บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1805 เขามาทำอะไรที่นี่
บทที่ 1805 เขามาทำอะไรที่นี่
โครม!
แสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงราวม่านที่พร่างพรมจากท้องฟ้า มันบดขยี้ผืนดาราและห้วงมิติตลอดพื้นที่หมื่นลี้ให้กลายเป็นผุยผงอย่างน่าสยดสยอง
นี่คือการโจมตีของจักรพรรดิระดับเก้าดารา จะให้ดูธรรมดาได้อย่างไร?
แม้ว่าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าแห่งนิกายอำนาจเทวะจะสามารถหลบหลีกได้ทัน กระนั้นพวกเขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีครั้งนี้ สภาพไม่ต่างอะไรกับถูกภูเขาศักดิ์สิทธิ์หล่นทับด้วยแรงมหาศาล ส่งผลให้ร่างกายถูกซัดกระเด็นไปพร้อมกับเสียงครวญครางที่ดังระงมอย่างเจ็บปวด ก่อนจะกระอักเลือดออกมาทั้งจากปากและจมูก
มันเป็นเหตุการณ์ที่ชวนให้ตกตะลึงยิ่ง พวกเขาทั้งห้าเป็นถึงมหาราชเทวา ทว่ากลับไม่อาจต้านทางการโจมตีจากตงปั๋วเหวินได้แม้แต่ครั้งเดียว!
เมื่อเฉินซีและคนอื่น ๆ เห็นเหตุการณ์นี้ ก็อดตกใจขึ้นมาไม่ได้ นี่คือความต่างชั้นระหว่างจักรพรรดิเก้าดาราและจักรพรรดิหนึ่งดารา คนหนึ่งเป็นเหมือนเหยี่ยวที่สยายปีกกว้างปกคลุมผืนนภา ในขณะที่อีกคนเป็นเพียงมดปลวกแสนต่ำต้อย เป็นช่องว่างที่ห่างเกินเอื้อม
“ถอย!” เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นโดยรอบ ความพ่ายแพ้จากการถูกโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้ขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าตกใจและโกรธเกรี้ยว พวกเขาตระหนักได้ถึงอันตรายในทันใด แล้วเช่นนี้ มีหรือที่จะกล้าอยู่ต่อ? มีเพียงแต่ต้องหนีไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น
เสียงของเขาอบอุ่นอ่อนโยนยิ่ง
“ฮิ ๆ พวกเราไม่ได้ขอให้เจ้ามาช่วยเสียหน่อย” เหล่าไป๋หัวเราะคิกคักด้วยต้องการปฏิเสธที่จะชื่นชมการกระทำของตงปั๋วเหวิน
ตงปั๋วเหวินยังคงยิ้มอ่อนโยนเช่นนั้น ราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นแต่เพียงธาตุอากาศ
“ไปกันเถอะ” เฉินซีเหลือบมองตงปั๋วเหวินก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ชายหนุ่มหันหลังกลับและเดินทางไปพร้อมกับเหล่าไป๋และคนอื่น ๆ
“อันที่จริงแล้ว สหายเต๋าผู้นี้ก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร ในฐานะของจักรพรรดิเก้าดารา เขาได้ชดใช้ความผิดของตน อีกทั้งยังส่งพวกเราออกมาด้วยตัวเองแบบนี้ นับเป็นคนที่หาได้ยากจริง ๆ” เหล่าไป๋คล้ายจมอยู่ในภวังค์คิด “หรือว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้ากับเขาจะไม่ถูกกัน?”
“ข้าไม่รู้ และก็ไม่อยากรู้ด้วย” เฉินซีตอบอย่างไม่ยี่หระ ชายหนุ่มตัดสินใจไว้นานแล้วว่าจะต้องรักษาระยะห่างจากตงปั๋วเหวินเอาไว้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยอมให้ความช่วยเหลือจากอันตรายที่ต้องเผชิญ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนการตัดสินใจของเขาได้
“น่าเสียดาย สหายเต๋าผู้นั้นเพียงมองขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าของนิกายอำนาจเทวะหนีไป เรียกได้ว่าจะช่วยก็ช่วยไม่สุด” เหล่าไป๋พ่นลมจากปากตัวเองคล้ายถอนใจ
“บางทีเขาคงจะกลัวนิกายอำนาจเทวะ” เยี่ยเหยียนกล่าวเสริม
เฉินซีขมวดคิ้วมุ่น ไม่อยากพูดถึงตงปั๋วเหวินอีกต่อไป
“สหายเต๋าเอ๋ย ขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าแห่งนิกายอำนาจเทวะได้ล่าถอยไปพร้อมกับความปราชัยแล้ว เช่นนี้พวกเจ้ายังไม่คิดจะยอมรับความผิดพลาดของตัวเองอีกหรือ?” เสียงเยือกเย็นปราศจากอารมณ์เปี่ยมไปด้วยอำนาจ
หัวใจของเฉินซีและคนอื่น ๆ พลันสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าคำพูดเหล่านี้ไม่ได้พูดกับพวกเขา
เมื่อหันกลับไปมอง เขาก็อดหวาดกลัวขึ้นมาไม่ได้ เมื่อจู่ ๆ คนกลุ่มขึ้นก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา น่าประหลาดใจนัก ผู้ที่พาคนเหล่านี้มาก็คือจักรพรรดิไท่จิ้ง!
