บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1856 ความคิดเห็นที่ต่างกัน
บทที่ 1856 ความคิดเห็นที่ต่างกัน
………………..
บทที่ 1856 ความคิดเห็นที่ต่างกัน
ใบหน้าของหลี่หลูเฟิงและคนอื่น ๆ ดูมืดมนอย่างยิ่ง
แม้พวกเขาจะทราบดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการบุคคลอย่างเฉินซีและคงโหยวหราน แต่ก็ไม่คิดว่าการต่อสู้จะพลิกผันได้ถึงปานนี้
หากพวกเขารู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาคงไม่เลือกที่จะต่อสู้กับเฉินซีและคงโหยวหรานอย่างแน่นอน
แต่ทุกอย่างได้เกิดขึ้นแล้ว และมันสายเกินไปที่จะนึกเสียใจ
“ทุกคน เหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกกำลังจับตาดูเราอยู่ แม้เราจะต่อสู้จนถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น แต่เราต้องฆ่าสองคนนี้ให้ได้!” หลี่หลูเฟิงเค้นเสียงลอดไรฟัน ซึ่งแฝงไปด้วยความเกลียดชังอันไม่มีที่สิ้นสุด
ในอดีตสำนักเต๋าของพวกเขาได้วางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด แต่เนื่องจากการต่อสู้ครั้งนี้ หลี่หลูเฟิงจึงจงเกลียดจงชังต่อคงโหยวหรานและเฉินซีสุดขั้วหัวใจ
เมื่อนางได้ยินสิ่งนี้ คงโหยวหรานก็เริ่มแย้มยิ้มออกมา และกล่าวอย่างเฉยเมย “ความทะเยอทะยานของเจ้าสมควรได้รับคำชม”
ดูเหมือนนางจะเปี่ยมด้วยความยินดีที่ได้เห็นปฏิกิริยาดังกล่าวจากหลี่หลูเฟิง และนี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การต่อสู้เพื่อหม้อจารึกเต๋าโบราณก่อนหน้านี้ทำให้นางโกรธเคืองอย่างแท้จริง
คงโหยวหรานตกตะลึง และทันใดนั้น ดวงตาสุกใสของนางก็ทอประกายจ้าแวบหนึ่ง พลันกวาดสายตามองหลี่หลูเฟิงและคนอื่น ๆ ก่อนที่จะกล่าว “คราวนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน”
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน เสียงของนางยังไม่ทันจางหาย คงโหยวหรานและเฉินซีก็หายตัวไปจากจุดนั้นแล้ว
ทั้งสองรวดเร็วมากจนหลี่หลูเฟิงและคนอื่น ๆ ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้เลย
“ไอ้สารเลว! เจ้าคิดหนีเหรอ!?” ศิษย์ของสำนักเต๋าคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและตั้งใจจะไล่ตามพวกเขา
“เจ้าจะไปหาที่ตายเหรอ?” สีหน้าของหลี่หลูเฟิงโกรธเกรี้ยวสุดขีด ในขณะที่เขาคำรามหยุดศิษย์คนนั้น
ทันใดนั้น สีหน้าของศิษย์เหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนไม่รู้จบ ทว่าหัวใจของพวกเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ ความขุ่นเคือง และความหดหู่
“ถ้าศิษย์พี่เย่เฉินและอวี้จิ่วหุยอยู่ที่นี่ พวกมันก็คงไม่หนีไปได้อย่างนี้หรอก!?” หนึ่งในนั้นกล่าวอย่างเกลียดชัง
วาจาเหล่านี้สะท้อนความคิดของศิษย์คนอื่น ๆ ของสำนักเต๋าชัดเจน
คงโหยวหรานและเฉินซีนั้นน่ากลัวเกินจินตนาการจริง ๆ แต่พวกเขาก็เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าหากเย่เฉินและอวี้จิ่วหุยอยู่ที่นี่ด้วย เรื่องเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
มีเพียงหลี่หลูเฟิงเท่านั้นที่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธแค้นอย่างอธิบายไม่ได้ เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านี้ เขาแค่นเสียงเย็นพลางกล่าวว่า “ไยไม่บอกไปเลยเล่าว่าเป็นเพราะพวกเขาแยกตัวออกจากกลุ่มออกไป ทำให้พวกเราได้รับความสูญเสีญอย่างหนักเช่นนี้”
