บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1872 การถกวิถีเต๋าห้ารอบ ....................
บทที่ 1872 การถกวิถีเต๋าห้ารอบ
เสียงระฆังแพร่ทั่วฟ้าดินอย่างแช่มช้า
สำนักเต๋า
จัตุรัสแห่งการประชัน
ขณะที่เสียงระฆังกึกก้องทั่วทิศ คลื่นพลังสายหนึ่งก็พลิ้วไหวบนอากาศ ร่างมากมายปรากฏขึ้นจากภายใน ปรากฏว่าพวกเขาก็คือเฉินซีและศิษย์อีกยี่สิบสี่คนที่เข้าร่วมรอบที่สอง
พวกเขายืนกลางจัตุรัสด้วยสีหน้าตกตะลึง ดูเหมือนยังไม่ตื่นจากภวังค์สมาธิอย่างเต็มตา
สำหรับผู้คนในโลกภายนอก เวลาผ่านไปเพียงสามวันเท่านั้น แต่สำหรับพวกเขาทั้งยี่สิบห้าซึ่งพักฟื้นอยู่ในแดนวสันต์โบราณ เวลาผ่านไปถึงสามเดือนเต็ม
แค่จากปราณอันแผ่ออกทั่วร่างของพวกเขา ก็ทราบได้ว่าพลังกายของตัวตนเหล่านี้ต่างฟื้นฟูสมบูรณ์พร้อมแล้ว
กระทั่งกู่เยี่ยนและถูเมิ่งผู้บาดเจ็บสาหัสแต่เดิม ยังฟื้นตัวสมบูรณ์ในขณะนี้
“จะเริ่มกันแล้ว!”
“หกคนจากนิกายอำนาจเทวะ ห้าจากสำนักศักดิ์สิทธิ์ ห้าจากสำนักเต๋า หกจากตำหนักเต๋าหนี่หวา และสามจากเขาเทพพยากรณ์ ข้าสงสัยนักว่าการถกวิถีเต๋ารอบที่สองจะเป็นการประชันเช่นไร”
“เดี๋ยวเราก็ได้เห็นแล้ว”
ในบริเวณสำหรับผู้ชม ตัวตนยิ่งใหญ่จากหลากกองกำลังทั่วแดนเทพโบราณหารืออย่างมีชีวิตชีวา
“หืม? นั่นมัน….” ครู่ต่อมา ใครบางคนก็สังเกตพบว่าบนจัตุรัสมีคนปรากฏขึ้นเพิ่มอีกห้าคน แต่ละคนล้วนมีการบ่มเพาะในขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลและบรรยากาศแข็งแกร่ง นอกจากนั้น แรงกดดันยังไม่ด้อยไปกว่ากลุ่มศิษย์ยี่สิบห้าคนก่อนหน้านี้เลย
“ข้าเข้าใจแล้ว พวกเขาคือศิษย์อีกห้าคนที่ถูกคัดเลือกมา ต้องไม่ลืมว่าก่อนเริ่มต้น ผู้เข้าร่วมการถกวิถีเต๋าถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือศิษย์จาก ‘ห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ’ ซึ่งประชันแย่งยี่สิบห้าตำแหน่งที่จะได้ไปต่อในรอบที่สอง”
“กลุ่มที่สองเป็นเหล่าศิษย์จากสำนักและตระกูลโบราณต่าง ๆ ซึ่งแย่งห้าตำแหน่งสุดท้ายกัน”
“เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งห้าก็คือศิษย์ที่เลิศล้ำเหนือใคร และได้ไปต่อในรอบที่สองนี้”
“หมายความว่า พวกเขาจะเข้าร่วมประชันรอบที่สองเช่นกันหรือ?”
