บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1812 ความตายของมหาเทพเต๋า
บทที่ 1812 ความตายของมหาเทพเต๋า
จักรพรรดิจื่อเว่ยตงปั๋วเหวินคือจักรพรรดิในตำนานผู้ยิ่งยง สถานะในแดนเทพโบราณสูงส่งเสียจนทัดเทียมจักรพรรดิเจิ้นอู่และจักรพรรดิโกวเฉินได้
ในโลกหล้าผู้บ่มเพาะมีตำนานมากมายเกี่ยวข้องกับตงปั๋วเหวิน เช่นกล่าวว่าเขาเป็นจิตวิญญาณอันเกิดจาก ‘หมอกม่วงโกลาหล’ มีความสามารถโดยกำเนิดสูงส่งเกินธรรมดา
ยังลือกันว่าในหมู่จักรพรรดิเก้าดาราทั่วหล้า ตงปั๋วเหวินมีโอกาสพัฒนาสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋ากว่าผู้ใด
แต่ไม่ว่าข่าวลือจะกล่าวเช่นไร ความแข็งแกร่งของตงปั๋วเหวินก็ร้ายกาจอย่างไร้กังขา
แต่เมื่อพวกเขาพบว่าตงปั๋วเหวินผู้เหินห่างเช่นเมฆาละล่องเกิดจู่โจมอย่างไร้ปรานี ล้างบางกลุ่มของจักรพรรดิไท่จิ้งและห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่มีปี่ขลุ่ย ตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายของตระกูลเชินถูต่างผงะจังงัง เผยสีหน้าไม่คาดฝัน
ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิไท่จิ้งหรือห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา แต่ตงปั๋วเหวินกลับฆ่าพวกเขาได้ นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาล่วงเกินตระกูลเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะอย่างสมบูรณ์หรือ?
จริงอยู่ที่ตงปั๋วเหวินอยู่ในขั้นสูงสุดของขอบเขตมหาราชเทวา อยู่เหนือคนส่วนใหญ่ในแดนดิน แต่ต้องไม่ลืมว่าตระกูลเส้าเฮ่าเป็นหนึ่งในตระกูลนิรันดร์กาล และในตระกูลก็มีผู้อาวุโสขอบเขตมหาเทพเต๋าอย่างน้อยหนึ่งคน
แต่ตงปั๋วเหวินก็ทำเช่นนี้ลงไป เพราะเหตุใดกัน?
ชั่วขณะนั้น ในโถงเงียบกริบเช่นป่าช้า ทุกคนล้วนผงะตกใจกับข่าวที่ได้ยิน
“พวกท่านเคยได้ยินเรื่องนี้หรือไม่ ที่นานมาแล้ว ตงปั๋วเหวินอยากเข้าร่วมกับเขาเทพพยากรณ์เพื่อหาหนทางพัฒนาสู่ขอบเขตมหาราชเทวา แม้สุดท้ายจะถูกเขาเทพพยากรณ์ปฏิเสธ แต่เขาก็ยังได้รับการชี้แนะจากนายใหญ่อู๋เซวี่ยฉาน” ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด เชินถูชิงหยวนเอ่ยขึ้นช้า ๆ ถึงความลับเมื่อแสนนานกาลก่อน “เพราะการชี้นำนี้เอง ตงปั๋วเหวินจึงบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวาอย่างราบรื่น”
ทุกคนผงะไป หลายคนเดาบางสิ่งได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ม่านตาหดตัว เผยสีหน้าเข้าอกเข้าใจ
“เช่นนั้นก็หมายความว่า หนนี้จักรพรรดิจื่อเว่ยลงมือเพื่อปกป้องเฉินซีหรือ?”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มของจักรพรรดิไท่จิ้งหรือห้าขุนพลวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาล้วนไล่ล่าเฉินซี ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์อย่างหมายชีวิต ยามนี้เมื่อพวกเขาล้วนตกตายด้วยน้ำมือจักรพรรดิจื่อเว่ย ประกอบกับความสัมพันธ์กับนายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์ ก็เป็นที่ชัดเจนว่าจักรพรรดิจื่อเว่ยทำเช่นนี้เพื่อปกป้องเฉินซี!”