ทุกคนล้วนตกตะลึงกันถ้วนหน้า จากนั้นจึงนิ่งเงียบไป
“เช่นนี้ ศิษย์พี่หลี่คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะความผิดของข้าเย่เฉินและศิษย์น้องอวี้ ใช่หรือไม่?” ในขณะนี้ เสียงแผ่วเบาและสงบดังก้องมาจากระยะไกล
“ดูเหมือนศิษย์พี่หลี่จะไม่พอใจพวกเรามากทีเดียว” ในขณะเดียวกัน เสียงที่แข็งกร้าวดุจโลหะก็ดังก้องขึ้นตาม ๆ กัน
เมื่อหันหน้าไปมองดู หัวใจของทุกคนกลับต้องสั่นไหว พร้อมกับเย่เฉินที่สวมชุดดำและมีท่าทางสง่างามก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
ชายร่างสูงที่มีคิ้วเอียงสีดำและมีท่าทางเย็นชาอยู่ข้าง ๆ เย่เฉิน คืออวี้จิ่วหุยนั่นเอง
เมื่อเห็นทั้งสองมาถึง ใบหน้าของหลี่หลูเฟิงก็หมองลงอีกครั้ง “ศิษย์น้อง หรือว่าข้ากล่าวอันใดผิดไป? ถ้าพวกเจ้าสองคนไม่แยกตัวออกไป พี่น้องของเราจะถูกกำจัดอย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ?”
คำพูดห้วน ๆ และสื่อถึงการเผชิญหน้าโดยตรง เห็นได้ชัดว่าหลี่หลูเฟิงไม่คิดปิดบังความโกรธเกรี้ยวของตนอีกต่อไป
เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้ ศิษย์คนอื่น ๆ ล้วนเงียบกริบเหมือนจักจั่นในฤดูหนาว
ในบรรดาศิษย์ทั้งหมดของสำนักเต๋า เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย และหลี่หลูเฟิงเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
“ศิษย์พี่หลี่คิดผิดแล้ว หากเรามาไม่ทันเวลา เจ้าคิดว่าคงโหยวหรานและเฉินซีจะจากไปอย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ” เย่เฉินยิ้มอย่างไม่แยแส “อย่าพูดเลยว่าพวกมันกลัวเจ้า เหตุผลนี้มันไร้สาระเกินไป!”
คนอื่น ๆ ต่างเข้าใจได้ฉับพลัน พวกเขาตระหนักว่าการที่คงโหยวหรานและเฉินซีจากไปนั้น เป็นเพราะพวกเขาสังเกตเห็นเย่เฉินและอวี้จิ่วหุยกำลังจะมาถึง
หลี่หลูเฟิงทำเสียงฮึดฮัด และกำลังจะกล่าวอะไรบางอย่าง ทว่ากลับถูกอวี้จิ่วหุยชิงกล่าวตัดหน้า “เอาละ ศิษย์พี่หลี่ เราไม่ได้มาเพื่อทะเลาะ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป รังแต่ทำให้โลกภายนอกหัวเราะเยาะสำนักเต๋าของเราเท่านั้น”
หลี่หลูเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง “เอาละ เราจะไม่กล่าวถึงเรื่องนี้อีก แต่เราต้องให้เขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาชดใช้ต่อเรื่องนี้!”
เย่เฉินดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ และเขาก็กล่าวอย่างผ่อนคลายว่า “ศิษย์พี่หลี่ มีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าควรจะกล่าวหรือไม่”
หลี่หลูเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ว่ามา”
ทันใดนั้น แววตาของเย่เฉินก็เปลี่ยนเป็นอย่างเย็นชา ในขณะที่มันกวาดผ่านหลี่หลูเฟิงและคนอื่น ๆ ราวกับสายฟ้าอันเยียบเย็น “นี่คือการถกวิถีเต๋า และเป็นการแข่งขันเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่ง หาได้ใช่แผนการ! เหตุผลที่สำนักเต๋าของเราสามารถจัดงานที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ก็ไม่ใช่สิ่งใดอื่น นอกจากเพราะคำพูด ความเป็นธรรม และความเป็นกลาง ลองถามตัวเองดูว่าพวกเจ้าทุกคน… ทำเช่นนั้นได้หรือไม่?”
