บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1851 ชะตากรรม
บทที่ 1851 ชะตากรรม
ไม่เพียงแค่ไฮว่คงจื่อที่ไม่อาจมีความสุขใด ๆ แต่จักรพรรดิทั้งหมดภายในโถงบรรจบต่างก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน
ปุโรหิตชุดแดงแห่งนิกายอำนาจเทวะเล่ยฝู และหัวหน้าอาจารย์อาวุโสของสำนักศักดิ์สิทธิ์ฉือซงจื่อไม่มีอารมณ์ที่จะเย้ยหยันเขาเทพพยากรณ์ และตำหนักเต๋าหนี่หวาอีกต่อไป
บัดนี้สีหน้าพวกเขาดูมืดมน ในขณะที่ความโกรธเสี้ยวเล็ก ๆ ได้พุ่งออกมาจากหัวใจ
แม้ว่าพวกเขาจะครองตำแหน่งที่ได้เปรียบอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับ เขาเทพพยากรณ์ และ ตำหนักเต๋าหนี่หวาที่ประสบความสูญเสียอย่างหนัก แต่การสูญเสียของพวกเขาก็มีมหาศาลเช่นกันในท้ายที่สุด!
แม้พวกเขาจะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเทียบกับเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาที่ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนักหน่วง ท้ายที่สุดการสูญเสียของพวกเขาก็มหาศาลเช่นเดียวกัน!
สิ่งนี้เกินความคาดหมายของพวกเขา
เดิมทีทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าพวกเขาจะสูญเสียศิษย์ไปมากมายภายใต้สถานการณ์เช่นนี้!
ในทางกลับกัน ศิษย์ที่เข้าร่วมจากเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาส่วนใหญ่ตกอยู่ในการปิดล้อมเพียงลำพัง และไร้ซึ่งการสนับสนุนใด ๆ ทว่าพวกเขาล้วนปะทุด้วยพลังที่น่าทึ่ง และพิชิตศึกครั้งนี้ทั้งที่อีกฝ่ายมีจำนวนที่มากกว่า ทำให้นิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง
โดยเฉพาะเฉินซี เพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นก็สามารถกำจัดศิษย์จากนิกายอำนาจเทวะไปสิบห้าคนและศิษย์สิบสี่คนจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้เพียงลำพัง!
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดหวังเลย!
ในตอนนี้เองที่เล่ยฝูและฉือซงจื่อได้ตระหนักได้ในที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะคำนวณทุกอย่างถูกต้องแล้ว ทว่ากับมองข้ามเพียงสิ่งเดียว นั่นคือพลังฝีมือของเฉินซี!
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเพียงรู้สึกว่าเฉินซีที่เพิ่งบรรลุขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลเพียงไม่กี่สิบปี ดังนั้นไม่ว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาจะทรงพลังมากเพียงใด อย่างน้อยที่สุดก็คงจะทัดเทียมกับศิษย์อย่างถูเมิ่งและฮวาเยี่ยนจากเขาเทพพยากรณ์เพียงเท่านั้น
ทว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเฉินซีเป็นไพ่เด็ดที่เขาเทพพยากรณ์ได้ส่งตัวมาในครั้งนี้!
พวกเขาได้เป็นประจักษ์พยานต่อการต่อสู้ของเฉินซีทุกครั้งในตลอดเดือนนี้ และในที่สุดก็เข้าใจว่าพลังฝีมือที่เฉินซีครอบครองอยู่นั้น เพียงพอที่แข่งขันกับบุคคลอย่างเหลิ่งซิงหุน คงโหยวหราน และตงหวงอิ่นเซวียนได้อย่างสูสี!
สำหรับความแข็งแกร่งของเฉินซีนั้น แม้แต่เหล่าผู้เฒ่าก็ไม่อาจมองข้ามเขาได้
โชคดีที่การถกวิถีเต๋านั้นเพิ่งดำเนินไปไม่ถึงครึ่งของการแข่งขันทั้งหมด ซึ่งนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ยังคงครองความได้เปรียบอย่างชัดเจน
ดังนั้นเล่ยฝูและฉือซงจื่อจึงไม่กังวลว่าเฉินซีจะสามารถก่อปัญหาได้
เพราะแม้ว่านิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะถูกกำจัดไปหลายคนในช่วงเดือนนี้ แต่ผู้ที่ยังคงอยู่ล้วนเป็นเป็นที่สุดของที่สุด ทั้งยังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้เยี่ยมยุทธ์!
ถึงขั้นที่เล่ยฝูมั่นใจว่า ถ้าเฉินซีพบกับเหลิ่งซิงหุนแล้ว เฉินซีจะไม่อาจผงาดได้อย่างแน่นอน!
