บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1825 ลิขิตและสังสารวัฏ
บทที่ 1,825 ลิขิตและสังสารวัฏ
ยามได้ยินวาทะศิษย์พี่ใหญ่ เฉินซีก็สูดหายใจลึก ๆ และฝืนสะกดพลังอันพลุ่งพล่านไม่เป็นสุขในกายทันที
จากนั้น เขาก็พูดอย่างตกตะลึง “เมรัยนี้ฤทธิ์แรงจริง ๆ”
เที่ยอวิ๋นไห่ระเบิดหัวเราะ “เทพเมรัยนี้เป็นเอกลักษณ์ในโลกหล้า ย่อมต้องมีฤทธิ์แรงกว่าธรรมดา”
อู๋เซวี่ยฉานคลี่ยิ้ม และพลันถามขึ้นว่า “ศิษย์น้องเล็ก เจ้ามาถึงสำนักช้ากว่าที่ข้าคาดการณ์เล็กน้อย ระหว่างกลับมาไปพบเหตุเกินคาดฝันใดมาหรือไม่?”
เฉินซีเก็บรอยยิ้ม พยักหน้ารับ “ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง”
ว่าแล้ว เขาก็เริ่มอธิบายเรื่องที่ตนถูกไล่ล่ามาตลอดทาง กระทั่งกล่าวถึงเรื่องยามเข้าสู่สุสานของมหาเทพเต๋าบรรพมังกรอย่างไม่ปิดบัง
“ตระกูลเยี่ย ตระกูลเส้าเฮ่า แล้วก็นิกายอำนาจเทวะ? เหอะ ๆ เหมือนพวกเขาจะตระหนักแล้วว่าเอกภพจักรวรรดิกำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ จึงเริ่มวางแผนกัน” เที่ยอวิ๋นไห่แค่นยิ้ม ดวงตาเรืองประกายกร้าวเย็นเยียบ “พวกเขาจะร่วมมือกันก็ตามใจ แต่กลับมาล่วงเกินศิษย์น้องเล็กอย่างไม่มีเหตุผล คิดจริง ๆ หรือว่าเขาเทพพยากรณ์เรามีแต่ผู้ไร้สามารถ? เดี๋ยวข้าจะออกจากสำนักไปสั่งสอนพวกเขาสักหน่อย”
อู๋เซวี่ยฉานโบกมือ “อย่าบุ่มบ่าม สถานการณ์ไม่แน่ชัด หากออกจากสำนักยามนี้ รังแต่จะทำให้สถานการณ์ในเอกภพจักรวรรดิยิ่งซับซ้อน”
อู๋เซวี่ยฉานนิ่งไปครู่หนึ่ง จึงกล่าวต่อ “อีกอย่าง ข้าฆ่ามหาเทพเต๋ามั่วหลินไปแล้ว ยามนี้นิกายอำนาจเทวะย่อมเจียนบ้าด้วยโทสะ หากเจ้าออกจากสำนักยามนี้ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงหากพวกเขาหมายหัวเจ้านะ”
เที่ยอวิ๋นไห่หัวเราะเบา ๆ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าแค่ฆ่ามั่วหลินคนเดียวเอง นิกายอำนาจเทวะไม่ได้มีนักบวชศักดิ์สิทธิ์คนเดียวเสียหน่อย”
เฉินซีอดยิ้มจืดเจื่อนไม่ได้ รู้สึกว่าศิษย์พี่สามของเขาอหังการจริง ๆ เพราะเที่ยอวิ๋นไห่กระทั่งไม่สนใจนักบวชศักดิ์สิทธิ์จากนิกายอำนาจเทวะ ตัวตนในขอบเขตมหาเทพเต๋าจริงจังในสายตา!
