บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1835 สมคบคิดจากทุกด้าน
บทที่ 1835 สมคบคิดจากทุกด้าน
ฉือซงจื่อเหลือบมองทุกคนในห้องโถง แล้วในที่สุดก็จับจ้องไปยังผู้ชายในชุดสีขาวซึ่งยืนอยู่ทางขวาเป็นคนแรก
คนผู้นี้ไว้ผมยาวรวบเป็นหางม้า ใบหน้าอ่อนโยน มุมปากยกยิ้ม ทำให้เขามีบรรยากาศที่สดใส อิสระ และเรียบง่าย
กลิ่นอายบนร่างของเขาอบอุ่นราวกับหยก อ่อนโยนราวกับลมอุ่น ทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกสบาย ซึ่งแตกต่างจากกลิ่นอายเย็นเยือกรุนแรงของศิษย์คนอื่น ทำให้ยิ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เขาคือตงหวงอิ่นเซวียน ศิษย์ผนึกฤทธิ์ผู้อาวุโสที่สุดของสำนักศักดิ์สิทธิ์!
รูปร่างอันพร่างพราวซึ่งเป็นที่รู้จักว่า ‘ร่างเอกลักษณ์แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์’ เขาฝึกฝนเต๋ามาเป็นเวลาสามพันปีและมีความก้าวหน้าอย่างมาก ระหว่างทางไม่เคยพบคู่ต่อสู้คนใดจนถึงตอนนี้!
ตงหวงเป็นแซ่ที่เก่าแก่มาก ในอดีตกาล มันแสดงถึงเกียรติสูงสุดและได้รับความเคารพจากเหล่าทวยเทพ!
แม้กระทั่งตอนนี้ตระกูลตงหวงก็ยังเป็นตระกูลนิรันดร์ที่มีชื่อเสียงในเอกภพจักรวรรดิ ซึ่งตระกูลนิรันดร์ที่สามารถเทียบเคียงได้มีเพียงตระกูลเส้าเฮ่า และตระกูลตงอี๋
ตงหวงอิ่นเซวียนคือบุคคลไร้ใครเทียบและพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดในบรรดาทายาทสายตรงของตระกูลตงหวงในปัจจุบัน เขาเกิดมาพร้อมกับ ‘กายาศึกเต๋านิลกาฬ’ ซึ่งหาได้ยากในโลก!
ในตอนนี้แม้แต่ฉือซงจื่อก็มองไปที่ตงหวงอิ่นเซวียน ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะเผยความโล่งใจก่อนจะเอ่ยคำ “อิ่นเซวียน แล้วเจ้าล่ะ?”
ตงหวงอิ่นเซวียนยิ้มบางแล้วเอ่ยคำ “บางทีกู่เยี่ยนจากเขาเทพพยากรณ์ก็เป็นหนึ่งในนั้นใช่หรือไม่?”
คำพูดของเขากระชับเกินไป หากไม่ตั้งใจฟังให้ดีก็จะคิดว่าอีกฝ่ายตอบแบบขอไปที
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ฉือซงจื่อก็ครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยคำ “กู่เยี่ยนเป็นคนที่ต้องใช้เวลาจึงจะประสบความสำเร็จ เขาเป็นศิษย์อันดับหนึ่งในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแห่งเขาเทพพยากรณ์ นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งไม่เบา”
ตงหวงอิ่นเซวียนยิ้ม แต่ไม่ได้เอ่ยคำอะไรอีก
“ผู้อาวุโส ตอนที่พูดถึงเขาเทพพยากรณ์ ศิษย์คิดว่าคนที่พวกเราควรระวังมากที่สุดไม่ใช่กู่เยี่ยนหรอกหรือ”
ทันใดนั้น ศิษย์ผนึกฤทธิ์ในชุดสีดำก็เอ่ยคำ เขาไว้ผมยาวสีม่วง ผิวเรียบเนียนราวกับหยก ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวมั่นคงและสงบ ซึ่งมีท่าทีดูถูกเหยียดหยามอยู่ภายในกลิ่นอายแห่งความภาคภูมิอันเงียบงัน
คนผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกงซุนมู่ ศิษย์ผนึกฤทธิ์อันดับสาม!
“โห?”
“ในความเห็นของศิษย์ คนที่ควรจะระวังไว้มากที่สุดในการถกวิถีเต๋าก็คือเฉินซี!”
กงซุนมู่เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เด็กคนนี้เป็นศิษย์คนที่สิบสี่ที่ปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ยอมรับ เพิ่งมีชื่อเสียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคนนี้ไม่ใช่แค่ทรงพลังอย่างแน่นอน”
เฉินซี!
