บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1850 หนึ่งเดือนให้หลัง
………………..
บทที่ 1850 หนึ่งเดือนให้หลัง
ทุกคนยังคงเงียบกริบ
เหลิ่งซิงหุนอดคิดไม่ได้เมื่อเห็นสิ่งนี้ พลันกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าโชคของเรานับว่าไม่เลวเลย อย่างน้อย เราก็กำจัดศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ไปแล้วหนึ่งคน”
ผู้เยี่ยมยุทธ์จากนิกายอำนาจเทวะกล่าวขึ้น “ศิษย์พี่ใหญ่ แม้เราจะไม่พบที่อยู่ของศิษย์คนใดจาก เขาเทพพยากรณ์ในวันนี้ก็ตาม ทว่าเรากลับพบศิษย์ของตำหนักเต๋าหนี่หวาหลายคน…”
ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ เหลิ่งซิงหุนพลันขัดจังหวะขึ้น “อย่าได้ใส่ใจกับพวกศิษย์ของตำหนักเต๋าหนี่หวา เรื่องเร่งด่วนในยามนี้ คือการกำจัดศิษย์ทั้งเก้าคนของเขาเทพพยากรณ์ โดยเฉพาะเจ้าเฉินซีคนนั้น อย่าปล่อยให้มันรอดเข้าสู่รอบที่สองของการถกวิถีเต๋าได้เป็นอันขาด” น้ำเสียงของเขาแฝงความแน่วแน่อันเด็ดเดี่ยว ซึ่งไม่มีข้อแม้ใด ๆ
ถึงแม้จะไม่มีใครทราบเหตุผลเบื้องหลังทั้งหมดนี้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่จะกล้าตั้งคำถามกับคำสั่งของเหลิ่งซิงหุน ดังนั้นทำได้เพียงรับคำสั่งด้วยความเคารพเท่านั้น
…
“ฮ่า ฮ่า! คนตั้งห้าสิบสี่คนถูกส่งออกไป และใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน แต่สุดท้ายต้องกลับมามือเปล่า ข้าควรบอกว่าโชคของเราดีเกินไป หรือเราใช้ไม่ได้เกินไปกันแน่” ที่ริมฝั่งทะเลสาบ อาภรณ์ของตงหวงอิ่นเซวียนปลิวสไว เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเนิบช้า
เหล่าศิษย์จากสำนักศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไป และคล้ายไม่น่าดูสักเท่าไหร่
“ศิษย์พี่ตงหวง ยังมีเวลาอีกสามเดือน ด้วยความแข็งแกร่งกองกำลังเรา ย่อมต้องบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน” หนึ่งในนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เฮอะ! สามเดือนนั้นยาวนานมากนักหรือ?” ดวงตาตงหวงอิ่นเซวียนดูเหมือนจะปะทุด้วยเปลวเพลิง “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หากพวกเจ้าไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้ ก็จงอย่ากลับมาหาข้าอีก”
ทันทีที่สิ้นคำ เขาก็สะบัดแขนเสื้อวูบหนึ่ง แล้วเดินออกไปในทะเลสาบ
สีหน้าเหล่าศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์มืดมนขึ้นทันที ทั้งยังรู้สึกหดหู่ในใจ พวกเขาจะมีอารมณ์ยินดีได้อย่างไรกัน เมื่อถูกตงหวงอิ่นเซวียนตำหนิอย่างชัดเจนเช่นนี้?
“พวกเจ้าทุกคนคงได้ยินคำพูดของศิษย์พี่ตงหวงแล้ว จงรีบออกเสียไปบัดนี้ และใช้ม่านรัตติกาลเพื่อค้นหาที่อยู่ของพวกศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์ต่อไป!” จูเชี่ยนอวี้หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก ซึ่งทำลายความเงียบสงบโดยรอบ
…
ตั้งแต่คืนที่สองของการถกวิถีเต๋า บรรดาผู้บ่มเพาะที่ให้ความสนใจต่อความคืบหน้าของการถกวิถีเต๋าล้วนตระหนักดีว่าพายุนั่นใกล้จะปะทุ!
คืนเดียวกันนั้นเอง เยว่โหยวหลิงศิษย์รุ่นที่สามของเขาเทพพยากรณ์ถูกปิดล้อมด้วยผู้เยี่ยมยุทธ์หกจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ และเขาได้บดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยตัวเอง!