อู๋เซวี่ยฉานเมินเที่ยอวิ๋นไห่ไปทันที กล่าวขึ้นด้วยท่าทีเหมือนจมในความคิด “จักรพรรดิจื่อเว่ยผู้นั้นไม่เลวเลย ไม่เสียทีที่ข้าชี้แนะเขาเมื่อนานมาแล้ว”
“เขา… ไม่เลวจริง ๆ” เฉินซีครุ่นคิดสักพัก แต่ก็ยังต้องยอมรับออกมา แม้ตงปั๋วเหวินจะเกิดจิตมุ่งร้ายต่อเขาในสุสานมหาเทพเต๋าบรรพมังกร แต่ตงปั๋วเหวินก็ช่วยเขาจัดการปัญหามากมาย ถือได้ว่าผลงานเกินเทียบความผิด
“จากการประมาณของข้า จักรพรรดิจื่อเว่ยผู้นั้นน่าจะยังไม่อาจเหยียบย่างสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าได้ แม้จะได้ดวงจิตมังกรมาแล้วก็ตาม เพราะถึงอย่างไร คอขวดนี้เกี่ยวกับเคล็ดแห่งโชคชะตา กล่าวเทียบกันแล้ว การสั่งสมบ่มเพาะในขอบเขตมหาราชเทวาของเขายังไม่พออยู่เล็กน้อย” อู๋เซวี่ยฉานครุ่นคิดลึกล้ำ จึงเอ่ยถาม “ศิษย์น้องเล็ก หากข้าจะชวนเขาเข้าสำนัก เจ้าคิดเช่นไร?”
เฉินซีนิ่งไป ไม่คาดคิดเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่จะปรึกษาเรื่องสำคัญเช่นนี้กับตน
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตอบกลับ “ศิษย์พี่ใหญ่ตัดสินใจได้เลย ศิษย์น้องผู้นี้ย่อมไร้ข้อโต้แย้ง”
“ก็ได้” อู๋เซวี่ยฉานแย้มยิ้ม ไม่ยกเรื่องนี้มาพูดอีก
แต่เฉินซีก็พอเข้าใจว่าที่ศิษย์พี่ใหญ่ถามเช่นนี้ออกมาก็เพราะกลัวว่าเขาจะมีความขุ่นเคืองในใจ ไม่อาจอภัยให้ตงปั๋วเหวินได้
เขากระทั่งกระจ่างดีว่าหากเขาตอบปฏิเสธ ศิษย์พี่ใหญ่ของเขาจะถือความรู้สึกของเขาเป็นสำคัญ ทิ้งความคิดเชิญตงปั๋วเหวินเข้าสำนักไป
แต่เฉินซีมิใช่คนใจแคบคิดเล็กคิดน้อย เขาหรือจะสร้างความลำบากให้กับศิษย์พี่ใหญ่?
ในเมื่อศิษย์พี่ใหญ่ของเขาคิดเชิญตงปั๋วเหวินเข้าสำนัก อู๋เซวี่ยฉานย่อมต้องมีแผนอยู่ล่วงหน้า ด้วยเหตุนี้ เฉินซีย่อมไม่ยอมให้ความเห็นแก่ตัวและปัญหาส่วนตัวของตนทำลายแผนของศิษย์พี่ใหญ่ของเขา
…
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าน่าจะเคยได้ยินถึงการถกวิถีเต๋าซึ่งจัดโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิมาบ้างแล้วหรือไม่?” หลังเสวนาต่อไป อู๋เซวี่ยฉานก็เปลี่ยนประเด็นเฉียบพลัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” เฉินซีพยักหน้า
“ก็ดี จากการคำนวณของข้า การถกวิถีเต๋านี้จะถูกจัดขึ้นในราว ๆ ห้าปีจากนี้ ถึงยามนั้น ข้าจะจัดการให้เจ้าเข้าร่วม” อู๋เซวี่ยฉานแย้มยิ้ม “เขาเทพพยากรณ์ของเราพลาดโอกาสนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากเจ้าทำสำเร็จ การเหยียบย่างสู่ขอบเขตมหาเทพเต๋าก็จะไม่ยากสำหรับศิษย์น้องเล็กอีกต่อไป”