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ทุกคนก็ต่างมีการตอบสนองต่างกัน บางคนหัวเราะ บางคนดูถูก บางคนสับสน บางคนก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
เหตุผลก็เพราะการเติบโตของเฉินซีสั้นเกินไป ซึ่งความประทับใจของทุกคนที่มีต่อคนผู้นั้นค่อนข้างคลุมเครือ ข่าวส่วนใหญ่ที่ได้ยินจนถึงตอนนี้ต่างเกี่ยวข้องกับตัวตนในฐานะศิษย์เอกของเขาเทพพยากรณ์
แต่สิ่งที่เจาะจงเกี่ยวกับตัวเขามีน้อยมาก
จนถึงตอนนี้ ทุกคนทราบเพียงว่าคนผู้นี้ได้สังหารมหาเทวาวิญญาณเป็นจำนวนมากในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่ ซึ่งตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน
ภายหลังหลายสิ่งแพร่กระจายไปในแดนเทพโบราณ เช่น การสังหารเยี่ยเฟิง ทายาทแห่งตระกูลเยี่ย รวมถึงการสังหารจักรพรรดิหนานตู้…
แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข่าวลือ ไม่มีใครมั่นใจว่าเฉินซีทรงพลังตามที่ลือกันหรือไม่
ทว่าหากพูดกันตามตรงแล้ว ศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้อาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับเฉินซีมากยิ่งขึ้น เพราะเมื่อห้าปีก่อน ทาปาชวนผู้เป็นศิษย์ผนึกฤทธิ์คนที่สิบสามในหมู่พวกเขาได้ต่อสู้กับเฉินซีจนต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ
แม้การต่อสู้นั้นจะถูกหยุดโดยกงซุนมู่ แต่ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ทราบว่าเฉินซีซึ่งเป็นศิษย์เอกของฝูซีแห่งเขาเทพพยากรณ์ครอบครองพลังต่อสู้อันแก่กล้าซึ่งยากที่คนธรรมดาจะเทียบเคียงได้
แต่มันก็แค่นั้น
ในสายตาของพวกเขาทั้งหลาย เฉินซีผู้นี้มีค่าให้ความสนใจน้อยกว่าบุคคลอย่างเหลิ่งซิงหุน คงโหยวหราน เย่เฉิน และอวี้จิ่วหุยด้วยซ้ำ
ดังนั้นเมื่อได้ยินกงซุนมู่เอ่ยชื่อของเฉินซีอย่างจริงจัง ทุกคนก็มีการตอบสนองต่างออกไป
“เชิญว่าต่อ”
ท่าทีของฉือซงจื่อค่อนข้างแปลกประหลาด คล้ายกับให้ความสนใจเรื่องนี้ราวกับกำลังเตรียมการบางอย่างอยู่ในใจ
“เด็กคนนี้เคยต่อสู้กับศิษย์น้องทาปา ในความเห็นของข้า ต่อให้ข้าลงมือก็มั่นใจเพียงครึ่งเดียวว่าจะสามารถเอาชนะได้”
กงซุนมู่ครุ่นคิดสักพักแล้วเอ่ยคำอย่างจริงจัง “สิ่งที่ทำให้ข้าระวังเป็นพิเศษก็คือคนผู้นี้ทำตัวไม่สะดุดตาเพื่อปกปิดตัวตนเอาไว้ ทำให้คนอื่นมองเห็นได้ยาก พวกเราต้องระวังคู่ต่อสู้แบบนั้นเอาไว้”
คำพูดของเขาจริงจังซึ่งหาได้ยากจนทำให้หลายคนประหลาดใจเล็กน้อย สีหน้าของพวกเขาจึงยิ่งจริงจังขึ้น
“ศิษย์พี่กงซุนพูดถูก ข้าได้ต่อสู้กับคนผู้นี้มาก่อน แรงกดดันที่เขาส่งมาถึงข้าในระหว่างการต่อสู้เทียบเท่ากับศิษย์พี่ตงหวงเลยทีเดียว”
ทาปาชวนผู้เงียบมาโดยตลอดก็เอ่ยคำจนทำให้ทุกคนรู้สึกเคารพยำเกรง ไม่มีใครคาดคิดว่าทาปาชวนจะถึงกับนับเฉินซีอยู่ในระดับเดียวกับศิษย์พี่ตงหวงอิ่นเซวียน!
“เจ้าพูดถูก”
ทันใดนั้นฉือซงจื่อก็ถอนหายใจ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เย็นชาและเฉยเมย “เหตุผลเดียวที่ข้าถามคำถามเหล่านี้ก็เพื่อเตือนพวกเจ้าว่าคนที่ควรระวังที่สุดคือเฉินซี!”