เมื่อเฉินซีพิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นว่าคนเหล่านั้นมีกันอยู่ทั้งหมดแปดคน แต่ละคนท่วมท้นไปด้วยรัศมีที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังอย่างที่ไม่เคยพบพาน อิริยาบถสง่างามเกินกว่าที่ใครจะเทียบทัน เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดล้วนอยู่ในขอบเขตมหาราชเทวา!
แน่นอน พวกเขาคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่จักรพรรดิไท่จิ้งได้ประสบ
เฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก นั่นก็เพราะตงปั๋วเหวินมาถึงที่นี่ก่อนที่กลุ่มของจักรพรรดิไท่จิ้งจะมาถึงเสียอีก และเขากำลังขัดขวางความตั้งใจของอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่มั่นคงไม่แปรเปลี่ยน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากไม่มีตงปั๋วเหวิน กลุ่มของเฉินซีก็อาจจะต้องเผชิญกับการโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัวจากกลุ่มของจักรพรรดิไท่จิ้ง!
ไม่เพียงเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้เฉินซีและคนอื่น ๆ เข้าใจได้ในทันทีว่าเหตุใดตงปั๋วเหวินจึงไม่ไล่ตามขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าแห่งนิกายอำนาจเทวะไป ที่แท้เขาก็สังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของกลุ่มของจักรพรรดิไท่จิ้ง!
“พวกเจ้าทุกคนรีบไปเถอะ ปล่อยให้ข้าจัดการคนพวกนี้เอง เมื่อพวกเจ้าไปถึงเขาเทพพยากรณ์แล้ว โปรดฝากความนับถือของข้าไปถึงนายท่านใหญ่ด้วย” เสียงของตงปั๋วเหวินดังขึ้นจากระยะไกล
เพียงคำพูดสั้น ๆ หากทำให้เฉินซีเกิดความรู้สึกบางอย่าง
หากเรื่องในวันนั้นไม่เกิดขึ้น บางที… ความสัมพันธ์ของเราสองคนคงไม่มีกำแพงสูงกั้นไว้เช่นนี้ใช่หรือไม่?
ตอนนี้แม้ว่าข้าไม่ปรารถนาที่จะเกี่ยวข้องกับเขาอีก ทว่าข้ากลับไม่มีหนทางอื่นในนอกจากยอมเป็นหนี้บุญคุณเขาเท่านั้น… ชายหนุ่มทอดถอนใจ “ขอบคุณ ข้าส่งต่อความนับถือของเจ้าไปยังศิษย์พี่ใหญ่อย่างแน่นอน” นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ควรทำในตอนนี้
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ชายหนุ่มมุ่งหน้าต่อไปด้วยความเร็วเต็มกำลังพร้อมกับเหล่าไป๋และคนอื่น ๆ
…
ตึง!
คลื่นเสียงของการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวก้องกัมปนาทด้านหลัง ดวงดาวมากมายระเบิดเป็นเศษเสี่ยง ในขณะที่แสงศักดิ์สิทธิ์กวาดกระจายไปทั่วบริเวณ แม้แต่ห้วงอวกาศยังเผชิญกับแรงปะทะและตกสู่ความโกลาหล
เนื่องจากมันเป็นการต่อสู้ระหว่างมหาราชเทวา ดังนั้นความรุนแรงของมันไม่เพียงทำให้โลกต้องตะลึง หากยังสามารถทำลายล้างโลกได้ในคราวเดียว!
ไม่เพียงเท่านั้น จักรดาราวิญญาณจรยังตกอยู่ในสภาวะของการทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้การปะทะกันในครั้งนี้ดุเดือดและเต็มไปด้วยความวุ่นวายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาตระหนักดี ไม่ว่าการแสดงออกของตงปั๋วเหวินขณะที่อยู่ในสุสานของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรต่อพวกเขาจะเลวร้ายเพียงไหน เขาก็ได้ชดเชยมันสิ้นแล้ว ด้วยราคาที่มหาศาลยิ่งกว่าเรื่องแย่ ๆ ที่กระทำลงไปเสียอีก
บุญคุณนี้พวกเขาขอจดไว้ในใจ
จริง ๆ แล้ว หากใคร่ครวญให้ดี จะเห็นว่าสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด นั่นก็คือ… ความโลภ!
