บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1800 โลงทองแดงในท้องนภาพร่างพราว
บทที่ 1800 โลงทองแดงในท้องนภาพร่างพราว
คนทั้งหลายสาวเท้าผ่านมิติจากการนำของตงปั๋วเหวินสู่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่สองอย่างไม่ลังเล
เปรี้ยง!
เมื่อตรวจพบการมาถึงของพวกเขา เงาร่างสูงหมื่นจั้งนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นในฟ้าดิน อำนาจกดดันแข็งแกร่งเยี่ยงมังกรทะยานฟ้า เหมือนกับแก่นวิญญาณมังกรอันเกิดจากพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกร ทว่าปราณของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นอีก
กลุ่มของเฉินซีเตรียมตัวมาแล้ว ผู้เข้าปะทะเงาร่างสูงหมื่นจั้งยังคงเป็นตงปั๋วเหวิน และเฉินซีก็ใช้ตาข่ายครอบคลุมสวรรค์กับไข่มุกต้นกำเนิดมังกรจู่โจมอย่างไม่ให้ตั้งตัว
สองชั่วยามต่อมา ศึกปิดฉากลง กลุ่มของเฉินซีได้รับดวงแสงอันเกิดจากพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรมาอีกครั้ง
หลังแบ่งสันปันส่วน พวกเขาก็เริ่มแปรสภาพดูดซับมัน
…
หนึ่งเดือนต่อมา กลุ่มของเฉินซีข้ามภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่เก้าในพื้นที่อันปกคลุมด้วยข้อจำกัดที่สอง!
แน่นอน หากไม่ใช่เพราะตาข่ายครอบคลุมสวรรค์และไข่มุกต้นกำเนิดมังกรในมือเฉินซี ตงปั๋วเหวินย่อมไม่อาจเอาชนะศัตรูร้ายกาจน่าสะพรึงกลัวมากมายอย่างแสนง่ายดายเพียงนี้
ขณะเดียวกัน พวกเขาต่างได้รับพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรมามากมายจากศัตรูทุกตัวที่ปราบลง ยิ่งกว่านั้น การแปรสภาพดูดซับดวงแสงจากพลังแก่นแท้สสารเหล่านี้ยังทำให้การบ่มเพาะของพวกเขาพัฒนาต่อเนื่อง
แม้การพัฒนานั้นจะเล็กจ้อยยิ่ง แต่ก็มีผลลัพธ์ดียิ่งกว่าก้มหน้าก้มตาปิดด่านบ่มเพาะสองสามพันปีมากนัก กล่าวได้ว่าเร็วจนเหลือเชื่อ!
ยามเฉินซีมาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่เก้า การฝึกฝนของเขาขาดเพียงนิดเดียวก็จะเข้าสู่ขั้นสูงของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอยู่แล้ว!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หากผู้บ่มเพาะอื่นใดในโลกภายนอกทราบถึงความเร็วการบ่มเพาะเช่นนี้ คงไม่อาจเชื่อลงเป็นแน่
สิ่งเดียวที่ทำให้เฉินซีประหลาดใจก็คือ ไม่ว่าเหล่าไป๋หรือเป่าน้อย แม้จะได้ผลประโยชน์มหาศาลจากดวงแสงเหล่านั้น แต่กลับไร้เค้าลางแห่งการพัฒนาขอบเขต
สิ่งนี้แสดงชัดเจนว่าความสามาถโดยกำเนิดของพวกเขาไม่ธรรมดาเพียงไร ไม่อาจใช้หลักเหตุผลมาตัดสินได้เลย
ส่วนเยี่ยเหยียน เนื่องจากนางบรรลุขั้นสมบูรณ์ของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแล้ว หากไม่อาจจับจุดสำคัญในการพัฒนาสู่ขอบเขตมหาราชเทวาได้ ไม่ว่านางจะได้ดวงแสงไปกี่ดวง ก็รังแต่ไร้ประโยชน์
ดังนั้นนางจึงทิ้งเจตนาแปรสภาพดูดซับดวงแสงทั้งหลาย เก็บพวกมันไว้ด้วยคิดใช้ยามบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวาในภายหน้า
แต่ถึงเช่นนั้น มันก็เพียงพอให้เขารู้สึกพึงพอใจ ตระหนักชัดเจนว่าหากเป็นในอดีต เขาคงไม่มีทางพัฒนาได้เช่นนี้หากไม่ใช่เวลาบ่มเพาะสักสองสามหมื่นปี
…
กลุ่มของเฉินซีทวีความระวัง เพราะศัตรูที่พบตั้งแต่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่เก้าเป็นต้นไปยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งตงปั๋วเหวินยังแทบไม่อาจรับมือศัตรูที่เผชิญได้ ประสบอันตรายอยู่บ่อยหน
โชคยังดี ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรเริ่มสำแดงผลสำคัญ มันดูดซับพลังแก่นแท้สสารในตัวศัตรูอย่างไม่รู้จบ ทำให้ตงปั๋วเหวินสามารถยืนหยัดได้โดยไม่แพ้พ่าย ก่อนจะสูบพลังศัตรูจนสิ้นแรงตาย
…
สามเดือนต่อมา กลุ่มของเฉินซีเผชิญอันตรายสารพัด จนสุดท้ายก็มาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่สิบแปดในเขตของข้อจำกัดที่สอง!