น่าเสียดายที่เยว่โหยวหลิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ครั้งนี้ และถูกศิษย์กลุ่มหนึ่งจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ตรึงไว้ ก่อนจะทันหลบหนีไปได้ ส่งผลให้เขาถูกกำจัดในท้ายที่สุด
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ เหล่าผู้บ่มเพาะต่างตกอยู่ในความแตกตื่น ทั้งยังคร่ำครวญด้วยความเสียดายต่อการพ่ายแพ้ของเยว่โหยวหลิง
ทุกคนล้วนตระหนักดีถึงพลังฝีมือของที่เยว่โหยวหลิงได้เผยออกมา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะถูกกำจัดออกจากการถกวิถีเต๋าตั้งแต่เนิ่น ๆ หากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว
ถึงขั้นมีโอกาสสูงที่เขาจะสามารถเข้าสู่รอบที่สอง
ทว่าน่าเสียดายที่ทั้งหมดนี้เป็นความจริง และไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
…
ในวันที่สามของการถกวิถีเต๋า
ยามเที่ยง
เฉินซีที่มุ่งไปข้างหน้า และโชคร้ายที่ได้พบกับกลุ่มศิษย์ห้าคนจากนิกายอำนาจเทวะอีกครั้ง และการต่อสู้ที่ดุเดือดก็อุบัติขึ้น
การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เมื่อเทียบกับการต่อสู้ในคืนแรก พลังฝีมือที่เฉินซีได้เผยในครั้งนี้ กลับน่าพรั่นพรึงมากกว่าเดิม ตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับเขาพิชิตศึกได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ
สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำให้ผู้คนอื่นตระหนักมากขึ้นว่าเฉินซีนั่นน่าเกรงขามเพียงใด และถึงขั้นที่พวกเขาไม่อาจระบุขีดจำกัดที่แท้จริงของชายหนุ่มผู้นี้ได้เลย
ในวันนี้เอง เหล่าศิษย์หญิงสามคนของตำหนักเต๋าหนี่หวาที่ร่วมเดินทางได้รับหม้อจารึกเต๋าโบราณโดยบังเอิญ ทว่ากลับต้องประสบการโจมตีของศิษย์หกคนจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ในระหว่างทาง และสุดท้ายก็ต้องหมดสิทธิ์จากการถกวิถีเต๋าสืบไป
เพียงชั่วครู่หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ปะทุขึ้น ก็ถูกสังเกตเห็นโดยผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอันดับหนึ่งของตำหนักเต๋าหนี่หวา คงโหยวหราน ซึ่งนางรีบรุดมา จากนั้นจึงเปิดฉากโจมตีอย่างดุเดือดและพิชิตชัยบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลทั้งหกเหล่านั้นจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวนางเอง!
หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้สิ้นสุดลง คงโหยวหรานได้กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของผู้คนในโลกภายนอกทันที
สำหรับเหตุผลนั้น เป็นเพราะพลังฝีมือที่นางได้เผยออกมานั้น ช่างน่าทึ่งและน่าตื่นตาตื่นใจเสียเหลือเกิน ทังยังไม่ด้อยไปกว่าเฉินซีแต่อย่างใด
ถึงขั้นที่นางอาจเหนือกว่าเขาเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ
เพราะเฉินซีต่อสู้กับศิษย์ห้าคนเพียงลำพัง ในขณะที่คงโหยวหรานต่อสู้กับศิษย์หกคน!
เนื่องจากคงโหยวหรานสามารถทำลายล้างคู่ต่อสู้ทั้งหกคนด้วยเพียงลำพัง จึงเป็นประจักษ์ชัดว่าพลังฝีมือของนางนั่นทรงพลังเพียงใด
แน่นอนว่าเฉินซีก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านางเช่นกัน
ถึงขั้นที่ผู้คนต่างรู้สึกราง ๆ ว่า หากเฉินซีต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ทั้งหกคนเฉกเช่นคงโหยวหราน เขาจะก็คว้าชัยชนะในท้ายที่สุดได้อย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดแล้ว ในระหว่างการต่อสู้ครั้งก่อนกับเหล่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะ ดูเหมือนเฉินซีจะสามารถบดขยี้อีกฝ่ายและคว้าชัยชนะได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือของเขาเหนือล้ำกว่าอีกฝ่ายมากนัก
สรุปแล้ว ในวันที่สามของการถกวิถีเต๋า ศิษย์สามคนจากตำหนักเต๋าหนี่หวาถูกคัดออก ศิษย์หกคนจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ถูกคัดออก และศิษย์ห้าคนจากนิกายอำนาจเทวะถูกคัดออก
จำนวนนี้ดูเหมือนจะน้อย แต่ก็น่าครั่นคร้าม เมื่อเทียบกับการถกวิถีเต๋าทั้งหมด
ความสูญเสียดังกล่าวนั่นใหญ่หลวงเกินไป!
