บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1817 การต่อสู้ซึ่งไม่เคยปรากฏ
บทที่ 1817 การต่อสู้ซึ่งไม่เคยปรากฏ
การได้เห็นพลังอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทาปาชวนสำแดงออกมาทำให้ศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น
แม้แต่กงซุนมู่ก็ลอบพยักหน้าเบา ๆ อย่างอดไม่ได้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เขารู้สึกว่าการส่งทาปาชวนไปนั้น เพียงพอที่จะจัดการกับเฉินซีและพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้
สีหน้าของคนตระกูลเชินถูซับซ้อนยากคาดเดา ก่อนหน้านี้ พวกเขารู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งที่เฉินซีเปิดเผยออกมา แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยินดีมองดูอีกฝ่ายแสดงท่าทีจองหองเช่นนี้ต่อไป
มันช่างเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกันเหลือเกิน ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรให้ชัดเจน
มีเพียงเชินถูหมิงต้าและเชินถูซิงเท่านั้นที่รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่ต้องการอะไรไปกว่าการได้เห็นทาปาชวนเอาชนะเฉินซีและจัดการอีกฝ่ายอย่างราบคาบ
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถรักษาหน้าของสิทธิสำนักศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ได้ และในขณะเดียวกัน ก็ยังเป็นการปัดกวาดขวากหนามอย่างเฉินซีให้พ้นไปจากทาง ซึ่งจะทำให้การร่วมมือกันระหว่างตระกูลเชินถูและสำนักศักดิ์สิทธิ์เป็นไปอย่างราบรื่น
โครม!
ทันใดนั้น เสียงที่ดังกึกก้องประหนึ่งอัสนีกัมปนาทก็แผดลั่นไปทั่วสมรภูมิศึกปีศาจ มันสั่นสะเทือนโสตประสาทของผู้คนให้มีเพียงเสียงอื้ออึง
แสงเจิดจ้าแวบออกมาจากดวงตาของทาปาชวนผู้มีรูปลักษณ์แสนเรียบง่ายหากมั่นคงราวภูผา เพียงพริบตา ลำแสงสีแดงเข้มก็ระเบิดจากม่านตาก่อตัวเป็นสายฟ้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวขณะที่โจมตีเข้าใส่เฉินซี
ทุกคนตกตะลึงอย่างมาก ไม่คิดเลยว่าคนทั้งสองจะเข้าห้ำหั่นกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ในยามนี้ ทาปาชวนเป็นเสมือนเทพแห่งสายฟ้า ปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงกลัวนี้เกิดขึ้นเพียงเมื่อเขาลืมตาเท่านั้น กระแสคลื่นสีเขียวหมุนวนอยู่ภายในดวงตาที่น่าตื่นตะลึงนั้น
“มรดกแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์ วิชาโรจน์อัสนีถล่มภูมิ!” เสียงหนึ่งอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ผู้คนที่อยู่โดยรอบตระหนักได้ในทันทีว่าบัดนี้เฉินซีได้ประสบกับบุคคลผู้น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เนื่องจากทาปาชวนได้หลอมรวมพลังของเคล็ดวิชาขั้นสูงแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์ไว้ภายในดวงตา นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำสำเร็จได้โดยง่าย!
ตึง!