“ศิษย์พี่ใหญ่หมายความเช่นไร?” เฉินซีเอ่ยถาม
“ปรมาจารย์แห่งอารามไท่ชูไม่ได้บอกเจ้าหรือ? การที่มีเอกภพใหม่ปรากฏในแดนเทพโบราณนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาแสนนานนัก นี่หมายความว่าการที่ผู้บ่มเพาะจะพัฒนาสู่ขอบเขตมหาราชเทวาในฐานะจ้าวเอกภพนั้นจะยิ่งยากเย็นจนไม่มีหวังในภายหน้า” อู๋เซวี่ยฉานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “จนบัดนี้ เอกภพแห่งใหม่จะเกิดขึ้นได้ก็มีแต่ในแดนรวนเรลืมเลือน ดังนั้นหากเราไม่ฉวยโอกาสนี้ ก็ยากแล้วที่จะได้ตำแหน่งจ้าวเอกภพในภายหน้า”
เฉินซีผงะในใจ และพลันนึกถึงการอนุมานของตนเกี่ยวกับการถกวิถีเต๋าในอดีตขึ้นมา ยามนั้นเขาเข้าใจว่าการถกวิถีเต๋าซึ่งจัดโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิครั้งนี้เกี่ยวกับแดนรวนเรลืมเลือน
และจริงเช่นนั้น วินาทีต่อมา อู๋เซวี่ยฉานก็กล่าวว่า “จุดประสงค์สูงสุดของการถกวิถีเต๋านี้คือคัดเลือกศิษย์กลุ่มหนึ่งจากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิให้เข้าไปก่อเอกภพใหม่ในแดนรวนเรลืมเลือน ดังนั้นศิษย์น้องเล็กต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่น”
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงคลี่ยิ้ม “แน่นอน เจ้ามิใช่คนเดียวจากเขาเทพพยากรณ์ของเราที่ได้เข้าร่วมหรอก เมื่อถึงกาล เจ้าทำตามที่ข้าบอกก็พอ”
เฉินซีพยักหน้า
เขาตระหนักดีว่าการพัฒนาสู่ขอบเขตมหาราชเทวาและบรรลุตำแหน่งเป็นจ้าวเอกภพนั้นเป็นสองเรื่องที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง
กาลก่อนยามเขายังอยู่ในอารามไท่ชู เทพธิดาเคยบอกเขาว่า มีเพียงการบรรลุสู่ขอบเขตมหาราชเทวา จึงมีโอกาสได้มาซึ่งตำแหน่งจ้าวเอกภพ แต่ก็ใช่ว่าจักรพรรดิทุกคนจะได้ตำแหน่งจ้าวเอกภพ
เหตุผลนั้นก็คือพลังเอกภพ!
มีเพียงผู้ถือครองพลังเอกภพจึงถือได้ว่าเป็นจ้าวเอกภพอย่างแท้จริง ทว่าการจะได้มาซึ่งพลังดังกล่าวมีเพียงสองวิธี
หนึ่งคือช่วงชิงพลังเอกภพจากจ้าวเอกภพคนอื่น ๆ ในแดนเทพโบราณ แต่วิธีนี้แย่ที่สุด เพราะมิเพียงทำได้ยากเย็น ต่อให้สุดท้ายชิงพลังเอกภพมาได้ ผลลัพธ์ของมันก็ไม่ได้น่าพิสมัยมากนัก
เฉินซีจึงทิ้งวิธีนี้ไปแสนนาน
ขณะเดียวกัน วิธีที่สองคือก่อเอกภพใหม่ด้วยตนเอง!
