บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1811 ไม่แยแส
บทที่ 1811 ไม่แยแส
แม้กระทั่งเฉินซีก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตัวเมื่อได้ยินประโยคนี้ ข่าวแบบใดกันที่ทำให้ผู้นำกองกำลังสูงสุดในเอกภพจักรวรรดิอย่างเชินถูชิงหยวนถึงกับเอ่ยปากว่าสะเทือนโลกา?
บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เงียบเล็กน้อย ผู้คนทั้งหลายกำลังรอให้เชินถูชิงหยวนเปิดเผยคำตอบ
เชินถูชิงหยวนอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าการเปลี่ยนหัวข้อทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยใคร่รู้เป็นผลสำเร็จ ที่จริงเขาลังเลเรื่องการร่วมมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่เต็มใจที่จะตัดสินใจในตอนนี้
“เจ้าอ่านให้หน่อย”
เชินถูชิงหยวนส่งแผ่นหยกให้บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างกาย
บ่าวรับใช้รับแผ่นหยกก่อนจะรีบกวาดตามอง เมื่อเห็นรายละเอียดอย่างชัดเจน เขาก็เผยสีหน้าตกตะลึงและประหลาดใจ
เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่สังเกตโดยทุกคนในห้องโถง พวกเขายิ่งเกิดความสงสัยมากกว่าเดิม
“ห้าเดือนก่อน ทายาทของตระกูลเยี่ยแห่งตระกูลนิรันดร์นามเย่เฟิง ผู้ครองอันดับเก้าสิบสองในเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาลถูกฆ่าในเอกภพหยกอินทนิล”
ทันทีที่สิ้นคำ ผู้คนทั้งหลายตกตะลึงเล็กน้อย แต่พวกเขาส่วนใหญ่เต็มไปด้วยความสับสน ข่าวดังกล่าวน่าประหลาดใจก็จริง แต่มันยังห่างไกลจากคำว่าสะเทือนโลกานัก
ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากก็ทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดว่าเรื่องดังกล่าวมีความพิเศษแต่อย่างใด
เฉินซีคือศิษย์เอกแห่งเขาเทพพยากรณ์! เขาเพียงสังหารทายาทของตระกูลเยี่ย มันน่าประหลาดใจตรงไหนกัน?
ในบรรดาคนเหล่านี้ มีเพียงเชินถูเยียนหรานที่เผยรอยยิ้มแปลกประหลาดเมื่อทราบข่าว นางลอบชำเลืองมองเฉินซีผู้อยู่ข้างกาย แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีแยแสประหนึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย
นี่ทำให้เชินถูเยียนหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน หากสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นที่อยู่ในห้องโถงทราบว่าเฉินซีกำลังนั่งอยู่ใต้จมูก นางไม่ทราบเลยว่าพวกเขาจะรู้สึกอย่างไร
ทว่าเชินถูเยียนหรานก็แปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน มันก็แค่เย่เฟิงถูกสังหาร ถึงแม้ตระกูลเยี่ยจะเป็นตระกูลนิรันดร์ แต่ก็ยังห่างชั้นเมื่อเทียบกับเขาเทพพยากรณ์ ข่าวเช่นนี้จะสร้างความปั่นป่วนให้กับทั่วทั้งเอกภพจักรวรรดิได้อย่างไร?
“โปรดอยู่ในความสงบ ข่าวนี้เป็นเพียงการเกริ่นนำเท่านั้น ส่วนสำคัญคือต่อจากนี้”
เชินถูชิงหยวนเอ่ยคำขณะออกคำสั่งให้บ่าวรับใช้อ่านต่อ
หลังจากนั้นทุกคนก็อยู่ในความสงบเพื่อตั้งใจฟัง
น้ำเสียงของบ่าวรับใช้ดังก้องทั่วห้องโถงอันกว้างใหญ่ “หากว่ากันตามเหตุและผล เฉินซีคือศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ ตระกูลเยี่ยย่อมไม่ลังเลที่จะตอบโต้ด้วยการแก้แค้นอันเกรี้ยวกราดเพื่อเย่เฟิง ไม่สงสัยเลยว่าพวกเขากำลังจะเริ่มสงครามกับเขาเทพพยากรณ์ แต่ภายหลัง ตามแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เรื่องนี้ถึงกับมีลับลมคมใน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความสงสัยของทุกคนในห้องโถงก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ
เรื่องลับลมคมในแบบไหนที่ทำให้ตระกูลเยี่ยกล้าส่งจักรพรรดิมาจับตัวและสังหารศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์?
