บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1869 ช่วงสุดท้าย
บทที่ 1869 ช่วงสุดท้าย
ก่อนที่การต่อสู้อันชุลมุนจะปะทุขึ้น การต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับตงหวงอิ่นเซวียนได้ดึงดูดความสนใจจากผู้บ่มเพาะเกือบทั้งหมด
กระนั้นเมื่อพวกเขาเห็นเย่เฉิน อวี้จิ่วหุย และคนอื่น ๆ รีบเร่งไปกำจัดศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์คนนั้น ผู้คนต่างตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และเกิดความแตกตื่นโกลาหลในทันที
บางคนรู้สึกเสียดาย เนื่องเพราะพวกเขารู้สึกว่าเรื่องนี้ได้ขัดขวางการต่อสู้ระหว่างเฉินซีกับตงหวงอิ่นเซวียน และเป็นเรื่องที่น่าเสียดายจริง ๆ
บางคนตกตะลึงและไม่เข้าใจว่าเหตุใดสำนักเต๋าถึงร่วมมือกับตำหนักเต๋าหนี่หวา เพื่อเปิดฉากจู่โจมนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์
บางคนรู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก พวกเขาตระหนักชัดว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ นิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้สูญเสียโอกาสอันดีที่สุดในการทำลายเฉินซีไปโดยสิ้นเชิง
ท้ายที่สุดแล้ว เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ก่อนที่การถกวิถีเต๋าเป็นอันสิ้นสุดลง ทว่าบัดนี้ เหตุการณ์โกลาหลครั้งใหญ่ได้ปะทุขึ้นแล้ว ดังนั้นความได้เปรียบที่นิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ครองอยู่ก็พลันสลายไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งหากพวกเขาต้องการทำลายล้างกลุ่มของเฉินซีอีกครั้ง ก็ต้องจัดการกับตำหนักเต๋าหนี่หวาและสำนักเต๋าเสียก่อน
สรุปแล้ว การต่อสู้ที่ปะทุขึ้นอย่างกะทันหันในพิภพกุมภเต๋า ทำให้สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างถึงขีดสุด
ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ผู้บ่มเพาะทุกคนจากโลกภายนอกมิอาจคาดการณ์ได้เลย
…
เฉินซีเพ่งสายตามองทุกสิ่ง และระบุสถานการณ์คร่าว ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
โดยไม่ลังเลใจ ร่างสูงใหญ่วูบไหวและหายไปจากจุดนั้น ชายหนุ่มบุกเข้าไปในกลุ่มของตำหนักเต๋าหนี่หวา และช่วยจัดการกับศิษย์เหล่านั้นจากสำนักศักดิ์สิทธิ์
กลุ่มจากตำหนักเต๋าหนี่หวาซึ่งนำโดยคงโหยวหรานและสืออวี๋ได้ปราบปรามศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์จนเกือบล่าถอยด้วยความแพ้พ่าย อย่างไรก็ดี เมื่อตงหวงอิ่นเซวียนละทิ้งการต่อสู้กับเฉินซี และรุดมาช่วยเหลือพวกเขา สถานการณ์ก็กลับตาลปัตรทันที และพวกเขาต่อสู้กับกลุ่มจากตำหนักเต๋าหนี่หวาอย่างเข้มแข็ง
แต่เมื่อเฉินซีเข้าร่วมการต่อสู้ มันได้สร้างความกดดันอย่างมากต่อบรรดาศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์ทันที
ในทางกลับกัน เหล่าศิษย์ของสำนักเต๋าที่นำโดยเย่เฉินและอวี้จิ่วหุยก็ต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มของเหลิ่งซิงหุนจากนิกายอำนาจเทวะ
เมื่อเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าสำนักศักดิ์สิทธิ์ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ผู้คนในโลกภายนอกต่างประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ ทั้งยังรู้สึกสับสนงุนงงเล็กน้อย
เหตุผลก็คือ การต่อสู้ที่ปะทุขึ้นในวันนี้ เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป
ในตอนเช้า ถูเมิ่งถูกเหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน และคนอื่น ๆ ปิดล้อม จากนั้นเฉินซีก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
