บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1818 เตาหลอมผสานวาสนา .
บทที่ 1818 เตาหลอมผสานวาสนา
………………..
บทที่ 1818 เตาหลอมผสานวาสนา
เฉินซีและทาปาชวนประชันฤทธิ์ ประมือกันนับแต่ฟ้าจรดดิน จากพื้นพิภพสู่เก้าชั้นสรวง รบพุ่งพัวพัน สาดรัศมีศักดิ์สิทธิ์เรื่องรอง
โชคยังดีที่สมรภูมิศึกปีศาจไพศาลอย่างยิ่ง ดุจท้องนภาพร่างพราว นอกจากนั้นบริเวณโดยรอบสมรภูมิยังสลักข้อจำกัดและอักขระลึกลับไว้ทั่ว ป้องกันมิให้ลูกหลงจากศึกออกไปภายนอก
มิเช่นนั้น หากศึกนี้บังเกิดภายในตระกูลเชินถูจริง ๆ อำนาจทำลายล้างจากมันคงเกินคำนึงโดยแท้จริง
เปรี้ยง!
ทาปาชวนจู่โจมด้วยท่าทีองอาจผ่าเผย ทั่วร่างเรืองอัสนีแปลบปลาบ โจมตีระรัวต่อเนื่องอย่างดุดัน รวดเร็วเช่นสายฟ้า เจิดจรัสเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ต้องพูดก็ทราบได้ว่าอำนาจต่อสู้ของทาปาชวนน่าสะพรึงยิ่งนัก ทุกการเคลื่อนไหวเผยอำนาจถล่มโลกา ถือได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้สุดแกร่งคนหนึ่งในขอบเขตเดียวกันที่เฉินซีเผชิญมานับแต่บรรลุสู่ขั้นสูงของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
กระทั่งเฉินซียังทำได้เพียงยอมรับ ว่าวิชาโรจน์อัสนีถล่มภูมิที่ทาปาชวนใช้มีอำนาจเกินประมาณ
ทุกการโจมตีดุจพายุสายฟ้าถล่มจากเวหา ทลายมิติเป็นผุยผง ขยี้เบญจธาตุ เต็มไปด้วยปราณมรณะทำลายล้างอันเข้มข้นเช่นสสาร จะมีสักกี่คนในโลกหล้าที่รับอำนาจทำลายล้างยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้?
หากบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลธรรมดาสักคนมาเผชิญศึกนี้ คนผู้นั้นคงถูกอัสนีขยี้ตายไปแต่แรก กระทั่งวิญญาณยังสลายสิ้น ไม่มีทางเลยที่จะขัดขืนใด ๆ
ทว่าในความคิดของทุกคนที่นี่ การกระทำของเฉินซีต่างหากที่น่าตกใจที่สุด
พวกเขาตระหนักดีว่า ในฐานะศิษย์ผนึกฤทธิ์ผู้หนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์ อำนาจต่อสู้ของทาปาชวนย่อมร้ายกาจไร้กังขา นอกจากนั้น เขากระทั่งเป็นตัวตนทรงพลังซึ่งอยู่ในอันดับสามสิบเก้าในเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาลอีกด้วย
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ประหลาดใจในทักษะวิชาอันเจิดจรัสของทาปาชวนนัก
แต่เฉินซีนั้นแตกต่าง พวกเขายังรับไม่ได้ที่อีกฝ่ายปราบเซียวเทียนฉีและคณะลงได้ แต่ยามนี้ อีกฝ่ายกลับยังรักษาอำนาจสูสียามสู้กับทาปาชวนได้อีก ทำให้พวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อสายตาลง
เจ้าเด็กนี่… ไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ?
หรือเขาก็เป็นตัวตนไร้เทียมทานในเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาลเช่นกัน? “วิชาศักดิ์สิทธิ์คุนเผิงและการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่ในขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ ด้านการบ่มเพาะ เขาซึ่งอยู่ในขั้นสูงของบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลยังด้อยกว่าทาปาชวน แต่ยามนี้กลับทำได้ดังเห็น ไม่น่าเชื่อจริงๆ” จักรพรรดิผู้หนึ่งของตระกูลเชินถูกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความชื่นชมอย่างหาได้ยาก
เห็นได้ชัดว่าฝีมือของเฉินซีกระทบถึงความเห็นของเหล่าจักรพรรดิต่อเขาอย่างไม่รู้ตัว
อันที่จริง ไม่ใช่เพียงจักรพรรดิทั้งหลาย กระทั่งสมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลเชินถูยังไร้ทางเลือกนอกจากยอมรับว่าเฉินซีแข็งแกร่งและโดดเด่นอย่างยิ่ง ในเมื่อเขาสามารถประชันกับอัจฉริยะไร้เทียมทานอย่างทาปาชวนได้ แล้วจะเป็นคนธรรมดาได้เช่นไร?