ห้วงมิติถูกฉีกกระชากในขณะที่สายฟ้าสีเขียวซึ่งเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างพุ่งผ่านฟ้าดิน พวกมันเป็นเหมือนกับมังกรที่สลับหยินหยางและทำให้โลกอยู่ภายใต้ความโกลาหล
เฉินซีประกบปลายนิ้วเข้าหากันก่อนจะยื่นมันออกมาราวกับกระบี่คมแทงทะลุทุกสรรพสิ่ง ฉับพลัน ปราณกระบี่ทั้งสองซึ่งโอบล้อมด้วยประกายแวววาวก็พุ่งผ่านอากาศ สิ่งนี้คือกระบวนท่าเชือดเฉือนกาสรแห่งเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย มันทั้งเหี้ยมโหด เอ่อล้นไปซึ่งจิตสังหาร และไหลเวียนด้วยพลังดวงใจที่ใสสกาวราวดวงแก้ว ขณะฟาดฟันลงยังสายฟ้าสีเขียวนั่น กลิ่นอายที่ลึกลับและคลุมเครือก็กำจายออกมา
ไม่เพียงเท่านั้น ปราณกระบี่นี้ยังไม่สูญเสียแรงโจมตีแม้แต่น้อยเมื่อยามที่มันพุ่งตรงไปที่ดวงตาของทาปาชวน
ทันใดนั้น สายฟ้าสีเขียวหนาแน่นก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทาปาชวน พวกมันกลายเป็นรูปลักษณ์แทนสายฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยพลังอสนีบาต ด้วยสายฟ้าเส้นนี้ ส่งผลให้การโจมตีของปราณกระบี่ถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ แรงปะทะก่อให้เกิดประกายไปขึ้นรอบ ๆ
“ศิษย์พี่ทาปา ฆ่าเขาเสียเถอะ!” ศิษย์ทั้งหลายของสำนักศักดิ์สิทธิ์เริ่มตะโกน
“หุบเหววินาศ!” ในชั่วเวลาถัดมา เสียงระเบิดแผ่กระจายไปรอบบริเวณ ทาปาชวนโคจรวิชาโรจน์อัสนีถล่มภูมิในขณะที่กางแขนออก เขาเคลื่อนที่ไปในอากาศกับสายฟ้าแวววาว เสียงอสนีกัมปนาทพร้อมกับร่างที่ทะยานลงมายังเฉินซีด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทาน
ตอนนี้เอง คล้ายห้วงเวลาหยุดนิ่งในพลัน ผู้คนที่อยู่โดยรอบเผลอกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว แม้แต่เสียงซุบซิบอื้ออึงก็เงียบลง
การโจมตีในคราวนี้น่ากลัวเกินไป มันทำให้ทั้งฟ้าดินถึงกับสั่นสะเทือน!
แม้ว่าคนเหล่านั้นจะอยู่ในขอบเขตมหาราชเทวา ทว่าหัวใจของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านให้กับการเคลื่อนไหวนี้ พวกเขาเฝ้าชมการต่อสู้อย่างใจจดใจจ่อ แน่นอน พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าวิธีการต่อสู้ของทาปาชวนนั้นจะเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้ ทันทีที่เขาเปิดการโจมตี มันก็รวดเร็วและดุดันเสียจนน่าใจหาย
วิชาโรจน์อัสนีถล่มภูมิอันเลื่องชื่อแห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์เปี่ยมไปด้วยรัศมีสง่างามเหนือกาลเวลา การโจมตีอย่างเต็มกำลังของมันทำให้ทั่วทั้งดาราจักรสั่นสะเทือน!
อีกฝากหนึ่ง เฉินซีก็กระโจนออกไปเช่นกัน พลังศักดิ์สิทธิ์พุ่งทะยานไปทั่วร่างกายของเขาในขณะที่แปลงกายเป็นคุนเผิงพร้อมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังภายในเวลารวดเร็ว แรงสั่นสะเทือนที่ปะทุไปทั้งฟ้าดินคล้ายจะระเบิดแผ่นดินเป็นเสี่ยง ๆ
วิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิง!
หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะสืบเชื้อสายจากเผ่าคุนเผิง? หลาย ๆ คนจำวิชานี้ได้ ม่านตาของพวกเขาพลันหรี่ลงด้วยความไม่เชื่อ
ตึง!
ก่อนที่พวกเขาจะฟื้นตัวจากอาการตกใจ เฉินซีและทาปาชวนก็เข้าปะทะกัน มันเหมือนกับการชนกันระหว่างดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ รวมไปถึงการปะทุของภูเขาไฟทั้งหลาย พลังศักดิ์สิทธิ์อันกล้าแกร่งพังทลายพื้นที่โดยรอบพร้อมกับเสียงดังก้องขณะที่พลังนั้นพัดกระจายไปในระยะไกล
พวกเขาทั้งหลายรู้สึกปวดแปรบอย่างรุนแรงภายในดวงตากระทั่งยากจะลืมตาได้ แก่นโลหิตของบางคนเริ่มไหลออกมา จิตใจและวิญญาณคล้ายได้รับผลกระทบรุนแรง ส่งผลให้ร่างกายสั่นสะท้าน ให้ตายเถิด การปะทะครั้งนี้รุนแรงเกินไปจริง ๆ
สายฟ้าสีเขียวปกคลุมไปทั้งฟ้าดิน!
คุนเผิงโฉบขึ้นไปบนท้องฟ้าและโบยบินท่ามกลางมหาเต๋า!
