บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1842 หม้อต้นกำเนิดพลิกชะตา
บทที่ 1842 หม้อต้นกำเนิดพลิกชะตา
………………..
บทที่ 1842 หม้อต้นกำเนิดพลิกชะตา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เทพมารสูงหมื่นจั้งตีกลองจากประตูเมืองทั้งสี่ทิศ เลื่อนลั่นสะท้านทั่วทิศ
พร้อมกับเสียงกลองนั้น คลื่นอำนาจประหลาดอันคลุมเครือก็สะท้อนทั่วเมือง
หากมองลงจากท้องนภา จะเห็นภาพราวเปลือกไข่ขนาดมหึมาปกคลุมทั่วทั้งเมือง นี่เป็นข้อจำกัดโบราณรูปแบบหนึ่งซึ่งสามารถปกป้องเมืองไว้ภายใน เพียงพอหยุดการโจมตีสุดกำลังของมหาเทพเต๋าได้
ตู้ม! ตู้ม!
ขณะนี้ประตูเมืองสูงตระหง่านขยับปิด
ชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งเมืองถูกผนึกสมบูรณ์ ผู้คนจากภายนอกไม่อาจเข้ามาได้อีกแม้เพียงก้าว
“เมืองถูกผนึกแล้ว! เมืองถูกผนึกแล้ว!”
“การถกวิถีเต๋าจะเริ่มในครึ่งเสี้ยวชั่วยามจากนี้!”
ขณะเดียวกัน ณ จัตุรัสแห่งการประชันในสำนักเต๋า ผู้บ่มเพาะทั้งหลายต่างสังเกตพบการเปลี่ยนแปลงในฟ้าดินอย่างชัดเจน
“เมืองถูกผนึกไว้เพื่อป้องกันมิให้กำลังจากโลกภายนอกเข้าขัดขวางรบกวนการถกวิถีเต๋า” เหวินถิงอธิบายเสียงเรียบ
ยามนี้เอง เฉินซีและคณะจึงประจักษ์เข้าใจว่าการถกวิถีเต๋านี้เกินธรรมดาเพียงไรมากขึ้นอีก
“ทุกท่าน การถกวิถีเต๋าครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้นร้อยแปดสิบคน ในหมู่พวกเขา มีสิบคนมาจากเขาเทพพยากรณ์ สี่สิบคนจากนิกายอำนาจเทวะ สามสิบหกคนจากตำหนักเต๋าหนี่หวา ห้าสิบสี่คนจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ และสี่สิบคนจากสำนักเต๋า” ไฮว่คงจื่อ หัวหน้าอาจารย์อาวุโสสูงสุดของสำนักเต๋าเอ่ยขึ้นอีกครั้งจากจุดยกพื้นในโถงบรรจบ เสียงของเขากึกก้องกังวานในฟ้าดิน
บนจัตุรัสอันกว้างใหญ่ยิ่ง ผู้บ่มเพาะทั้งหลายจากกองกำลังสูงสุดทั่วแดนเทพโบราณต่างได้ยินชัดเจน
ดูเหมือนเขาเทพพยากรณ์ของเราจะส่งคนมาน้อยที่สุดจริง ๆ เฉินซีเลิกคิ้ว แม้จะตระหนักดีแต่แรกว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ แต่เขาก็ยังอดทอดถอนใจน้อย ๆ ยามไฮว่คงจื่อประกาศสรุปจำนวนไม่ได้
เทียบกับกองกำลังอีกสี่แห่ง เขาเทพพยากรณ์ก็ส่งคนมาน้อยกว่าจริง ๆ
ไฮว่คงจื่อกล่าวต่อ “การถกวิถีเต๋าหนนี้แตกต่างจากหนก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไร สำนักเต๋าของข้าก็จะกระทำตามหลักการคงความยุติธรรม ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เพื่อให้การถกวิถีเต๋าครั้งนี้ลุล่วงราบรื่น การกระทำไม่ยุติธรรมใด ๆ จะต้องโทษสถานหนัก ผู้ใดก็เลี่ยงมิได้!”
“เมื่อถึงกาลหลังจากนี้ ข้าจะเปิดพิภพกุมภเต๋าให้ผู้เข้าร่วมเข้าไป และจะอธิบายกฎอย่างเจาะจงของการถกวิถีเต๋าในยามนั้น”
ฆ่าอย่างไร้ปรานี!