ไอ้สารเลวสมควรตายนี่มาจากที่ใดกัน? ทั้งพ่อลูกต่างร้อนใจ เปี่ยมไปด้วยความเคืองแค้น
สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาโล่งใจก็คือ ศึกยังคงดำเนินอยู่ แม้ทาปาชวนจะมิได้ชนะ แต่ก็ยังไม่พ่ายเช่นกัน
ขณะนี้ พวกเขาทำได้เพียงหวังว่าทาปาชวนจะพลิกสถานการณ์มาชนะได้
“เป็นไปได้อย่างไร? เหตุใดเจ้านี่จึงแข็งแกร่งนัก?”
“หรือศิษย์พี่ทาปาจะออมมืออยู่?”
“เจ้าคนสมควรตายนั่น! ไม่รับมือยากไปหน่อยหรือ!?”
ศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขมวดคิ้ว กล่าวอย่างตกตะลึงเล็กน้อย ไร้ความตื่นเต้นเช่นกาลก่อน
จริงอยู่ ศิษย์พี่ทาปาของพวกเขายังไม่พ่าย
แต่เมื่อเห็นว่าเฉินซีสู้กับศิษย์พี่ทาปาได้อย่างเท่าเทียม พวกเขาก็รู้สึกรับไม่ได้กันเล็กน้อย
แค่เจ้าคนโอหังไร้หัวนอนปลายเท้า เหตุใดจึงมีอำนาจต่อสู้เทียบเคียงศิษย์พี่ทาปา?
…
ครู่สั้น ๆ ต่อมา ใครบางคนพลันอุทานอย่างประหลาดใจ “สถานการณ์พิกลนิดหน่อยนะ”
สิ้นคำ คนส่วนใหญ่รอบทิศล้วนงุนงง ไม่อาจตรวจพบได้ว่าสิ่งใดผิดแปลก
มีเพียงคนส่วนน้อยผู้มีสายตาเฉียบคม มากประสบการณ์เท่านั้นที่ประจักษ์เข้าใจโดยพลัน และตระหนักว่าสถานการณ์ผิดปกติจริง ๆ!
นับแต่เริ่มศึกจนบัดนี้ อำนาจของทาปาชวนโถมทะยานไม่จบสิ้น อำนาจต่อสู้ทบทวีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทุกครั้งที่คิดปิดฉาก การโจมตีของเขาก็จะสลายไปอย่างไร้ร่องรอย
น่าตกใจอยู่ไม่น้อย
ทาปาชวนเพิ่มพลังต่อสู้ต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่อาจทำร้ายเฉินซีได้เลยสักนิด นี่ไม่ได้หมายความว่าอำนาจต่อสู้ของเฉินซีก็เพิ่มขึ้นไม่ต่างกันหรือ?
นอกจากนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ เฉินซีก็ยังไม่ได้เผยอำนาจต่อสู้แท้จริงออกมา? ทำเพียงเผยความแข็งแกร่งที่อำพรางไว้ทีละนิดยามทาปาชวนเค้นอำนาจออกมามากขึ้น?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กระทั่งจักรพรรดิทั้งหลายยังอดตะลึงไม่ได้ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่เกินคาดหยั่งไปหน่อยหรือ?
ขณะนี้ เขาถือเฉินซีเป็นคู่ต่อสู้ตัวฉกาจ ไม่กล้าดูแคลนประเมินต่ำแม้สักนิด
ถึงขนาดที่อำนาจซึ่งเฉินซีเก็บงำไว้ยังทำให้ทาปาชวนไม่อาจตัดสินได้ว่าขีดจำกัดของเฉินซีอยู่ที่ใด!
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของทาปาชวนสั่นสะท้านเกินห้าม เขาตระหนักดีว่าหนนี้มิได้เผชิญยอดฝีมือทั่วไป แต่เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เปรี้ยง!
