บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1871 แสดงให้โลกได้เห็น
บทที่ 1871 แสดงให้โลกได้เห็น
วิ้ง ~~
เฉินซีปรากฏตัวในแดนซ่อนเร้นพร้อมกับความผันผวนอันคลุมเครือ
ที่แห่งนี้เหมือนกับความโกลาหลที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโกลาหลจนไม่อาจมองเห็นฟ้าดินได้ มันช่างเงียบสงบราวกับถูกแยกออกจากโลก
นี่คือแดนวสันต์โบราณหรือ?
เฉินซีสัมผัสได้ชัดเจนว่ามิติและเวลาที่นี่คล้ายกับหยุดนิ่ง ทำให้ผู้คนรู้สึกเชื่องช้ายิ่ง หากไม่สัมผัสอย่างระมัดระวังก็จะไม่สามารถรับรู้ถึงการผันผวนของกาลเวลาได้!
เฉินซีเคยเป็นเจ้าของเคหาดารามาก่อน จึงยิ่งคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ เขาสรุปได้ทันทีว่าพลังกาลเวลาของที่นี่เชื่องช้าอย่างไม่มีสิ้นสุด!
“ศิษย์ทั้งยี่สิบห้าคนจงรับฟังคำสั่ง สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของพวกข้าสำนักเต๋า… แดนวสันต์โบราณ หากทำการฝึกฝนที่นี่หนึ่งเดือนก็จะเท่ากับหนึ่งวันในโลกภายนอก พวกเจ้าสามารถทำสมาธิที่นี่เพื่อฟื้นฟูพลังกายก่อนจะเริ่มรอบที่สองของการถกวิถีเต๋า”
เสียงอันสง่าของไฮว่คงจื่อดังขึ้นอีกครั้ง
“อย่างที่คาดไว้เลย”
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเช่นนี้ ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิ ละทิ้งความคิดไขว้เขวในใจก่อนจะเริ่มใช้เวลาในการบ่มเพาะ
…
รอบแรกของการถกวิถีเต๋ากินเวลานานสามเดือน
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา การดวลไร้ใครเทียบได้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังการต่อสู้ของศิษย์จากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ
ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ในโลกภายนอกตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าศิษย์จากห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิทรงพลังตามที่ลือกันมา มันช่างน่าทึ่งและไร้เทียมทานจนเกินกว่าจะจินตนาการได้!
ในบรรดาพวกเขา สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเฉินซี กู่เยี่ยน ตงหวงอิ่นเซวียน เหลิ่งซิงหุน คงโหยวหราน สืออวี๋ เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย รวมถึงศิษย์คนอื่นอย่างไม่ต้องสงสัย
สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือฮวาเยี่ยน ศิษย์อันดับสองในรุ่นสามของเขาเทพพยากรณ์ ซึ่งเป็นตัวตนไร้ใครเทียบในขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ระดับสองจะถูกล้อมโจมตีจนพ่ายอย่างน่าเสียดายก่อนจะถูกคัดออกจากการแข่งขัน ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหลายต่างพากันถอนหายใจ
แต่น่าเสียดายที่อาจเป็นเพราะโชคร้าย จึงทำให้ฮวาเยี่ยนถูกคัดออกในที่สุด
โดยรวมแล้วในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา นอกจากผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกได้เห็นการต่อสู้กันครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังได้เห็นตัวตนอันน่าตื่นตาตื่นใจแห่งห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิพากันถอนตัวออกจากการแข่งขันอย่างน่าเศร้า
พวกเขากู่ร้อง ตกตะลึง ประหลาดใจ และหวาดกลัวขณะดูการถกวิถีเต๋าตลอดสามเดือนโดยไม่ละสายตาเลยสักนิด
บัดนี้เมื่อการถกวิถีเต๋ารอบแรกสิ้นสุดและได้เห็นศิษย์ยี่สิบห้าคนที่ได้รับหม้อจารึกเต๋าโบราณเพื่อเข้าสู่แดนวสันต์โบราณ ผู้บ่มเพาะทั้งหมดที่อยู่ภายนอกก็โล่งอกก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา
แต่พวกเขาทราบดีว่ามันยังไม่จบ
เพราะการถกวิถีเต๋ารอบสองกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า!