“เหลือศัตรูตนสุดท้ายแล้ว” ตงปั๋วเหวินกล่าวด้วยเสียงแหบแห้งเล็กน้อย เขาหอบหายใจ นอกจากนั้น สีหน้ายังเจือความเหนื่อยล้าอย่างไม่อาจปกปิด
สามเดือนมานี้ เขาสู้กับเงาร่างสูงหมื่นจั้งอย่างต่อเนื่อง ในช่วงแรกยังพอยื้อไหว แต่ไม่นาน ก็อยู่ในสภาพเสียเปรียบเต็มประตู ถูกรุกไล่เสียจนบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง
สมบัตินี้สามารถดูดซับพลังแก่นแท้สสารในร่างเงาหมื่นจั้งนั้นได้อย่างไม่รู้จบโดยที่อีกฝ่ายไม่อาจสังเกต เพราะการดูดซับพลังนี้เอง พวกเขาจึงสามารถลดทอนกำลังศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะถูกตงปั๋วเหวินปราบลงในตอนท้าย
“เจ้าฝืนต่อไปไม่ได้แล้วนะ หนนี้เจ้าต้องพักฟื้นให้ดี” เหล่าไป๋มีสีหน้าเคร่งขรึม แม้ตลอดทางเขาจะไม่ได้ช่วยมากนัก แต่ก็ประจักษ์ถึงเหตุการณ์ศึกทั้งหมด และตระหนักดีว่าตงปั๋วเหวินมีสภาพไม่สู้ดีเล็กน้อย
แม้อีกฝ่ายจะเป็นจักรพรรดิเก้าดารา แต่ระหว่างทางก็ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง หากยังดันทุรังต่อไป อาจกระทั่งเผชิญอุบัติเหตุเกินคาดคิด
“ถูกต้อง เราจะผ่านข้อจำกัดที่สองกันได้อยู่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อนคืบหน้าหรอก” เฉินซีพยักหน้า สามเดือนมานี้เขาสิ้นเปลืองกำลังไปอย่างมหาศาลยิ่ง ไม่เพียงต้องควบคุมตาข่ายครอบคลุมสวรรค์ แต่ยังต้องใช้ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรไปพร้อม ๆ กัน แม้จะไม่ได้เผชิญอันตรายใด ๆ แต่เขาก็ต้องรับแรงกดดันทางความคิดอย่างมหาศาล
“ก็ได้” ตงปั๋วเหวินสูดหายใจลึก แล้วนั่งลงเริ่มทำสมาธิ
“เป่าน้อย เยี่ยเหยียนกับเหล่าไป๋ พวกเจ้าคุ้มกันหน่อย” เฉินซีสั่งการ ก่อนจะเริ่มทำสมาธิเช่นกัน
สามเดือนมานี้ การบ่มเพาะของเขาเหยียบย่างสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูงเป็นที่เรียบร้อย และกำลังเข้าใกล้ขั้นสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวเนื่องกับพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรที่แปรสภาพดูดซับอย่างต่อเนื่อง
“หากคิดดี ๆ แล้ว หากไม่มีพี่ชายท่านนี้ช่วย เราน่าจะไม่อาจมาถึงที่นี่ได้จริง ๆ” เหล่าไป๋อดทอดถอนใจน้อย ๆ ไม่ได้ยามเห็นเฉินซีและตงปั๋วเหวินจมสู่ภวังค์สมาธิ