ทาปาชวนไม่กล้าลังเล นำเตาหลอมโบราณทำจากทองแดงออกมา ภายในมีอัสนีแล่นปลาบเช่นศิลาหลอม เรืองรองเฉิดฉันสาดรัศมีทั่วทิศ ให้บรรยากาศแข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
เตาหลอมผสานวาสนา!
สมบัติวิญญาณธรรมชาติอันมีฤทธิ์สูงส่งเกินคะเน ตกทอดกันอยู่ในสำนักศักดิ์สิทธิ์ บรรจุปราณโรจน์อัสนีแรกบรรพกาลจากในความโกลาหลหนึ่งสาย อำนาจทำลายล้างของมันชวนสะพรึง เทียบได้กับกระทั่งทัณฑ์สายฟ้าจากเต๋าสวรรค์!
“เขาบังคับศิษย์น้องทาปาให้ใช้สมบัตินี้ได้…” กงซุนมู่พลันหรี่ตา สีหน้าซึ่งเดิมเฉยชามาแต่แรกไม่อาจรักษาความสุขุม ตกตะลึงสุดขีด
เปรี้ยง!
หลังนำเตาหลอมผสานวาสนาออกมา ปราณมหาศาลของทาปาชวนก็ทวีคูณขึ้นอีกครั้ง ดูประหนึ่งจักรพรรดิอัสนีผู้เกิดจากความโกลาหล อำนาจทำลายล้างปรกฟ้าคลุมแดน
เขาควบคุมเตาหลอมทองแดงให้ทะยานสู่เวหา ก่อนจะทุ่มทะลวงลงใส่เฉินซี
“พวกเขาจะตัดสินกันแล้วหรือ?” ทุกคนต่างตะลึง สังเกตว่าอำนาจของทาปาชวนเร่งสูงถึงขีดสุด เผยความยิ่งใหญ่เกินใดเทียม
เชินถูเยียนหรานกำหมัดอย่างเงียบเชียบ ไม่ว่านางจะมั่นใจในอำนาจต่อสู้ของเฉินซีเพียงใด ก็ยังอดรู้สึกกังวลยามประจักษ์ความแข็งแกร่งของทาปาชวนไม่ได้
ขณะนี้ ทุกคนต่างกลั้นหายใจจับตามอง หลงลืมตนสิ้นขณะสายตาจ้องนิ่งไม่กะพริบ กลัวนักว่าจะพลาดรายละเอียดใดแม้เพียงน้อย
ขณะเดียวกัน ดวงตาของเฉินซีเรืองประกายเสียดหนาวชวนสะพรึง แล้วมุมปากก็ยกยิ้มล้อเลียนอย่างเงียบเชียบ
เจ้านี่คงถึงขีดจำกัดแล้วสิ… อึดใจต่อมา แทนที่เฉินซีจะถอย เขากลับรุกคืบ ไหวร่างไปเผชิญการโจมตีของทาปาชวน ขณะหนึ่งประกายกระบี่เรืองขึ้นในมือ ดุจในมือมีนครกระบี่ ออกแรงตบมันเข้าใส่เตาหลอมทองแดง
เปรี้ยง!
เกิดเสียงสนั่นลั่น
ทุกคนต่างผงะหงาย ไม่คาดคิดสักนิดว่าเฉินซีจะกล้าเข้าประชันเตาหลอมผสานวาสนาตรง ๆ ด้วยมือเปล่า!
ยิ่งกว่านั้น พวกเขาก็ต้องตะลึงยามเห็นว่ายามเผชิญการโจมตีสุดกำลังนี้ของทาปาชวน เฉินซีกลับไม่เพลี่ยงพล้ำเสียเปรียบ!
เขาใช้มือเปล่ารับมือทาปาชวนซึ่งใช้เตาหลอมผสานวาสนาได้!? ไม่ได้หมายความหรือว่าอำนาจต่อสู้ของเขาเหลือล้ำสูงกว่าทาปาชวนนัก?
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
ขณะนี้ เฉินซีดูเรืองฤทธิ์อหังการถึงขีดสุด ไหวร่างผ่านนภา ขณะที่ทุกฝ่ามือยิ่งทวีความดุร้ายทรงพลัง เขาประชันเตาหลอมผสานวาสนาซึ่งหน้า ความยิ่งใหญ่ที่เผยทำให้คนมากมายครั่นคร้ามในใจ
อั้ก!