แต่วิธีนี้ก็มีปัญหาของมัน ซึ่งก็คือจนบัดนี้ ทุกสถานที่ในแดนเทพโบราณอันก่อตั้งเป็นเอกภพได้ล้วนถูกแบ่งสรรปันส่วนไปเนิ่นนาน เหลือเพียงแดนรวนเรลืมเลือน
แต่รากเหง้าของปัญหาก็คือ แดนรวนเรลืมเลือนเป็นสถานที่อันตรายสูง ปกคลุมด้วยพลังทัณฑ์สวรรค์สะกดเต๋า นับแต่บรรพกาลจวบปัจจุบัน ไร้ผู้ใดกล้าเหยียบย่างเข้ามา กระทั่งตัวตนอย่างจ้าวเต๋าคุนเผิงยังมีอันเป็นไปเพราะมาเยือนที่แห่งนี้จนถึงฆาตตกตาย
โชคยังดี พลังทัณฑ์สวรรค์รายล้อมแดนรวนเรลืมเลือนเริ่มอ่อนแอลงอย่างยิ่งในช่วงหลายปีผ่านมา จึงเป็นไปได้แล้วที่จะสร้างเส้นทางเข้าสู่ด้านในโดยอำนาจภายนอก
นี่จึงเป็นโอกาสงามในการก่อเอกภพใหม่
ขณะนี้ เฉินซีตระหนักชัดแล้วว่าจุดประสงค์ของการจัดการถกวิถีเต๋าโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิก็คือคัดเลือกศิษย์เข้าไปในแดนรวนเรลืมเลือนเพื่อแสวงโชค ก่อเอกภพใหม่ และครองตำแหน่งจ้าวเอกภพ
เที่ยอวิ๋นไห่โพล่งขึ้น “ศิษย์พี่ เจ้าฆ่ามหาเทพเต๋ามั่วหลินไป ข้ากังวลว่านิกายอำนาจเทวะจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปในการถกวิถีเต๋าห้าปีจากนี้”
“ไม่ต้องกังวลหรอก หากเราเขาเทพพยากรณ์ไม่ช่วยเหลือ แค่นิกายอำนาจเทวะ สำนักศักดิ์สิทธิ์ ตำหนักเต๋าหนี่หวา และสำนักเต๋าอีกสี่แห่งก็สร้างเส้นทางเข้าสู่แดนรวนเรลืมเลือนไม่ได้หรอก เพราะเหตุนี้ นิกายอำนาจเทวะไม่มีทางกล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่ามแน่นอน” อู๋เซวี่ยฉานเหมือนจะคำนึงถึงเรื่องนี้มานานแล้ว จึงกล่าวขึ้นโดยไม่หยุดคิด “แน่นอน เราต้องระวังตัวเสมอ เมื่อถึงกาล เราเตรียมตัวล่วงหน้าเพิ่มเติมสักหน่อยก็พอแล้ว”
เที่ยอวิ๋นไห่ว่า “ในเมื่อศิษย์พี่เตรียมการไว้แล้ว ก็ย่อมประเสริฐ”
…
ระหว่างเสวนาต่อจากนั้น เฉินซีพบว่าศิษย์พี่สี่ปราชญ์เฒ่า ศิษย์พี่ห้าหลี่ฝูเหยาและคนอื่น ๆ ยังคงปิดด่านบ่มเพาะเพื่อก้าวขึ้นสู่ขอบเขตมหาราชเทวา
เฉินซีสุดแสนงุนงง เพราะศิษย์พี่ใหญ่อู๋เซวี่ยฉานมีการบ่มเพาะในขอบเขตมหาเทพเต๋าแท้ ๆ แต่ศิษย์พี่ชายหญิงของเขากลับมีการบ่มเพาะตามหลังเขาอยู่มาก จึงรู้สึกว่าแปลกยิ่งนัก
เพราะถึงอย่างไร กระทั่งศิษย์รุ่นสองของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งลำดับสามอย่างเหวินถิงยังเป็นจักรพรรดิแปดดาราแล้ว!
หรือพวกศิษย์พี่สี่จะยิ่งแย่กว่าศิษย์รุ่นสองอีก?