สีหน้าของทุกคนยิ่งเคร่งขรึมและแปลกใจเล็กน้อย
“เมื่อไม่กี่วันก่อน มหาปุโรหิตอำนาจเทวะซูถัวเป็นฝ่ายทำข้อตกลงกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเอง ในการถกวิถีเต๋า อุบายทั้งหมดจะถูกนำมาใช้เพื่อจัดการกับเด็กคนนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าไปในแดนรวนเรลืมเลือน!”
ทันทีที่ฉือซงจื่อเปิดปาก เขาก็แจ้งข่าวที่น่าตกใจให้ทุกคนทราบ
“ในตอนนั้นไม่เพียงแต่สำนักศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราเท่านั้น แต่กองกำลังทั้งหมดที่ส่งมาจากนิกายอำนาจเทวะก็จะใช้สิ่งนี้เป็นเป้าหมายในการกำราบศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ที่นำโดยเฉินซี!”
คำพูดดังกล่าวราวกับสายฟ้าฟาดที่สั่นสะเทือนทั่วห้องโถง ทำให้ศิษย์ทั้งหลายตกอยู่ในความเงียบก่อนจะเริ่มให้ความสนใจกับเฉินซีคนนี้อย่างจริงจัง
แม้พวกเขาไม่ทราบเหตุผล แต่เนื่องจากสามารถทำให้สำนักศักดิ์สิทธิ์กับนิกายอำนาจเทวะร่วมมือกันได้ พวกเขาย่อมจินตนาการได้ว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติมากแค่ไหน!
“แน่นอนว่าทุกสิ่งจะต้องเป็นไปตามกฎของการถกวิถีเต๋า เป้าหมายสูงสุดของพวกเราคือการเข้าไปในแดนรวนเรลืมเลือน”
ฉือซงจื่อเอ่ยคำอย่างเฉยเมย “พวกเจ้าได้ยินชัดเจนหรือไม่?”
“ศิษย์รับทราบ!”
ทุกคนตอบรับพร้อมกัน
“ถ้างั้นก็ไปพร้อมกับข้า”
ฉือซงจื่อสะบัดแขนเสื้อแล้วสาวเท้าออกจากห้องโถงไป
…
นิกายอำนาจเทวะ
ภายในแดนซ่อนเร้นแห่งมหาทุกข์
มหาปุโรหิตอำนาจเทวะซูถัวนั่งขัดสมาธิบนภูเขากระดูก โดยใต้ภูเขามีทะเลโลหิตเดือดพล่านกับเสียงคำรามไม่มีที่สิ้นสุด
เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ต่างจากแดนชำระ
ร่างของมหาปุโรหิตอำนาจเทวะซูถัวผอมราวกับฟืน โดยมีรอยย่นหนาบนใบหน้ากับมีรอยคล้ำของกาลเวลา หากมองจากระยะไกลก็จะดูเหมือนชายชราที่กำลังจะล่วงลับ ดูไปแล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจ
แม้แต่ดวงตาก็ยังขุ่นมัว
ทันใดนั้นร่างหนึ่งเคลื่อนตัวข้ามทะเลโลหิตมาแต่ไกลก่อนจะคุกเข่าบนภูเขากระดูกแล้วเอ่ยคำด้วยความเคารพ “รายงานมหาปุโรหิต มหาปุโรหิตชุดแดง เล่ยฝู ได้ออกเดินทางแล้ว ส่วนผู้อาวุโสขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งสี่สิบคน รวมถึงผู้อาวุโสเหลิ่งซิงหุน ได้ออกไปพร้อมกับท่านเล่ยฝูเช่นกัน”
“ได้แจ้งข่าวถึงเล่ยฝูหรือยัง?”
ยามซูถัวเอ่ยคำ น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความชราและอ่อนแรงยิ่ง
“แจ้งแล้วขอรับ”
ร่างดังกล่าวตอบด้วยความเคารพ
“ไปได้แล้ว”
ซูถัวสะบัดมือ
“ขอรับ”
ร่างดังกล่าวหันหลังแล้วจากไป
“ซูถัว มีข่าวจากสำนักเต๋าบ้างหรือไม่?”
ไม่นานหลังจากที่ร่างนั้นจากไป เสียงที่เต็มไปด้วยความโอ่อ่าสูงส่ง คลุมเครือและอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งก็กระจายไปทั่วภูเขากระดูกสีขาว
ผ่านไปสักพัก ทะเลโลหิตที่เคลื่อนไปมาก็สงบนิ่ง แล้วฟ้าดินก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดราวกับยอมจำนนต่อเสียงนี้
ฟ่าว!
