณะของเฉินซีก็มาถึงยอดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกแรก
“เฮอะ! พวกเจ้าตั้งใจผ่านข้อจำกัดที่สองกันจริง ๆ หรือ?” ตงปั๋วเหวินในชุดม่วงลืมตามองคณะของเฉินซีซึ่งอยู่ห่างออกไปพันจั้ง แล้วอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้
“แล้วเช่นไร? เป็นห่วงหรือว่าเราจะก้าวผ่านไป แล้วทำให้จักรพรรดิเก้าดาราอย่างเจ้าดูสุดไร้ประโยชน์?” เหล่าไป๋เย้ยเยาะ ไม่ได้กลัวตงปั๋วเหวินเลยสักนิด
“วิหคน้อย ปากเสียจริง ๆ ช่างมันเถอะ ข้าจะไม่ต่อปากต่อคำ ในเมื่อพวกเจ้าตั้งใจหาที่ตาย ก็ตามสบายเลย” ตงปั๋วเหวินดูสุดองอาจ ทำเพียงส่ายหน้ายิ้ม ๆ ไม่ไปปะทะคารมกับเหล่าไป๋เพิ่มเติม
เหล่าไป๋ยิ้มลำพอง เขาปรารถนาผลเช่นนี้อยู่ เพราะหากตงปั๋วเหวินขวางพวกเขาอย่างสุดชีวิต ผลที่ตามมาย่อมเกินคาดคิด
ทว่านับแต่ต้นจนบัดนี้ เฉินซีไม่ได้สนใจเหตุการณ์ที่นี่เลย เขาพินิตสถานการณ์จากไกล ๆ อย่างระมัดระวังนับแต่มาถึงยอดบรรพต
ภูเขาใต้เท้าเขาลูกนี้ตระหง่านสูงเสียดเมฆา เป็นบรรพตลูกแรกในระยะข้อจำกัดแรก เมื่อมองไปไกลจากที่นี่ ก็ยังพบภูเขาศักดิ์สิทธิ์อีกสิบเจ็ดลูกเรียงตระหง่านอยู่ไกล ๆ
นี่คือข้อจำกัดที่สองของหุบเขารังมังกรและอุปสรรคสุดท้ายสู่สุสานของมหาเทพเต๋าบรรพมังกร นับแต่อดีตกาลจนบัดนี้ ตัวตนยิ่งใหญ่สะเทือนหล้ามากมายต้องจบชีวิตลงที่นี่!
“พร้อมหรือไม่?” เสียงของเหล่าไป๋ดังขึ้นข้างหู
เฉินซีพยักหน้า ก่อนจะสูดหายใจลึก ๆ แล้วซ่อนร่างของเป่าน้อยไปตามคำชี้แนะของเหล่าไป๋ เพื่อมิให้เป่าน้อยประสบอุบัติเหตุใดยามเฉินซีผ่านข้อจำกัดที่สอง
ต่อจากนั้น ดวงตาของเฉินซีก็หนักแน่น กล่าวขึ้นเสียงเข้ม “เริ่มกันเถอะ”
ขณะเดียวกัน เขาก็สาวเท้าทะยานเวหาไปเบื้องหน้า
วิ้ง!
พริบตาที่เขาก้าวเท้าพ้นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกแรก คลื่นอำนาจอันเก่าแก่ ลึกลับ และยิ่งใหญ่พลันพวยพุ่งจากฟ้าดินใกล้เคียง กลบรัศมีบิดเบือนสรรพสิ่งในเฉียบพลัน
ท้องนภาดำสนิท ราวตกอยู่ในความมืดตราบอนันต์!
เหตุนี้ดูประหนึ่งโลกาวินาศอุบัติ สรรพสิ่งสลายแหลก ชวนสะท้านใจยิ่งนัก
ทันใดนั้น หนึ่งเสียงเลื่อนลั่นสนั่นโลกา เฉินซีรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งแล่นผ่านตา แล้วหนึ่งร่างก็ปรากฏขึ้นไกล ๆ
เงาร่างนั้นสูงพันจั้ง ศีรษะประหนึ่งค้ำนภา สองบาทาเหยียบหยั่งบนธรณี ยืนตระหง่านในฟ้าดินราวนิ่งสงัดกับที่มาตราบกาลนาน
ขณะเดียวกัน หนึ่งปราณอันเก่าแก่พลันแผ่ออกจากเงาร่างหมื่นจั้งนี้ อึดใจต่อมา แสงทองเรืองรองเกินประมาณก็เจิดจ้าทุกอณูกายของตัวตนนั้น
ตู้ม!