แน่นอนว่าฉือซงจื่อก็คิดเช่นเดียวกัน
อันที่จริงนั้น สิ่งที่ทำให้เล่ยฝูและฉือซงจื่อโกรธเกรี้ยวไม่ใช่เพราะเรื่องทั้งหมดนี้ ทั้งยังไม่เกี่ยวข้องกับเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาเสียด้วยซ้ำ
ต้นเหตุของความโกรธเกรี้ยวของพวกเขาเป็นเพราะสำนักเต๋า!
หากใครได้เปรียบเทียบสถานการณ์ของการถกวิถีเต๋าในตลอดทั้งเดือนนี้ ก็จะสังเกตเห็นว่าในบรรดาศิษย์จากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ สำนักเต๋ามีความสูญเสียน้อยที่สุด และกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเดือนนี้!
เหตุนี้ไม่ต้องกล่าวถึงเล่ยฝูและฉือซงจื่อ แม้แต่ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ในโลกภายนอกก็ไม่ได้คาดคิดถึงสิ่งนี้เลย
”ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก! ช่างเป็นกลวิธีที่ยอดเยี่ยมกระไรนี้! การเคลื่อนไหวของสำนักเต๋าดังกล่าว เป็นดั่งคำโบราณที่ว่า ‘นกกระยางกับหอยกาบทะเลาะกัน ชาวประมงกลับได้ประโยชน์ไป’ ใช่หรือไม่?” สีหน้าของเล่ยฝูดูมืดมนพร้อมการเย้ยหยัน
“บัดนี้ดูเหมือนว่าบรรดาศิษย์ของสำนักเต๋าได้ปกปิดความสามารถที่แท้จริงไว้อย่างลึกซึ้ง พวกเขาล้วนมากด้วยกลอุบาย ทั้งยังใช้กลยุทธ์ยืมพลังผู้อื่น เพื่อจัดการคู่แข่งของตน” ฉือซงจื่อแค่นเสียงเย็น
“สหายเต๋า มันเป็นเพียงกลยุทธ์ทั่วไปที่ใช้ในการต่อสู้ และไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่เจ้าทั้งคู่คิด ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในพิภพกุมภเต๋า คือการกระทำของศิษย์นิกายเรา และไม่มีการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอกเลย ดังนั้นจึงไม่ถือว่าขัดต่อกฎใด ๆ” ไฮว่คงจื่อหายใจเข้าลึก ๆ กล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ฮ่า ฮ่า สหายเต๋า อย่าได้เข้าใจผิด เราแค่ทอดถอนใจต่อวิธีการของสำนักเต๋าของเจ้าในครั้งนี้ เพราะมันไม่ธรรมดา ทว่ามันก็ดูน่าอับอายเช่นเดียวกัน ข้าเชื่อว่าสหายเต๋าทุกคนในโลกภายนอกได้สังเกตเห็นแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีจำเป็นที่จะต้องโต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก”
เล่ยฝูกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย จากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบเมื่อกล่าววาจาเหล่านี้จบ
แม้ว่าไฮว่คงจื่อจะไม่ให้คำอธิบายอื่นเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่สีหน้าของเขาก็ไม่น่าแลดูมากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับที่เล่ยฝูได้กล่าวไว้ การกระทำศิษย์ของสำนักเต๋าภายในพิภพกุมภเต๋านั้นน่าละอายอยู่บ้างจริง ๆ และโลกภายนอกก็อาจประณามต่อการกระทำทั้งหมดนี้อยู่ในตอนนี้
แน่นอนว่า คำถากถางเหน็บแนมทั้งหมดนี้ ไม่อาจส่งผลต่อสภาพจิตใจของไฮว่คงจื่อได้ ซึ่งนี่ไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวและเจ็บแค้นที่สุด
แต่… มันคือความจริงที่เขาตัดสินใจไว้คร่าว ๆ แล้ว!
เมื่อคิดมาถึงจุดนี่ ไฮว่คงจื่อชำเลืองมองไปที่จักรพรรดิอิ่งฉินซึ่งนั่งอยู่ด้านข้าง เขาสังเกตเห็นว่าจักรพรรดิอิ่งฉินยังคงดูไร้กังวล นั่นยิ่งทำให้ไฮว่คงจื่อเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนอยู่ในใจ
ไฮว่คงจื่อก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ มันทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ถึงขั้นที่ว่าไม่อาจสงบจิตใจได้อีกต่อไป
…
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การต่อสู้ที่ดุเดือดหลายครั้งได้ปะทุขึ้นในระหว่างเดือนนี้ อีกทั้งยังการต่อสู้ที่น่าตกตะลึงและน่าหดหู่ก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน ทำให้หลายคนถึงกับถอนหายใจด้วยความตื่นเต้น
อิทธิพลของการต่อสู้เหล่านี้ ยิ่งใหญ่เสียจนไม่อาจอธิบายได้ด้วยวาจาเพียงไม่กี่คำ
ในทางกลับกัน การถกวิถีเต๋ายังคงดำเนินต่อไปในท้ายที่สุด
ตัวตนของผู้ชนะคนสุดท้าย และตัวตนของศิษย์ทั้งยี่สิบห้าคนที่จะยืนหยัดเหนือคนอื่น ๆ และเข้าสู่รอบต่อไปของการถกวิถีเต๋า ทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในอีกสองเดือนให้หลังเท่านั้น!