หลังจากนั้น เฉินซีได้ตั้งค่ายกลเพื่อต้านการโจมตีจากกลุ่มของเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียน ในขณะที่กลุ่มจากสำนักเต๋าและตำหนักเต๋าหนี่หวาต่อสู้กัน
ต่อมา เฉินซีออกจากค่ายกลเพียงลำพัง และเข้าปะทะกับตงหวงอิ่นเซวียน จากนั้นการต่อสู้ที่ชุลมุนนี้ก็ปะทุขึ้น…
การต่อสู้ทั้งหมดนี้ เป็นอันตรายถึงขีดสุด และเหลือเชื่ออย่างสุดขีด มันเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจคาดเดาได้
ตัวอย่างเช่น ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าแม้แต่ในสถานการณ์ที่เขาแบกกู่เยี่ยนที่บาดเจ็บสาหัส เฉินซียังคงสามารถช่วยเหลือถูเมิ่งที่ถูกปิดล้อมไว้ได้
ในทำนองเดียวกัน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเพียงค่ายกลเดียวจะทำให้เฉินซียืนหยัดได้เป็นเวลาหลายชั่วยาม ทำให้กลุ่มของเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนไม่อาจประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น
หรืออีกตัวอย่างหนึ่ง กลุ่มของสำนักเต๋าและตำหนักเต๋าหนี่หวาที่ขัดแย้งกันเมื่อไม่นานมานี้ แต่ตอนนี้ พวกเขากลับร่วมมือกันเพื่อโจมตีนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่วยสยบอันตรายที่เฉินซีเผชิญอยู่
ทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยตัวแปร ไม่ต้องกล่าวถึงผู้บ่มเพาะเหล่านั้นในโลกภายนอก แม้แต่เฉินซีและคนอื่น ๆ ที่ยังคงอยู่ในการต่อสู้ ก็อาจไม่คิดว่าเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้จะเกิดในช่วงสุดท้ายก่อนที่การถกวิถีเต๋าจะสิ้นสุดลง
มันเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้!
สรุปแล้ว การต่อสู้ที่ดุเดือดและชุลมุนอยู่ในขณะนี้ ได้ดึงดูดความสนใจของผู้บ่มเพาะทั้งหมดในโลกภายนอกได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ทุกคนตระหนักชัดว่าช่วงเวลาที่การต่อสู้อันชุลมุนนี้สิ้นสุดลง ก็เป็นช่วงเวลาที่การถกวิถีเต๋ารอบนี้สิ้นสุดลงเช่นกัน
…
เวลาหนึ่งถ้วยชาต่อมา ศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ถูกกำจัดโดยการโจมตีของเฉินซี
เหตุผลที่เขาสามารถบรรลุผลได้ เป็นเพราะคงโหยวหราน สืออวี๋ และคนอื่น ๆ ได้ช่วยต้านการโจมตีส่วนใหญ่จากตงหวงอิ่นเซวียนและศิษย์คนอื่น ๆ จากสำนักศักดิ์สิทธิ์
โครม!
โถงบรรจบ
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ฉือซงจื่อซึ่งแต่เดิมมีสีหน้ามืดมนอย่างมาก ก็มิอาจฝืนอดกลั้นต่อความโกรธแค้นในใจได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงฟาดฝ่ามือใส่โต๊ะตรงหน้าจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้เศษไม้กระเด็นไปทั่วบริเวณ
เขาเสียความสงบสุขุมอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังชี้ให้เห็นชัดว่าเขารู้สึกเสียใจและเดือดดาลมากเพียงใด
เล่ยฝูของนิกายอำนาจเทวะ มีสีหน้ามืดมนไม่ต่างกัน
อันที่จริงเหตุผลมันง่ายมาก ครั้นนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเฉินซี ก่อนที่การต่อสู้ชุลมุนจะปะทุขึ้น พวกเราก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง ทว่าเมื่อการต่อสู้ชุลมุนนี้ปะทุขึ้น ก็ทำให้ทุกสิ่งตกอย่างในความสับสนวุ่นวาย ซึ่งพวกเขาเกือบจะกำจัดกลุ่มของเฉินซีได้แล้ว แต่กลับต้องสูญเสียความได้เปรียบที่มีไปอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้แม้แต่ศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกกำจัดสิ้น แล้วฉือซงจื่อจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไร
“เรื่องราวในโลกนี้ ยากจะคาดเดาและผลันเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา” เหวินถิงทอดถอนใจยาวแรง ใบหน้าของจี้ซ่งจื่อและเล่ยฝูก็ดูเศร้าหมองยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้
…
หลังจากหนึ่งก้านธูป ศิษย์คนหนึ่งของสำนักเต๋าไม่ทันระวังตัว และถูกเหลิ่งซิงหุนกำจัดออกไป
ทันทีที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น มันก็ทำลายสถานการณ์สูสีของพวกเขาทันที และส่งผลให้สำนักเต๋ากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
เฉินซีสังเกตเห็นสิ่งนี้อย่างเฉียบแหลม ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ร่างจะวูบไหว และแยกตัวออกจากกลุ่มของตำหนักเต๋าหนี่หวา เพื่อโจมตีเข้าใส่กลุ่มของเหลิ่งซิงหุน
ไม่ว่าอย่างไร หากเย่เฉินและอวี้จิ่วหุยไม่ยื่นมือช่วยเหลือในวันนั้น กู่เยี่ยนก็คงจะถูกกำจัดไปแล้ว
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฉินซีย่อมมิอาจเมินเฉยต่อสิ่งที่กลุ่มของเย่เฉินกำลังเผชิญอยู่ได้
การกระทำของเฉินซี ไม่เพียงแต่ทำให้ศิษย์ของตำหนักเต๋าหนี่หวาตกตะลึง แม้แต่ศิษย์ของสำนักเต๋า นิกายอำนาจเทวะ และสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็ประหลาดใจ
ในไม่ช้า เย่เฉินและอวี้จิ่วหุยก็เข้าใจว่าเฉินซีกำลังตอบแทนบุญคุณพวกเขา แต่เมื่อหลี่ลู่เฟิงและคนอื่น ๆ เห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของพวกเขากลับดูดีขึ้นทันตา
ในช่วงสามเดือนของการถกวิถีเต๋า พวกเขาปะทะกับเฉินซีมากกว่าหนึ่งครั้ง บัดนี้เมื่อเห็น ‘อดีตศัตรู’ รุดมาช่วยเหลือ จะไม่ให้ตกใจและไม่เชื่อได้อย่างไร
ในทางกลับกัน การกระทำของเฉินซีไม่เพียงแต่ทำให้ศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์รู้สึกโกรธแค้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนสัญญาณบางอย่างอีกด้วย!
มันทำให้พวกเขาสงสัยทันทีว่าสำนักเต๋าได้แอบจับมือตกลงเป็นพันธมิตรกับตำหนักเต๋าหนี่หวาและเขาเทพพยากรณ์หรือไม่
หากไม่ใช่เช่นนั้น เหตุใดสำนักเต๋าถึงมาถึงที่นี่พร้อมกับตำหนักเต๋าหนี่หวา และขัดขวางแผนการของพวกเขาเช่นนี้
ยิ่งยามนี้ เฉินซีได้ยื่นมือช่วยเหลือสำนักเต๋า แล้วจะไม่สงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างกองกำลังทั้งสามนี้ได้อย่างไร
“ช่างเป็นอุบายอันยอดเยี่ยม! เยี่ยม! เยี่ยมมาก!” เล่ยฝูไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป และเขาเริ่มหัวเราะด้วยความเดือดดาลสุดขีด พลางจ้องไฮว่คงจื่อเขม็ง
เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มสงสัยว่าสำนักเต๋ากำลังเล่นตุกติกในระหว่างการถกวิถีเต๋าครั้งนี้
ไฮว่คงจื่อทอดถอนใจ ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย และไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น
“การถกวิถีเต๋ากำลังจะสิ้นสุดลง ยามนี้แม้แต่ศิษย์ของสำนักเต๋าของข้าก็หวังว่าจะยึดหม้อจารึกเต๋าโบราณได้มากขึ้น ดังนั้นเรื่องพวกนี้นับว่าธรรมดานัก” ไฮว่คงจื่อหายใจเข้าลึก ๆ และกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “หรือว่ามีเพียงศิษย์ของกองกำลังเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์แย่งชิงหม้อจากศิษย์ของสำนักเต๋าของข้า แต่ศิษย์สำนักเต๋าของข้าไม่อาจตอบโต้ได้? เหอะ นั่นมันไร้เหตุผลยิ่ง”
เล่ยฝูกล่าวเสียงเย็น “สหายเต๋าไฮว่คงจื่อ เจ้าควรตระหนักไว้ว่าข้าไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนั้น!”
