บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1804 ถูกโจมตีระหว่างทาง
บทที่ 1804 ถูกโจมตีระหว่างทาง
ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้น มหาเทพเต๋าบรรพมังกรจากไปด้วยความโล่งอก สลายหายไปไม่เหลือสิ่งใดไว้ในฟ้าดิน
ทว่าโลงศพทองแดงที่พาดผ่านท้องฟ้าดาราระยับก็แปรเปลี่ยนเป็นของชิ้นเล็กที่คล้ายกับป้ายหยก ร่วงลงมาใส่มือเฉินซี
แม้จะเทียบกับดวงจิตมังกร หัวใจมังกร โลหิตมังกร และแก่นกำเนิดมังกรที่เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังไม่ได้ แต่ก็เป็นสิ่งที่บันทึกประสบการณ์ทั้งหลายของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรเอาไว้!
หากให้พูดก็คงกล่าวได้ว่ามันล้ำค่ากว่า เป็นสิ่งที่ได้มายากยิ่ง
ในวันที่เฉินซีขึ้นขอบเขตมหาเทพเต๋าเมื่อไหร่ ก็คงใช้เจ้านี่ก้าวไปตามเส้นทางสะท้านสวรรค์ด้วยสองเท้าตนเองได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางผิดพลาดอย่างมหาเทพเต๋าบรรพมังกร
“สำเร็จแล้วหรือ?” เมื่อเห็นเฉินซีกลับมา เหล่าไป๋ เป่าน้อย และเยี่ยเหยียนจึงถามขึ้น เพราะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นัก
เฉินซีพยักหน้าแล้วก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มอีก
ตู้ม!
“เวรแล้ว! พอขาดพลังจากตราประทับเจตจำนงมหาเทพเต๋าบรรพมังกรไป ที่นี่ก็กำลังจะถูกทำลายแล้ว! รีบออกไปเร็ว!” เหล่าไป๋ร้องเตือนเสียงเครียด
ครืน!
เสียงเหล่าไป๋ยังไม่ทันสิ้นดี ทุกคนก็เห็นว่าท้องนภาไกลลิบเริ่มแยกออกจากกันแล้วล่มสลายลง กลายเป็นหลุมดำพลังรุนแรงที่คืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ
เหตุการณ์เช่นนี้คล้ายกับภาพวันโลกาวินาศทีเดียว
ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้เฉินซีและคนอื่น ๆ ต้องรีบระวังภัย ตั้งใจเหินร่างกลับทางที่ใช้มาทันที
“ข้ามีกระสวยบินอยู่ สามารถพาพวกเจ้าออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย” ทันใดนั้นตงปั๋วเหวินที่นั่งขัดสมาธิทำสมาธิอยู่ก็ลุกขึ้นยืน เอ่ยกับเฉินซีน้ำเสียงอบอุ่นและใบหน้าสงบนิ่ง
“ไม่เป็นไรหรอก” เฉินซีปฏิเสธแทบไม่ต้องคิด เพราะไม่อยากสานสัมพันธ์อะไรกับตงปั๋วเหวินอีก
ฟ่าว! ฟ่าว! ฟ่าว!