นี่เป็นเพียงวันที่สามของการถกวิถีเต๋า แต่สถานการณ์กลับปะทุจนรุนแรงเช่นนี้ และนี่เป็นสิ่งที่ผู้คนในโลกภายนอกมิเคยคาดคิดมาก่อน
…
ในขณะที่ต่อสู้เพื่อให้ได้หม้อจารึกเต๋าโบราณ ศิษย์ของสำนักเต๋าที่ทุกคนเกือบจะมองข้ามไป ไม่อาจหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับศิษย์หกคนของตำหนักเต๋าหนี่หวาได้
ฝ่ายสำนักเต๋ามีทั้งหมดสามสิบเจ็ดคน และบุคคลที่เป็นผู้นำกลุ่มคือหลี่หลูเฟิง ศิษย์คนโตในบรรดาศิษย์ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลของสำนักเต๋า ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีจำนวนล้นหลาม
ในทางกลับกัน ฝั่งตำหนักเต๋าหนี่หวามีเพียงหกคน
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว ความต่างในกองกำลังของพวกเขานั้นมากเกินไป โดยไม่ต้องสงสัยใด ๆ ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จบลงด้วยการที่ศิษย์ทั้งหกคนของตำหนักเต๋าหนี่หวาถูกคัดออก
ในทางกลับกัน สำนักเต๋ากลับถูกคัดออกเพียงสองคนเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้รับหม้อจารึกเต๋าโบราณ ดังนั้นผลกำไรของพวกเขาอาจกล่าวได้ว่าคุ้มค่ามากกว่าการสูญเสียของพวกเขา
หลังจากที่เห็นผลของการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้คนในโลกภายนอกต่างสาปแช่งศิษย์ของสำนักเต๋าที่กระทำการไร้ยางอายเกินไป ทั้งต่ำทรามยิ่งกว่าศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ด้วยซ้ำ
นิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์เพียงส่งศิษย์ห้าหรือหกคนในกลุ่มออกไป แต่นอกเหนือจากเย่เฉินและอวี้จิ่วหุยแล้ว ศิษย์ของสำนักเต๋าทั้งหมดได้ออกเดินทางร่วมกัน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้จำนวนเพื่อข่มเหงผู้อื่น!
“ช่างเป็นการวิธีการที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ!” อวี้เจินแห่งตำหนักเต๋าหนี่หวากล่าวเพียงสามคำเมื่อเผชิญกับเรื่องทั้งหมดนี้ จากนั้นนางก็นิ่งเงียบไป แต่ทุกคนสามารถแยกแยะได้ว่า นางเป็นคนที่สองที่โกรธแค้นอย่างยิ่งรองจากเหวินถิง
ไฮว่คงจื่ออ้าปากคล้ายต้องการอธิบายบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและไม่ได้กล่าวอะไร
ทำเพียงเหลือบมองอิ่งฉินที่ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเหม่อลอย ในขณะที่คาดเดาบางอย่างในใจได้ราง ๆ ทำให้เขารู้สึกทั้งขุ่นเคืองและเจ็บปวด ความรู้สึกของเขาจึงซับซ้อนถึงขีดสุด
แม้แต่ไฮว่คงจื่อก็ไม่เคยคาดหวังว่าไม่ใช่แค่ศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถมารวมตัวกันและออกเดินทางพร้อมกันได้ แม้แต่ศิษย์ของสำนักเต๋าก็กระทำเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงชัดเจนมีต้องมีเจตนาบางอย่างแฝงอยู่!
…
วันที่ห้าของการถกวิถีเต๋า
วันที่หกของการถกวิถีเต๋า
วันที่เจ็ด
วันที่แปด
หลังจากการถกวิถีเต๋าดำเนินไปตลอดทั้งเดือน การต่อสู้ที่ดุเดือดซึ่งดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันก็เริ่มสงบลง
เหตุผลนั้นง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังใดก็ตาม เหล่าศิษย์ของพวกเขาล้วนถูกคัดออกจากการแข่งขันไปมากมายในช่วงเดือนนี้ และอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนัก
ในช่วงเดือนนี้ เขาเทพพยากรณ์ได้สูญเสียลูกศิษย์ไปเจ็ดคน มีเพียงเฉินซี กู่เยี่ยน และถูเมิ่งเท่านั้นที่ยังคงอยู่
ใช่แล้ว แม้แต่ฮวาเยี่ยนที่ครองอันดับสองในหมู่ศิษย์รุ่นสามของเขาเทพพยากรณ์ และเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ที่บรรลุขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับสอง ก็ประสบเคราะห์ร้าย และถูกคัดออกจากการแข่งขันเช่นกัน
เขาต้องประสบกับเหตุร้ายสองครั้งในวันเดียว กลุ่มหนึ่งมาจากนิกายอำนาจเทวะ และเขาจัดการอีกฝ่ายไปสามคน ในขณะที่อีกสองคนหลบหนีไปได้
ส่วนอีกกลุ่มมาจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ และเขาได้เอาชนะคู่ต่อสู้ไปห้าคน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของศิษย์ผนึกฤทธิ์คนที่สาม กงซุนมู่ ในท้ายที่สุด
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้โลกภายนอกแตกตื่นวุ่นวาย และทำให้เกิดเสียงอุทานดังก้องนับไม่ถ้วน
ฝั่งตำหนักเต๋าหนี่หวาได้สูญเสียศิษย์ไปยี่สิบเก้าคนในช่วงเวลานี้ และเหลือเพียงสิบเอ็ดคนเท่านั้น การสูญเสียที่รุนแรงเช่นนี้ ได้เกินความคาดหมายของทุกคนเช่นกัน
เพราะในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงเดือนเดียว ตำหนักเต๋าหนี่หวาได้สูญเสียลูกศิษย์ที่เข้าร่วมไปมากกว่าครึ่งแล้ว! ใครจะกล้าเชื่อว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง ๆ?