ดวงตาของไฮว่คงจื่อหรี่ลง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร
เขาไม่คิดที่จะให้คำอธิบาย เพราะบรรดาผู้บ่มเพาะทุกคนในเมืองทศทิศล้วนแยกแยะถูกผิดได้ ดังนั้น ความเป็นธรรมของการถกวิถีเต๋า ย่อมได้รับความคิดเห็นที่ยุติธรรมจากสาธารณะเป็นธรรมดา
“นึกไม่ถึงว่าวิธีการอาจารย์อาของเจ้าจะยอดเยี่ยงปานนี้ บางทีมันอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่การกระทำของเขาได้ลากศิษย์ของสำนักเต๋าไปอยู่คนละฝั่งกับนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ” อวี่เจินส่งกระแสปราณ และหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ข้าเชื่อว่าท่านอาจารย์อาไม่ได้คิดมากหรอก ตามที่กล่าวไว้ บุญคุณย่อมทดแทน แค้นต้องชำระ กู่เยี่ยนได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าศิษย์ของสำนักศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นท่านอาจาย์อาย่อมไม่ลืมบุญคุณนี้” เหวินถิงกล่าวอย่างเรียบ ๆ แต่แท้จริงแล้ว นางทราบดีว่าการกระทำของเฉินซีนั้น ถือว่าเป็นการยิงนกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว ดังนั้นนางจึงไม่ปฏิเสธความคิดเห็นของอวี่เจิน
…
ผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกต่างคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา ในขณะที่การต่อสู้อันชุลมุนยังคงดำเนินต่อไปในพิภพกุมภเต๋า
ด้วยความช่วยเหลือของเฉินซี การต่อสู้ระหว่างศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักเต๋าก็กลับมาสูสีอีกครั้ง และถึงขั้นที่สำนักเต๋าครองความได้เปรียบเล็กน้อยด้วยซ้ำ
แต่มันก็ยากที่จะกำจัดศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะในช่วงเวลาสั้น ๆ
ในอีกด้านหนึ่ง การต่อสู้ระหว่างตำหนักเต๋าหนี่หวาและสำนักศักดิ์สิทธิ์ ก็เข้าสู่สถานการณ์ที่เท่าเทียมกันเช่นกัน ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำและไม่มีผู้ใดได้เปรียบ
เมื่อเวลาผ่านไป ภายใต้การจ้องมองอย่างกังวลของผู้บ่มเพาะทุกคนในโลกภายนอก เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงสามเค่อ ก่อนที่การถกวิถีเต๋ารอบแรกจะสิ้นสุดลง!
แต่จนถึงขณะนี้ แม้ว่าการต่อสู้จะดุเดือดมาก แต่ก็ไม่มีศิษย์สักคนเดียวที่ถูกกำจัด ทำให้มันดูน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
แต่ถ้าใครพินิจการต่อสู้อย่างระมัดระวัง ทั้งหมดนี้ก็มีเหตุผล
ตัวอย่างเช่น นิกายอำนาจเทวะมีศิษย์ทั้งหมดหกคน สำนักศักดิ์สิทธิ์มีห้าคน สำนักเต๋ามีแปดคน ตำหนักเต๋าหนี่หวามีเจ็ดคน และเขาเทพพยากรณ์มีสามคน
ทว่ากู่เยี่ยนและถูเมิ่งจากเขาเทพพยากรณ์ไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้
แม้ว่าสำนักเต๋าจะมีศิษย์อยู่มากมาย แต่ก็ชัดเจนว่านอกจากเย่เฉิน อวี้จิ่วหุย และหลี่หลูเฟิงแล้ว พลังฝีมือของบรรดาศิษย์ที่เหลืออยู่ ก็ยังด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ในทางกลับกัน ศิษย์ของนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะลดน้อยลง แต่ทุกคนที่สามารถยืนหยัดได้จนถึงขณะนี้ ล้วนเป็นผู้ที่มีฝีมือกล้าแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เผยจุดอ่อนใด ๆ ในระหว่างการต่อสู้
ตำหนักเต๋าหนี่หวาน่าจะเป็นกองกำลังที่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่สมดุลที่สุด มีเพียงคงโหยวหรานและสืออวี๋เท่านั้นที่โดดเด่น
ดังนั้นด้วยความช่วยเหลือของเฉินซี ศิษย์ของสำนักเต๋าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้อันชุลมุนนี้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะกำจัดศัตรูของพวกเขาได้
การต่อสู้ระหว่างศิษย์ของตำหนักเต๋าหนี่หวาและสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
บางทีอาจเป็นเพราะสถานการณ์ดังกล่าวไม่มีทางที่จะพลิกกลับได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ดังนั้นเหลิ่งซิงหุนจึงตระโกนลั่นในช่วงสุดท้ายก่อนที่การถกวิถีเต๋าจะสิ้นสุดลง “ทุกคน ไม่มีประโยชน์ที่จะสู้ต่อไป ไยพวกเราถึงไม่หยุดมือ?”