ฟังดูเหมือนไร้สาระ แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดี ถ้าหาก ‘ความโลภ’ ไม่ได้ถูกยับยั้งลงในครานั้น ผลที่ตามมาคงเกินไปกว่าจินตนาการมากนัก
ด้วยเหตุนี้ เฉินซีจึงเลือกที่จะรักษาระยะห่างจากตงปั๋วเหวินเอาไว้
ในอีกด้านหนึ่ง ตงปั๋วเหวินได้ชดใช้ด้วยแขนของตน และถึงขนาดยอมให้ความช่วยเหลือเพื่อชดเชยในสิ่งที่ได้ทำลงไป แน่นอน สิ่งที่เขาต้องการไม่พ้นการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างตนกับกลุ่มของเฉินซีและฟื้นฟูสภาพจิตใจของตัวเอง
ไม่กี่ชั่วยามผ่านไป ในที่สุดกลุ่มของเฉินซีก็ออกจากกลุ่มดาววิญญาณจรได้สำเร็จ การเดินทางกลับสู่ความปกติสุขอีกครั้ง
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาผ่อนคลายมากขึ้น
เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เฉินซีได้ซ่อนเหล่าไป๋ เป่าน้อย และเยี่ยเหยียนไว้ในจักรวาลภายในร่าง จากนั้นก็แปลงรูปลักษณ์ของตน รวมถึงใช้อักขระผนึกเต๋าเพื่อปกปิดรัศมีเอาไว้
หลังจากที่จัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น เฉินซีก็นำเรือเหาะสมบัติออกมาและขึ้นไปนั่งด้านบน ก่อนจะออกเดินทางผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้สิ้นสุด
ก่อนที่พวกเขาจะออกจากอารามไท่ชู ศิษย์พี่ อู๋เซวี่ยฉาน ได้มอบแผ่นหยกซึ่งระบุเส้นทางไปยังเขาเทพพยากรณ์ให้กับเฉินซี เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องหลงทางขณะที่มุ่งหน้าไปยังเอกภพจักรวรรดิ
ในยามนี้ เขาหวังเพียงว่าการเดินทางจะมีเพียงความราบรื่นที่รออยู่เบื้องหน้า
…
ฟิ่ว!
บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวกว้างไกล เรือเหาะสมบัติเคลื่อนที่ผ่านอวกาศและตรงไปยังเบื้องหน้าอย่างไม่มีหยุดพัก
เฉินซีกำลังนั่งทำสมาธิภายในห้องโดยสาร
หลังจากประสบกับโชคอันหาได้ยากยิ่ง การบ่มเพาะของเฉินซีก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มก้าวจากขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นกลางขึ้นมาอยู่ที่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูง ยิ่งไปกว่านั้น ยังเข้าใกล้จุดสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในช่วยระยะเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นพัฒนาการที่รวดเร็วจนน่าทึ่ง หรือพูดอีกอย่าง มันนับเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจไม่น้อย
อย่างไรเสีย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเทวาที่จะข้ามไปอีกขั้นหนึ่ง และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ด้วยเพียงอาศัยแค่เวลานำพา
เหตุใดผู้บ่มเพาะทั้งหลายจึงยอมเสี่ยงตามเที่ยวท่องไปทั่วภพทั่วแดนเพื่อแสวงโชคที่ไม่รู้ว่าอยู่จริงหรือไม่น่ะหรือ? นี่แหละคือเหตุผลที่แท้จริง
อย่างเหล่าไป๋ เป่าน้อย และเยี่ยเหยียนที่ได้รับหัวใจมังกร โลหิตมังกร และแก่นกำเนิดมังกรที่มหาเทพเต๋าบรรพมังกรทิ้งไว้เบื้องหลังตามลำดับ การบ่มเพาะนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่ต้องสงสัย
และแน่นอน ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเฉินซีนั้นทิ้งห่างจากเมื่อก่อนอย่างไม่เห็นฝุ่น
การขัดเกลาลมปราณได้มาถึงขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูงแล้ว
การบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าก็บรรลุสัจหฤทัยสูตรขั้นที่สอง ในขณะที่ทารกดวงใจนั้นมีชีวิตชีวาราวเด็กอ่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เขาสามารถดึงพลังทั้งหมดของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับสองออกมาได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ความเข้าใจซึ่งเต๋าศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เปลี่ยนผันจากขั้นต้นไปสู่ขั้นสูง
เมื่อประกอบกับความสามารถสูงสุดของรากเต๋าวิภูจักรวรรดิ ความแข็งแกร่งของเฉินซีก็เพียงพอที่จะเป็นที่หนึ่งในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล เหนือชั้นยิ่งกว่าคนอื่นในขอบเขตเดียวกัน!