คำช่วงสุดท้ายอัดแน่นด้วยจิตสังหาร ทำให้หัวใจทุกดวงสะท้านสั่น
ชั่วขณะนี้ ศิษย์ทั้งหลายผู้เข้าร่วมการถกวิถีเต๋า รวมถึงเฉินซี ต่างสัมผัสได้ว่าศึกชิงชัยอันเข้มข้นกำลังจะเปิดฉาก
เพราะถึงอย่างไร ผู้เข้าร่วมการถกวิถีเต๋าทุกคนล้วนเป็นตัวตนไร้เทียมทานสูงสุดในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาล พวกเขาแต่ละคนมีอำนาจแทบไร้คู่เปรียบ แล้วการประชันจะธรรมดาได้หรือ?
“เหวินถิง พิภพกุมภเต๋าคือสิ่งใดหรือ?” เฉินซีเอ่ยถาม
“มันคือชื่อจริงของหม้อต้นกำเนิดพลิกชะตา ตำนานกล่าวไว้ว่ามันคือสมบัติล้ำค่าอันก่อเกิดจากยามแรกบังเกิดความโกลาหล อยู่ในครอบครองของประมุขสำนักเต๋ามาโดยตลอด มีฤทธาเกินคาดหยั่ง เทียบเท่าวงล้อพยากรณ์เปรื่องปัญญาของเราเขาเทพพยากรณ์ กระบี่หยกพิพากษ์สวรรค์ของนิกายอำนาจเทวะ ศิลาศักดิ์สิทธิ์เบญจขันธ์ของตำหนักเต๋าหนี่หวา และแผนภาพพิชิตเต๋าของสำนักศักดิ์สิทธิ์” เหวินถิงกล่าวช้า ๆ “กระทั่งข้ายังไม่คาดว่าประมุขสำนักเต๋าจะนำสมบัตินี้ออกมาในการถกวิถีเต๋าหนนี้”
เสียงของนางเจือเค้าประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้
ขณะนี้มิเพียงเฉินซีตกตะลึง ผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ต่างสุดผงะยามได้ยินชื่อ ‘พิภพกุมภเต๋า’ เช่นกัน สีหน้าของพวกเขายิ่งทวีความเคร่งขรึม
เหง่ง!
เพียงพริบตา สีหน้าของไฮว่คงจื่อเคร่งขรึมกว่าหนใด เขาก้าวมาเบื้องหน้า อาภรณ์และเรือนผมยาวสะบัดไหวตามลม
พรึ่บ!
ไฮว่คงจื่อสะบัดแขนเสื้อ แล้วหม้อสำริดโบราณใบหนึ่งก็ลอยขึ้น มันเรียบเนียนเจิดจรัส ปกคลุมโดยปราณโกลาหล ทันทีที่มันลอยขึ้นก็ปลดปล่อยรัศมีศักดิ์สิทธิ์อันมงคล เรืองรองทั่วฟ้าดิน
ขณะเดียวกัน คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวเกินตีความก็แพร่ออกไป ดูประหนึ่งวจีมหาเต๋าแรกกำเนิดความโกลาหลยามบรรพกาลขับขาน ขณะเดียวกันก็เหมือนเหล่าปราชญ์จากต่างภพภูมิท่องตำรา ฟ้าดินปกคลุมไปด้วยบรรยากาศเคร่งขรึมยิ่งใหญ่
ทุกสายตาของเหล่าผู้บ่มเพาะเรืองประกาย
หม้อต้นกำเนิดพลิกชะตา!
สมบัติของประมุขสำนักเต๋า มีอำนาจไร้ขอบเขตเกินใดเปรียบ มันแสดงให้เห็นชัดเจนว่ากระทั่งตัวตนสูงสุดอย่างประมุขสำนักเต๋าก็ให้ความสำคัญกับการถกวิถีเต๋านี้อย่างสุดขั้ว การที่เขานำหม้อต้นกำเนิดพลิกชะตามาเป็นสังเวียนถกวิถีเต๋านั้นแสดงให้เห็นชัดเจน
ตู้ม!
หม้อต้นกำเนิดพลิกชะตาลอยกลางอากาศ ประหนึ่งมหาเต๋าเรืองอำนาจยิ่งใหญ่จากกลางเวหา ตัวหม้อเผยนิมิตประหลาดยิ่งใหญ่มากมาย แปรเปลี่ยนไม่รู้จบ….