ไม่ช้า บ่าวรับใช้ก็เปิดเผยคำตอบ “กลายเป็นว่าเรื่องทั้งหมดนี้ข้องเกี่ยวกับการร่วมมือกันระหว่างสามกองกำลังใหญ่ ตระกูลเยี่ย เส้าเฮ่า และนิกายอำนาจเทวะ”
ในตอนนี้บ่าวรับใช้ก็บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสัญญาหมั้นหมายระหว่างเส้าเฮ่าอวี่กับฮุ่ยฉง กระบวนการดังกล่าวค่อนข้างลึกลับซับซ้อน
โดยสรุปแล้ว เพื่อให้บรรลุความร่วมมือ สัญญาหมั้นหมายจึงถูกร่างขึ้นภายใต้พยานร่วมกันของสามกองกำลังใหญ่อันประกอบไปด้วยตระกูลเยี่ย ตระกูลเส้าเฮ่า และนิกายอำนาจเทวะ ทว่าสัญญาหมั้นหมายนี้ถูกฉีกขาดไปแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น เยี่ยเหยียนผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็หักหลังนิกายอำนาจเทวะทันทีที่สัญญาหมั้นหมายถูกทำลาย…
ส่วนบุคคลสำคัญที่ทำให้เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็คือเฉินซี ศิษย์แห่งเขาเทพพยากรณ์!
หมายความว่าเป็นเพราะการปรากฏตัวของเฉินซี นอกจากจะทำให้สัญญาหมั้นหมายถูกทำลายแล้ว แต่ยังทำให้เยี่ยเหยียนซึ่งเป็นทายาทของตระกูลเยี่ยและเป็นผู้อาวุโสของนิกายอำนาจเทวะกระทำการหักหลัง ทำให้ความร่วมมือระหว่างตระกูลเยี่ยกับเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะเป็นอันต้องสั่นคลอน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ตระกูลเยี่ยจึงเดือดดาล และส่งพวกจักรพรรดิหนานตู้มาแก้แค้น
หลังจากทราบเรื่องทั้งหมดนี้ ทุกคนในห้องโถงว้าวุ่น บ้างก็ตกตะลึง บ้างก็ไม่เชื่อ บ้างก็ประหลาดใจและสงสัย
พวกเขาจะคาดคิดได้อย่างไรว่าความตายของเย่เฟิงจะพัวพันกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้? มันถึงขั้นข้องเกี่ยวกับการร่วมมือระหว่างสามกองกำลังใหญ่ ตระกูลเยี่ย เส้าเฮ่า และนิกายอำนาจเทวะ!