ถึงตอนนั้น การเผชิญหน้าอันน่าตกตะลึงแบบไหนจะเกิดขึ้นระหว่างเฉินซี เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน และคนอื่น ๆ กันนะ
ทุกคนต่างตั้งตารอ
แต่คาดไม่ถึงที่ก่อนการถกวิถีเต๋ารอบที่สองจะเริ่มขึ้น บางสิ่งบางอย่างกลับเกิดขึ้นจนทำให้โลกตกตะลึง!
…
“ดูนั่น มันอะไรน่ะ?”
“ดูเหมือนว่าหัวหน้าอาจารย์อาวุโสจากสำนักเต๋า จักรพรรดิอิ่งฉิน!”
“ทะ… ทำไมเขาถึงถูกจองจำ?”
ไม่นานหลังจากการถกวิถีเต๋ารอบแรกสิ้นสุดลง ผู้บ่มเพาะในเมืองทศทิศก็สังเกตเห็นว่ามีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องนภาเหนือสำนักเต๋า
ร่างนั้นมีผมกระเซิง ร่างกายถูกมัดด้วยโซ่ศักดิ์สิทธิ์สีดำหนา ถูกจองจำอยู่ใต้ท้องนภา ทำให้ดูสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
หากมองให้ดีก็จะเห็นว่านั่นคือหัวหน้าอาจารย์อาวุโสจากสำนักเต๋า จักรพรรดิอิ่งฉิน!
ทันใดนั้น ทั่วทั้งเมืองก็เกิดความโกลาหลและตกตะลึง มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
ตอนนี้จักรพรรดิอิ่งฉินคล้ายกับเป็นนักโทษที่ถูกมัดอยู่ในที่สาธารณะงั้นหรือ?
“ในที่สุดเรื่องนี้ก็คลี่คลายแล้วหรือ?”
ดูตัวตนยิ่งใหญ่บางส่วนพอจะเดาอะไรบางอย่างได้ พวกเขาต่างพากันหรี่ตาพร้อมกับลอบถอนหายใจ โดยทราบว่าคราวนี้สำนักเต๋าเอาจริงแล้ว
…
โถงบรรจบ
เมื่อทุกคนในห้องโถงเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาต่างตกตะลึงก่อนจะหันไปมองเป็นตาเดียว
หากสังเกตให้ดีก็จะพบว่าสีหน้าของเล่ยฝูกับฉือซงจื่อเปลี่ยนไปราวกับประหลาดใจเล็กน้อย
อีกด้านหนึ่ง ไฮว่คงจื่อกลับมีสีหน้าเฉยเมยและสงบราวกับคาดหวังเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น ในตอนนี้ เขาก็ถอนหายใจยาวออกมาก่อนจะเผยสีหน้าซับซ้อน
เหวินถิงกับเย่เฉินมองหน้ากันด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่จากนั้นพวกเขาก็เหมือนจะเข้าใจทุกอย่าง เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของจักรพรรดิอิ่งฉิน ทั้งคู่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจ
“เจ้าแพร่งพรายกฎของการถกวิถีเต๋าโดยไม่ได้รับอนุญาต อิ่งฉิน เจ้ายอมรับความผิดหรือไม่?”
ท่ามกลางความโกลาหลและความสับสน เสียงอันโอ่อ่าไม่ชัดเจนก็ดังขึ้นระหว่างฟ้าดิน
แต่ละคำพูดของเสียงนี้ประหนึ่งมหาเต๋าที่ดังกึกก้องและกระจ่างแจ้ง ทันทีที่ปรากฏ หัวใจของผู้บ่มเพาะทุกคนในเมืองทศทิศก็สั่นสะท้านพร้อมกับความรู้สึกยำเกรงที่ควบคุมไม่ได้พวยพุ่งออกมา
ทันใดนั้น ความโกลาหลทั้งหมดก็หยุดลงก่อนจะตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงอันคลุมเครือและสง่างามเท่านั้นที่ลอยอยู่เหนือฟ้าดิน มันช่างยิ่งใหญ่ไร้พรมแดนจนตราตรึงหัวใจผู้คน
บรรยากาศเคร่งขรึม
ทุกสรรพสิ่งเงียบสงัด
แต่หัวใจของผู้บ่มเพาะทุกคนไม่อาจสงบลงได้อยู่เนิ่นนาน กลายเป็นว่าจักรพรรดิอิ่งฉินแพร่งพรายกฎของการถกวิถีเต๋านี้!
ไม่แปลกใจที่เขาจะถูกมัดไว้บนท้องนภาเพื่อแสดงให้โลกได้เห็น!
