บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1827 เจตจำนงที่ถูกทิ้งไว้
บทที่ 1827 เจตจำนงที่ถูกทิ้งไว้
ฟิ่ว!
แสงดาวเคลื่อนคล้อยราวกับระลอกคลื่น ทั้งดงามจับใจและเจิดจรัสตระการตา
มันวิจิตรงดงามเหลือเกิน แต่แสงดาวนั้นก่อตัวขึ้นจากพลังงานของมหาเต๋า ทั้งยังเปี่ยมด้วยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
เฉินซีหยุดสืบกายไปข้างหน้าเพียงชั่วครู่ จากนั้นจึงมุ่งหน้าต่อไปเหมือนมัจฉาที่แหวกว่ายภายใต้กระแสน้ำ
พลังงานของมหาเต๋าของที่นี่มีเอกลักษณ์ บริสุทธิ์ หนาแน่น และดั้งเดิม ทั้งยังส่งผลกระทบอย่างเหนือจินตนาการต่อความเข้าใจต่อมหาเต๋าของผู้คน
การบ่มเพาะท่ามกลางพวกมันก็เหมือนกับการนั่งบำเพ็ญท่ามกลางมหาเต๋า ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ หรือประสาทสัมผัส ทุกคนล้วนรับรู้ถึงจังหวะ รูปแบบ หรือแม้กระทั่งความล้ำลึกของมหาเต๋าได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มาพร้อมกับทั้งหมดนี้ คือแรงกดดันจากพลังงานของมหาเต๋าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ!
ยิ่งพลังงานของมหาเต๋าบริสุทธิ์และดั้งเดิมมากขึ้นเท่าใด แรงกดดันจากมันก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น แรงกดดันนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อร่างกาย แต่ยังสร้างความกดดันต่อจิตวิญญาณของผู้บ่มเพาะและดวงจิตแห่งเต๋าด้วยเช่นกัน
เจดีย์แห่งการเริ่มต้นถูกปกคลุมไปด้วยดวงดาวของมหาเต๋าเป็นระยะทางหนึ่งพันห้าร้อยลี้ ดาวทุกดวงได้รับการขัดเกลาให้เป็นรูปเป็นร่างจากพลังงานของมหาเต๋า และยิ่งดวงดาวห่างไกลขึ้นมากเท่าใด พลังงานของมหาเต๋าภายในนั้นก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นแรงกดดันที่เกิดขึ้นก็จะรุนแรงมากขึ้นตามธรรมชาติเช่นกัน
เป็นดั่งที่ตี้ซุนบรรพชนผู้ก่อตั้งคนที่สองกล่าวไว้ เราจะได้รับผลประโยชน์ที่เหลือเชื่อจากการบ่มเพาะที่นี่ เพราะยิ่งไปไกลเท่าใด ประโยชน์ที่ได้รับก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการต้านทานแรงกดดันของมหาเต๋า
…
ฟิ่ว! ฟิ่ว!
ขณะที่เขาเดินลึกเข้าไปในบริเวณนี้ แรงกดดันของมหาเต๋าที่แผ่ซ่านออกมากจากดวงดาวก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น มันเหมือนกับคลื่นยักษ์ที่ซัดสาด ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อเฉินซีอย่างไม่หยุดยั้ง
จิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณของเขาเริ่มปวดร้าวในระดับหนึ่ง จนพานให้ชายหนุ่มรู้สึกกดดัน
อย่างไรก็ตาม ความเร็วของเฉินซีก็หาได้ลดลงไม่ และเขายังคงบินไปข้างหน้าต่อไป
แต่กระนั้น เขาเริ่มโคจรพลังภายในร่าง พร้อมกับเริ่มต้านทานและสลายแรงกดดันที่มาจากทุกทิศทาง
ร้อยห้าสิบลี้
สองร้อยห้าสิบลี้
ห้าร้อยลี้
…
ตลอดทาง พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเฉินซีพลุ่งพล่าน หมุนเวียน และเปล่งแสงของมหาเต๋า มันก่อตัวเป็นแผ่นยันต์ที่ปกป้องร่างกายของเขาทั้งหมด และกลิ่นอายอันทรงพลังของเขาก็พุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อมองจากระยะไกล เขาเป็นเหมือนลำแสงที่ส่องประกายระยิบระยับ ซึ่งฉีกกระชากผืนอวกาศ และบดขยี้พลังงานของมหาเต๋า ฉากนี้อลังการมาก
ในขณะนี้ เพื่อต้านทานแรงกดดันของมหาเต๋าที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เฉินซีจึงโคจรพลังในร่างอย่างเต็มที่ และหากพลังนี้ถูกใช้ในการต่อสู้ มันก็มากพอที่จะบดขยี้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลระดับสูงได้อย่างง่ายดาย!