อำนาจกดดันของร่างนี้ยิ่งใหญ่ชวนตะลึงเกินไป เพียงยืนเฉยๆ พลังชีวิตก็กระหน่ำลั่นเช่นมหาเต๋า ทำให้เสียงบริกรรมสะท้านสะเทือนเป็นวงคลื่น
เพียงพริบตา ฟ้าดินใกล้เคียงก็เหมือนจะถูกร่างยิ่งใหญ่นี้ยึดครองสมบูรณ์ ร่างสูงใหญ่อาบในแสงทอง เผยฤทธาไร้ขอบเขต ดุจเทวาบรรพกาลฟื้นจากอาสัญ ทำให้ผู้อื่นยังเกิดความรู้สึกแสนเล็กจ้อยอย่างเผลอตัว
“นี่คือ….” เฉินซีตะลึงยิ่งในใจ เขาสูดหายใจเฮือก แม้จะตระหนักดีว่าข้อจำกัดที่สองน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เขาก็ยังอดร่างสะท้านอย่างหวั่นเกรงยามเห็นเงาร่างหมื่นจั้งนี้มิได้ และสัมผัสอันตรายถึงตายได้จากมัน
“ไม่ต้องกลัวไปหรอก มันเกิดขึ้นจากพลังแก่นแท้สสารที่มหาเทพเต๋าบรรพมังกรทิ้งไว้ แม้จะน่ากลัว แต่ก็ไร้สติปัญญา ทำตามที่ข้าบอกก็พอ” เหล่าไป๋กล่าวเตือนเฉินซีอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งขรึมผิดธรรมดา
เฉินซีพยักหน้า ขณะที่เขากำลังจะลงมือ ก็ได้ยินเสียงของตงปั๋วเหวินพูดขึ้นเฉียบพลัน “เจ้านั่นคือแก่นวิญญาณมังกรที่มหาเทพเต๋าบรรพมังกรทิ้งไว้ก่อนตาย ข้าสู้กับมันมาแปดพันปี ทุ่มสุดกำลังแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจปราบมันได้ พวกเจ้า… คิดวอนตายกันจริง ๆ หรือ?”
เฉินซีชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เมินวาทะของตงปั๋วเหวินไป
วิ้ง!
เฉินซีนำไข่มุกต้นกำเนิดมังกรออกมา มันหมุนวนกลางอากาศ เผยคลื่นปราณมังกรอันเก่าแก่
หลังจากนั้น เขาก็สาวเท้าก้าวเดิน
“เจ้าหนูนี่ดื้อด้านจริง ในเมื่อเจ้ายังคิดแสวงมรณา ก็อย่าพูดว่าข้าไม่เตือนเจ้าแล้วกัน….” ตงปั๋วเหวินอดส่ายหน้าไม่ได้ เดิมทีเขาคิดหลับตาทำสมาธิต่อ แต่ก็ไม่อาจยั้งตนเองมิให้ลืมตามองมาอยู่ดี
เขาก็อยากรู้เช่นกัน ชายหนุ่มขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นกลางผู้นี้ไปได้ความมั่นใจแต่ใดมา จึงกล้ามาท้าทายข้อจำกัดที่ขนาดมหาเทพเต๋าครึ่งขั้นทั้งหลายยังรู้สึกรับมือยากเย็น
…
เปรี้ยง!
ทันทีที่เฉินซีก้าวเท้า ตัวตนยิ่งใหญ่นั้นพลันหันศีรษะมา ดวงตาอันเรืองโรจน์เช่นตะวันผลาญจ้องลง มันดูราวเป็นสสาร ทะลวงมิติมายังเฉินซี
เพียงพริบตา เฉินซีรู้สึกเหมือนวิญญาณสะท้านด้วยความกลัว พรั่นพรึงไปทั้งกาย เส้นขนทุกเส้นลุกซู่ ร่างชะงักค้างกับที่
ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรเรืองรองกลางอากาศ เผยปราณมังกรบรรพกาลปกคลุมเฉินซี และค่อยๆ ปัดเป่าความนิ่งเกร็งของเขาออกไป
“หืม?” หนึ่งเสียงพร่ามัวคลุมเครือเลื่อนลั่นเช่นอัสนีจากเงาร่างหมื่นจั้ง ดูงุนงงอยู่เล็กน้อย
“เป็นไปตามคาด เจ้านี่เกิดขึ้นจากพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกร มีที่มาเดียวกับอำนาจภายในไข่มุกต้นกำเนิดมังกร เพราะฉะนั้น มันจึงจะไม่ลงมือกับเจ้าในกาลอันสั้น” เหล่าไป๋พลันตื่นเต้น รีบร้อนส่งกระแสปราณ “เร็ว ๆ เข้า! เอาตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ออกมากำราบเจ้านี่เลย!”