และแน่นอน หากต้องต่อสู้โดยอาศัยระเบิดสังหารเทวะ นั่นก็เพียงพอที่จะจัดการกับมหาราชเทวาธรรมดาได้
ตัวอย่างเช่นจักรพรรดิหนานตู้จากตระกูลเยี่ยซึ่งเป็นจักรพรรดิหนึ่งดารา เขาถูกทำลายสิ้นด้วยการผสานพลังของเฉินซีและเป่าน้อย!
กล่าวโดยสรุป เฉินซีในตอนนี้กำลังใช้พลังของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นวิภูจักรวรรดิ เมื่อเฉินซีบรรลุขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอย่างสมบูรณ์ และปลดปล่อยศักยภาพของพลังในขั้นดังกล่าวออกมาเต็มที่ เขาก็จะสามารถอยู่เหนือบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทุกคนได้เป็นแน่!
เมื่อถึงยามนั้น แม้แต่ผู้ที่อยู่ในร้อยอันดับแรกของเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาลก็อาจจะสู้เขาไม่ได้ แม้แต่จะเปรียบเทียมกันยังเป็นไปได้อย่างยากเย็น
แน่นอนว่านี่เป็นผลจากรากเต๋าวิภูจักรวรรดิซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและอยู่เหนือกว่าสิ่งใด!
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ไม่ได้ทำให้เฉินซีนึกผยองแต่อย่างใด ตลอดการไล่ล่าที่เกิดขึ้นนี้ ศัตรูของเขาล้วนแล้วแต่น่ากลัวเกินไป หลาย ๆ คนนั้นดำรงอยู่ในขอบเขตมหาราชเทวาด้วยซ้ำ ดังนั้นแล้ว ไม่ว่าเขาจะน่าเกรงขามเพียงใดสำหรับผู้คนในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ทว่านั่นก็ยังห่างชั้นเมื่อเทียบขอบเขตมหาราชเทวา
และเพราะเหตุนี้ เฉินซีจึงยังไม่อาจพอใจในตัวเองเสียที แน่ล่ะ ถ้าบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลคนไหนต้องเผชิญหน้ากับการตามล่าจากมหาราชเทวาจำนวนมากมายเช่นนี้ ก็คงจะมีสภาพไม่ต่างอะไรจากเฉินซี
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือข้าควรใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดและบรรลุขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแบบสมบูรณ์ เมื่อข้าสามารถบรรลุระดับการบ่มเพาะได้แล้ว ข้าก็จะสามารถค้นหาแดนรวนเรลืมเลือนที่เทพธิดาพูดถึง สร้างเอกภพ และมุ่งหน้าสู่ขอบเขตมหาเทวาได้… ภายในห้องโดยสาร เฉินซีที่กำลังนั่งสมาธิเริ่มวางแผนในใจ
เพียงชั่วพริบตา เวลาได้ผ่านไปร่วมเจ็ดวัน
ในวันนี้ ความรู้สึกบางอย่างปรากฏขึ้นในใจ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นด้วยความรวดเร็ว
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกของเรือเหาะสมบัติ
“สหายเต๋า ข้าต้องขออภัยที่รบกวน ข้ามีความจำเป็นต้องขออาศัยเรือเหาะสมบัติของท่านเพื่อหลบเลี่ยงคนผู้หนึ่ง เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ข้ายินดีจะตอบแทนท่านเป็นการชดเชย โปรดอภัยให้ข้าด้วย” เสียงนั้นแฝงไปด้วยความวิตก ยังไม่ทันที่เฉินซีจะตอบโต้ ร่างนั้นก็พุ่งเข้ามาในเรือเหาะสมบัติอย่างรวดเร็ว
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วต่อเรื่องที่เกิดขึ้น สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังในทันที แม้ว่าเรือเหาะสมบัตินี้จะไม่ใช่ของล้ำค่าอะไร แต่มันก็ถูกปกคลุมไปด้วยข้อจำกัดหนาแน่น ไม่มีทางที่ใครจะเข้ามาตามอำเภอใจได้โดยง่ายอย่างแน่นอน นี่มันออกจะน่าประหลาดไปเสียหน่อย
กระนั้นเมื่อเฉินซีได้เห็นรูปลักษณ์ของคนผู้นั้น เขาก็ถึงกับตกตะลึง นี่คนผู้นี้มาทำอะไรที่นี่กัน?