เยี่ยเหยียนและเป่าน้อยเห็นด้วยอย่างยิ่ง หากตงปั๋วเหวินไม่พัวพันศัตรูสูงหมื่นจั้งนั้นไว้ ต่อให้กลุ่มของพวกเขาจะมีตาข่ายครอบคลุมสวรรค์และไข่มุกต้นกำเนิดมังกร ก็คงไม่มีทางมาไกลได้เพียงนี้
เพราะถึงอย่างไร อันตรายในข้อจำกัดที่สองนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป เงาร่างหมื่นจั้งจากพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกว่านั้น กระทั่งจักรพรรดิเก้าดาราอย่างตงปั๋วเหวินยังพ่ายอย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นว่าข้อจำกัดที่สองอันตรายเพียงไร
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดผู้บ่มเพาะซึ่งมาแสวงโอกาสในกลุ่มดาววิญญาณจรที่ผ่านมาจึงต้องกลับไปมือเปล่า นอกจากนั้น ยังไร้ผู้ใดทำสำเร็จได้จนบัดนี้ เพราะข้อจำกัดที่สองนี้ลำพังก็ทำให้ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ไม่กล้าแม้แต่จะเหยียบย่างเข้ามาแล้ว
“แต่หากเราไม่ได้ความช่วยเหลือจากตาข่ายครอบคลุมสวรรค์และไข่มุกต้นกำเนิดมังกรของเฉินซี เราก็ไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้โดยพึ่งเพียงความสามารถของพี่ชายท่านนี้อยู่ดีนะ” เหล่าไป๋เปลี่ยนประเด็น “เหมือนที่เขาว่าร่วมมือเพื่อประโยชน์สองฝ่าย จึงไร้ข้อติดค้างใด ๆ ต่อกัน เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณเขา”
เยี่ยเหยียนและเป่าน้อยแย้มยิ้ม “แน่นอน”
…
สิบวันจากนั้น เฉินซีฟื้นจากภวังค์สมาธิ
และวันที่ห้านับจากเฉินซีฟื้นตื่น ตงปั๋วเหวินก็ฟื้นตัวสมบูรณ์
“เริ่มกันเลย!” สายตาของตงปั๋วเหวินคมปลาบเช่นอัสนี เรืองปราณยิ่งใหญ่กดดัน “ขอเพียงเราผ่านด่านสุดท้ายนี้ไปได้ เราก็จะได้เห็นสุสานแท้จริงของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรแล้ว!”
เพียงวาจานี้ลำพังก็ทำให้ขวัญกำลังใจของเฉินซีและคณะลุกโหม เต็มไปด้วยความลุ้นรอ
“อย่าห่วงเลย หากเขากล้าคิดฮุบไว้ลำพัง ข้าจะทำให้เขาพลาดหวัง แม้จะต้องทำลายสมบัติวิญญาณธรรมชาติทุกชิ้นที่ข้ามีก็ตาม” เฉินซีสังเกตความกังวลของเหล่าไป๋ และส่งกระแสปราณพูดรัวเร็ว “อีกอย่าง ตงปั๋วเหวินผู้นี้ดูไม่เหมือนผู้มีเจตนาร้าย สถานการณ์เช่นนั้นไม่น่าเกิดหรอก”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นนะ” เหล่าไป๋รำพึง เขาไม่อาจเลี่ยงความกังวลได้ เพราะนับแต่ไหนแต่ไร ลาภทรัพย์ทำให้คนเปลี่ยนใจได้เสมอ นับประสาอะไรกับมรดกที่มหาเทพเต๋าบรรพมังกรทิ้งไว้?