เขากล่าวทีละคำด้วยเสียงอันทรงพลัง และทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบลงทันที
เย่เฉินกล่าวอย่างไม่แยแส “ศิษย์พี่หลี่ อย่าถือว่าคนอื่นเป็นค้างคาวตาบอด ตั้งแต่การถกวิถีเต๋าเริ่มต้นขึ้น ศิษย์สำนักเต๋าของเรา สำนักศักดิ์สิทธิ์ และนิกายอำนาจเทวะสามารถมาบรรจบกันในทันทีที่เป็นไปได้ แต่มีเพียงศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวาเท่านั้นที่ไม่สามารถบรรลุสิ่งนี้ได้ เจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่”
ก่อนที่หลี่หลูเฟิงจะตอบกลับ เย่เฉินก็กล่าวอย่างเข้มแข็ง “นี่มันผิดปกติ! เจ้าควรตระหนักไว้ โดยอาศัยความได้เปรียบของจำนวน สำนักเต๋าของเราจึงได้รับความได้เปรียบมาก นับตั้งแต่การถกวิถีเต๋าเริ่มขึ้น!”
ท่าทางของหลี่หลูเฟิงมืดมนอย่างสมบูรณ์ “นี่คือการเตรียมการของเหล่าผู้อาวุโสจากนิกายของเรา หรือว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสิ่งนั้น”
“หรือว่าผู้อาวุโสของนิกายจะไม่ทำผิดพลาด?” เย่เฉินหัวเราะเบา ๆ “ศิษย์พี่หลี่ ถ้าเจ้าคิดว่าข้าผิด ก็เชิญเจ้าดำเนินการต่อ แต่ข้าเย่เฉินจะไม่ไปกับเจ้า!”
ทันทีที่สิ้นวาจา เขาก็สะบัดแขนเสื้อและจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
เหตุนี้ทำให้ศิษย์ของสำนักเต๋าหลายคนวิตกกังวลและสงสัย
เช่นเดียวกับที่เย่เฉินกล่าว พวกเขาได้มาบรรจบกันในช่วงเวลากว่าหนึ่งเดือนนี้ ทั้งยังอาศัยความได้เปรียบในจำนวนเพื่อที่จะกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแทน
อย่างไรก็ตาม พวกเขามักมองข้ามเรื่องหนึ่งอยู่เสมอ ว่าการกระทำนี้ยุติธรรมและเป็นกลางจริงหรือ?
“พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พวกเจ้าโชคดี” อวี้จิ่วหุยที่เงียบอยู่จนถึงตอนนี้ก็กล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันหลังกลับและจากไปเช่นเดียวกัน
สิ่งนี้ทำให้ใบหน้าของหลี่หลูเฟิงไม่น่าดูยิ่งขึ้น เขาไม่คิดเลยว่า ไม่เพียงแต่เย่เฉินและอวี้จิ่วหุย จะไม่มาช่วยเหลือ แต่ทั้งสองกลับมาประณามพวกเขาอีกด้วย
ไร้สาระเสียจริง!
“ทุกคนมิต้องกังวลไป ถ้าเราฝ่าฝืนกฎของการถกวิถีเต๋า เราคงถูกลงโทษและถูกกำจัดไปนานแล้ว” ไม่นานให้หลัง หลี่หลูเฟิงก็หายใจเข้าลึก ๆ และปลอบใจคนอื่น ๆ “ไม่ต้องกล่าวถึงว่าทั้งหมดนี้จัดแจงโดยเหล่าผู้อาวุโสของนิกายเรา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ความผิดอย่างแน่นอน”
“แล้ว… เราควรทำอย่างไรต่อไปดี?” หนึ่งในนั้นอดไม่ได้ถามเสียงแผ่วเบา
“ดำเนินการตามแนวทางของเราต่อไป!” หลี่หลูเฟิงกล่าวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาไม่คิดใส่ใจกับสิ่งที่เย่เฉินและอวี้จิ่วหุยกล่าว ทั้งยังรู้สึกว่าทั้งสองดื้อรั้นและจองหองเกินไป
…
การสนทนานี้ก็จบลงเช่นนั้น เหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกไม่อาจได้ยินเนื้อหาของการสนทนานี้ และพวกเขาก็ไม่ใส่ใจเรื่องนี้เช่นกัน
ในขณะนี้ เหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกต่างตื่นเต้นที่จะพูดถึงการต่อสู้ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ซึ่งจบลงอย่างกะทันหัน
ผู้ใดจะจินตนาการได้ว่า ในการต่อสู้ที่ต่างชั้นกันด้วยจำนวนคนมากมายขนาดนั้น แท้จริงแล้วกลับจบลงด้วยการที่เฉินซีและคงโหยวหรานจากไปอย่างปลอดภัย?