มหาปุโรหิตอำนาจเทวะซูถัวผู้เดิมมีอายุมากราวกับชายชราก็ลุกขึ้น ประกายมืดมิดลึกล้ำปรากฏขึ้นจากดวงตาที่ขุ่นมัวประหนึ่งประตูสู่นรกเปิดอ้า!
“รายงานจ้าวสำนัก ทุกอย่างพร้อมแล้ว”
ในตอนนี้ ซูถัวเผยความเคารพที่หาได้ยากเมื่อเผชิญกับคำถามจากเสียงที่คลุมเครือ
“ดีมาก มาที่แดนอำนาจเทวะไร้พรมแดน เมื่อการถกวิถีเต๋าเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งเดือนนับจากนี้ เจ้าจะสามารถเปิดใช้งาน ‘เข็มทิศพลิกลักษณ์’ ได้!”
“ขอรับ!”
ดวงตาของซูถัวทอประกายอันพรั่นพรึงราวกับกำลังตื่นเต้น ถึงกระนั้นเขาก็คล้ายกับกำลังรอการเรียกขานนี้อยู่นานแล้ว
พริบตาต่อมา ร่างของเขาก็กลายเป็นควันสีดำทะยานสู่ท้องนภา
…
สำนักเต๋า
โถงมรดกโบราณ
“ทุกท่าน ท่านจ้าวสำนักมีคำสั่งให้ข้ารับผิดชอบเป็นประธานในการถกวิถีเต๋านี้”
ไฮว่คงจื่อผู้เป็นหัวหน้าอาจารย์อาวุโสของสำนักเต๋าเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก เขามีหนวดเคราสีขาว ท่าทางเคร่งขรึม และเคยเป็นเป็นจักรพรรดิเก้าดารา มีความยุติธรรมและไม่เห็นแก่ตัว รวมถึงมีศักดิ์ศรีสูงส่งในสำนักเต๋า
“รบกวนท่านแล้ว”
อาจารย์ทั้งหลายของสำนักเต๋ายืนอยู่ภายในโถงสืบทอดโบราณ พวกเขาต่างเอ่ยคำพร้อมกันหลังจากได้ยินเช่นนี้
“ทุกท่าน การถกวิถีเต๋าครั้งนี้ไม่ธรรมดา อย่าได้ละเลยเป็นอันขาด ตามคำสั่งของท่านเจ้าสำนัก พวกเจ้าต้องปฏิบัติตามกฎ มิฉะนั้นจะถูกลงโทษโดยท่าานจ้าวสำนักเอง”
ไฮว่คงจื่อเน้นย้ำที่ละคำ
อาจารย์ทั้งหลายต่างตกตะลึง
“เอาละ ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนก่อนที่การถกวิถีเต๋าจะเริ่มขึ้น กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อสหายเต๋าจากสี่กองกำลังใหญ่มาถึง ข้าจะช่วยพวกเจ้ารับหน้าให้เอง”
จากนั้น เขาหันหลังแล้วออกจากโถงสืบทอดโบราณ จากนั้นจึงรีบมาแดนซ่อนเร้นในสำนักเต๋า
“ผู้อาวุโสไฉ่หยา ทุกอย่างเกี่ยวกับการถกวิถีเต๋าพร้อมแล้ว ตอนนี้พวกเราเพียงรอให้งานใหญ่นี้เริ่มขึ้นเท่านั้น”
ไฮว่คงจื่อยืนอยู่ในแดนซ่อนเร้นขณะคำนับแล้วเอ่ยคำ
“เจ้าทำได้ดีมาก จำไว้ว่าก่อนที่การถกวิถีเต๋าจะเริ่ม ห้ามเปิดเผยกฎในครั้งนี้ล่วงหน้าเป็นอันขาด”
น้ำเสียงลุ่มลึกดังขึ้นในแดนซ่อนเร้น “นี่เป็นการป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้นจนมาทำลายความยุติธรรมของการถกวิถีเต๋า
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วง มีเพียงศิษย์น้องอิ่งฉินกับข้าเท่านั้นที่ทราบกฎการถกวิถีเต๋าในครั้งนี้ ไม่มีทางที่จะแพร่งพรายออกไปอย่างแน่นอน”
ไฮว่คงจื่อตอบด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“อิ่งฉินหรือ?”
น้ำเสียงลุ่มลึกนั่นตกอยู่ในความเงียบ
นี่ทำให้หัวใจของไฮว่คงจื่อหยุดเต้นก่อนจะเอ่ยคำ “ท่านอา มีอะไรผิดปกติหรือ?”
“ไม่มีอะไร ไปได้แล้ว”
เสียงดังกล่าวถอนหานยใจ “หวังว่า… ข้าจะแค่คิดมากเกินไป”