ฝ่ายนิกายอำนาจเทวะได้สูญเสียศิษย์ไปยี่สิบหกคน และเหลือเพียงสิบสี่คนเท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว การสูญเสียไม่ถือว่าหนักหนา แต่ในความเห็นของผู้คนในโลกภายนอก เรื่องนี้เป็นดั่งที่คาดไว้
เหตุผลนั้นง่ายมาก พวกเขาระบุเป้าหมายและปิดล้อมศิษย์จากเขาเทพพยากรณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าศิษย์หกคนจากเขาเทพพยากรณ์จะถูกกำจัด แต่นิกายอำนาจเทวะก็ต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่เช่นกัน
โดยเฉพาะเฉินซี เพียงแค่เดือนนี้ เขาก็ได้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และกำจัดศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะไปถึงสิบห้าคน!
ทางด้านสำนักศักดิ์สิทธิ์ ได้สูญเสียศิษย์ไปสามสิบสองคน ในหมู่พวกเขายี่สิบหกคนเป็นอนธบริบาล ในขณะที่หกคนเป็นศิษย์ผนึกฤทธิ์ ซึ่งสรุปแล้วเหลือศิษย์ผนึกฤทธิ์สิบสองคนและอนธบริบาลสิบคน
การสูญเสียดังกล่าวดูเหมือนจะค่อนข้างหนักหน่วงเช่นกัน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตำหนักเต๋าหนี่หวา เขาเทพพยากรณ์ และนิกายอำนาจเทวะ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาค่อนข้างได้เปรียบกว่ามาก
เนื่องจากการสูญเสียของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นอนธบริบาล และหน้าที่อนธบริบาลคือการเป็น ‘โล่’ ให้กับศิษย์ผนึกฤทธิ์
มีเพียงสำนักเต๋าเท่านั้นที่สูญเสียศิษย์ไปเพียงสิบสองคน ขณะที่เหลือศิษย์อีกยี่สิบแปดคน ทำให้ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม สายตาของผู้คนในโลกภายนอก ล้วนรังเกียจศิษย์ของสำนักเต๋ามากที่สุด
เหตุผลสำหรับเรื่องนี้ เป็นเพราะพวกเขาได้มารวมตัวกันและกระทำการร่วมกัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้เปรียบในด้านจำนวน และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กำลังรบของพวกเขาจึงเหนือกว่ามาก และไม่มีทางที่จะประสบความสูญเสียอย่างรุนแรง
การต่อสู้ที่ดุเดือดได้ปะทุขึ้นมากมาย ในขณะที่เหตุการณ์อันน่าตกใจก็ปรากฏขึ้นมากมายเช่นกัน ส่งผลให้เกิดความแตกตื่นและเสียงร้องอุทานนับไม่ถ้วน
แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม หากผู้ใดลองเปรียบเทียบกันอย่างระมัดระวัง ก็จะสังเกตเห็นว่าเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวานั่นเสียเปรียบอย่างชัดเจน
นิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์สถานการณ์ดีกว่าเล็กน้อย
ในทางตรงกันข้าม เป็นสำนักเต๋าที่ไม่เคยแทรกแซงข้อพิพาทใด ๆ ที่กลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระหว่างการถกวิถีเต๋านี้ และมันเกินความคาดคิดของทุกคนมาก
อย่างไรก็ตาม เมื่อไฮว่คงจื่อได้เห็นเหตุการณ์นี้ เขาก็ไม่อาจมีความสุขได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และหว่างคิ้วของเขากลับเต็มไปด้วยความเศร้าหมองแทน
………………..