…
พิภพกุมภเต๋า
ภายใต้ม่านรัตติกาล เหลิ่งซิงหุนเอามือไพล่หลังขณะที่ยืนอยู่ตรงจุดนั้นเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ “ดูเหมือนว่าเราจะประเมินพลังฝีมือของศิษย์เขาเทพพยากรณ์ต่ำไปมากจริง ๆ”
มีเพียงสายลมที่ส่งเสียงหวีดหวิวไปทั่วฟ้าดินอันเงียบสงบ
ขณะที่พวกเขาหวนนึกถึงทุกสิ่งในตลอดเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะไม่พอใจมากเพียงใด แต่ก็ต้องยอมรับว่าศิษย์เขาเทพพยากรณ์ที่เข้าร่วมการถกวิถีเต๋าทั้งสิบคนนั้น ล้วนแต่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
หากไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาคงไม่สูญเสียหนักขนาดนี้
“เหลือเวลาอีกเพียงสองเดือนเท่านั้น เราไม่อาจต่อสู้เช่นนี้ได้อีกต่อไปได้ มิฉะนั้นจะเป็นกองกำลังอื่น ๆ ได้รับผลประโยชน์ในท้ายที่สุด” หลังเวลาผ่านไปนาน เหลิ่งซิงหุนพลันกล่าวขึ้นด้วยดวงตาที่ส่องประกายแวววาว
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเราจะพักสักระยะหนึ่ง เราจะกลับมารวมกลุ่มกัน ไว้เราได้หม้อจารึกเต๋าโบราณ แล้วค่อยไปสู้กับเขาเทพพยากรณ์ก็ยังไม่สาย”
“ขอรับ!” คนอื่น ๆ ยอมรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียงเมื่อได้ยินสิ่งนี้
…
“ศิษย์พี่ใหญ่ตงหวง เราได้รับข่าวว่ากลุ่มของนิกายอำนาจเทวะได้เปลี่ยนกลยุทธ์ของพวกมันแล้ว เราควรทำอย่างไรดี?” จูเชี่ยนอวี้กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาจากอีกฟากหนึ่ง
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทางเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดคือการอยู่เฉย ๆ ไปสักระยะหนึ่ง ข้าได้ยินมาว่าสำนักเต๋าได้กลายเป็นตัวเต็งในตอนนี้แล้ว ฮ่า ฮ่า แม้ว่าข้าจะรู้สึกชื่นชมต่อสหายของเราเหล่านี้จากสำนักเต๋าก็ตาม” ตงหวงอิ่นเซวียนยิ้มพลางกล่าวอย่างช้า ๆ “เราจะทำตามที่ข้าเพิ่งกล่าวไป เราเหลือศิษย์เพียงยี่สิบสองคน และเราไม่อาจต่อสู้แบบนี้ต่อไปได้ นับแต่บัดนี้เราต้องออกเดินทางร่วมกัน”
…
“ศิษย์พี่สืออวี๋ ยังไม่มีข่าวคราวของศิษย์พี่หญิงจนถึงบัดนี้ เกรงว่า… คนอื่น ๆ หลายคนก็กังวลว่านางจะต้องประสบเคราะห์ร้ายเช่นกัน” สตรีในชุดธรรมดากล่าวด้วยความกังวล
“ข้าเข้าใจ” สืออวี๋เม้มริมฝีปากตน พลางเผยสีหน้าอันมืดมน ใบหน้าเด็ดเดี่ยวและเฉียบคมกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันอันเย็นชา
มีศิษย์หญิงอีกหกคนจากตำหนักเต๋าหนี่หวาอยู่เคียงข้าง ตอนนี้หากรวมเขาด้วยจะเป็นกลุ่มเจ็ดคน
แต่นี่ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
ท้ายที่สุด กว่าพวกเขาทั้งเจ็ดจะมารวมตัวกันได้นั้น ต้องประสบความยากลำบากอย่างมาก ทั้งยังต้องผจญกับอันตราย และวิกฤตอันนับไม่ถ้วนในระหว่างทาง
จนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่อาจระบุได้อย่างแน่ชัดว่า ศิษย์ทั้งสี่สิบคนของตำหนักเต๋าหนี่หวาที่เข้าร่วมในครั้งนี้ จะหลงเหลืออยู่สักกี่คน
ทว่าพวกเขาสามารถระบุได้อย่างคร่าว ๆ ว่า สถานการณ์ไม่เป็นไปในทางที่ดีนัก!
