บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1837 การพบหน้าอันไม่คาดคิด
บทที่ 1837 การพบหน้าอันไม่คาดคิด
………………..
บทที่ 1837 การพบหน้าอันไม่คาดคิด
“พวกเขาคือศิษย์เขาเทพพยากรณ์!” ขณะนี้เหล่าผู้บ่มเพาะเนืองแน่นเช่นทะเลที่หน้าเมืองทศทิศต่างแน่ใจว่ากลุ่มซึ่งติดตามจักรพรรดิหรงสวินจากไปต้องมาจากเขาเทพพยากรณ์แน่แท้
เป็นที่ชัดเจนจากการปฏิบัติต่อคนคณะนั้น ผู้บ่มเพาะทั่วไปต้องเข้าแถวให้ตรวจสอบกันแต่โดยดี จึงเข้าเมืองกันได้
ทว่ากลุ่มจากเขาเทพพยากรณ์แตกต่างออกไป มิเพียงพวกเขาที่แตกต่าง มิเพียงได้รับการต้อนรับจากหัวหน้าอาจารย์อาวุโสขอบเขตมหาราชเทวาจากสำนักเต๋า ยังเหินเข้าเมืองกันไปตรง ๆ!
“เขาเทพพยากรณ์ สุดยอดสำนักผู้ลึกลับสูงสุดในแดนเทพโบราณ หลังกาลเนิ่นนาน ศิษย์ของพวกเขาก็ปรากฏตัวสู่โลกหล้ากันเสียที”
ใครหลายคนทอดถอนใจ เมื่อเทียบกันแล้ว เขาเทพพยากรณ์ลึกลับเกินไปจริงแท้ หากมิใช่เพราะการถกวิถีเต๋าครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินใดเทียบ ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ในโลกหล้าก็คงไร้โอกาสประจักษ์ร่องรอยของศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์
“จากวาทะบรรพบุรุษของข้า ศิษย์สายตรงของเขาเทพพยากรณ์ เฉินซีผู้นั้นจะเข้าร่วมการถกวิถีเต๋าหนนี้ด้วย ข้าล่ะตั้งตารอโดยแท้”
“เหอะ ๆ ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าเฉินซีผู้นี้ล่วงเกินกองกำลังยิ่งใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิมามากมายในช่วงนี้ นิกายอำนาจเทวะเห็นเขาเป็นหนามยอกอกมาเนิ่นนาน ข้าล่ะอยากเห็นศึกระหว่างเฉินซีและบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจากนิกายอำนาจเทวะในการถกวิถีเต๋านี้จริง ๆ”
“ฮึ! จากที่ข้ารู้ เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน เฉินซีอยู่เพียงขอบเขตเทวารู้แจ้งวิญญาณ ยามนี้ต่อให้เขาพัฒนาสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแล้ว แต่เขาจะไปต่อกรยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลจากนิกายอำนาจเทวะได้อย่างไร? อย่าลืมนะว่าหนนี้ นิกายอำนาจเทวะส่งตัวตนไร้เทียมทานอย่างเหลิ่งซิงหุนมาด้วย!”
“น่าขัน! เฉินซีไม่ใช่ผู้เดียวที่มาจากเขาเทพพยากรณ์เสียหน่อย ไม่ว่าเหลิ่งซิงหุนจะแข็งแกร่งเพียงไร ก็ต้องยังมีคู่ต่อกรอยู่ดี”
“พอแล้ว เดี๋ยวการถกวิถีเต๋าเริ่ม เราก็จะทราบคำตอบกันเอง”
วูบ!
ขณะปวงชนหารือกันอย่างออกรส บริเวณท้องนภาอันห่างไกลพลันสั่นสะท้านรุนแรง แล้วหนึ่งเมฆสายฟ้าก็ลอยออกมา เรืองรองด้วยอัสนี เจิดจรัสข่มขวัญ
ปรากฏว่าเหนือเมฆสายฟ้าดำทมิฬนั้นมีตัวตนอันเรืองฤทธาร้ายกาจมากมายยืนอยู่
ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนชุดแดง สีหน้าเย็นชาร้ายกาจ เปี่ยมปราณเย็นเยียบเนืองแน่นด้วยจิตสังหาร ประหนึ่งเทพมารอันยิ่งยงจากบรรพกาล ฤทธาศักดิ์สิทธิ์กดดัน
“มหาปุโรหิตชุดแดงจากนิกายอำนาจเทวะ เล่ยฝู!”
“กลุ่มของนิกายอำนาจเทวะมาถึงแล้ว!”
สำหรับผู้บ่มเพาะทั่วแดนเทพโบราณ นามนิกายอำนาจเทวะนี้เป็นดั่งคำสาป สื่อถึงความเยียบเย็น ไร้ปรานีและการฆ่าฟัน!