“พวกเจ้าดูสิ ในห้าคนนั้นมีไท่ซูหง ศิษย์ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลอันดับหนึ่งจากบรรพตศักดิ์สิทธิ์แห่งการรังสรรค์ จ้าวชิงเหยา ทายาทวิหคอมตะจากวังวิหคอมตะ เจียหนานจากนิกายพุทธ…. ทุกคนล้วนเป็นตัวตนร้ายกาจทั้งสิ้น”
“ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าเจียหนานแปรสภาพดูดซับรากเต๋าบรรพชนขั้นจักรพรรดิระดับเก้ายามบรรลุสู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลรากโพธิ์อัฐิธาตุสุดเสรีจากพุทธาจารย์ซัวผัว การบ่มเพาะของเขาจึงมองข้ามมิได้เลย”
เหล่าผู้ชมหารืออย่างออกรส ทราบที่มาของผู้มาใหม่ทั้งห้ากันอย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ เฉินซีและคณะต่างสังเกตคนทั้งห้าเช่นกัน ทว่าปฏิกิริยาของพวกเขาราบเรียบยิ่ง
พวกเขาทำเพียงชำเลืองมองคนทั้งห้าแล้วละสายตากลับไป
เรื่องนี้สุดแสนธรรมดา เพราะในฐานะศิษย์จาก ‘ห้าสุดยอดแห่งเอกภพจักรวรรดิ’ พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นตัวตนโดดเด่นเกินธรรมดา มีครรลองประพฤติตนและความภาคภูมิของตน จึงไม่รู้สึกประหลาดใจกับเรื่องเช่นนี้
หรือบางที อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่ไม่ได้ถือผู้มาใหม่ทั้งห้าจริงจังเลยสักนิด
“เจียหนาน?” มีเพียงเฉินซีที่อดตะลึงไปน้อย ๆ ยามเห็นอีกฝ่ายมิได้ เขาหวนคิดถึงสัญญาที่ตนให้ไว้กับเจียหนานแล้วอดรู้สึกละอายขึ้นมาไม่ได้
เจียหนานเคยช่วยเหลือเขาครั้งหนึ่งที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ของปรมาจารย์เซวียนในซากโบราณสถานรกร้างหมานกู่เมื่อกาลก่อน ใช้สมบัติทั้งหกของนิกายพุทธสยบกู่ศักดิ์สิทธิ์อวมนตราในร่างเจิ้นหลิวชิง ทำให้เฉินซีจำน้ำใจนี้ไว้ รู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง
ขณะนั้น เจียหนานมีหนึ่งคำขอ เขาต้องการให้เฉินซีเดินทางไปยังนิกายพุทธในสิบปี เพราะอยากประมือกับตน
ทว่าเนื่องจากสรรพธุระรัดพัน เฉินซีจึงพลาดนัดหมาย เมื่อพบเจียนหนานยามนี้ เฉินซีจึงอดรู้สึกละอายมิได้
“สหายเต๋าเฉินซี” เหมือนกาลก่อน เจียหนานยังคงมีสีหน้าสงบสำรวม เมื่อเห็นเฉินซี เขาก็ประนมมือกล่าว “เราพบกันที่นี่ ถือได้ว่าเป็นชะตา ข้าตั้งตารอประมือกับสหายเต๋าในการถกวิถีเต๋านี้จริง ๆ”
ความนัยของเขาก็คือ ให้เฉินซีลืมข้อตกลงก่อนหน้านี้ไปได้แล้ว เพราะการประมือกันหนนี้ก็ถือเป็นชะตาได้เช่นกัน
“เช่นนั้นก็ดี” เฉินซีแย้มยิ้ม ขณะตัดสินใจว่าจะพูดคุยกันดี ๆ หลังการถกวิถีเต๋าจบลง
“พวกเจ้า ศิษย์ทั้งสามสิบคนจงฟัง ข้าจะเริ่มอธิบายกฎรอบที่สองแล้ว” ทันใดนั้น ร่างของไฮว่คงจื่อก็ปรากฏตรงหน้าโถงบรรจบ เสียงทุ้มต่ำเปี่ยมราศีกึกก้องทั่วโลกหล้า ดึงความสนใจปวงชนมาที่ตนเอง
“รอบที่สองจะถูกแบ่งเป็นห้ารอบย่อย รอบแรก พวกเจ้าทั้งสามสิบจะประชันเลือกผู้ชนะสิบห้าคน”
“ศิษย์หนึ่งคนจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเข้าร่วมรอบที่สอง และเข้าสู่รอบที่สามได้โดยตรง ศิษย์ที่เหลืออีกสิบสี่คนจะสู้กันเลือกผู้ชนะเจ็ดคน”
“ในรอบที่สาม แปดผู้ชนะจะแบ่งเป็นสี่กลุ่ม เลือกผู้ชนะรวมสี่คน”
“รอบที่สี่ สองจากสี่จะได้ไปต่อ”
“และรอบที่ห้าจะเป็นศึกตัดสินชัย”
ไฮว่คงจื่ออธิบายกฎรอบที่สองอย่างกระชับได้ใจความ
ขณะนี้ ผู้บ่มเพาะทั้งหลายยืนยันได้แล้วว่ารอบที่สองคือศึกตัวต่อตัว!
