บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1799 ขัดเกลาพลังแก่นแท้สสาร
บทที่ 1799 ขัดเกลาพลังแก่นแท้สสาร
เมื่อเวลาผ่านไป กลิ่นอายของร่างสูงหนึ่งหมื่นจั้งก็ค่อย ๆ อ่อนกำลัง
ตู้ม!
เพียงชั่วครู่ ตงปั๋วเหวินออกแรงที่ฝ่ามือขณะก่อตัวเป็นแสงสีม่วงศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นก่อนจะกำราบร่างสูงหมื่นจั้งในอึดใจเดียว ทำให้มันกลายเป็นเศษเสี้ยวแสงสว่างที่แตกสลาย
กลุ่มแสงสว่างเจิดจ้าปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ของมหาเทพเต๋าประหนึ่งกลุ่มดวงอาทิตย์แผดเผาอันโกลาหลที่กำลังจะพังทลายระหว่างฟ้าดิน
ในอดีตที่ผ่านมา ตงปั๋วเหวินจัดการคู่ต่อสู้ไปมากกว่าหนึ่งครั้ง เขาทราบดีว่าอีกฝ่ายยังไม่สิ้นฤทธิ์ ไม่นานนักพลังแก่นแท้สสารก็กลายเป็นดวงแสงก่อนจะกลับมารวมตัวกันเพื่อฟื้นคืนชีพ!
มันเกินกว่าที่เขาจะหยุดยั้ง เพราะพลังแก่นแท้สสารเหล่านั้นไม่อาจถูกทำลายได้
เพราะเหตุนี้เขาถึงติดอยู่ที่นี่มาแปดพันปีจนไม่สามารถก้าวข้ามสถานที่แห่งนี้ไปได้
แต่เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างจากกาลก่อน เพราะมีตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ในพื้นที่ซึ่งมากพอจะจับชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์!
แทบจะในเวลาเดียวกับที่ร่างสูงหนึ่งหมื่นจั้งพังทลายกลายเป็นเศษเสี้ยวแสงสว่าง ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์กลายเป็นแสงดารากระจ่างชัดขณะมัดดวงแสงทั้งหมดนี้เอาไว้ ทำให้พวกมันหนีไปไหนไม่ได้
“เร่งมือเข้า นี่คือพลังแก่นแท้สสารที่หลงเหลือโดยมหาเทพเต๋ามันคือพลังมังกรบรรพชนที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก! หากสามารถขัดเกลาพวกมันได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะมหาศาล!”
ลมหายใจของเหล่าไป๋ถี่รัวขณะกรีดร้อง
ขณะเอ่ยคำ มันสยายปีกก่อนจะทะยานเข้าไปเพื่อคว้าเศษเสี้ยวแสงสว่างด้วยกรงเล็บ จากนั้นจึงทำการยัดเข้าปาก
เฉินซีไม่ยั้งมืออีกต่อไปเมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าเพื่อเริ่มแบ่งดวงแสงเหล่านั้น
พลังของดวงแสงทั้งบริสุทธิ์และโอ่อ่ายิ่ง หากไม่ใช่เพราะถูกพันธนาการโดยตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ มันย่อมใช้เวลาไม่นานก่อนจะรวมตัวอีกครั้งเพื่อกลายเป็น ‘แก่นวิญญาณมังกร’ สูงหนึ่งหมื่นจั้ง
แต่ตอนนี้ พลังของกลุ่มแสงดังกล่าวกลับไม่สามารถหลอมรวมด้วยกันได้ พวกมันถูกกักขังโดยตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าประหนึ่งผลไม้ที่ห้อยอยู่ตามกิ่งก้านที่ทำได้เพียงถูกผู้อื่นช่วงชิงเท่านั้น
“นี่ของเจ้า”
เฉินซีควบคุมตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ขณะมอบกลุ่มแสงหนึ่งในสามส่วนให้ตงปั๋วเหวิน
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจล่ะ”
ตงปั๋วเหวินยิ้มบางขณะเอื้อมมือออกไปคว้าดวงแสงแล้วหยิบออกมา จากนั้นจึงอ้าปากแล้วกลืนพวกมันเข้าไปในร่างก่อนจะนั่งขัดสมาธิเพื่อเริ่มขัดเกลาอย่างเงียบงัน
นี่คือพลังแก่นแท้สสารที่หลงเหลือตอนมหาเทพเต๋าล่วงลับ มันเป็นประโยชน์แม้แต่กับจักรพรรดิเก้าดาราเช่นเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินซีก็ไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าก่อนจะเรียกเป่าน้อยกับเยี่ยเหยียนออกมาอีกครั้งเพื่อเริ่มแบ่งกลุ่มแสงที่เหลือพร้อมกับเหล่าไป๋
เป่าน้อยประหลาดใจ “นี่คืออะไร?”