ไร้ผู้ใดกล้าส่งเสียงเอะอะยามเผชิญหน้าศิษย์สำนักสูงสุดเช่นนี้
โชคยังดี ทันทีที่กลุ่มของมหาปุโรหิตชุดแดงเล่ยฝูมาถึง หัวหน้าอาจารย์อาวุโสผู้หนึ่งจากสำนักเต๋าก็มาต้อนรับนำทาง หายไปในเมืองทศทิศทันที
ยามนี้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์นอกประตูเมืองพากันผ่อนลมหายใจโล่งอก ราวยกภูเขาลงจากบ่า
สิ่งนี้แสดงชัดว่าแรงกดดันที่พวกเขาได้รับจากการมาถึงของศิษย์นิกายอำนาจเทวะหนักหนาเพียงไร
“มิคาดเลยว่าพอเขาเทพพยากรณ์มาถึง นิกายอำนาจเทวะจะตามมาติด ๆ หากศิษย์สองกองกำลังนี้เผชิญหน้ากัน ข้าก็สงสัยนักว่าอะไรจะเกิด” ใครบางคนทอดถอนใจ เรียกเสียงแทรกความเห็นมากมาย
เป็นเรื่องที่ทราบทั่วกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนิกายอำนาจเทวะและเขาเทพพยากรณ์ขัดแย้งกันเช่นน้ำกับไฟ เป็นศัตรูกันมาหลายชั่วอายุคน ดังนั้นหากพวกเขาเผชิญหน้า เหตุการณ์นั้นจะน่าสนใจยิ่ง
ไม่นานนัก คลื่นอำนาจหนาแน่นก็บังเกิดขึ้นอีกครั้งจากท้องนภาแสนไกล จากนั้นรถม้าสมบัติสำริดซึ่งเทียมโดยมังกรทองบรรพกาลเก้าตนก็พุ่งทะยานเข้ามา
“หนนี้ผู้ใดอีก…?”
หัวใจของปวงชนรอบทิศสั่นสะท้าน มองมากันเป็นตาเดียว
…
วันนี้เมืองทศทิศย่อมคึกคักยิ่ง
แต่เรื่องทั้งหมดนี้หาเกี่ยวข้องกับเฉินซีไม่
ขณะนี้กลุ่มของพวกเขาเข้าสู่เมืองทศทิศภายใต้การนำของจักรพรรดิหรงสวิน
หากมองลงมาจากท้องนภา เมืองทศทิศก็เหมือนโลกใบหนึ่ง เต็มไปด้วยถนนหนทางเชื่อมโยงเช่นใยแมงมุม ยิ่งกว่านั้นอาคารบ้านเรือนและผู้บ่มเพาะบนถนนก็เรียงรายแน่นขนัด ประหนึ่งมวลมหึมาจากคลื่นนทีเชี่ยว เป็นภาพตระการตาไม่น้อย
ขณะเดียวกัน กลางเมืองก็มีหนึ่งสิ่งปลูกสร้างอันสะดุดตายิ่ง
สิ่งปลูกสร้างนั้นมีรูปทรงคล้ายหม้อโบราณทรงสี่เหลี่ยม กว้างยาวไม่รู้กี่ลี้ สูงตระหง่านเหนือเก้าชั้นสรวง!
เมื่อมองจากไกล ๆ สิ่งปลูกสร้างมหึมาอันเก่าแก่นี้ดูประหนึ่งคุนเผิงบรรพกาลกลางนคร มีขนาดใหญ่ยักษ์เกินคิดฝัน เปี่ยมปราณบรรพกาลชวนครั่นคร้ามยำเกรงจากใจ
“นั่นคือที่ตั้งสำนักเต๋าของข้า และการถกวิถีเต๋าก็จะจัดขึ้นที่นั่น” จักรพรรดิหรงสวินชี้ไปไกลพลางกล่าวยิ้ม ๆ
นั่นหรือสำนักเต๋า? เฉินซีหรี่ตาลง เขาสังเกตชัดเจนว่าอาคารโบราณแห่งนี้เชื่อมสวรรค์ผนวกแดนดินอย่างสมบูรณ์ ผิวสัมผัสดำสนิทประทับข้อจำกัดและอักขระเต๋าอันคลุมเครือไว้นับไม่ถ้วน ยิ่งกว่านั้นปราณจากมันยังทำให้เฉินซีสุดตกตะลึงในใจ
ขณะเสวนา จักรพรรดิหรงสวินก็นำคณะของพวกเขาเข้าสู่อาคารอันเก่าแก่และเป็นส่วนตัวแห่งหนึ่ง
บรรยากาศที่นี่สงบเงียบ ห่างจากสำนักเต๋าเพียงแปดพันลี้ ที่นี่คือเมืองชั้นในของเมืองทศทิศ มีเพียงสมาชิกสำนักเต๋าเท่านั้นที่เหยียบย่างเข้ามาได้
“สหายเต๋าเหวินถิง ข้าทำได้เพียงขอให้ทุกท่านอยู่ที่นี่ไปสักพักก่อนการถกวิถีเต๋าเปิดฉาก” จักรพรรดิหรงสวินนำพวกเขาเข้าสู่อาคารโบราณ “ที่นี่คือบริเวณรับแขกของสำนักเต๋าของข้า หากขาดเหลือสิ่งใด ก็สั่งการบริวารทั้งหลายได้ตามสบายเลย”
“ได้” เหวินถิงพยักหน้า