“เอ๊ะ?”
“เป็นศิษย์พี่คนไหนที่มายังเจดีย์แห่งการเริ่มต้นเพื่อบ่มเพาะ?”
“ช่างเป็นความเร็วที่น่าทึ่งจริง ๆ มันไม่มีวี่แววที่จะชะลอตัวเลยด้วยซ้ำ อาจเป็นศิษย์พี่ฮวาเยี่ยนหรือไม่?”
“ไม่สิ ศิษย์พี่ฮวาเยี่ยนเพิ่งจากไปไม่นานมานี้ และอย่างน้อยต้องรอเป็นเวลาพันปี จึงจะสามารถเข้าสู่เจดีย์แห่งการเริ่มต้นได้อีกครั้ง”
“ไม่ใช่ศิษย์พี่ฮวาเยี่ยนเหรอ? แล้ว… เขาเป็นใคร? ไม่มีบุคคลเช่นนี้ในหมู่พวกเราที่เป็นศิษย์รุ่นที่สามของเขาเทพพยากรณ์”
เมื่อเฉินซีอยู่ห่างจากทางเข้าเก้าร้อยลี้ เขาได้ยินเสียงพูดคุยผ่านกระแสปราณจากระยะไกล
เขาพลันเหลือบมองและสังเกตเห็นร่างจำนวนมากที่กระจัดกระจายนั่งสมาธิบนดวงดาวอันกว้างใหญ่ในระยะไกล มันมีมากกว่าสิบคน มีทั้งชายและหญิง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นศิษย์รุ่นที่สามจากสายของเหวินเต้าเจิน ซึ่งเป็นบรรพชนผู้ก่อตั้งคนที่สาม
ในขณะนี้ ทั้งหมดต่างหยุดบ่มเพาะเมื่อเห็นเฉินซี และมองเขาด้วยความประหลาดใจ เนื่องเพราะไม่สามารถระบุตัวตนเฉินซีได้
เฉินซีเพียงแต่ยิ้มเมื่อเผชิญกับสิ่งนี้ และเขาก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลา ก่อนที่จะพุ่งปราดไปยังส่วนลึกของเจดีย์
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหล่าศิษย์ต่างก็ประหลาดใจยิ่งขึ้น พวกเขาตระหนักดีว่า หากชายคนนี้มุ่งหน้าต่อไป เขาก็จะไปถึงระยะหนึ่งพันลี้
มันเหมือนกับการแบ่งแยก และระยะทางหนึ่งพันลี้ก็เป็นดั่งธรณีประตู เมื่อมาถึงที่นั่น แรงกดดันจากมหาเต๋าก็จะยิ่งทวีคูณ เว้นแต่จะมีรากฐานที่มั่นคงสุดเปรียบปาน พร้อมกับพลังที่แข็งแกร่งและลึกล้ำอย่างยิ่ง มิฉะนั้น คนผู้นั้นจะต้องถูกระเบิดจนกระเด็นกลับไปอย่างแรง เมื่อเข้าสู่พื้นที่นั้น
เมื่อเห็นว่าเฉินซีนั่นดูเหมือนจะไม่รู้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และยังคงมุ่งหน้าต่อไป นอกจากจะรู้สึกประหลาดใจแล้ว หลายคนอดไม่ได้ที่จะตั้งใจดูการแสดง ราวกับพวกเขาต้องการดูว่าเฉินซีจะตกอยู่ในสภาพอับอายเช่นใด
ตามที่พวกเขาคาดไว้ เมื่อร่างของเฉินซีมาถึงระยะหนึ่งพันลี้ จู่ ๆ ก็ช้าลง ความเร็วลดลงอย่างเห็นได้ชัด
สิ่งนี้ทำให้พวกเขายิ้มได้ เมื่อพวกเขามาที่นี่เมื่อหลายปีก่อน พวกเขาก็ต้องทุกข์ทรมานเพราะเหตุนี้เช่นกัน และต่างก็ตระหนักดีว่า เมื่อเลยระยะหนึ่งพันลี้ไป มันไม่ใช่สถานที่ที่ใคร ๆ ก็สามารถข้ามผ่านได้