“มิน่า มิน่าเล่า จักรพรรดิจื่อเว่ยจึงกล้าทำเช่นนี้ ที่แท้ก็เพื่อตอบแทนบุญคุณนายใหญ่ที่มีเมตตาชี้แนะ”
พวกเขาทั้งหลายเสวนาพลางทอดถอนใจชื่นชม
มีเพียงตัวเฉินซีเองที่ตระหนักชัดเจนว่าเหตุใดตงปั๋วเหวินจึงทำเช่นนั้น และมันไม่ใช่เพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณศิษย์พี่ใหญ่ของเขาอย่างแน่นอน
“หากวิเคราะห์เช่นนี้ หากข่าวนี้แพร่ไปทั่วเอกภพจักรวรรดิยามใด เสียงลือลั่นฮือฮาจะตามมาแน่นอน” เชินถูเป้าทอดถอนใจ เขาเคยพบเฉินซีมาก่อน และทราบดีว่าความสามารถโดยกำเนิดของชายหนุ่มผู้นั้นไม่ธรรมดาเพียงใด แต่เขาก็มิคาดเลยว่าไม่กี่ปีต่อมา ชายหนุ่มผู้นั้นจะก่อวีรกรรมสะเทือนโลกาเช่นนี้
ทันทีที่วาจาถูกกล่าว คนมากมายก็สนองเห็นด้วย
แต่เชินถูชิงหยวนส่ายหัว “หากเป็นเรื่องแค่นี้ ก็ไม่ควรค่าให้สนใจมากนัก น่าเสียดายที่เรื่องราวในโลกหล้าไม่เคยเรียบง่าย”
คนทั้งหลายตกตะลึงโดยพลัน นี่หมายความเช่นไร? หรือยังมีข่าวอื่นที่ชวนตกใจยิ่งกว่านี้รออยู่อีก?
ไม่เพียงพวกเขา กระทั่งเฉินซีก็อดผงะไปไม่ได้ นึกฉงนเล็กน้อยว่าเชินถูชิงหยวนตั้งใจพูดสิ่งใดกันแน่
ครู่ต่อมา เชินถูชิงหยวนก็เผยคำตอบ “สามวันที่ผ่านมา มีข่าวจากเอกภพไร้จำกัดแจ้งมาว่านักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลินแห่งนิกายอำนาจเทวะถูกสังหารสิ้นแล้ว โดยฝีมือนายใหญ่แห่งเขาเทพพยากรณ์!”
เปรี้ยง!
ดุจอัสนีขยี้แดนสงัด คนทั้งหลายจังงังนิ่งค้าง หัวใจสะท้านสะเทือนรุนแรงกว่ายามใด
นักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลิน!
นั่นคือตัวตนขอบเขตมหาเทพเต๋า กล่าวได้ว่ายืนยงเป็นนิรันดร์ ไม่อาจล้มโค่น มีความสามารถเกินธรรมดายิ่ง!
เป็นเรื่องน่าตกใจเกินคาดคิดโดยแท้จริง
เพราะถึงอย่างไร ทั่วทั้งแดนเทพโบราณ มีเพียงตัวตนส่วนน้อยนักที่สามารถบรรลุสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าได้ บางที อาจนับได้ด้วยนิ้วมือด้วยซ้ำไป
กล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นตัวตน ณ จุดสุดยอดของแดนเทพโบราณ หายากยิ่งดุจขนวิหคเพลิงหรือเขากิเลน
ในความทรงจำของปวงชน นับแต่หนสุดท้ายที่มีมหาเทพเต๋าตกตายนั้นนานนัก อาจเรียกได้ว่าเป็นเวลาหลายสิบล้านปีแล้ว
มหาเทพเต๋าผู้นั้นมาจากเผ่าคุนเผิง ซึ่งก็คือจ้าวเต๋าคุนเผิง เขาตกตายยามเผชิญทัณฑ์โทสะสวรรค์ แตกต่างจากสาเหตุการตายของนักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลินที่ถูกนายใหญ่เขาเทพพยากรณ์สังหารโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นความน่าตกใจของสองเหตุการณ์นี้จึงเทียบกันไม่ได้
ขณะนี้กระทั่งเฉินซียังอดอุทานอย่างชื่นชมในใจไม่ได้ แตกต่างจากผู้อื่นทั้งปวง สภาพจิตใจของเขาในขณะนี้ทั้งผ่อนคลายและปรีดา
ก่อนที่เขาจะออกมาจากอารามไท่ชู เขาก็ทราบแล้วว่าศิษย์พี่ใหญ่ออกศึกสู้กับนักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลิน และอาจกระทั่งกินเวลายืดยาวหลายปี
แต่กระทั่งเฉินซีก็ไม่คาดคิด ว่าศิษย์พี่ใหญ่จะคว้าชัยในยามที่เขาเพิ่งมาถึงเอกภพจักรวรรดิ
“มิคาดเลยว่าหลังจากที่เขาปลีกตัวจากโลกหล้ามาแสนนาน การบ่มเพาะของนายใหญ่จะยิ่งทวีความน่าสะพรึง กระทั่งมหาเทพเต๋ามั่วหลินยังตกตายเพราะเขา เกินคาดหยั่งโดยแท้”
“หนนี้ ความสงบในเอกภพจักรวรรดิปั่นป่วนแน่แท้!”