ยิ่งกว่านั้น นี่แหละสิ่งที่พวกเขาตั้งตารอคอยที่สุด
เพราะมีเพียงการประลองตัวต่อตัวเท่านั้นที่จะทำให้เฉินซี เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน และตัวตนไร้เทียมทานทั้งหลายตัดสินแพ้ชนะในหมู่พวกเขาได้!
แต่สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาฉงนใจก็คือ เหตุใดจึงมีศิษย์หนึ่งคนไม่ต้องเข้าร่วมศึกรอบที่สอง เข้าสู่รอบต่อไปได้ทันที!
ราวรู้ความคิดของพวกเขา ไฮว่คงจื่อก็ประกาศคำตอบด้วยการแถลงกฎพิเศษในศึกรอบที่สอง
“ข้าคิดว่าทุกท่านคงสงสัยยิ่งว่าศิษย์ผู้ใดจะได้ข้ามรอบย่อยที่สองไปได้ ขอให้ข้าบอกพวกท่านตรง ๆ ว่าโอกาสนี้เป็นของเขาเทพพยากรณ์!”
ทันทีที่วาทะถูกกล่าว ทุกคนทั่วทิศก็ตะลึง เพราะเหตุใด?
กระทั่งเหวินถิงซึ่งนั่งอยู่ในโถงบรรจบยังตะลึงและประหลาดใจเล็กน้อย
“เพราะเหตุใดตำแหน่งนั้นจึงเป็นของศิษย์เขาเทพพยากรณ์ หาใช่ผู้อื่น? มันไม่ยุติธรรมเลย!” ศิษย์จากสำนักศักดิ์สิทธิ์ผู้หนึ่งอดพูดอย่างไม่ชอบใจมิได้ เขาคือศิษย์ผนึกฤทธิ์ลำดับสองจูเชี่ยนอวี้
ศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์คนอื่น ๆ ผสมโรงอย่างไม่ชอบใจยิ่งเช่นกัน
“เพราะเหตุใดน่ะหรือ?” สีหน้าของไฮว่คงจื่อยังคงเรียบเฉย กล่าวขึ้นเสียงเรียบ “เหตุไม่คาดฝันบางอย่างเกิดขึ้นในรอบแรก เป็นความไม่ยุติธรรมต่อศิษย์เขาเทพพยากรณ์ นี่จึงเป็นการชดเชยแก่พวกเขา”
ทันทีที่วาจากเหล่านี้ถูกกล่าว สีหน้าของจูเชี่ยนอวี้และคนอื่น ๆ ก็ชะงัก มิคาดคิดว่าสำนักเต๋าจะให้คำตอบเช่นนี้
“แต่แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมต่อเราที่เข้าร่วมการถกวิถีเต๋าเช่นกัน เหตุใดเราต้องชดใช้ในความผิดที่พวกเจ้าสำนักเต๋าสร้างขึ้นด้วย?” จูเชี่ยนอวี้สูดหายใจลึก ก่อนจะกล่าวเสียงเข้ม
ทั่วทิศระเบิดเสียงฮือฮา ไร้ผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ก่อนที่รอบที่สองจะได้เริ่มด้วยซ้ำ
“นี่คือการตัดสินใจของข้า อิ่งฉินตายไปแล้ว และข้าไม่คิดสืบสาวราวเรื่องต่อ หากพวกเจ้าไม่พอใจ ก็คุยกันหลังการถกวิถีเต๋าจบลงได้” ขณะนั้นเอง เสียงกึกก้องเปี่ยมอำนาจของประมุขสำนักเต๋าก็ดังขึ้น ทำให้บรรยากาศทั่วทิศเงียบลง
