บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1841 ลั่นกลองผนึกเมือง
ทที่ 1841 ลั่นกลองผนึกเมือง
สิบวันต่อมา
รุ่งสาง ดวงอาทิตย์แผดจ้าซึ่งก่อกำเนิดจากอีกาทองคำตัดผ่าความมืดและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงสีทองสุกใสส่องสว่างไปทั่วทั้งเมือง กระทั่งกำแพงเมืองโบราณก็อาบไล้ไปด้วยสีทองเลื่อมพราย
ในยามนี้ ถนนกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไปทั่วเมืองราวใยแมงมุมเต็มไปด้วยผู้คนคับคั่งและเสียงดังจอแจ กลุ่มผู้เยี่ยมยุทธ์แผ่ขยายไปทั่วบริเวณโดยรอบอย่างหนาแน่น
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความคาดหวัง และความยำเกรง
เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่ม่านแห่งการถกวิถีเต๋าจะถูกเปิดฉาก!
คนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่นี่ มากเสียจนไม่อาจจินตนาการได้ ความคึกคักก่อเกิดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ทั่วทั้งเมืองทศทิศเต็มไปด้วยผู้คนจนถึงจุดที่แม้แต่ละอองน้ำยังไม่อาจเข้าไปแทรกกลาง
ผู้เยี่ยมยุทธ์ทั้งหลายจากทั่วแดนเทพโบราณมารวมตัวกันที่เมืองทศทิศแห่งนี้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อเป็นสักขีพยานในการถกวิถีเต๋าครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งจัดขึ้นโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ!
…
“แน่นอน ข้าได้ยินมาว่ามีเพียงบุคคลสำคัญรวมถึงผู้ยิ่งใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการเข้าสู่จัตุรัสแห่งการประชันและชมการถกวิถีเต๋า”
“ฮ่า ๆ อย่าได้กังวลไป ข้าได้ยินมาว่าเมื่อการถกวิถีเต๋าเริ่มต้นขึ้น สำนักเต๋าจะเปิดใช้งาน ‘ม่านฉายศักดิ์สิทธิ์แห่งสุขาวดี’ มันจะปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้าในเมืองทศทิศ ทำให้เราสามารถดูทุกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการถกเต๋าผ่านม่านฉายศักดิ์สิทธิ์แห่งสุขาวดีนี้”
“ฮ่า ๆ นั่นเยี่ยมไปเลย ไม่อย่างนั้นแล้ว มันคงจะทรมานนักหากเราไม่สามารถดูสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการถกวิถีเต๋า”
“รอสักหน่อยเถอะ ม่านแห่งการถกวิถีเต๋าจะถูกเลิกขึ้นในอีกสามชั่วยามนับจากนี้ ข้าคิดว่าผู้เยี่ยมยุทธ์จากห้าสุดยอดน่าจะเริ่มเข้าไปในสำนักเต๋าแล้ว”
เสียงสนทนาอย่างออกรสออกชาติดังไปทั่วท้องถนนและตรอกซอกซอย หัวข้อที่พวกเขาถกเถียงไม่พ้นเกี่ยวข้องกับการถกวิถีเต๋า คล้ายว่าประเด็นนี้จะเป็นเรื่องที่สร้างความคึกคักให้แก่ผู้คนเป็นอย่างมาก
…
“เยียนหราน พวกท่านตามข้ามาที่สำนักเต๋าเร็วเถอะ” บนถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนอย่างไม่หยุดหย่อน ชายวัยกลางคนท่าทางสง่างามในชุดสีม่วงพูดด้วยรอยยิ้ม สายตาของเขาคมกริบดุจสายฟ้า คิ้วที่เด่นสะดุดตาและรูปร่างที่ดูผ่าเผยนั้น บ่งบอกว่าเขาคือผู้นำตระกูลเชินถู เชินถูชิงหยวนไม่ผิดแน่
ไม่ใช่แค่เชินถูเยียนหรานเท่านั้นที่ติดตามเชินถูชิงหยวน แม้แต่เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง และจวนอวี๋สุ่ยก็ติดตามมาด้วยเช่นกัน
“นี่มันไม่คึกคักเกินไปหน่อยหรือเนี่ย? นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในเอกภพจักรวรรดิ? ไม่สิ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยด้วยซ้ำ!” เล่ออู๋เหินอุทานด้วยความตกใจ ตลอดทางพวกเขาเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์อยู่เต็มไปหมด ไม่มีคนไหนที่ไม่เป็นที่รู้จักเลยแม้แต่คนเดียว กระทั่งแม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธ์บางคนจากต่างเอกภพก็อยู่ที่นี่เช่นกัน มันทำให้พวกเขาตื่นตาตื่นใจเมื่อได้เห็นด้วยไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผล
“หรือว่าบัดนี้ยอดคนทั้งหลายได้มารวมตัวกันอยู่ในเมืองทศทิศหมดแล้ว? ข้าสังเกตเห็นทั้งคนตระกูลเยี่ย ตระกูลเส้าเฮ่า ตระกูลตงหวง รวมถึงตระกูลอื่น ๆ อีกเต็มไปหมด” อวี๋ชิวจิงตกใจมาก
“น่าเสียดายที่เราสำเร็จช้าเกินไป ไม่อย่างนั้นแล้ว บางทีเราอาจมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงและยิ่งใหญ่ของโลกนี้เช่นเดียวกับเฉินซี” จวนอวี๋สุ่ยถอนหายใจด้วยนึกเจ็บปวดเล็ก ๆ
เมื่อเชินถูเยียนหราน เล่ออู๋เหิน และอวี๋ชิวจิงได้ยินเช่นนั้น อารมณ์ที่ซับซ้อนก็บังเกิดขึ้นในใจของพวกเขา
เมื่อหลายปีก่อนที่ซากโบราณสถานหมานกู่ พวกเขาเองก็เป็นมหาเทวาวิญญาณเช่นเดียวกับเฉินซี พวกเขากับอีกฝ่ายแทบจะเรียกได้ว่าไม่ห่างชั้นกันเลยแม้แต่น้อย
ทว่าบัดนี้ หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่สิบปี เฉินซีกลับบรรลุจุดสูงสุดของขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแล้ว นับว่าเดินห่างออกไปไกลแสนไกลเมื่อเทียบกับพวกเขา
แม้พวกเขาจะบรรลุขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลแล้วเช่นกัน แต่ก็ดำรงอยู่ในขั้นต้นเท่านั้นเท่านั้น ในแง่ของความแข็งแกร่งในการต่อสู้ พวกเขาไม่อาจจะเทียบได้กับคนแก่ ๆ ทั้งหลายในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลได้โดยสิ้นเชิง
“ฮ่า ๆ ๆ! มีคนเคยกล่าวไว้ว่าลิขิตสวรรค์ไม่อาจต้านทาน ที่เรามาที่นี่ครั้งนี้เพื่อให้กำลังใจเฉินซี สหายเต๋าของเราผู้นั้น” เล่ออู๋เหินยิ้มอย่างสบายใจ “อีกอย่าง แม้ว่าเราจะมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการถกวิถีเต๋านี้ แต่มันก็มีที่เพียงห้าตำแหน่งให้ได้ต่อสู้เท่านั้น แน่นอน ไม่มีทางที่ตำแหน่งทั้งห้านี้จะตกมาอยู่ในมือพวกเราอยู่ดี”
คำเหล่านี้ล้วนเป็นความจริง
การถกวิถีเต๋าถูกแบ่งออกเป็นสองฟาก ฟากหนึ่งถูกเตรียมไว้สำหรับศิษย์จากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ ซึ่งจะมีทั้งหมดยี่สิบห้าตำแหน่งให้ต่อสู้ ในขณะที่อีกฟากหนึ่งได้เตรียมไว้สำหรับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลคนอื่น ๆ โดยจะมีเพียงห้าตำแหน่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีความกังวลเกี่ยวกับการถกวิถีเต๋าระหว่างศิษย์ของห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิอย่างมาก ในขณะที่อีกด้านนั้นแทบจะไม่มีใครสนใจมันเลย
เหตุที่เป็นเช่นนี้ มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือชื่อเสียงของห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดินั้นยิ่งใหญ่ กล่าวกันว่าเป็นเพียงห้าสุดยอดกองกำลังในแดนเทพโบราณ ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้ของพวกเขาจึงได้รับความสนใจจากทุกคน
“ข้าได้ยินมาว่าเจียหนานแห่งนิกายพุทธก็มาที่นี่เช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าร่วมการถกวิถีเต๋าด้วย” เชินถูเยีบนหรานพูดขึ้น
“สหายผู้นั้นไม่ธรรมดาพอ ๆ กับเฉินซี เป็นเรื่องปกติสำหรับเขาที่จะเข้าร่วม” เล่ออู๋เหินพูดอย่างไม่นึกใส่ใจนัก
“ฮ่า ๆ! น่าเสียดายแทนสหายเต๋าลั่วฉ่าวหนง หากเขาไม่ตายก็คงจะมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมเหมือนกันสินะ” อวี๋ชิวจิงพูดด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะยินดีในความโชคร้ายของอีกฝ่าย
คนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“เอาละ เข้ามาแล้วก็ทำตัวดี ๆ ไม่เช่นนั้นอาจเผลอไปเหยียบหางใครเข้าโดยไม่จำเป็น” เชินถูชิงหยวนสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หัวใจของเชินถูเยียนหรานและคนอื่น ๆ สะท้านในพลัน พวกเขาไม่กล้าละเลยต่อคำเตือนนั้นด้วยรู้อย่างชัดเจนไม่ต่างกัน ว่าแต่ละคนที่สามารถเข้ามาในสำนักเต๋าเพื่อชมการถกวิถีเต๋านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์จากกองกำลังขนาดใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิทั้งสิ้น!