การปะทะกันระหว่างทาปาชวนและเฉินซีทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เทพอสูรคำรามพิโรธ เต๋าแห่งสวรรค์ร้องไห้เป็นสายเลือด พายุคะนองพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า กระทั้งทุกสรรพสิ่งทลายครืน…
ฉากที่น่าสะพรึงกลัวดังกล่าวให้ความรู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปในยุคที่ความโกลาหลเพิ่งถูกแยกออกจากกัน ในเวลานั้น เหล่าทวยเทพต่อสู้เพื่อเป็นใหญ่ ในขณะที่สัตว์อสูรบรรพกาลทั้งหลายท่องไปทั่วโลกอย่างอิสระ พวกมันออกสำรวจทั่วโลก ฉีกจักรวาลออกเป็นชิ้น ๆ และกวาดล้างท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ตู้ม!
เสียงระเบิดขนาดมหึมาดังก้องในทันทีที่ห่าฝนแสงโปรยปรายบริเวณโดยรอบ ร่างทั้งสองแยกออกจากกันและยืนคนละฝั่ง จริง ๆ แล้วความแข็งแกร่งของพวกเขาสูสีกันถึงขนาดที่ไม่สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้ได้
“เด็กนี่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? แม้แต่ทาปาชวนก็ไม่อาจบดขยี้เขาได้ในคราวเดียวอย่างนั้นหรือ” คนตระกูลเชินถูนึกประหลาดใจ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น ไม่มีทางที่เฉินซีจะยากหยั่งได้ถึงขนาดนี้
บรรดาศิษย์จากสำนักศักดิ์สิทธิ์ต่างปิดเงียบปากสนิท พวกเขาทั้งประหลาดใจและงุนงง แม้ว่าไม่อยากที่จะยอมรับเท่าไรนัก แต่ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าจริง ๆ แล้ว เฉินซีมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อสู้กับศิษย์พี่ทาปาได้อย่างทัดเทียม!
กงซุนมู่หรี่ตาลง สีหน้าเรียบเฉยยิ่งขึ้นขณะที่พูดเพียงสั้น ๆ “การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น ดูต่อเถอะ”
ภายในสมรภูมิศึกปีศาจ สีหน้าของทาปาชวนเคร่งขรึมเล็กขึ้นเล็กน้อย ผิดกับรัศมีอันสง่างามที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงที่เหมือนกับท่วงทำนองแห่งมหาเต๋าดังก้องกังวานขึ้นเก้าครั้ง จากนั้นกงล้อสายฟ้าจำนวนเก้าวงก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของทาปาชวน พวกมันงดงาม สุกใส และสำแดงพลังอันแปลกประหลาดออกมา
กงล้อสายฟ้าแต่ละวงบรรจุซึ่งพลังสายฟ้าที่น่าสะพรึงกลัวประหนึ่งเป็นดินแดนแห่งสายฟ้า เมื่อกงล้อทั้งเก้าซ้อนทับกัน มันก็เหมือนกับการก่อตัวของจักรวาลแห่งสายฟ้า เผยให้เห็นปรากฏการณ์อันไร้ขอบเขต
นี่คือพลังแห่งการสรรสร้างที่อยู่ในวิชาโรจน์อัสนีถล่มภูมิ เป็นพลังขึ้นสูงสำหรับการสร้างโลกและสรรพสิ่ง
ทว่าเพียงชั่วพริบตา กงล้อสายฟ้าทั้งเก้าที่สุกใสงดงามก็กลายสภาพเป็นสีเทาขุ่นมัว พวกมันเปล่งรัศมีแห่งความตายและการทำลายล้างที่น่าประหวั่นอย่างยิ่งออกมา
หงึ่ง!
ในชั่วพริบตาต่อมา กงล้อสายฟ้าทั้งเก้าก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับดวงอาทิตย์สีดำจำนวนมากที่พาดผ่านผืนฟ้า และบดขยี้ห้วงมิติเป็นชิ้น ๆ ขณะที่พุ่งเข้าหาร่างของเฉินซี
ชิ้ง!