อู๋เซวี่ยฉานให้คำอธิบายอันเป็นเหตุเป็นผลยิ่งว่า ตลอดกาลนานมา ประมุขเขาเทพพยากรณ์ฝูซีรับศิษย์เพียงสองในแดนเทพโบราณ ซึ่งก็คืออู๋เซวี่ยฉานและหลี่ฝูเหยา
นอกจากอู๋เซวี่ยฉานและหลี่ฝูเหยา ศิษย์พี่รองนักพรตเซิ่งจี ศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่ ศิษย์พี่สี่ปราชญ์เฒ่า และศิษย์คนอื่น ๆ ต่างเป็นศิษย์ที่ฝูซีรับมาจากสามภพในภายหลัง
เหตุผลที่หลี่ฝูเหยาเป็นศิษย์ลำดับห้า ก็เพราะเส้นทางแสวงเต๋าของเขามีจุดบกพร่องเมื่อนานมาแล้ว จึงต้องไปเกิดใหม่ที่สามภพเพื่อขัดเกลามันใหม่อีกหน
เมื่อหลี่ฝูเหยาหวนคืนสู่สำนัก เขาก็สะบั้นกรรมในอดีตชาติ ดุจวิหคเพลิงเกิดใหม่จากอัคคี สิ้นสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอดีตชาติ จึงเป็นศิษย์อันดับห้า
หลังทราบเหตุผลทั้งมวล ในที่สุดเฉินซีก็กระจ่างแจ้ง
แต่เขาก็ยังคิดไม่ออกว่า เหตุใดฝูซีประมุขเขาเทพพยากรณ์จึงไปยังสามภพ และกระทั่งรับศิษย์เพิ่มกลุ่มหนึ่งเมื่อกาลก่อน
มิเพียงเท่านั้น กระทั่งตำหนักเต๋าหนี่หวาและนิกายอำนาจเทวะยังตั้งสำนักของตนในสามภพ!!
…ชายหนุ่มรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้พิกลยิ่ง!
เฉินซียังจำได้ว่าปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์เคยถกวิถีเต๋ากับจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามอยู่หลายปี และทราบว่าบิดาของเขา เฉินหลิงจวินเข้าสู่สังสารวัฏเพื่อเกิดใหม่ นอกจากจะมีสถานะเป็นศิษย์น้องของเจ้านิกายอำนาจเทวะในสามภพแล้ว ครั้งหนึ่งยังเคยเป็นศิษย์ลำดับสองของเขาเทพพยากรณ์ในฐานะนักพรตเซิ่งจีอีกด้วย
ยามนี้ เมื่อเฉินซีหวนคำนึง เขาก็พบว่านี่เป็นเรื่องชวนสะพรึงยิ่ง
เมื่อเผชิญคำถามนี้ อู๋เซวี่ยฉานไม่ได้ตอบตรง ๆ เขาทำเพียงให้คำตอบอย่างเรียบง่ายว่า “ทั้งหมดนี้เกี่ยวกับสังสารวัฏ เมื่อเจ้าบรรลุขอบเขตมหาเทพเต๋า และเริ่มทำความเข้าใจมหาเต๋าแห่งลิขิต เจ้าจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดเอง”
สังสารวัฏ! ลิขิต! สามภพ! หัวใจของเฉินซีเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ไม่อาจสงบใจได้เนิ่นนาน
เทพธิดาแห่งอารามไท่ชูเคยบอกเขาเมื่อนานมาแล้ว ว่าสังสารวัฏนั้นมีอยู่เพียงในสามภพ
แต่เฉินซีหรือจะคาดคิดว่าเขาเทพพยากรณ์ ตำหนักเต๋าหนี่หวาและนิกายอำนาจเทวะจะมาตั้งสำนักในสามภพเพราะสังสารวัฏที่ว่า?
สังสารวัฏ!
เมื่อกล่าวถึงเรื่องลึกลับเกินคาดหยั่งนี้ เฉินซีก็ยิ่งบังเอิญเกิดความรู้สึกอันซับซ้อน
มหาเต๋าแห่งปารมิตา การลืมเลือนและจุดจบที่เขามีส่วนเป็นแก่นกำเนิดอำนาจสังสารวัฏ!