“ไม่สงสัยเลยว่าตระกูลเยี่ยถึงโกรธ เรื่องทั้งหมดนี้ข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของสามกองกำลังใหญ่นี่เอง”
“ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ เฉินซี นับว่าเป็นตัวปัญหาไม่น้อย ตอนเขาอยู่ในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ก็สร้างความขุ่นเคืองให้กับตระกูลลั่ว ตระกูลกงเหย่ ตระกูลตี้และกองกำลังใหญ่อื่นในเอกภพจักรวรรดิ ตอนนี้เขาทำลายการร่วมมือระหว่างตระกูลเยี่ย เส้าเฮ่า และนิกายอำนาจเทวะแล้ว นับว่าหาญกล้าไม่น้อย”
“ข่าวนี้… นับว่าสะเทือนโลกาอย่างแท้จริง หากแพร่งพรายไปทั่วเอกภพจักรวรรดิ มันจะต้องทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างแน่นอน”
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายในห้องโถงต่างสนทนาและถอนหายใจออกมา
เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชายฝั่งมหาสมุทรสุสานเทวะ ทำให้ชื่อของเฉินซีกระจายไปทั่วหล้าจนกลายเป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งหลาย
ตั้งแต่ตอนนั้นเองที่แดนเทพโบราณทราบว่าเขาเทพพยากรณ์มีศิษย์เอกอีกคน
ดังนั้นตอนนั้นเองที่พวกเขาทราบว่าความตายของเย่เฟิง การหักหลังของเยี่ยเหยียน รวมถึงการร่วมมือระหว่างสามกองกำลังใหญ่อย่างตระกูลเยี่ย ตระกูลเส้าเฮ่า และนิกายอำนาจเทวะถูกทำลาย… ล้วนของเกี่ยวกับเฉินซี ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงพากันตกตะลึงและถอนหายใจยาวแรง
ในตอนนี้แม้กระทั่งเชินถูเยียนหรานก็ไม่อาจสงบใจได้อยู่พักใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากฟังจนจบ ก็ถึงขั้นเกิดความรู้สึกอันเหลือเชื่อ
“นะ… นี่ฝีมือเจ้าทั้งหมดงั้นหรือ?”
เชินถูเยียนหรานอดไม่ได้ที่จะลอบส่งกระแสปราณหาเฉินซี
“ใช่” เฉินซียังคงมีสีหน้าเฉยชาและสงบ เอ่ยตอบรับเพียงหนึ่งคำแล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
หลังจากทราบว่าข่าว ‘สะเทือนโลกา’ ที่เชินถูชิงหยวนได้รับเกี่ยวข้องกับตน เขาก็หมดความสนใจทันที
แต่เขาอดลอบถอนหายใจไม่ได้ โลกใบนี้ไม่มีกำแพงที่ไม่มีวันแตกร้าว ทำให้ข่าวแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากได้รับการยืนยันจากเฉินซี เชินถูเยียนหรานก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ
นางจำได้ชัดเจนว่าตอนแยกทางกันที่มหาสมุทรสุสานเทวะ การบ่มเพาะของเฉินซีอยู่เพียงขั้นสูงสุดของขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ ทว่าเพียงไม่กี่ปีต่อมา การบ่มเพาะไม่เพียงก้าวหน้าไปถึงขั้นสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเท่านั้น แต่ยังถึงขั้นสร้างเรื่องสะเทือนปฐพีเอาไว้อีกมากมาย เรื่องใหญ่เช่นนี้นับว่าน่าตกตะลึงไม่น้อย
บทสนทนาในห้องโถงใหญ่คงอยู่ไม่นานก่อนความสนใจจะถูกดึงดูดกลับมาที่ข้อความที่บ่าวรับใช้อ่านอีกครั้ง
“ในการไล่ล่าครั้งนี้ ไม่เพียงแค่ตระกูลเยี่ยที่ลงมือเท่านั้น แต่ตระกูลเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะก็ตอบสนองเช่นกัน”
“แต่ตามข้อมูลที่พวกเราได้รับมา จักรพรรดิหนานตู้และกองกำลังของเขาถูกกวาดล้างไปแล้ว พวกเขาถูกฆ่าด้วยเงื้อมมือของศิษย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ เฉินซี!”
ทันทีที่สิ้นคำ บรรยากาศในห้องโถงพลันตกอยู่ในความเงียบสงัด
ม่านตาของทุกคนหดลงขณะแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อออกมา เฉินซีคนนั้น… ถึงกับสังหารจักรพรรดิงั้นหรือ?
มันเป็นแบบนี้ได้อย่างไร!
พวกเขาจำได้ว่าตอนเฉินซีปรากฏแก่สายตาเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เขาอยู่เพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณเท่านั้น
แต่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะก้าวหน้าในการบ่มเพาะมากแค่ไหน แต่อย่างมากก็น่าจะครอบครองพลังขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเท่านั้น ไหนเลยจะสามารถก้าวข้ามขอบเขตเพื่อสังหารจักรพรรดิได้อย่างไร?