“ความตายของมหาเทพเต๋า! ความตกตะลึงจากเหตุนี้จะก่อหายนะเช่นใดกันหนอ”
“เขาเทพพยากรณ์! เขาเทพพยากรณ์อีกแล้ว! ไม่ว่าจะเป็นนายใหญ่อู๋เซวี่ยฉานหรือเฉินซี พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนแล้วหรือไร?”
“อาจเป็นไปได้ เพราะถึงอย่างไร เท่าที่ข้ารู้ เขาเทพพยากรณ์ไม่มีทางอยู่เฉยยามตระกูลเยี่ย ตระกูลเส้าเฮ่าและนิกายอำนาจเทวะร่วมมือกันหรอก และการที่นายใหญ่สังหารมหาเทพเต๋ามั่วหลินลงก็น่าจะเป็นการตอบโต้การร่วมมือของพวกเขา!”
บรรยากาศเงียบกริบดุจป่าช้ารอบทิศถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว เสียงหารือดังระงม ทุกคนล้วนวิเคราะห์ผลที่เกิดจากการตายของนักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลินแก่เอกภพจักรวรรดิ
เฉินซีได้ยินบทหารือนี้แล้วก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาตระหนักชัดเจนว่าศิษย์พี่ใหญ่ไม่มีทางฆ่ามหาเทพเต๋ามั่วหลินเพื่อตอบโต้นิกายอำนาจเทวะเป็นแน่
แต่เป็นเพราะศิษย์พี่ใหญ่สังหารปุโรหิตชุดแดงสามคนไปยามมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรสุสานเทวะเพื่อรับเขากลับสำนัก เหตุนี้กระตุ้นโทสะของนักบวชศักดิ์สิทธิ์มั่วหลิน ทำให้มั่วหลินออกไล่ล่าเขาต่างหาก
แต่เขาไม่อาจอธิบายเรื่องนี้ได้ ทำได้เพียงรับความคิดและการคาดเดาของทุกคนในโถงไปเงียบ ๆ
“มิคาดเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าจะร้ายกาจเพียงนี้” เชินถูเยียนหรานทอดถอนใจขณะส่งกระแสปราณเสวนากับเฉินซี “แน่นอน เจ้าเองก็ใช่ย่อย อยู่เพียงขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล แต่ก็สามารถข้ามขอบเขตไปสังหารจักรพรรดิหนานตู้ได้ หากบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า เจ้าจะเกินธรรมดาเพียงไร?”