เหล่าไป๋รีบเอ่ยคำขณะขัดเกลากลุ่มแสงด้วยความตื่นเต้น “พลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชน”
เป่าน้อยประหลาดใจ “พูดจริงหรือ?”
เหล่าไป๋เหลือบมองเป่าน้อยอย่างเกรี้ยวกราด “เหตุใดถึงยังพูดจาเหลวไหลอยู่อีก รีบใช้เวลานี้เพื่อขัดเกลามันซะ!”
“โอ้”
เป่าน้อยหุบปากทันทีก่อนจะเริ่มขัดเกลากลุ่มแสงเหล่านั้นด้วยความยินดี
แม้ร่างสูงหนึ่งหมื่นจั้งจะใหญ่โตโอ่อ่า แต่กลุ่มแสงที่หลงเหลือหลังจากมันพังทลายกลับมีเพียงสิบกว่าอันเท่านั้น
หลังจากมอบมันให้กับตงปั๋วเหวิน เหล่าไป๋ เป่าน้อย และเยี่ยเหยียน เฉินซีก็เหลือให้ตัวเองเพียงสองอัน
ทว่าเฉินซีพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง คนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดในครั้งนี้คือตงปั๋วเหวิน การมอบให้เขาหนึ่งในสามจึงนับว่าสมเหตุสมผล
…
เฉินซีไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าขณะกลืนกินดวงแสงสว่างสองอันเข้าไปในร่างแล้วเริ่มขัดเกลาพวกมันอย่างสุดกำลัง
ครืนนน ~~~
พลังของแสงสว่างกลุ่มนี้กว้างใหญ่โอ่อ่าขณะเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ของมหาเทพเต๋า ทันทีที่มันเข้าสู่ร่างของเฉินซีก็กลายเป็นกระแสปราณก่อนจะส่งเสียงคำรามดังสนั่น
ตอนอยู่ในแดนโลกาวินาศ เฉินซีได้รับพลังที่หลงเหลือโดยมหาเทพเต๋าคุนเผิงในถิ่นที่อยู่ของเผ่าจุลบรรพกาล
บัดนี้เมื่อเขาเริ่มขัดเกลาพลังแก่นแท้สสารที่หลงเหลือโดยมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชน จึงสามารถทำได้อย่างวางใจและไม่พบอุปสรรคแต่อย่างใด
…
สามชั่วยามต่อมา ตงปั๋วเหวินเป็นคนแรกที่ได้สติจากการทำสมาธิ เขาคือจักรพรรดิเก้าดารา ถึงแม้จะได้ประโยชน์จากการขัดเกลาพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชนในครั้งนี้ค่อนข้างมาก แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่มากพอให้เกิดการพัฒนา
ทว่าแค่นี้ก็สร้างความพึงพอใจให้อย่างมหาศาลแล้ว ตัวตนเช่นเขาก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล การก้าวไปข้างหน้าย่อมยากลำบากกว่าการไปถึงสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุขั้นนี้ได้จากการบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว
หรือก็คือการบ่มเพาะตอนนี้และความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของตงปั๋วเหวินไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวเองอีกต่อไป แต่มันขึ้นอยู่กับวาสนา โชคชะตา และโอกาส!