ท้ายที่สุด ร่างของทาปาชวนพลันกระตุกเกร็ง โลหิตกระเซ็นเป็นสายจากปากเนื่องด้วยผลกระทบจากการโจมตีของเฉินซี ทำให้ใบหน้าของเขาซีดขาว
“นี่สุดกำลังเจ้าแล้วหรือ?” เฉินซีกล่าวเบา ๆ ทว่าน้ำเสียงกลับเลื่อนลั่นเช่นสำเนียงเต๋าทลายสุญตา ฝ่ามือยิ่งเรืองรัศมี ประหนึ่งใช้สองนครกระบี่ในฝ่ามือโจมตี หมายลบล้างโลกามอดสิ้น!
แย่แล้ว! กงซุนมู่พลันผุดลุก ม่านตาหดตัว เรืองรัศมีโรจน์รุ่งเย็นเยียบ
พริบตานั้น ไม่เพียงกงซุนมู่นั่งไม่ติด กระทั่งเหล่าจักรพรรดิในตระกูลเชินถูก็เช่นกัน สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป
ส่วนคนอื่น ๆ นั้นตะลึงกับศึกนี้จนไม่อาจฟื้นจากความตกใจ นิ่งค้างกับที่กันอยู่แสนนาน
ทาปาชวนกระอักเลือดออกมาอีกคำอย่างสุดทานทน ภาพยามโลหิตของเขาย้อมนภาแดงฉานนั้นน่าเวทนา แต่ก็งดงามในเวลาเดียวกัน ร่างซวนเซเจียนทรุดร่วง
“แม่เจ้าโว้ย!”
“น… น… นี่… เป็นไปได้เช่นไร?”
“เขาไม่ร้ายกาจไปหน่อยหรือ!”
เสียงเอ็ดอึงกระหึ่มรอบทิศ ปากของคนทั้งหลายอ้าหวอ สุดแสนไม่อยากเชื่อ ทาปาชวน ศิษย์ผนึกฤทธิ์ผู้อยู่ในอันดับสามสิบเก้าบนเทียบอันดับรู้แจ้งจักรวาล ยามนี้ถูกไล่ต้อนเจียนพ่ายแล้ว!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายคนทั้งปวงจนยากจะเชื่อ
“เด็กนี่… ไม่ธรรมดา!” จักรพรรดิมากมายในตระกูลเชินถูทอดถอนใจ พวกเขาก็ตะลึงนัก ไม่เคยคาดคิดว่าศึกอันลือลั่นนี้จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของทาปาชวน
ขณะเดียวกัน อำนาจต่อสู้ท้าทายสวรรค์ที่เฉินซีเผยออกมานั้นชวนลืมหายใจจริงแท้ ทำให้พวกเขาตะลึงจนพูดไม่ออก
เจ้านี่ไม่มีทางเป็นผู้ไร้นาม! สีหน้าของกงซุนมู่ดำคล้ำ ไม่อาจรักษากิริยาได้อีกต่อไป
“ยังดี ยังดี…” เชินถูเยียนหรานลอบผ่อนลมหายใจโล่งอก ดวงตากระจ่างเรืองโรจน์เจิดจรัสอย่างเงียบเชียบ
ทว่าขณะที่ทุกคนคิดไปว่าทาปาชวนพ่ายแพ้แล้วนั้นเอง จู่ ๆ ดวงตาของทาปาชวนก็แดงฉานเช่นโลหิต
หลังจากนั้น เขาก็กู่ร้องสะท้านนภา เส้นขนทั่วกายชี้ชัน ทันใดนั้นหนึ่งวงแสงก็ทะลักออกจากร่าง แปลงกายเป็นอสูรร้ายตนหนึ่งในบัดดล!
รูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทำให้คนทั้งหลายสั่นสะท้านอย่างหวาดเกรง ทั่วร่างปกคลุมด้วยเส้นขนเขียวหนาทึบ รูปลักษณ์คล้ายเสือ ตัวใหญ่เช่นขุนเขา ดวงตาดุจบุหลันสีเลือด เขาขนาดมหึมางอกที่เหนือศีรษะ เผยฤทธาบ้าคลั่งดุร้าย!
“ชิงโห่ว!” ใครบางคนร้องออกมาอย่างเผลอตัว
“เขาใช้พลังต้นกำเนิดในสายเลือด!”
ผู้คนระเบิดเสียงฮือฮา ตกตะลึงเกินยับยั้ง!