จักรพรรดิหรงสวินพาเฉินซีและคณะเข้าสู่โถงโบราณแห่งหนึ่ง หลังนั่งที่กันเรียบร้อย เขาก็สั่งบริวารให้รินชาแจกจ่าย ชำเลืองเฉินซีและคณะ แล้วจึงกล่าวยิ้ม ๆ “ข้ามิคาดเลยว่าหนนี้ พวกเจ้าเขาเทพพยากรณ์จะส่งศิษย์มาสิบคน เป็นเรื่องน่าประหลาดใจนิดหน่อยสำหรับข้าจริงแท้”
“การถกวิถีเต๋าไม่ใช่การแข่งจำนวน พามาเยอะก็ไร้ประโยชน์” เหวินถิงตอบเสียงเรียบ
จักรพรรดิหรงสวินนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้า “ข้าลืมไปว่าพวกเจ้าเขาเทพพยากรณ์ไม่เหมือนกองกำลังอื่น แม้ศิษย์ในสำนักจะมีน้อย แต่พวกเขาต่างคนล้วนเป็นตัวตนโดดเด่นไร้เทียมทาน นี่มิใช่สิ่งที่กองกำลังอื่นเทียบได้”
“สหายเต๋าหรงสวิน เราเป็นสหายกันมาหลายพันปี ยังต้องพูดเป็นพิธีกันด้วยหรือ? คิดสิ่งใดก็ว่ามาได้เลย” เหวินถิงกล่าวกับเขา
จักรพรรดิหรงสวินเสสรวลทันใด “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็พูดตรง ๆ เลยนะ”
เขาค่อย ๆ เก็บรอยยิ้ม แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง “เหมือนกาลก่อนนั่นแหละ สำนักเต๋าของข้าจะรักษาความเป็นกลางในการถกวิถีเต๋านี้ ไม่เข้ายุ่งในข้อพิพาทใด มีเพียงการทำเช่นนี้ ความยุติธรรมของการถกวิถีเต๋าจึงประกันได้ หวังว่าสหายเต๋าเหวินถิงจะเข้าใจ”
มุมปากของเหวินถิงพลันยกยิ้มเย็นแผ่วบาง “หรงสวิน ข้าไม่เคยขอให้เจ้าช่วยเหลือใด ๆ เขาเทพพยากรณ์ของข้า ถูกหรือไม่?”
จักรพรรดิหรงสวินตระหนักทันทีว่านางเข้าใจเขาผิด และรีบร้อนกล่าว “สหายเต๋าเหวินถิง เจ้าต้องทราบว่านั่นไม่ใช่สิ่งทีข้าจะสื่อ นั่นเป็นเพราะประมุขสำนักเต๋าของข้าสั่งการไว้ว่า หากเกิดความไม่ยุติธรรมใดขึ้นระหว่างการถกวิถีเต๋า เขาจะเป็นผู้ออกมาประสาททัณฑ์เอง! นี่ก็เลยเป็นคำเตือนจากข้า ทุกสิ่งทำได้หากเป็นไปตามกฎของการถกวิถีเต๋านี้ จะผิดกฎไม่ได้เด็ดขาด”
เหวินถิงโบกมือ “ไม่ต้องพูดมากกว่านี้แล้ว ข้าตระหนักชัดเจนดี มิใช่ว่าพวกเจ้าสำนักเต๋าเป็นเช่นนี้มาเสมอหรือ? ท่าทีเป็นกลางที่พวกเจ้าสำนักเต๋าว่า ก็แค่ลักลั่นอยู่ตรงกลางระหว่างฝ่ายของพวกข้าเขาเทพพยากรณ์กับตำหนักเต๋าหนี่หวาและฝ่ายของนิกายอำนาจเทวะกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ การจะไม่เป็นทั้งมิตรหรือศัตรูกับฝ่ายใด มีแต่พวกเจ้าสำนักเต๋าที่ทำได้”
สีหน้าของจักรพรรดิหรงสวินชะงัก พูดไม่ออกเล็กน้อย
“หรงสวิน ในฐานะผู้นำจากเขาเทพพยากรณ์คราวนี้ ข้าอยากพูดเพียงว่า ในเมื่อสำนักเต๋าคิดประกันความขาวสะอาดในการถกวิถีเต๋า เช่นนั้นทุกคนก็ต้องกระทำตัวตามกฎ หากผู้ใดฝ่าฝืน เราเขาเทพพยากรณ์จะไม่ยอมเด็ดขาด” เหวินถิงกล่าวเสียงเรียบอย่างสุขุม แต่กลับเผยบรรยากาศอหังการ
“แน่นอน” จักรพรรดิหรงสวินพยักหน้า
ขณะทั้งสองเสวนา เฉินซีและศิษย์รุ่นสามอีกเก้าคนต่างเฝ้ามอง ไม่อาจเข้าแทรกการหารือได้
ขณะนี้เมื่อได้ยินเหวินถิงกล่าวย้ำถึงความยุติธรรมและกฎของการถกวิถีเต๋าซ้ำ ๆ เฉินซีก็อดรู้สึกตะลึงเล็กน้อยไม่ได้
หรือจะมีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนกฎในเหตุใหญ่เกินหนใดครั้งนี้อยู่ด้วย?