“ศิษย์ยอมรับความผิด”
จักรพรรดิอิ่งฉินผู้อยู่บนท้องนภาประหนึ่งนักโทษเงยหน้าแล้วส่งเสียงอันแหบแห้งและอ่อนแรง เผยให้เห็นถึงความรำคาญและความเสียใจอย่างแสนสุด
ในตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดและโปร่งใส ดวงตาหมองหม่น ไม่มีร่องรอยของพลังที่เป็นของสิ่งมีชีวิตขอบเขตมหาราชเทวาอีกต่อไป
แม้แต่รูปลักษณ์ก็น่าสังเวชและหดหู่จนเกินกว่าจะทานทนได้
“ดี ขอเพียงเจ้าสำนึกผิดก็จะได้ตายโดยไม่ต้องเสียใจ”
เสียงอันสง่างามดังขึ้นอีกครั้ง
แต่เมื่อจักรพรรดิอิ่งฉินได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนจะตะโกน “ผู้อาวุโส! ผู้อาวุโส! ศิษย์ได้สารภาพความผิดแล้ว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
น้ำเสียงของเขาดูหวาดกลัวยิ่ง
ในตอนนี้ ผู้บ่มเพาะในเมืองต่างตกตะลึง พวกเขาไม่เคยคาดหวังว่าผู้ยิ่งใหญ่ในขอบเขตมหาราชเทวาจะถูกประหารชีวิตเพียงเพราะแพร่งพรายกฎของการถกวิถีเต๋า
สิ่งที่ไม่คาดคิดยิ่งกว่าก็คือคนที่พูดก่อนหน้านี้เป็นเจ้าสำนักเต๋า!
นี่คือการตัวตนสูงสุดที่สามารถยืนหยัดทัดเทียมกับปรมาจารย์แห่งเขาเทพพยากรณ์ ปรมาจารย์แห่งตำหนักเต๋าหนี่หวา เจ้านิกายอำนาจเทวะและเจ้าสำนักศักดิ์สิทธิ์!
ถึงกับสามารถทำให้เจ้าสำนักเต๋าออกหน้าและลงโทษด้วยตัวเองได้ จึงสามารถจินตนาการได้ว่าสำนักเต๋ามีความมุ่งมั่นในการปกป้องความยุติธรรมของการถกวิถีเต๋ามากเพียงใด
“ความผิดครั้งนี้ไม่อาจให้อภัยได้”
ท่ามกลางความตกตะลึง เสียงของผู้อาวุโสของสำนักเต๋าดังขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องกับสายฟ้าสีเทาปรากฏขึ้นบนท้องนภา
แม้สายฟ้าจะดูธรรมดา แต่กลับทำให้ใบหน้าของจักรพรรดิอิ่งฉินเปลี่ยนไปทันที แล้วเขาก็แผดเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง “ไม่…!”
ตู้ม!
อึดใจต่อมา ฟ้าคำรามเลื่อนลั่นพร้อมกับสายฟ้าที่ฟาดลงมา แล้วร่างของจักรพรรดิอิ่งฉินก็ถูกฟาดจนตายทันที ร่างสูญสลายหายไปในความว่างเปล่าโดยสมบูรณ์ ไม่อาจฟื้นคืนชีพอีก
ทั่วทั้งเมืองตกตะลึงขณะสูดไอเย็นเข้าไป ตัวตนยิ่งใหญ่ในขอบเขตมหาราชเทวาหายไปต่อหน้าต่อตา พลังที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ตัวสั่นราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง
…
ในโถงบรรจบ หัวหน้าอาจารย์อาวุโสทุกคน รวมถึงไฮว่คงจื่อก็อดไม่ได้ที่จะหน้าถอดสีขณะตกตะลึงที่ได้เป็นสักขีพยานกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ใช่แล้ว ไม่มีใครคาดคิดว่าการลงโทษที่เจ้าสำนักเต๋ากำหนดไว้จะเป็นการสังหารจักรพรรดิอิ่งฉิน
คนผู้นี้อยู่ในขอบเขตมหาราชเทวา อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าอาจารย์อาวุโสของหนึ่งในห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ เขาไม่เพียงแต่ทรงพลังเท่านั้น แต่สถานะและตัวตนยังสูงส่งเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย เขาใจกว้างมากยิ่งกว่าผู้อาวุโสประจำกองกำลังสูงสุดด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้กลับถูกลงโทษจนถึงแก่ความตายด้วยเหตุนี้!