“ข้าไม่ได้ร้ายกาจเช่นเจ้าคิดหรอก โชคและความบังเอิญต่างหากที่ทำให้ข้าฆ่าจักรพรรดิหนานตู้ได้” เฉินซียิ้มแห้ง
“เสแสร้ง!” เชินถูเยียนหรานถลึงตามอง ประกายโรจน์รุ่งเรืองขึ้นในดวงตาพร่างพราว เหมือนกำลังคิดบางเรื่อง
“พักเรื่องผลของเหตุการณ์นี้ต่อเอกภพจักรวรรดิไปก่อน ทุกท่านตระหนักชัดเจนแล้วว่านิกายอำนาจเทวะคิดร่วมมือกับตระกูลเยี่ยและตระกูลเส้าเฮ่า แต่พวกเขาก็ถูกเขาเทพพยากรณ์ตอบโต้อย่างสาหัส ด้วยเหตุนี้ ทุกท่านคิดหรือไม่ว่าเหตุการณ์ใกล้เคียงกันอาจเกิดได้หากตระกูลเชินถูของเราตัดสินใจร่วมมือกับสำนักศักดิ์สิทธิ์?” ทันใดนั้น เชินถูชิงหยวนก็เปิดปาก วาทะกลบทุกเสียงเอะอะรอบข้าง ทำให้หัวใจทุกดวงสั่นสะท้าน บรรยากาศเงียบกริบเช่นป่าช้าอีกครั้ง
“อย่าลืมเสีย ว่าเขาเทพพยากรณ์ก็มีสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับสำนักศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน” เชินถูชิงหยวนเสริม
เมื่อคำพูดนี้เข้าผนวกกับข้อมูลที่พวกเขาได้รับก่อนหน้า สีหน้าของผู้คนมากมายในโถงก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย
“น้องสี่ เจ้าก็พูดเกินจริงไปหน่อยนะ ขณะนี้ ความตายของมหาเทพเต๋ามั่วหลินก็เท่ากับเขาเทพพยากรณ์ฉีกหน้ากับนิกายอำนาจเทวะอย่างสมบูรณ์ แล้วเขาเทพพยากรณ์หรือจะยังกล้าสร้างศัตรูฉกาจเพิ่มอีกราย?” เชินถูหมิงต้าหัวเราะเบา ๆ ดูเฉยชากับเรื่องทั้งหมดนี้
“น้องสาม เจ้าก็เห็นแล้วว่าด้วยความตายของมหาเทพเต๋ามั่วหลิน สถานการณ์ทั่วเอกภพจักรวรรดิจะเปลี่ยนไปอย่างมหันต์แน่แท้ ด้วยเหตุนี้ หากเรายังไม่ยอมเลือก เราก็จะสายเกินเสียใจแน่!” เชินถูหมิงต้าขมวดคิ้ว กล่าวอย่างไม่พอใจ
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเถียงกันต่อ หนึ่งเสียงพลันดังออกมาจากนอกโถง “เรียนผู้นำตระกูล อีกไม่นานทูตจากสำนักศักดิ์สิทธิ์จะมาแล้วขอรับ!”
วาจาไม่กี่คำนี้จบเสียงโต้เถียงลงทันใด บรรยากาศเงียบกริบวังเวง
แต่อึดใจต่อมา เชินถูหมิงต้าก็แค่นเสียงเย็น พูดด้วยน้ำเสียงแกมข่มขู่เล็กน้อย “น้องสาม จากนี้เจ้าอย่าพูดจาไม่คิดเชียว หากเจ้าล่วงเกินทูตจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เข้า มันจะส่งผลร้ายต่อเราตระกูลเชินถู!”
“ฮึ!” เชินถูเป้าแค่นเสียงเย็นเยียบ ไม่พูดวาจาใดอีก
“พอแล้วน่า เสวนากับทูตจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ให้ชัดเจนก่อนค่อยตัดสินใจก็ยังไม่สายหรอก” เชินถูชิงหยวนโบกมือ
ว่าแล้ว เขาก็กล่าวกับเชินถูเยียนหราน “เยียนหราน ไม่ว่าเจ้าจะคิดเช่นไร แต่ก็ทำตัวดี ๆ นะ”
เชินถูเยียนหรานกัดริมฝีปากแดงเรื่อของตน แต่ก็ยังพยักหน้ารับ
เมื่อเฉินซีประจักษ์เช่นนี้ เขาก็ทำเพียงชำเลืองเชินถูเยียนหรานไม่พูดอันใด
“กงซุนมู่ ศิษย์ผนึกฤทธิ์จากสำนักศักดิ์สิทธิ์ และทาปาชวน ทายาทเผ่าเทพชิงโห่ว มาคารวะเหล่าผู้อาวุโสตระกูลเชินถู!” เพียงครู่ต่อมา หนึ่งเสียงแผ่วเบาเย็นชาก็ดังขึ้นจากนอกโถง