…
และแน่นอน ที่นี่ไม่ได้มีแต่เชินถูเยียนหรานกับพรรคพวกของนาง หากกองกำลังที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ รวมถึงบุคคลสำคัญของตระกูลลั่ว ตระกูลกงเหย่ ตระกูลตี้ ตระกูลคุนอู๋ ตระกูลเส้าเฮ่า และตระกูลเยี่ยก็มาที่นี่เช่นเดียวกัน พร้อมกับนำคนในตระกูลบางส่วนมาชมการถกวิถีเต๋าด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น สุดยอดจักรพรรดิเก้าดาราจื่อเว่ย จักรพรรดิเจิ้นอู่ และบุคคลอื่น ๆ ที่น่าเกรงขามเองก็ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองทศทิศเช่นกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขามาที่นี่ก็เพราะการถกวิถีเต๋าอย่างแน่นอน
กล่าวโดยสรุป การถกวิถีเต๋าซึ่งจัดขึ้นโดยห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิได้กลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจของผู้คนทั้งหมดแดนเทพโบราณ รวมไปถึงกองกำลังต่าง ๆ
…
จัตุรัสแห่งการประชัน
มันเป็นจัตุรัสขนาดมหึมาที่ใหญ่โตเสียจนตาทั้งสองข้างไม่อาจเก็บความยิ่งใหญ่ของมันได้หมด พื้นที่ทอดไกลปูด้วยหินเคลือบสีดำวาวซึ่งถูกจารไว้ด้วยอักขระเต๋าหนาแน่น ครอบคลุมพื้นที่ของจัตุรัสทั้งหมด รัศมีของมันเป็นประกายที่ชวนให้สะพรึงกลัว
นี่คือจัตุรัสแห่งการประชัน ตามข่าวลือ เจ้าสำนักเต๋าได้สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองในสมัยบรรพกาล ก่อนจะดำรงสืบมาจนถึงทุกวันนี้
เบื้องหน้าจัตุรัสคือห้องโถงเก่าแก่ที่ตั้งสูงตระหง่าน มันถูกเรียกว่าโถงบรรจบ เมื่อการถกวิถีเต๋าเริ่มต้นขึ้น ผู้อาวุโสไฮว่คงจื่อซึ่งเป็นผู้ดูแลการถกวิถีเต๋าจะประกาศกฎกติกาและการเตรียมตัวภายในนั้น
น่าแปลกที่โต๊ะและที่นั่งซึ่งถูกจัดเตรียมไว้นั้นมีไม่ต่ำกว่าแปดพันที่นั่ง!
ทั้งหมดนี้เตรียมไว้สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ที่มาชมการถกวิถีเต๋า ในขณะที่บุคคลธรรมดาไม่อาจจะเข้ามายังที่นี่ได้
ในขณะนี้คนจำนวนมากได้เข้ามานั่งในพื้นที่ซึ่งจัดเตรียมไว้สำหรับผู้เข้าร่วมแล้ว ที่นั่นไม่มีใครส่งเสียงดัง และแม้จะพูดคุยกัน ก็ทำแต่เพียงกระซิบเท่านั้น ส่งผลให้บรรยากาศที่นี่ดูค่อนข้างเงียบสงบ
ฟิ่ว!
ทันใดนั้น เรือเหาะสมบัติที่สร้างขึ้นจากใบบัวสีเขียวก็ทะลุผ่านท้องฟ้ามายังที่นี่ การปรากฏตัวเหนือจัตุรัสอันเก่าคร่ำดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่โดยรอบ
เปรี้ยง!
หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจ มวลเมฆสายฟ้าสีดำก็ปรากฏขึ้นเหนืออากาศ บนนั้นคือร่างของเล่ยฝู ปุโรหิตชุดแดงแห่งนิกายอำนาจเทวะ และคนอื่น ๆ
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะหากจากอาการตกใจ ผู้เยี่ยมยุทธ์จากตำหนักเต๋าหนี่หวา สำนักศักดิ์สิทธิ์ และสำนักเต๋าก็มาถึงอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น ทั้งห้ากลุ่มจากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิก็ได้มาบรรจบกันที่จัตุรัสแห่งการประชันอันกว้างใหญ่ ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเคร่งขรึม ปลาสนาการสิ้นจากเสียงสนทนาใด ๆ
ผู้ชมทั้งหมดต่างจับจ้องผู้เยี่ยมยุทธ์จากสุดยอดกองกำลังทั้งห้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่มีแม้ใครที่จะกล้าเปิดปากเริ่มบทสนทนา
นี่คือพลังและอิทธิพลของห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ ไม่มีทางที่จะมีใครกล้าส่งเสียงต่อหน้าพวกเขา
กระนั้นความเงียบเช่นนี้ก็หาได้คงอยู่ตลอดไป
ในเวลาไม่นาน ร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นที่จุดสูงสุดของโถงบรรจบ
คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมเต๋า ผมสีขาวราวหิมะ ในขณะที่ใบหน้านั้นดูนิ่งขรึม แม้ว่าเขายืนอยู่บนนั้นด้วยท่าทางที่ไม่ได้มีพิธีรีตองนัก หากรัศมีอันยิ่งใหญ่กลับเปล่งประกายสง่างาม แน่นอนว่าเขาเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเป็นหัวหน้าอาจารย์อาวุโสอย่างไฮว่คงจื่อ ผู้รับผิดชอบเป็นประธานในการถกวิถีเต๋า!
เมื่อพินิจไปแล้ว ก็ให้ความรู้สึกราวกับจ้องมองดวงอาทิตย์นับสิบที่มารวมตัวกัน พลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขากว้างใหญ่ไพศาลและสง่างามอย่างไร้ขอบเขต
เมื่อกลุ่มของไฮว่คงจื่อปรากฏตัวขึ้น บรรยากาศทั่วทั้งฟ้าดินก็คล้ายเข้มขลังขึ้นอย่างมาก มีเพียงความสงบที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณอันเงียบงัน
“สวัสดีสหายเต๋าทั้งหลาย ข้า ไฮว่คงจื่อ ได้รับถ่ายทอดคำสั่งให้เป็นประธานในการถกวิถีเต๋าในครั้งนี้” ไฮว่คงจื่อกวาดมองไปรอบ ๆ พร้อมประสานมือคำนับ เสียงของเขานุ่มลึก หนักแน่น ก้องกังวานไปทั้งฟ้าดิน
“สหายเต๋าทั้งหลาย เวลาและวารีมิรู้ที่จะคอยใคร จงอย่ายึดถือพิธีรีตองต่อไปอีกเลย โปรดประกาศการเตรียมการสำหรับการถกวิถีเต๋าตอนนี้เลยจะดีกว่า” ปุโรหิตชุดแดง เล่ยฝูพูดอย่างไม่แยแสจากระยะไกล
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะทำตามที่พวกท่านทั้งหลายประสงค์” ท่ามกลางเสียงที่หนักแน่นของไฮว่คงจื่อ ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่คล้ายกับสายฟ้าทอดไกลขณะที่พูดขึ้นอีกครั้ง “ลั่นกลอง! ผนึกเมืองซะ!”
มันเป็นเพียงคำพูดสั้น ๆ แต่กลับดังก้องไปทั่วสวรรค์ทั้งเก้าชั้นราวกับเสียงอสนีบาตที่เลื่อนลั่นไปทั้งฟ้าดิน มันสะท้อนก้องไปทั่วเมืองทศทิศ กระทั่งทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคนในเมืองต่างตกตะลึง
“ลั่นกลอง!”
“ผนึกเมือง!”
“ลั่นกลอง!”
“ผนึกเมือง!”
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของทุกคนในเมือง ร่างมหึมาจำนวนมากที่สูงหกสิบลี้แทบจะเทียมฟ้าก็ได้พุ่งออกมาจากบริเวณโดยรอบประตูเมืองทั้งสี่ทิศหลักอย่างไม่ทันตั้งตัว พวกเขาเหมือนกับเทพอสูรโบราณที่ปรากฏตัวขึ้นบนโลกอีกครั้งพร้อมกับส่งเสียงตะโกนลั่น
ที่น่าประหลาดใจก็คือ พวกเขาเป็นทายาทสายเลือดบริสุทธิ์ของเทพอสูรจริง ๆ ท่าทางตระหง่านเสมอฟ้าดินเผยให้เห็นพลังศักดิ์สิทธิ์อันมหึมา พวกเขาก็ตีกลองศักดิ์สิทธิ์ในมือ แรงสั่นสะเทือนของมันราวกับคลื่นพายุที่โหมกระหน่ำ กึกก้องไปทั่วภพทั่วแดน!
………………..