โลกหล้าเงียบไปชั่วขณะ ปราศจากสุ้มเสียง ทุกคนตกตะลึงกับความเด็ดขาดของเจ้าสำนักเต๋า
“การถกวิถีเต๋ารอบสองในอีกสามวันจะดำเนินไปตามปกติ หากมีการฝ่าฝืนอีก มันจะไม่จบแค่นี้”
เสียงของเจ้าสำนักเต๋าดังขึ้น ซึ่งเป็นทั้งคำเตือนและคำขู่
“แค่ลงโทษผู้อาวุโสสำนักเต๋าเพียงคนเดียวเท่านั้นเองหรือ? ทั้งที่เขาเทพพยากรณ์ของข้าต้องทนทุกข์ทรมานมากที่สุดในการถกวิถีเต๋าครั้งนี้!”
ทันใดนั้น เหวินถิงก็ยืนขึ้นแล้วเอ่ยคำด้วยเสียงที่ชัดเจน น้ำเสียงดังกล่าวเล็ดลอดออกไปนอกห้องโถงขณะสะท้อนระหว่างฟ้าดิน
เล่ยฝูกับฉือซงจื่อต่างก็หน้าถอดสี ผู้หญิงคนนี้ยังจะเอาให้ถึงที่สุดอีกหรือ?
พวกไฮว่คงจื่อก็ประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
ในเมืองทศทิศ ผู้บ่มเพาะหลายคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของเหวินถิง ทั้งที่เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของสำนักเต๋า แต่ช่างน่าแปลกที่ศิษย์ของเขาเทพพยากรณ์ยังกล้าพูดเช่นนี้
“สหายตัวน้อยคนนี้โปรดวางใจได้ เมื่อการถกวิถีเต๋าสิ้นสุดลง ข้าจะอธิบายให้เขาเทพพยากรณ์กับตำหนักเต๋าหนี่หวาด้วยตัวเอง”
สิ้นคำเหล่านี้ เสียงของผู้อาวุโสของสำนักเต๋าก็เงียบไป
เมื่อเหวินถิงเห็นเช่นนี้ แม้นางไม่เต็มใจที่จะยอมรับ แต่ก็ทำได้เพียงจำยอมเท่านั้นขณะคิดกับตนเอง เอาเถอะ หากไม่สามารถทำให้อาจารย์อากับบรรพชนทั้งสองพอใจได้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่รามือเป็นแน่
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทั้งเล่ยฝูกับฉือซงจื่อก็ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะความตกใจของพวกเขาลดลง ทั้งสองกังวลว่าหากผู้อาวุโสจากสำนักเต๋ายังคงสืบสวนต่อไป มันจะเป็นอันตรายต่อทั้งนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์จนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
แม้เหตุการณ์นี้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้บ่มเพาะในตอนนี้ไม่อาจฟื้นตัวได้พักใหญ่
ในที่สุดผู้บ่มเพาะหลายคนก็เข้าใจว่าในระหว่างการถกวิถีเต๋ารอบแรก เขาเทพพยากรณ์ได้พบกับแผนการที่เตรียมการมาเป็นเวลานาน
ประกอบกับที่ได้เห็นพิภพกุมภเต๋าแล้ว พวกเขาทราบโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าตัวการหลักของการสมรู้ร่วมคิดนี้คือนิกายอำนาจเทวะและสำนักศักดิ์สิทธิ์!
สิ่งนี้ทำให้หลายคนโกรธ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรด้วยเกรงว่าจะเกิดปัญหา นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่านิกายอำนาจเทวะกับสำนักศักดิ์สิทธิ์ในแดนเทพโบราณทรงพลังมากแค่ไหน
กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปสามวันแล้ว
แต่สำหรับเฉินซีและศิษย์อีกยี่สิบสี่คนที่กำลังทำสมาธิในแดนวสันต์โบราณ เวลาก็ผ่านไปสามเดือนเต็ม
ตัง!
ในวันนี้ เสียงระฆังเต๋าอันลุ่มลึกและเคร่งขรึมก็ดังก้องไปทั่วโลก ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหลายในเมืองหยุดสนทนาขณะแสดงสีหน้าคาดหวัง
การถกวิถีเต๋ารอบที่สองจะเริ่มขึ้นในวันนี้!
………………..