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของพวกเขาปรากฏเพียงชั่ววูบ ก่อนที่ใบหน้าของทุกคนจะแข็งทื่อไป
เนื่องเพราะชั่วพริบตาก็มีเสียงก้องดังขึ้นในหูของพวกเขา ในช่วงเวลาถัดมา ร่างของเฉินซีก็เหมือนกับลูกธนูที่หลุดจากแหล่ง ในขณะที่เขาพุ่งทะลุระยะหนึ่งพันลี้
สิ่งนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจ และเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“คนผู้นี้มาจากไหนกัน? เขาสามารถพุ่งทะลุระยะหนึ่งพันลี้ได้จริง โดยอาศัยการบ่มเพาะในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูง ความแข็งแกร่งเช่นนี้ช่างวิเศษจริง ๆ” มีคนอุทานด้วยความชื่นชม
“ศิษย์พี่ ข้าขอทราบนามอันสูงส่งของท่าน ท่านเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสคนไหน? ไฉนข้าถึงไม่เคยเห็นท่านมาก่อน” มีคนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามผ่านกระแสปราณ และมันก็พัดออกไปในระยะไกล
“นามข้าคือเฉินซี และนี่เป็นครั้งแรกที่ข้ากลับมาที่นิกาย อันที่จริง พวกเจ้าทุกคนควรเรียกข้าว่าอาจารย์ทวด พวกเจ้าควรสงบสติอารมณ์และบ่มเพาะ อย่าปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่านเพราะเหตุนี้” เสียงที่ไม่แยแสของเฉินซีถ่ายทอดมาจากระยะไกล และทำให้ศิษย์คนนั้นตัวแข็งทื่อ
“เฉินซี? เขาเป็นใครกัน? เขากล้าเรียกตัวเองว่าเป็นอาจารย์ทวด ต่อหน้าเราจริง ๆ เหรอ?
“เจ้าโง่!” หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าบรรพจารย์ลุงอู๋เซวี่ยฉาน เคยกล่าวถึงบรรพจารย์อาเฉินซี และบอกว่าเขาจะกลับมาที่นิกายในไม่ช้า นึกไม่ถึงว่าบรรพจารย์อาเฉินซีจะกลับมาแล้วจริง ๆ”
“อา! ปรากฏว่าเขาคือบรรพจารย์อาคนนั้นเหรอ?”
“แต่… ไฉนการบ่มเพาะของเขาถึงอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูงเท่านั้น?”
“เจ้ามันไม่รู้อะไร แต่ท่านบรรพจารย์อาคนนี้มาจากสามภพ และเขาเพิ่งบ่มเพาะได้เพียงพันปีเท่านั้น”
“ฮะ! เขาบรรลุขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสูงในเวลาพันปีเองหรือ? พะ…พรสวรรค์โดยธรรมชาติเช่นนี้ ไม่ท้าทายสวรรค์ไปหน่อยหรือ! ในแดนเทพโบราณทั้งหมด อาจมีไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงกับบรรพจารย์อาของเราคนนี้ได้!”