“แต่หากทำเช่นนั้น มันจะเดือดดาลแล้วโจมตีหรือไม่?” เฉินซีขมวดคิ้ว
“ต่อให้เจ้าไม่ลงมือ เจ้าคิดหรือว่ามันจะมองเจ้าผ่านที่นี่ไปเฉย ๆ?” เหล่าไป๋กล่าวอย่างเดือดดาล
เฉินซีหรี่ตาลง ท้ายที่สุดก็กัดฟันยกมือขึ้นทำท่าเหวี่ยง หนึ่งดวงแสงเย็นเยือกเช่นแสงดาวพุ่งออกไป แปรเปลี่ยนเป็นตาข่ายใหญ่กลางอากาศในทันที นอกจากนั้น มันยังครอบเงาร่างหมื่นจั้งนั้นไว้อย่างง่ายดาย
“เอ๋!” ขณะเดียวกัน เสียงอุทานอย่างประหลาดใจของตงปั๋วเหวินก็ดังมาจากเบื้องหลัง “ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์! ที่แท้ เจ้าก็เป็นศิษย์ผู้หนึ่งของเขาเทพพยากรณ์หรือ?!”
แย่แล้ว! เหล่าไป๋ร้องในใจ แล้วตวาดลั่น “เฉินซี เจ้ามัวยืนบื้อทำอะไร? รีบลงมือสิ!”
ทว่าแม้เขาจะลงมือเร็ว แต่ร่างอันก่อจากพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรก็ยังเร็วกว่า ยามมันถูกตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ครอบลง มันก็แค่นเสียงลึกล้ำเย็นเยียบ เพียงยกมือขึ้นน้อยๆ แล้วคว้ากระชากตาข่ายคลุมกาย เสียงสนั่นลั่นก็บังเกิด!
ปรากฏว่ามือของมันปกคลุมด้วยเกล็ดสีฟ้า เป็นกรงเล็บมังกรแหลมคมอันเต็มไปด้วยลวดลายลึกลับอันสง่างามเกินคณานับ!
ฤทธาที่กรงเล็บมังกรนี้เผยนั้นน่าสะพรึงยิ่ง ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์นั้นดูแสนบอบบาง ไม่อาจต่อต้านใด ๆ ถูกยกขึ้นกระชากออกอย่างง่ายดาย นอกจากนั้น มันยังดูเหมือนมีเจตนาคิดขยี้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์เป็นเสี่ยง ๆ
“แย่แล้ว!” สีหน้าของเฉินซีและเหล่าไป๋แปรเปลี่ยนพร้อมเพรียง
ในแผนของพวกเขา เฉินซีจะผนึกการเคลื่อนไหวของร่างยิ่งใหญ่นี้ด้วยตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ก่อน แล้วจึงใช้ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรดูดซับพลังของมัน
เพราะถึงอย่างไร ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรและพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรก็ล้วนเป็นอำนาจอันกำเนิดจากเผ่ามังกรทั้งคู่ มีที่มาเดียวกัน ขอเพียงไข่มุกต้นกำเนิดมังกรเข้าไปในร่างสูงหมื่นจั้งนี้ได้ อีกฝ่ายก็ไม่อาจขัดขืนใดๆ ได้เลย
เมื่อทำเช่นนี้ เฉินซีก็สามารถบงการไข่มุกต้นกำเนิดมังกรให้ดูดซับพลัง กำจัดร่างยิ่งใหญ่นั้นลงได้
แต่ทั้งเฉินซีและเหล่าไป๋ต่างไม่คาดคิดเลยว่า เงาร่างหมื่นจั้งนี้จะมีพละกำลังร้ายกาจ กระทั่งสมบัติศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานอย่างตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ยังสุดปวกเปียก ทำให้พวกเขาผิดแผนไม่ทันตั้งตัว
เปรี้ยง!
กรงเล็บมังกรนั้นปกคลุมด้วยเกล็ดสีฟ้าและลวดลายมังกรอันงามสง่า ดุจม่านบังนภาทะยานลง ท้องฟ้าดูประหนึ่งเจียนล่มถล่ม ทำให้ผู้อื่นไม่อาจหลบเลี่ยงได้เลย!
“เผ่น!” เหล่าไป๋แผดเสียงลั่น
เขาตระหนักดีว่าตนประเมินพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าต่ำเกินไป จึงเป็นเหตุที่พวกเขาตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบเช่นนี้
“เวรเอ๊ย!” ขณะเดียวกัน สีหน้าของเฉินซีย่ำแย่ หันกายคิดหลบ ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะเผชิญอันตรายเพียงนี้ทันทีที่เริ่มลงมือ ถึงขนาดที่อาจต้องเสียตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ไป!
วูบ!
ทว่าพริบตาที่เฉินซีคิดถอยร่นไปยังบรรพตแรก รัศมีศักดิ์สิทธิ์สีม่วงอันเรืองรองดุจเกลียวนทีก็พุ่งออกมา ปะทะกับกรงเล็บนั้นก่อนทันถึงตัวเฉินซีและเหล่าไป๋
ปรากฏว่าผู้ลงมือโจมตีก็คือจักรพรรดิเก้าดารา ตงปั๋วเหวิน!