ว่าแล้ว ร่างเฉินซีก็แวบไป นำเหล่าไป๋และคนอื่น ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่หัวดื้ออะไรอย่างนี้….” ตงปั๋วเหวินมองเฉินซีและคนอื่น ๆ จากไปด้วยสีหน้าซับซ้อน ด้วยรู้ดีว่าเพราะก่อนหน้านี้ทำพลาดไปจึงทำให้พวกเฉินซีผิดหวัง คงไม่สามารถสานสัมพันธ์ระหว่างกันได้อีก
“แต่อย่างไรก็ต้องชดเชยให้ล่ะนะ” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเลิกลังเล ก่อนแวบร่างหายไปอย่างรวดเร็ว
…
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
แรงระเบิดระลอกแล้วระลอกเล่าสนั่นลั่นทั่วฟ้าดิน เหมือนวันโลกาวินาศมาเยือน รอบกายคล้ายว่าแตกสลาย ทุกอย่างถูกทำลายไม่เหลือซาก
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงตระหง่านจำนวนมากที่ตั้งอยู่ที่นี่มานานหลายปีพากันถล่มลงมา
เส้นทางกระดูกเองก็ถูกทำลายไปทีละนิด
ท่ามกลางภาพการทำลายล้างอันน่าเกรงขาม เฉินซีและคนอื่น ๆ เหินร่างรุดหน้าเต็มกำลังอย่างไร้ลังเล
แต่ก็เคราะห์ดีที่ระหว่างทางไม่เจออุปสรรคอะไร อาจเป็นเพราะตราประทับเจตจำนงมหาเทพเต๋าบรรพมังกรถูกทำลายไปแล้วก็เป็นได้
ตลอดทางนั้น กระดูกมังกรที่กระจายตัวอยู่ทั่วสุสานมวลมังกรก็ป่นเป็นผุยผง สลายหายไปกับฟ้าดิน
ภูมิมังกรมายาไม่อาจคงอยู่ได้อีก เหลือไว้เพียงสถานที่เวิ้งว้างว่างเปล่าเท่านั้น
ราวกับว่าทุกอย่างหายไปพร้อมกับตราประทับเจตจำนงมหาเทพเต๋าบรรพมังกร….
เฉินซีและคนอื่น ๆ ไม่มีเวลาแม้แต่ถอนใจ เพราะตอนนี้ทุกอย่างกำลังล่มสลาย หากถูกกลืนเข้าไปในความวุ่นวายก็ไม่อยากคิดถึงผลที่ตามมาเลย
…
ทว่าเฉินซีและคนอื่น ๆ ก็ยังประมาณความรุนแรงของเหตุการณ์ต่ำไปอยู่ดี
เมื่อออกมาได้สำเร็จก็เห็นว่าทั้งดวงดาว อุกกาบาต ลำแสง และทุกอย่างที่เห็นระหว่างทางถูกทำลายหายสิ้นแล้ว!
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกตะลึงจนรู้สึกเยือกเย็นไปทั้งหัวใจ
หากลองคิดดู มันคือทั้งกลุ่มดาว กว้างใหญ่ไพศาล กินพื้นที่ท้องนภาไม่อาจประมาณได้ แต่ตอนนี้ทั้งหมดนั่นกลับกำลังล่มสลายหายไป!
ระหว่างที่รุดหน้า ก็เหมือนกับได้เห็นภาพโลกขนาดใหญ่กำลังล่มสลายหายไปต่อหน้าต่อตา เป็นภาพที่สะเทือนขวัญไม่ใช่เล่น
ทุกอย่างกำลังล่มสลาย
ดาราทั้งหลายร่วงหล่น
ฟ้าดินเปลี่ยนผันไม่เหลือสิ่งใด!
พลังทำลายล้างในห้วงลึกของกลุ่มดาววิญญาณจรกระจายตัวออกมาอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่ามันจะแตะผ่านพื้นที่ใด ก็ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและความเงียบงัน!
…
ที่ขอบกลุ่มดาววิญญาณจร
ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นิกายอำนาจเทวะรออยู่นานแล้ว
พวกเขากำลังรอข่าว และย่อมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่าพวกจักรพรรดิไท่จิ้งกำจัดเฉินซีได้
ทว่าหากจักรพรรดิไท่จิ้งทำไม่สำเร็จ พวกเขาก็จะโจมตีหมายสังหารเฉินซีเอง!