ภายใต้สายตาปวงชน หม้อต้นกำเนิดพลิกชะตากลางอากาศแปรเปลี่ยนเป็นม่านแสงขนาดมหึมา ปกคลุมบริเวณหลายหมื่นลี้ กระทั่งคลับคล้ายเหมือนได้ทัศนาโลกหล้าภายใน
“ผู้เข้าร่วมการถกวิถีเต๋าทั้งหลาย ยามนี้เข้าพิภพกุมภเต๋ากันได้แล้ว!” เสียงหนักแน่นของไฮว่คงจื่อกึกก้องช้าชัด
วูบ! วูบ! วูบ!
สิ้นคำ บรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งหลายจากนิกายอำนาจเทวะก็เหมือนเข้าใจตรงกัน ทะยานเวหาเข้าสู่ม่านแสงมหึมานั้นกันทันที
“เราก็ไปกันเถอะ!”
“ไป!”
พริบตาต่อมา ศิษย์จากสำนักศักดิ์สิทธิ์ สำนักเต๋าและตำหนักเต๋าหนี่หวาต่างก็ทะยานเวหาตาม ๆ กัน
“ดูเหมือนเราจะรู้กฎก็ต่อเมื่อเข้าไปกันแล้ว” เฉินซีแย้มยิ้ม “ทุกท่าน เราก็ไปกันเถอะ”
เขารอเวลานี้มานานนัก มิเพียงเพื่อประชันความเป็นหนึ่งกับศิษย์จากต่างสำนัก เรื่องสำคัญที่สุดคือเพื่อชิงตำแหน่งเข้าไปสู่แดนรวนเรลืมเลือน!
เมื่อกลุ่มของเฉินซีทะยานจาก ผู้เข้าร่วมการถกวิถีเต๋าทั้งร้อยแปดสิบคนก็หายไปเช่นกัน
ไฮว่คงจื่อเห็นเช่นนี้ก็พยักหน้า แล้วจึงกล่าวกับเหวินถิง อวี้เจิน เล่ยฝู และฉือซงจื่อ “สหายเต๋าทุกท่าน ข้าเกรงว่าการถกวิถีเต๋ารอบแรกนี้จะใช้เวลาสามเดือน โปรดเข้ามาชมศึกในหอกับข้าเถิด”
เหวินถิงและคนอื่น ๆ เดินเข้าสู่โถงบรรจบกันทันที
เพียงพริบตา บริวารมากมายก็นำโต๊ะ เทพเมรัย ผลไม้สด ผลไม้เชื่อม และสารพัดสำรับวางเรียงราย
เหวินถิงและคณะนั่งขัดสมาธิบนพื้น แม้จะนั่งต่างตำแหน่ง แต่ทุกสายตาล้วนมองไปยังท้องนภาเหนือโถง
มิเพียงพวกเขา เหล่าผู้ชมซึ่งนั่งชมการถกวิถีเต๋ารอบ ๆ จัตุรัสแห่งการประชันต่างก็มุ่งสายตาไปยังทิศเดียวกัน
…
วูบ!
เฉินซีเห็นภาพตรงหน้าวูบไหว พริบตาต่อมา เขาก็ปรากฏตัวท่ามกลางยอดเขาสูงตระหง่าน นอกจากนั้น จุดที่มาถึงยังเป็นริมผา
ท้องนภาไกลออกไปกว้างใหญ่สุดตา เต็มไปด้วยปราณโกลาหล ขณะที่ทั่วทิศเต็มไปด้วยบรรยากาศเก่าแก่ โบราณและโกลาหล
ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นพิภพกุมภเต๋า เฉินซีสูดหายใจลึก ยามพลังชีวิตทั่วกายโคจร ร่างดูประหนึ่งคันธนูขึ้นสายตึง เข้าสู่สภาวะพร้อมรับศึกทันที
“ศิษย์ทั้งหลายจงฟัง! กฎของการถกวิถีเต๋าจะถูกประกาศเดี๋ยวนี้!” เสียงอันเคร่งขรึมเปี่ยมราศีของไฮว่คงจื่อสะท้อนขึ้นเฉียบพลันบนท้องนภา
ขณะนี้ ผู้บ่มเพาะทั้งมวลในพิภพกุมภเต๋ารวมถึงเฉินซีต่างกลั้นหายใจ ฟังอย่างตั้งใจกันทันที
เพราะมันเกี่ยวข้องกับการประชันที่จวนเปิดฉาก!