เมื่อเผชิญความเย้ายวนยิ่งใหญ่ สิ่งใดก็เกิดขึ้นได้
…
เกินคาดนัก ศัตรูสุดท้าย ณ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกที่สิบแปดในข้อจำกัดที่สองนั้นแข็งแกร่งเหลือเชื่อ
แม้ตงปั๋วเหวินจะสู้สุดกำลัง เค้นทุกลูกไม้ ก็ไม่อาจรับมือได้ และแพ้พ่ายบาดเจ็บสาหัสทันทีที่ศึกเริ่ม!
ถึงขนาดที่หากกลุ่มของเฉินซีหลบไม่ทัน พวกเขาก็น่าจะเผชิญหายนะตกตายกันคาที่!
สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขารู้สึกโชคดีก็คือ ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรเข้าไปในร่างศัตรูแล้ว และดูดซับอำนาจของมันจากภายในอย่างต่อเนื่อง
หลังจากกลุ่มของเฉินซีหวนกลับสู่ยอดเขา ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรก็ดูดซับกลืนกินพลังของศัตรูราวปรสิต
ทว่าหากทำเช่นนี้ พวกเขาก็จะไม่อาจได้พลังแก่นแท้สสารของเงาร่างหมื่นจั้งนั้นมา
แต่เฉินซีและคณะไม่อาจมามัวคิดเรื่องนี้ได้ ขอเพียงปราบศัตรูออกจากข้อจำกัดที่สองได้อย่างราบรื่นก็พอแล้ว
“ฮี่ ๆ! นี่ไม่เลวเลย ตงปั๋วเหวินบาดเจ็บสาหัสแล้ว หากเจ้าสู้แลกชีวิต ก็สามารถใช้ระเบิดสังหารเทวะ ระเบิดสมบัติวิญญาณธรรมชาติต่อกรกับเขาได้ นอกจากนั้น ความแข็งแกร่งของเป่าน้อยยังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในชั่วกาลนี้ เขาจะมีประโยชน์เช่นกัน”
ระหว่างรอ เหล่าไป๋ก็อดส่งกระแสปราณคุยกับเฉินซีไม่ได้ “ด้วยเหตุนี้ ข้าหวังว่าเจ้านั่นจะไม่เกิดความโลภนะ หาไม่ ก็ตัดสินไม่ได้เลยว่าสุดท้ายผู้ใดจะเป็นผู้ชนะ”
เฉินซีหรี่ตาลง ไร้คำพูดใด ๆ
สองวันต่อมา
ตู้ม!
ร่างสูงหมื่นจั้งของแก่นวิญญาณมังกรอันเกิดจากพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรถล่มลงเป็นธุลี สาบสูญไปในฟ้าดิน
เหลือเพียงหนึ่งไข่มุกเรืองรองเจิดจรัสหมุนวนล่องลอยกลางอากาศ
เทียบกับกาลก่อน ไข่มุกต้นกำเนิดมังกรในขณะนี้ดูเจิดจรัสเหนือใด ไม่เพียงถูกซ่อมแซมสมบูรณ์ อำนาจยังทบทวีเกินสองเท่าตัว!
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะพลังแก่นแท้สสารของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรที่มันดูดซับมา
ยามเฉินซีเก็บไข่มุกต้นกำเนิดมังกรกลับไป ภาพจากไกล ๆ ก็พลันแปรเปลี่ยน ทั้งฟ้าดินและหมู่ดาวเริ่มเคลื่อนขยับ
สนามพลังอันปกคลุมด้วยข้อจำกัดที่สองสลายหายไปอย่างเงียบ ๆ ขณะที่สิบแปดภูเขาศักดิ์สิทธิ์ค่อย ๆ เลือนหายเช่นมายา
เพียงไม่กี่อึดใจ ภาพตรงหน้าก็วาบไหว ยามสายตาฟื้นคืน พวกเขาก็พบว่ายืนอยู่ในท้องนภาพร่างพราวอันเงียบสงัดไร้ขอบเขต!
หลังจากนั้น พวกเขาก็สังเกตเห็นภาพอันน่าตื่นตา….
หนึ่งโลงทองแดงลอยอยู่ในส่วนลึกของท้องนภาพร่างพราว หมู่ดาวเรืองรองมหาศาลโคจรวนรอบ แผ่บรรยากาศสุดเก่าแก่ลึกลับปกคลุมทั่วท้องนภาอย่างเงียบเชียบ!
………………..