ทั่วทั้งแดนเทพโบราณ สิ่งที่น่าตกตะลึงเช่นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่อดีตกาล!
ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายประณามว่าข่าวดังกล่าวเป็นการเล่าเกินจริง
“ตามที่ข่าวว่ามา จักรพรรดิหนานตู้ถูกเฉินซีฆ่าจริง เรื่องนี้… ได้รับการยืนยันโดยตระกูลเยี่ยแล้ว”
ในตอนนี้เชินถูชิงหยวนก็เอ่ยคำ เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ความโกลาหลในห้องโถงพลันหายไปจนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
มันเป็นความจริงหรือ!?
สีหน้าของทุกคนแข็งทื่อขณะในใจอดไม่ได้ที่จะปั่นป่วนราวกับมีพายุก่อตัวขึ้น พวกเขายังไม่อยากเชื่อว่าเฉินซีจะหาทางทำเรื่องเหล่านี้ได้
ทว่าเชินถูเยียนหรานเหลือบมองเฉินซีผู้อยู่ข้างกายด้วยหัวใจที่เต้นระรัวจนควบคุมไม่ได้ นางเม้มริมฝีปากก่อนจะสะกดความสงสัยจนอยากจะถามเอาไว้ได้ในที่สุด
“ทว่าก็ยังไม่มั่นใจว่ามีใครให้การช่วยเหลือเฉินซีในการสังหารจักรพรรดิหนานตู้หรือไม่ จากการคาดเดาของข้า ไม่ว่าเฉินซีจะมีพลังต่อสู้ร้ายกาจเพียงใด แต่เขาเพียงคนเดียวไม่มีทางทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างแน่นอน”
คำพูดต่อมาของเชินถูชิงหยวนทำให้ผู้คนทั้งหลายถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินซีผู้เดิมไม่แยแสก็อดไม่ได้ที่จะนับถือความสามารถในการคาดเดาของเชินถูชิงหยวน ตอนเขาต่อสู้กับจักรพรรดิหนานตู้ เป็นการยากที่ลำพังตนจะจัดการเรื่องนี้ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเป่าน้อย
เชินถูชิงหยวนพลันเปลี่ยนเรื่องแล้วเอ่ยคำ “ข้าจะบอกข่าวต่อไปให้พวกเจ้าทราบ”
ทุกคนตกตะลึง ยังมีข่าวน่าตกตะลึงยิ่งกว่าที่ยังไม่ประกาศอีกหรือ?
“พวกเจ้าน่าจะทราบแล้วว่าไม่เพียงแค่ตระกูลเยี่ยที่ออกโรงเท่านั้น ตระกูลเส้าเฮ่าก็ส่งพวกจักรพรรดิไท่จิ้ง ส่วนนิกายอำนาจเทวะส่งห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มา”
เชินถูชิงหยวนเอ่ยคำอย่างสงบ “เพียงแต่เมื่อครึ่งเดือนก่อน ทั้งพวกจักรพรรดิไท่จิ้ง รวมถึงห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ล้วนตายอยู่ในกลุ่มดาววิญญาณจร ว่ากันว่า… คนที่ฆ่าพวกเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่หายตัวไปเมื่อแปดพันปีก่อน”
พวกจักรพรรดิไท่จิ้งตายแล้ว!
ห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จากนิกายอำนาจเทวะก็ล่วงลับเช่นกัน!
ความโกลาหลครั้งใหม่เกิดขึ้นในห้องโถงหลังจากทราบข่าวนี้ จิตใจของพวกเขาสั่นไหว อีกฝ่ายล้วนเป็นจักรพรรดิและยืนหยัดอยู่มาแสนนาน แต่บัดนี้พวกเขาล้วนถึงแก่ความตาย!
“ผู้ยิ่งใหญ่ที่ว่าเป็นใคร?”
ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
“จักรพรรดิจื่อเว่ย ตงปั๋วเหวิน”
แม้เชินถูชิงหยวนจะเอ่ยคำดังกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่มันกลับดังชัดเจน
………………..