“พิภพกุมภเต๋าครอบคลุมพื้นที่สามพันหกร้อยลี้ มีหม้อจารึกเต๋าโบราณซ่อนอยู่ภายในยี่สิบบห้าใบ หากได้หม้อนี้มาและอยู่รอดได้สามเดือนจากนี้ เจ้าจะสามารถเข้าสู่รอบที่สองได้”
“ในนี้ พวกเจ้าทั้งหลายจะสู้จะฆ่ากันเช่นไรก็เชิญ ผู้แพ้จะถูกบังคับส่งออกจากพิภพกุมภเต๋านี้ และไร้โอกาสเข้าสู่รอบที่สอง”
“จำไว้ว่ามีเวลาเพียงสามเดือน ต่อให้เจ้ามีวาสนาได้หม้อจารึกเต๋าโบราณมา ก็มิได้หมายความว่าเจ้าชนะแน่ เพราะผู้อื่นจะชิงมันไปยามใดก็ได้!”
“ศิษย์ผู้ที่สามารถเข้าสู่รอบที่สองได้ ก็คือศิษย์ยี่สิบห้าคนซึ่งมีหม้อจารึกเต๋าโบราณในครอบครอง ผู้อื่นจะถูกตัดสิทธิ์ทั้งหมด”
“จำไว้ว่า ห้ามใช้วัตถุต้องห้ามทั้งหมดในพิภพกุมภเต๋า การถกวิถีเต๋านี้จะทดสอบอำนาจต่อสู้ของพวกเจ้าแต่ละคน ทุกการกระทำจะอยู่ในสายตาผู้บ่มเพาะในโลกภายนอก หากใช้วัตถุต้องห้ามใด ๆ เจ้าก็จะถูกฆ่าอย่างไร้ปรานี!”
ยามเสียงนี้กระทบโสต ก็เผยอำนาจกดดันน่าสะพรึงกลัว
ขณะนี้ มิเพียงเฉินซีและคนอื่น ๆ ในพิภพกุมภเต๋าที่ได้ยินไฮว่คงจื่อ เสียงของเขายังกึกก้องไปทั่วทั้งเมือง
ขณะนี้ ทุกผู้พอเข้าใจกฎบางส่วนของการถกวิถีเต๋าแล้ว และตระหนักเสียทีว่าการถกวิถีเต๋าถูกแบ่งเป็นสองรอบ
รอบแรกคือให้เฉินซีและบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอีก หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้าคนที่เข้าร่วมการถกวิถีเต๋าเข้ามาประมือประชันกันในพิภพกุมภเต๋าเพื่อแย่งชิงหม้อจารึกเต๋าโบราณยี่สิบห้าใบ
ส่วนกฎรอบที่สองนั้นยังไม่ถูกประกาศ เห็นได้ชัดว่าเรื่องเกี่ยวกับรอบที่สองจะถูกประกาศก็ต่อเมื่อจบรอบแรกในสามเดือนจากนี้
วิ้ง!
หลังไฮว่คงจื่อพูดจบได้ไม่นาน รัศมีศักดิ์สิทธิ์อันเรืองรองยิ่งระลอกหนึ่งก็วูบไหวผ่านนภาเหนือเมืองทศทิศเฉียบพลัน
อึดใจต่อมา ม่านแสงขนาดมหึมาซึ่งอ่อนโยน กระจ่างใสดุจแก้วก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเหล่าผู้บ่มเพาะทั่วทิศ
ปรากฏว่าม่านแสงนี้สะท้อนภาพเหตุการณ์ภายในพิภพกุมภเต๋า ฉายทุกรายละเอียดสด ๆ ตรงหน้า
“ม่านฉายศักดิ์สิทธิ์แห่งสุขาวดี!” ทุกผู้ต่างตระหนักชัดว่านี่คือฝีมือสำนักเต๋า มันคืออำนาจมิติอันเก่าแก่สูงส่ง สามารถสะท้อนทุกเหตุการณ์ที่บังเกิดในการถกวิถีเต๋าแก่สายตาผู้บ่มเพาะทั้งปวง