ยกตัวอย่างเช่นพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชนที่เพิ่งได้รับมานั้นนับว่าเป็นโอกาส ถึงแม้มันจะดูน้อยนิด แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นผลประโยชน์อย่างหนึ่ง
คาดไม่ถึงว่าข้าจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคจนก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของศิษย์น้องของอู๋เซวี่ยฉาน
ตงปั๋วเหวินมองเฉินซีผู้กำลังทำสมาธิอยู่ข้างกายแล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
เขาติดอยู่ที่นี่มาแปดพันปีจนหมดหนทางที่จะคืบหน้าไปมากกว่านี้ แต่เพราะการปรากฏตัวของเฉินซี ทำให้สถานการณ์ของตนถึงกับพลิกผัน แล้วจะไม่ให้รู้สึกตื้นตันได้อย่างไร?
หนึ่งวันผ่านไป
นี่ทำให้ตงปั๋วเหวินประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่อาจเข้าใจวิหคประหลาดตัวนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอยู่เพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ แต่เหมือนมีหลุมไร้ก้นอยู่ภายในร่าง หลังจากขัดเกลาพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชนแล้วก็เลยไม่เกิดความคืบหน้า!
นี่นับว่าแปลกประหลาดเกินไป…
ต้องทราบก่อนว่าปกติแล้วหากอยู่ในขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณขัดเกลาพลังนี้ ย่อมทำการทะลวงจนเกิดความก้าวหน้าได้มหาศาล!
“เจ้า… มาจากเผ่าใดกันแน่?”
ตงปั๋วเหวินอดไม่ได้ที่จะถาม
“จุดกำเนิดของข้าลึกลับ ขอแนะนำว่าอย่าถามจะดีกว่า”
เหล่าไป๋เหลือบมองข้างกายอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยคำอย่างภาคภูมิ
ตงปั๋วเหวินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขารู้อยู่แก่ใจว่าจุดกำเนิดของวิหคประหลาดนี้ย่อมยอดเยี่ยมดังคำกล่าวอ้างของมัน
ตู้ม!
“น่าเสียดาย อาจารย์พูดถูก แค่เพิ่มพลังอย่างเดียวกลับไม่สามารถทำให้ไปอยู่ขอบเขตมหาราชเทวาได้…”
เป่าน้อยคิ้วขมวด
มันคือวานรตาทอง วิถีการบ่มเพาะส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการพัฒนาสภาพจิตใจ หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง ย่อมเป็นการยากที่จะเกิดความก้าวหน้า
“เหอะ หัดพึงพอใจเสียบ้าง เจ้าเคยเห็นผู้บ่มเพาะของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลคนใดในโลกบ้างที่สามารถพัฒนาพลังอย่างต่อเนื่องได้?”
เหล่าไป๋หัวเราะแล้วเอ่ยคำ “ด้วยพรสวรรค์ที่ขัดกับสวรรค์เช่นนั้น เส้นทางความก้าวหน้าของเจ้าก็ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องยากลำบากมากอยู่แล้ว แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถเทียบกับเส้นทางความก้าวหน้าของข้าได้…”
เมื่อเอ่ยคำจบ เหล่าไป๋รู้สึกภาคภูมิและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน มันทั้งดูขัดแย้งและซับซ้อน
ตงปั๋วเหวินเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการคาดเดาของเป่าน้อย พรสวรรค์ของวานรตาทองค่อนข้างเหลือเชื่อ พลังต่อสู้ทั้งน่าทึ่งและดุร้าย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคืออารมณ์ของมันที่พลุ่งพล่าน รุนแรง และหงุดหงิดจนส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเลื่อนขั้นเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น ตงปั๋วเหวินทราบดีว่าขอเพียงลิงตัวนี้ยังทำการบ่มเพาะต่อไป เส้นทางในภายภาคหน้าก็จะถูกกำหนดให้ไร้ขีดจำกัด
น่าสนใจนัก นกแปลกประหลาดที่มีจุดกำเนิดลึกลับกับวานรตาทองที่มีพรสวรรค์เหลือเชื่อ เฉินซีไปพบผู้ช่วยทั้งสองนี้จากไหนกัน?