เฉินซีเหยียดมือออกไป กระบี่โบราณซึ่งเกิดจากกฎเต๋าแห่งสวรรค์ปรากฏขึ้นในอากาศ ฉับพลัน ร่างของเฉินซีก็กระพริบพร่างก่อนจะแกว่งไกวกระบี่เพื่อโจมตีสายฟ้านั่น
มันเป็นการโจมตีที่เหนือชั้นไปมาก
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นฟุ้งไปด้วยรัศมีที่เรียบง่ายและดั้งเดิมอย่างเต๋าซึ่งถูกกล่าวขานถึงความเป็นธรรมชาติ ทำให้ผู้พบเห็นบังเกิดความรู้สึกสงบปราศจากกังวล ราวกับได้เห็นร่องรอยอันศักดิ์สิทธิ์แห่งมหาเต่า และอดไม่ได้ที่จะดำดิ่งลงไปในนั้น
เป็นความงามที่ยิ่งใหญ่เกินจะหาคำมาอธิบาย!
ร่างทั้งสองกลับมาปะทะกันในทันที มันเหมือนกับเหตุการณ์ที่ความโกลาหลถูกแยกออกจากกันเป็นครั้งแรก ปราณโกลาหลปะทุขึ้นในขณะที่ปรากฏการณ์น่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ เช่น ฉากของเทพอสูรร้องโหยหวน และปราชญ์อ่านคัมภีร์ปรากฏขึ้น ปรากฏการณ์เหล่านี้ก่อกำเนิดและพุ่งเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง ยิ่งไปกว่านั้น พลังบัญชาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหาใดเปรียบก็โหมกระหน่ำราวกับพายุ มันส่งเสียงดังก้องและโรมรันกันอย่างไม่มีสิ้นสุด!
คนหนึ่งอาบไล้อยู่ภายใต้สายฟ้าประหนึ่งเทพผู้คุมเต๋าแห่งอัสนี ในขณะที่อีกคนหนึ่งได้กลายร่างเป็นคุนเผิงที่บินไปทั่วโลกและควบคุมเต๋าแห่งกระบี่ซึ่งยากจะต้านทาน ทั้งสองต่อสู้เพื่อเป็นที่หนึ่งในสมรภูมิศึกปีศาจ และจะต่อสู้จนถึงจุดที่ดวงตะวันและจันทราถึงคราวแปรผันกลับทิศ
ภาพดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจและไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย ส่งผลให้คนอื่น ๆ ที่อยู่นอกสมรภูมิต่างก็ตื่นตาจนแทบลืมหายใจ
คนทั้งสองดำรงอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล ทว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาได้บรรลุถึงจุดสูงสุดอันน่าสะพรึงกลัวในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแล้ว อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไร้เทียมทาน แน่นอน มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในระดับการบ่มเพาะนี้!
“เยียนหราน เด็กคนนั้นคือ… เขาหรือ?” ที่ด้านนอกสมรภูมิ เชินถูเป้ามาถึงด้านข้างของเชินถูเหยียนหราน เขาจ้องมองไปที่เฉินซีราวกับจมลงอยู่ในความคิด
“ท่านหมายถึงใครหรือ?” เชินถูเหยียนหรานรู้ดีอยู่แก่ใจ กระนั้นนางก็เลือกแสร้งทำเป็นไม่รู้
“แม่หนูน้อย! หรือว่าเจ้าตั้งใจที่จะปิดบังลุงสามของเจ้ากัน? รีบบอกมาเถอะน่า! ใช่เด็กคนนั้นหรือไม่?” เชินถูเป้าหัวเราะขื่น
เชินถูเยียนหรานกำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นว่าไม่ได้มีเพียงเชินถูหมิงต้าที่จ้องมองมาคล้ายเอาคำตอบ แม้แต่บิดาของนางเองก็เช่นกัน ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนคำตอบในทันที “ท่านถามเขาในภายหลังเองเถอะเจ้าค่ะ”
ถึงอย่างนั้น ในใจก็คะเนไว้คร่าว ๆ ว่าชายหนุ่มที่กำลังต่อสู้กับทาปาชวนในสมรภูมิศึกปีศาจตอนนี้น่าจะเป็นเด็กที่มาจากเขาเทพพยากรณ์ผู้นั้น
มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาตัดสินเช่นนั้น นั่นก็เพราะไม่ว่าจะเป็นการเอาชนะเซียวเทียนฉีและคนอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งการต่อสู้กับทาปาชวนในเวลานี้ มีเพียงไม่กี่คนในแดนเทพโบราณที่จะทำเช่นนี้ได้!
ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เขารู้มา ในบรรดาสหายทั้งหมดของหลานสาว มีเพียงศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์ที่เคยได้พบ ณ ชายฝั่งของมหาสมุทรสุสานเทวะเมื่อหลายปีก่อนเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้เช่นนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เชินถูเป้าก็อดไม่ได้ที่จะชั่งน้ำหนักในใจอย่างรวดเร็ว ฝ่ายหนึ่งคือเขาเทพพยากรณ์ ในขณะที่อีกฝ่ายคือสำนักศักดิ์สิทธิ์… หรือบางทีการปรากฏตัวของเด็กคนนี้อาจจะเป็นโอกาสอันดีก็ได้
…
“ข้าก็ไม่คิดหรอกว่าเจ้าจะเป็นยอดฝีมือผู้ต่ำต้อย แต่หากเจ้ามีความแข็งแกร่งในการต่อสู้แค่นี้จริง ๆ ละก็ วันนี้เจ้าก็คงจะต้องแพ้เสียแล้ว!” ภายในสมรภูมิศึกปีศาจ ทาปาชวนที่กำลังติดพันในการต่อสู้อันดุเดือดพูดอย่างกะทันหัน เสียงที่หนักแน่นของเขาเต็มไปด้วยความทะนง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดตั้งแต่การต่อสู้เริ่มขึ้น กระนั้น มันก็ไม่ได้ฟังดูเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเต็มไปด้วยน้ำเสียงกดขี่
ขณะที่ทาปาชวนพูด ร่างของเขาก็ส่งเสียงกึกก้อง สีของกงล้อสายฟ้าทั้งเก้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง พวกมันกลายเป็นสีดำสนิทราวน้ำหมึก ในขณะที่สายฟ้าขนาดมหึมาจำนวนมากปะทุออกมาราวกับโซ่ศักดิ์สิทธิ์ คล้ายว่าพวกมันตั้งใจที่จะทำลายล้างแผ่นดินและบดขยี้ทุกสรรพสิ่งภายใต้เงื้อมมือ เป็นพลังที่เต็มไปด้วยรัศมีแห่งการทำลายล้าง
เปรี้ยง!
กงล้อลอยสูงอยู่บนท้องฟ้าในขณะที่โซ่สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากพวกมัน สายฟ้าเหลือคณานับฟาดฟันห้วงมิติให้แตกเป็นผุยผงพลางแผดเสียงก้องไปทั่วบริเวณ ราวกับวันโลกาวินาศได้มาเยือนย่ำแล้ว
“ศิษย์พี่ทาปา ท่านไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตาต่อไอ้สารเลวนั่น! จบการต่อสู้เลยอย่าได้ปรานี!”
“ใช่แล้ว! จัดการเขาเร็วเข้า! เอาให้ไม่กล้าทำท่าจองหองเช่นนั้นได้อีก!”
เมื่อศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์เห็นเหตุการณ์นี้ ทุกคนก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น และอดไม่ได้ที่จะกู่ร้องให้กำลังใจทาปาชวน
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าความเข้าใจที่ศิษย์น้องทาปาในวิชาโรจน์อัสนีถล่มภูมิจะบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองไว้มากทีเดียว…” แสงเจิดจ้าปรากฏขึ้นในดวงตากงซุนมู่ คล้ายนึกประหลาดใจกับพลังที่ทาปาชวนครอบครองไม่น้อย
“ข้าจะต้องแพ้อย่างนั้นหรือ? จะเป็นการดีกว่าหากไม่รีบร้อนพูดเช่นนั้น” เฉินซีพูดอย่างไม่แยแส น้ำเสียงปราศจากความก้าวร้าวหรือเย่อหยิ่ง หากก็ถือเป็นการตอบโต้อย่างตรงไปตรงมา
ตอนนี้เอง ทั่วทั้งเรือนกายของชายหนุ่มเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า ประหนึ่งในขณะปะทะกับทาปาชวนอย่างต่อเนื่องนี้ เขากำลังอาบไล้ภายใต้รัศมีศักดิ์สิทธิ์แห่งมหาเต๋า แม้การต่อสู้จะไม่เห็นปลายทางโดยง่าย กระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าอ่อนล้าหรือจนมุมแต่อย่างใด กลับกัน เขาดูเหมือนจะสามารถรับมือกับการโจมตีจากอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายกว่าที่คิด