“ก่อนเราออกเดินทาง อาจารย์ลุงใหญ่ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งตี้ซุนและบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งเหวินเต้าเจินต่างใช้วงล้อพยากรณ์จักรวาลทำนาย สังเกตเห็นว่าการถกวิถีเต๋านี้เต็มไปด้วยเหตุไม่คาดฝัน แต่กลับไม่อาจเจาะจงรายละเอียดได้ พวกเขาจึงขอให้เราระมัดระวังตัวให้ดี” เหวินถิงส่งกระแสปราณมาดังข้างหูเฉินซี เห็นได้ชัดว่านางเหมือนเห็นความงุนงงของเขา
เหตุไม่คาดฝัน! เฉินซีคลับคล้ายหรี่ตาลง กล่าวในใจว่า ดูเหมือนการถกวิถีเต๋านี้จะไม่ธรรมดาเช่นข้าคิด
ขณะนั้นเอง หนึ่งเสียงทุ้มต่ำพลันดังออกมาจากนอกโถง “สหายเต๋าอิ่งฉิน นี่คือที่พักของเหล่าสหายเต๋าจากเขาเทพพยากรณ์หรือ?”
“ถูกต้อง” หนึ่งเสียงเสสรวลดังตามมา
“ศิษย์พี่อิ่งฉิน? เหตุใดเขาจึงมาที่นี่?” จักรพรรดิหรงสวินตะลึง
ดวงตาของเหวินถิงพลันเรืองประกายเย็นเยียบ ก่อนจะฟื้นสู่ปกติ สีหน้าสงบสำรวมเช่นกาลก่อน
ไม่นาน เสียงฝีเท้าชุดหนึ่งก็ดังขึ้นในโถง
“ขออภัยที่รบกวนด้วย ศิษย์น้องหรงสวินและเหล่าสหายเต๋าจากเขาเทพพยากรณ์ สหายเต๋าจากนิกายอำนาจเทวะมาเยือน!” พร้อมเสียงเสสรวลนั้น ชายวัยกลางคนในชุดคลุมปักลาย ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวผ่องผู้หนึ่งก็เดินเข้ามาในโถง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือ ‘ศิษย์พี่อิ่งฉิน’ ที่จักรพรรดิหรงสวินกล่าวถึง
ทว่าขณะนี้ เฉินซีเมินเขาไปสนิท สายตามุ่งตรงไปยังกลุ่มคนที่ติดตามมาเบื้องหลัง
ผู้แรกที่ปรากฏในสายตาของเฉินซีคือชายวัยกลางคนร่างผอมในชุดแดง สีหน้าเย็นชาร้ายกาจ ปกคลุมด้วยปราณดุร้ายน่าสะพรึงกลัว
หลังจากเขาก็มียอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอีกสี่สิบคนตามมาเป็นขบวนยิ่งใหญ่
เป็นคนจากนิกายอำนาจเทวะจริง ๆ! สีหน้าของเฉินซีและคณะเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบเฉยชากันทันที ทว่าในใจกลับรู้สึกประหลาดใจระคนงุนงง เหตุใดพวกเขาจึงมาที่นี่ยามนี้?
“เป็นสหายเต๋าเหวินถิงจริง ๆ ด้วย หากคิดดี ๆ แล้ว เราก็ไม่ได้พบกันมาหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยสามสิบสี่ปีแล้วสินะ” ท่ามกลางเสียงแหบต่ำ ชายวัยกลางคนร่างผอมในชุดแดงไพล่มือไว้เบื้องหลัง ก้าวเข้ามาในโถง สายตาเย็นชาเบนมายังเหวินถึงอย่างเนิบช้า
………………..