หลายชั่วยามต่อมา
เฉินซีได้สติจากการทำสมาธิเช่นกัน กลิ่นอายของเขาแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
ความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น หลังจากขัดเกลาพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชนเหล่านี้ ในที่สุดการบ่มเพาะก็ไปถึงขั้นสมบูรณ์ของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ซึ่งเขาเริ่มจะก้าวเข้าสู่ขั้นสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล รากฐานการบ่มเพาะยิ่งพัฒนาและมั่นคงจนมีความแข็งแรงเป็นปึกแผ่น
“คาดไม่ถึงว่าข้าจะได้รับวาสนาเช่นนี้ก่อนจะถึงสุสานของมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชน ถือได้ว่าเป็นผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึง”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้มขณะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายทั่วทั้งร่างกาย
“ยังเหลือภูเขาศักดิ์สิทธิ์สิบเจ็ดแห่งในข้อจำกัดที่สอง หมายความว่ายังมีกำแพงสิบเจ็ดแห่งอยู่ระหว่างทาง แต่ขอเพียงพวกเราร่วมมือกัน นอกจากจะสามารถผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้วก็ยังได้รับพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋ามังกรบรรพชนอีกด้วย!”
เหล่าไป๋ตะโกนด้วยความตื่นเต้นราวกับเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งใหญ่แล้ว
“เยี่ยมไปเลย!”
เป่าน้อยมีความสุขเช่นกัน
“รอให้เยี่ยเหยียนได้สติก่อนแล้วกัน”
เฉินซีมีสีหน้าสงบยิ่งขณะมองเยี่ยเหยียนผู้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกาย
พรวด!
ทันใดนั้น ใบหน้างดงามของเยี่ยเหยียนก็ซีดเผือด นางกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่!
นี่ทำให้เฉินซีตกตะลึง มันเกิดอะไรขึ้น?
“ฮ่า!”
ตงปั๋วเหวินคล้ายกับตระหนักบางอย่างได้ก่อนจะส่งเสียงตะโกนดังก้องไปถึงหูของเยี่ยเหยียน อีกฝ่ายสั่นสะท้านไปทั่วร่างก่อนจะได้สติจากการทำสมาธิราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน
แต่ในตอนนี้ นางมีสีหน้าหวาดกลัวราวกับเมื่อครู่ได้ประสบบางสิ่งที่น่าสะพรึงยิ่ง
“ไม่ใช่เรื่องดีที่ฝืนทำการทะลวง ขอบเขตมหาราชเทวาไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด หากโอกาสยังมาไม่ถึงแล้วฝืนทำการทะลวงอีก มันก็จะทำให้เกิดปราณหักเหจนนำไปสู่อันตรายร้ายแรง!”
ตงปั๋วเหวินเปิดเผยการกระทำของเยี่ยเหยียนเมื่อครู่ ทำให้เฉินซีเข้าใจว่านางถึงกับกำลังใช้โอกาสเพื่อทะลวงสู่ขอบเขตมหาราชเทวา
เยี่ยเหยียนพยักหน้าก่อนจะเอ่ยคำอย่างขมขื่น “ขอบคุณผู้อาวุโสที่ให้การช่วยเหลือ เป็นข้าที่ไม่มีความอดทนมากพอ”
“ขอเพียงเจ้าปลอดภัยก็พอแล้ว ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากมาย”
เฉินซีปลอบประโลมอยู่ข้างกาย
“เอาละ ในเมื่อไม่มีอะไรผิดปกติแล้วก็รีบเดินทางกันเถอะ”
เหล่าไป๋เอ่ยคำอย่างหงุดหงิด
………………..