โชคไม่ดีที่เมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่รู้ว่าพวกจักรพรรดิไท่จิ้งล้มเหลวแน่แล้ว นอกจากจักรพรรดิไท่จิ้ง บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งหมดก็ถูกสังหารไปสิ้น
ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจสำหรับพวกเขา เพราะอย่างน้อย ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นิกายอำนาจเทวะก็ไม่เคยพบเรื่องเช่นนี้มาก่อน
เกิดอะไรขึ้นในห้วงลึกกลุ่มดาววิญญาณจรกันแน่?
ก็แค่ชายหนุ่มขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นกลางคนเดียว เหตุใดจักรพรรดิไท่จิ้งถึงพ่ายแพ้กลับมายับเยินเช่นนี้ได้? ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจรู้คำตอบ และไม่อาจคาดเดาได้เลย แต่ในใจเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น ยิ่งทำให้พวกเขาระมัดระวังไม่กล้าประมาทอีก
อีกทั้งในวันนี้เมื่อส่วนลึกของกลุ่มดาววิญญาณจรเริ่มล่มสลายและกระจายตัวออกมา จึงทำให้ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นิกายอำนาจเทวะยิ่งตื่นตัวระวังกว่าเดิม
“นี่เป็นสัญญาณแห่งการทำลายล้าง ไม่นานทั้งกลุ่มดาววิญญาณจรก็จะหายไปจนหมด!”
“บัดซบ! เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าเด็กนั่นตายอยู่ในกลุ่มดาววิญญาณจรหรือไม่”
“แต่เราจะทำได้อย่างไร? หากเรายังไม่รีบไปก็คงโดนพ่วงไปด้วย!”
ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ยามพูดคุยกัน
ที่ครั้งนี้พวกเขาออกทำภารกิจเป็นเพราะนิกายอำนาจเทวะไม่อาจทนกับการทรยศของเยี่ยเหยียนได้
แต่ภายหลัง พอรู้ว่าที่เยี่ยเหยียนทรยศนั้นก็เพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องเฉินซี พวกเขาจึงเล็งเป้าหมายไปยังเฉินซีแทน ด้วยรู้สึกว่าหากสามารถจับตัวเฉินซีได้ ก็คงรู้ที่อยู่ของเยี่ยเหยียนได้เช่นกัน
แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าการไล่ล่าในครั้งนี้จะกินเวลายาวนานถึงขนาดนี้ ทั้งยังคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะมาถึงจุดนี้ได้อีกด้วย!
ยิ่งเมื่อมั่นใจแล้วว่าอีกไม่นานกลุ่มดาววิญญาณจรก็จะล่มสลายไปเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
เอาอย่างไรดี? ตอนนี้ทุกคนจึงเริ่มลังเล
“หือ? ดูนั่น! เร็วเข้า! เจ้าเด็กนั่นไง!” ทันใดนั้นดวงตาขุนพลวิญญาณเพลิงเจ้าของร่างมีเสน่ห์ก็ลุกวาว เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดียิ่ง
ทุกคนจึงมองตามสายตานางไป เห็นเป็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนมิติออกมาเต็มกำลังอยู่บนท้องนภาไกลสุดลูกหูลูกตา คนที่นำมาคือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสีเขียว ซึ่งก็คือเฉินซีนั่นเอง
“รอดชีวิตกลับมาจริง ๆ….”
“ฮ่า ๆ! แต่เดี๋ยวมันก็ตายแล้ว”
“เตรียมตัว เราจะโจมตีเด็กนั่นเต็มกำลัง จะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้!”
ขุนพลคนอื่น ๆ เอ่ยขึ้นเสียงเหี้ยม ดวงตาเต็มไปด้วยกลิ่นอายดุดันเยือกเย็น
…
เพราะจากที่เฉินซีประมาณการไว้ เขาพอจะเดาได้ว่าจักรพรรดิไท่จิ้งคงไม่จากไปทั้งอย่างนั้นแน่ แต่ก็ไม่คิดว่าแม้จะไม่ต้องประมือกับจักรพรรดิไท่จิ้ง แต่พอกลับมาจะเจอศัตรูเป็นกลุ่มรออยู่เช่นนี้
อีกทั้งเหมือนจะรออยู่นานแล้วด้วย
“ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นิกายอำนาจเทวะ! เหตุใดจึงเป็นพวกเขาได้?” เยี่ยเหยียนหน้าคว่ำ เผยสีหน้าเคร่งขรึมที่เห็นได้ยากออกมา ทันใดนั้นจึงรู้ว่านี่เป็นผลมาจากการทรยศของนาง!
ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คงมาเพื่อสังหาร ‘คนทรยศ’ เช่นนางเป็นแน่!
“พวกนั้นเป็นขุนพลวิญญาณที่เกิดจากแก่นพลังสสารเบญจธาตุ เป็นเจ้านิกายอำนาจเทวะนำพวกเขากลับมา และคอยชี้แนะการบ่มเพาะให้ แม้ทุกคนจะอยู่แค่ดาราแรกแห่งขอบเขตมหาราชเทวา แต่หากทั้งห้ารวมพลังกันก็สามารถกำจัดจักรพรรดิส่วนมากได้เลยทีเดียว!” เยี่ยเหยียนเอ่ยผ่านกระแสปราณอย่างรวดเร็ว อธิบายให้เฉินซีและคนอื่น ๆ รู้เรื่องห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า
“จักรพรรดิห้าดาราแรกหรือ? เช่นนี้ลำบากหน่อยแล้ว” เหล่าไป๋เอ่ยเสียงเครียดเล็กน้อย ด้วยรู้ดีว่าแม้ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะอยู่เพียงดาราแรกแห่งขอบเขตมหาราชเทวา แต่ก็เป็นขุนพลแห่งเบญจธาตุ สามารถผสานพลังเข้าด้วยกันได้ เมื่อไหร่ที่ทั้งหมดรวมพลังกันก็สามารถแผลงอำนาจสูงส่งเกินจินตนาการ
“ดูท่าหากอยากออกไปคงต้องรับมือพวกเขาก่อน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เตรียมสู้ได้เลย!” เฉินซีเผยแววตาเยือกเย็นลุ่มลึกดั่งหุบเหว
ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาขึ้นขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูงแล้ว ใช้ระเบิดสังหารเทวะและระเบิดสมบัติวิญญาณธรรมชาติด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งจุดจบได้ ไม่จำเป็นต้องกลัวศัตรูแต่อย่างใด
“น่าชังนัก! เราถูกพวกมันไล่ล่ามาตลอดทาง ครั้งนี้ฆ่าสังหารมันให้หนำใจไปเลย!” เป่าน้อยกัดฟันแน่น กลิ่นอายดุดันกระหายการต่อสู้แผ่ออก
ตู้ม!
แต่เฉินซีและคนอื่น ๆ ก็ต้องตกใจ ด้วยยังไม่มีจังหวะได้ลงมืออะไร แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงก็แผ่ออกมาจากฟ้าไกล พุ่งเข้าใส่ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!
มันเกิดขึ้นรวดเร็วยิ่ง ไม่เพียงแต่ทำให้เฉินซีตกใจ กระทั่งห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นิกายอำนาจเทวะเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้ สีหน้าพลันผันเปลี่ยนทันใด
“แย่แล้ว!”
“รีบหลบเร็วเข้า!”
“มันน่าเกรงขามเกินไป เป็นการโจมตีจากจักรพรรดิเก้าดารา!”
“เวรแล้ว! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้?”
พวกเขาเบิกตากว้างแทบถลน คำรามเสียงเครียดออกมาดังลั่น ปลดปล่อยกระแสแสงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายออกมาสว่างจ้า ใช้พลังทั้งหมดเพื่อหลบการโจมตีไปอีกด้าน
ทว่าตอนนี้เฉินซีและคนอื่น ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว คนที่โจมตีก็คือตงปั๋วเหวินนั่นเอง!