แล้วผู้ใดจะจินตนาการได้ว่า พลังฝีมือของเฉินซีและคงโหยวหรานจะท้าทายสวรรค์เช่นนั้น อีกทั้งยังสามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้ถึงเจ็ดคน ในขณะที่เผชิญกับการโจมตีของศิษย์ยี่สิบหกคนจากสำนักเต๋า
มันเป็นไปไม่ได้เลย!
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกจึงตกตะลึงขนาดนี้
ในทางกลับกัน เฉินซีและคงโหยวหรานได้กลายเป็นตกเป็นหัวข้อสนทนาที่ร้อนแรงที่สุดระหว่างผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บ่มเพาะเหล่านี้ยังกล่าวคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา ว่าใครในสองคนนี้ที่มีพลังฝีมือกล้าแกร่งกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดสามารถสรุปได้ชัดเจน
เนื่องจากพลังฝีมือที่ทั้งสองได้เผยออกมานั้น ล้วนแต่น่าตกตะลึงและน่าครั่นคร้าม ดังนั้นเว้นแต่ทั้งสองจะต่อสู้กันเอง มิฉะนั้นก็ยากจะตัดสินเรื่องนี้ได้
ในโถงบรรจบ
ส่วนฉือซงจื่อกับเล่ยฝูต่างตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาพลันว่างเปล่าเล็กน้อย สถานการณ์ที่จะอาศัยสำนักเต๋า กำจัดศิษย์คนสำคัญของตำหนักเต๋าหนี่หวาได้มาถึงจุดจบแล้ว และมันทำให้พวกเขารู้สึกจนคำพูด
ทุกคนล้วนตกใจกับพลังฝีมือของเฉินซีและคงโหยวหรานเช่นกัน ทั้งยังวิพากษ์วิจารณ์ต่อพลังฝีมือของศิษย์สำนักเต๋าไม่หยุดเช่นกัน
ทั้งคู่ไม่พอใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถกล่าวกระไรได้ ท้ายที่สุดแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การที่ศิษย์เจ็ดคนของสำนักเต๋าถูกกำจัด ทำให้พวกเขาพอใจกับความโชคร้ายของสำนักเต๋าอยู่บ้าง
ภายในห้องโถง มีเพียงไฮว่คงจื่อและอาจารย์อาวุโสคนอื่น ๆ ของสำนักเต๋าเท่านั้นที่มีสีหน้าหม่นหมอง
ตามความเห็นของไฮว่คงจื่อ บรรดาศิษย์ของสำนักเต๋าควรเลือกที่จะจากไปทันทีที่เฉินซีมาถึงสมรภูมิเพราะนั่นคือทางเลือกที่ฉลาดที่สุด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็พลิกผันจนมาถึงจุดนี้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะสูญเสียศิษย์ไปเจ็ดคนเท่านั้น แต่ยังสร้างความขุ่นเคืองอย่างร้ายแรงให้กับเขาเทพพยากรณ์และตำหนักเต๋าหนี่หวา ดังนั้นสถานการณ์จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว
“ศิษย์น้องอิ่งฉิน มากับข้า!” ทันใดนั้น ไฮว่คงจื่อก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปยังส่วนลึกของห้องโถง
จักรพรรดิอิ่งฉินตกตะลึงเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ แต่ก็ลุกขึ้นติดตามไฮว่คงจื่อไป
เมื่อเห็นเหตุนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ในห้องโถงก็ไม่คิดอะไรอีก พวกเขาเพียงคิดว่าไฮว่คงจื่อไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่ศิษย์ของสำนักเต๋าประสบได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียมารยาทในที่สาธารณะ จึงเลือกจากไปชั่วคราว
มีเพียงอาจารย์อาวุโสบางคนของสำนักเต๋าเท่านั้นที่ตระหนักถึงบางสิ่ง ทุกคนจึงขมวดคิ้ว พลางทอดถอนใจยาว
………………..