หลังจากที่พวกเขาทราบเกี่ยวกับภูมิหลังของเฉินซี ศิษย์รุ่นที่สามทั้งหมดก็ตกตะลึงอย่างมาก
“สงบอารมณ์และบ่มเพาะซะ! พวกเจ้าทุกคนไม่ได้ยินสิ่งที่บรรพจารย์อาของเรากล่าวหรือ? คนอื่นจะคิดยังไงกับเรา ถ้าพวกเขาเห็นว่าพวกเจ้าทุกคนไม่อาจสงบจิตใจเช่นนี้ได้? ด้วยการบ่มเพาะในดวงจิตแห่งเต๋า เมื่อใดที่พวกเจ้าจะสามารถบรรลุระดับความสูงเช่นเดียวกับท่านบรรพจารย์อาของเราได้?” มีคนตำหนิด้วยเสียงทุ้มลึก และมันก็ยับยั้งเสียงที่อยู่รอบข้างทันที มันทำให้ศิษย์หลายคนรู้สึกละอายใจ และทุกคนก็เงียบไป จากนั้นจึงเริ่มนั่งสมาธิและบ่มเพาะอีกครั้ง
…
“ฮ่า… ข้าลืมไปว่าชะตาของเด็กน้อยคนนี้ไม่อาจคาดเดาได้ และพลังที่แท้จริงของเขาก็ไม่อาจตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึกทั่วไป”
ที่ทางเข้าเจดีย์ ตี้ซุน บรรพชนผู้ก่อตั้งคนที่สองมองดูจากระยะไกลขณะนั่งขัดสมาธิบนดอกบัวสีเขียวอยู่บนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ใบหน้าที่มั่นคงและสง่างามของเขาเผยให้เห็นความประหลาดใจเล็กน้อย
เขาแนะนำเฉินซีให้เลือกดาวดวงหนึ่งและบ่มเพาะในบริเวณก่อนถึงระยะพันลี้ แต่การกระทำของเฉินซีในปัจจุบัน กลับทำให้เขาประหลาดใจอย่างชัดเจน
…
หนึ่งพันห้าสิบลี้
หนึ่งพันหนึ่งร้อยห้าสิบลี้
ความเร็วของเฉินซีค่อย ๆ ลดลง และในที่สุด ก็ไม่ต่างจากการเดินช้า ๆ
ในขณะนี้ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและหนักอึ้ง ชายหนุ่มโคจรพลังไปทั่วร่าง จนเกิดประกายแสงอันศักดิ์สิทธิ์ที่ลุกโชนไปทั่วกายเขา ซึ่งมันดูคล้ายกับเป็นสุริยันที่แผดเผาที่เคลื่อนตัวช้า ๆ ผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
แรงกดดันที่เขาเผชิญอยู่นั้น รุนแรงเกินไป!
พลังงานของมหาเต๋าเติมเต็มบริเวณโดยรอบ พลังของมันไร้ขอบเขตและกดดันเขาอย่างไม่หยุดยั้ง พลังที่มันสร้างขึ้นนั้นยากที่จะจัดการยิ่งกว่าการต่อสู้กับทาปาชวน ศิษย์ผนึกฤทธิ์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ตั้งไม่รู้กี่สิบเท่า!
‘เมื่อหลายปีก่อน ศิษย์พี่อู๋เซวี่ยฉานของเจ้า ได้ก้าวเท้าขึ้นไปบนดวงดาวที่อยู่ห่างจากที่นี่หนึ่งพันสามร้อยห้าลี้ ในขณะที่เขาอยู่ในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นสมบูรณ์ และบรรลุขอบเขตมหาราชเทวาในคราวเดียว….’
ในขณะนี้ วาจาของตี้ซุนนั่นดังก้องอยู่ในใจเฉินซี
หลังจากนั้น เขาจำได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่อู๋เซวี่ยฉานได้บอกกับเขาในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเจดีย์แห่งการเริ่มต้นว่าอู๋เซวี่ยฉานได้ทิ้งร่องรอยของมหาเต๋าไว้ในเจดีย์ ขณะที่กำลังบ่มเพาะที่นี่
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าจะต้องเห็นสถานที่ที่ศิษย์พี่ใหญ่ได้บ่มเพาะเมื่อหลายปีก่อน เนื่องจากเขาสามารถทำได้สำเร็จ ข้าก็สามารถทำได้เช่นกัน!” เฉินซีหายใจเข้าลึก ๆ และมุ่งหน้าต่อไป
ไม่นานนัก จู่ ๆ ดาวดวงหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของเขา ดาวดวงนั้นมืดสนิทราวกับลูกเหล็กขนาดใหญ่ ทั้งยังเปล่งแสงแวววาวดุจโลหะอันเย็นเยียบออกมา
นี่ไม่ใช่ส่วนที่น่าตกตะลึงที่สุด สิ่งที่ทำให้เฉินซีตกตะลึงก็คือ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากมัน และดูเหมือนว่ามันจะคล้ายกับกลิ่นอายของศิษย์พี่สามเที่ยอวิ๋นไห่ทุกประการ
“หรือว่านี่คือสถานที่ที่ศิษย์พี่สามได้บ่มเพาะมาตลอดหลายปีก่อน?”
เฉินซีดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด ในขณะที่เขาก้าวข้ามไป แน่นอนว่าเขาเห็นตัวอักษรขนาดใหญ่เรียงรายเป็นแถว ซึ่งคล้ายกับเขียนด้วยลายมือที่ทรงพลังและสง่างามบนภูเขาของดวงดาว ‘เต๋าแข็งแกร่งจนมิอาจทำลายได้! เต๋าเฉียบคมจนมิอาจหยุดยั้ง!’
มีการลงนามที่ด้านล่างเช่นกัน ‘เที่ยอวิ๋นไห่ ศิษย์อันดับสามของบรรพชนผู้ก่อตั้งฝูซี’
“เป็นดั่งที่ข้าคาดไว้จริง ๆ”
เฉินซีจ้องไปที่ถ้อยคำ และรู้สึกสะเทือนใจมาก เนื่องจากถ้อยคำเหล่านี้ประทับไว้ด้วยเจตจำนงอันทรงพลัง และหากสังเกตอย่างระมัดระวัง ก็จะสามารถเข้าใจความลับอันลึกซึ้งทุกประเภทของเต๋าจากภายในนั้น!
“นี่อาจเป็นความเข้าใจบางส่วน ซึ่งศิษย์พี่สามได้รับหลังจากบ่มเพาะที่นี่ และคุณค่าของมันก็ไม่ต่างจากมรดกที่สุดเปรียบปาน…” เฉินซีจ้องมองมันอยู่นานก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและเดินต่อไป
ไม่นานนัก ก่อนที่ดาวสีม่วงทองจะดึงดูดความสนใจของเฉินซีอีกครั้ง มันอยู่ห่างจากทางเข้าหนึ่งพันสองร้อยลี้ และมันพิเศษมาก เมื่อมองจากระยะไกล ปราณสีม่วงอันกว้างใหญ่ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากภายในดวงดาว และเปล่งแสงสีทองที่โปรยปรายลงมาดุจสายฝน จนเกิดเป็นฉากที่ค่อนข้างอลังการ
มีแผ่นศิลาตั้งตระหง่านอยู่บนดาวดวงนี้ และมีรอยกระบี่สามอันประทับอยู่บนดาวดวงนี้ ทุกรอยมี ‘พลังของมหาเต๋า’ ที่คุกคาม
รอยที่สองนั้นลึกซึ้ง ไร้ตัวตน และเป็นดั่งภาพมายา
รอยที่สามนั้นเรียบง่ายและธรรมดา ทั้งยังดูไม่เรียบร้อย ทว่าเมื่อเขามองไปที่มัน มันทำให้หัวใจของเฉินซีสั่นสะท้าน เพราะพลังที่แฝงอยู่ในนั้น เป็นของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับสองอย่างชัดเจน!
ลายมือที่ด้านล่างนี้คือ ‘ฮวาเยี่ยน ศิษย์รุ่นที่สามของบรรพชนผู้ก่อตั้งเหวินเต้าเจิน’
“ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าในบรรดาศิษย์รุ่นที่สามของนิกาย จะบรรลุเต๋าแห่งกระบี่ในระดับดังกล่าวได้ เขาช่างเป็นคนที่พิเศษจริง ๆ”
เฉินซีถอนหายใจด้วยอารมณ์ เขาสังเกตเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นบรรพชนผู้ก่อตั้งคนไหนก็ตาม ในหมู่ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์นั้น ล้วนแต่ไม่ขาดอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาเลย
เพราะในทางปฏิบัติแล้ว พวกเขาแต่ละคนก็เหมือนกับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวอย่างเหลือเชื่อ!
บางทีนี่อาจเป็นทรัพยากรและรากฐานที่แท้จริงของเขาเทพพยากรณ์ แม้ว่าศิษย์ของมันจะมีน้อย แต่ทุกคนก็ทรงพลัง ทั้งยังมีบุคลิกที่น่าทึ่งและไม่มีใครเทียบได้!
………………..