เพราะเช่นเดียวกับเฉินซี พวกเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นของอุบายที่แยบยลจากการถูกปิดล้อมหลายครั้ง พวกเขาต่างต้องทนกับความเจ็บช้ำจากการถูกกำจัดครั้งแล้วครั้งเล่า
“เจ้าพวกนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสาปแช่งนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกมันวางแผนเรื่องนี้มาเนิ่นนานแล้ว ทั้งยังใช้กลอุบายบางอย่างในระหว่างการถกวิถีเต๋านี้!” หลังจากที่เงียบไปเป็นเวลานาน ความโกรธของสืออวี๋ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อเขาคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้น และอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งออกไป
“ศิษย์พี่สืออวี๋ ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น ดูเหมือนว่าสำนักเต๋าจะทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว” สตรีนางหนึ่งฉุกคิดขึ้นได้
สืออวี๋ตกตะลึง จากนั้นหัวเราะอย่างขมขื่น “ด้วยเหตุนี้ มีเพียงตำหนักเต๋าหนี่หวาเท่านั้นที่ถูกขังไว้ในความมืดหรือ?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาก็ส่ายศีรษะอีกครั้ง “ไม่สิ ข้าเกรงว่าเฉินซีและคนอื่น ๆ ของเขาเทพพยากรณ์จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเราอย่างแน่นอน”
สตรีในชุดกระโปรงธรรมดาและคนอื่น ๆ ยังคงเงียบ ในขณะที่หัวใจของพวกเขารู้สึกหนักอึ้ง
“แต่พวกเจ้าทุกคนก็ไม่ต้องกังวลไป ศิษย์พี่คงโหยวหรานจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือรักษาพลังและความอดทนของเรา ในขณะที่มุ่งเน้นไปที่การค้นหาหม้อจารึกเต๋าโบราณ ยิ่งไปกว่านั้น บางทีเราอาจจะสามารถมาบรรจบกับศิษย์พี่คงโหยวหรานได้ภายในวันสองวันนี้”
สืออวี๋อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา เมื่อสังเกตเห็นบรรยากาศที่หนักอึ้งและเงียบลงเล็กน้อย จึงเอ่ยปลอบใจพวกนาง แต่กลับรู้สึกมีมีดปักอยู่ในอก ข้าต้องขอคำอธิบายหลังจากการถกวิถีเต๋ารอบนี้สิ้นสุดลงให้ได้!
…
ภายใต้ม่านรัตติกาล และภายในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า เฉินซีกำลังเดินเพียงลำพัง
หลังจากนั้นพักใหญ่ ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่แขวนอยู่เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยท่าทางเฉยเมย ในขณะที่ดวงตาลึกล้ำเหมือนหุบเหวนั้นถูกกลืนหายไปกับแสงจันทร์เรืองรองอันเยียบเย็นเสียดกระดูก
เขาเอาชนะคู่ต่อสู้นับไม่ถ้วนในช่วงเวลาเดือนนี้ ผ่านการต่อสู้ดุเดือดมากมาย แต่ยังไม่เคยพบศิษย์คนใดจากเขาเทพพยากรณ์เลย
“หรือว่าในโลกนี้จะมีสิ่งที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมได้จริง ๆ?” เฉินซียังคงไม่เข้าใจว่าทำไมโชคชะตาของเขาถึงย่ำแย่มาตลอดทั้งเดือนนี้ ถูกปิดล้อมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่พบเหล่าศิษย์เขาเทพพยากรณ์เลยสักคน
นี่มันผิดปกติเกินไป!
เฉินซีเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าต่อให้โชคและชะตาของเขาจะพิเศษเพียงใดก็ตาม ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถส่งผลต่อชะตากรรมของเขาได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถระบุได้ว่า ชะตากรรมของกู่เยี่ยน ฮวาเยี่ยน ถูเมิ่ง และคนอื่น ๆ ในการถกวิถีเต๋า จะเปลี่ยนไปโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวหรือไม่
การเปลี่ยนชะตากรรมจำเป็นต้องเป็นมหาเทพเต๋าที่เริ่มเข้าใจมหาเต๋าแห่งลิขิตอย่างน้อยกระมัง? ถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วใครจะสามารถทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้ในขณะที่การถกวิถีเต๋ากำลังถูกจับตามองโดยผู้คนมากมายเพียงนี้? เฉินซีไม่สามารถเข้าใจได้
ยิ่งเป็นอย่างนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลในใจมากขึ้น สีหน้าเริ่มเฉยเมย ในขณะที่จิตสังหารรุนแรงทบทวี!
………………..