สีหน้าของจูเชี่ยนอวี้แปรเปลี่ยนเล็กน้อย ขณะที่เขากำลังจะพูดบางอย่าง ตงหวงอิ่นเซวียนก็กล่าวขัด “พอเถอะ อย่าต่อความมากไปกว่านี้”
เฉินซีอดยิ้มเย็นในใจยามได้ยินเช่นนี้มิได้ เขาไม่ได้สนใจเรื่องตำแหน่งชดเชยใด ๆ เพราะเขาอยากสืบสาวราวเรื่องต่อยิ่งนัก
น่าเสียดายที่เขาตระหนักดี ว่าไร้ผู้ใดยอมให้เรื่องอื่นเข้าขัดขวางมิให้การถกวิถีเต๋านี้เป็นไปอย่างราบรื่น
“หากไร้ข้อโต้แย้ง ศึกรอบย่อยแรกของรอบที่สองก็จะเริ่มเลย!” ไฮว่คงจื่อกล่าวเสียงเบา “เอาละ ศิษย์ทั้งสามสิบจงฟัง นำหม้อจารึกเต๋าโบราณที่พวกเจ้าได้มาออกมาเสีย”
พวกเขาทั้งหมดต่างทำตาม
“หม้อเหล่านี้ทุกใบมีปราณพิเศษเฉพาะ สามารถเชื่อมต่อกับหม้อใบอื่นได้” ไฮว่คงจื่อกล่าวเสียงเบา “การเชื่อมต่อนี้จะตัดสินคู่ต่อสู้ของพวกเจ้า”
ในที่สุด เฉินซีและคนอื่น ๆ ก็เข้าใจว่าที่แท้ หม้อนี้ก็มีความสามารถเช่นนี้ มิได้หมายความหรือว่านับแต่ได้หม้อมา คู่ต่อสู้ของเราก็ถูกตัดสินแล้ว?
แผนการเช่นนี้เกินคาดหมายของคนทั้งปวง
มิใช่เพียงเฉินซีและเหล่าผู้เข้าร่วม กระทั่งผู้บ่มเพาะในบริเวณสำหรับผู้ชมยังอุทานฮือฮาอย่างประหลาดใจ แผนการเช่นนี้เข้าใจได้จริงแท้ แต่หากคิดดี ๆ มันก็เป็นการประกันความขาวสะอาดของการถกวิถีเต๋าได้ดีทีเดียว
เพราะถึงอย่างไร ศิษย์ทั้งหลายก็ไปได้หม้อเหล่านี้มาจากในพิภพกุมภเต๋าตามชะตาโอกาสตน ไม่มีทางเจาะจงเป้าหมายล่วงหน้าได้เลย
ฟิ่ว!
ไฮว่คงจื่อสะบัดแขนเสื้อ แล้วหม้อสำริดขนาดเท่ากำปั้น เรืองรองสดใสและแผ่ปราณยิ่งใหญ่เก่าแก่ใบหนึ่งก็ลอยขึ้นหมุนวนกลางอากาศ
ปรากฏว่าหม้อสำริดใบนี้ก็คือหม้อต้นกำเนิดพลิกชะตาของเจ้าสำนักเต๋า!
พิภพกุมภเต๋าก่อนหน้านี้ก็เกิดขึ้นจากสมบัตินี้เช่นกัน
วิ้ง! วิ้ง!
ทันทีที่หม้อต้นกำเนิดพลิกชะตาปรากฏขึ้น มันก็แผ่คลื่นพลังประหลาดเข้าปกคลุมเฉินซีและผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ ทันที
อึดใจต่อมา ทุกคนที่นี่ก็สังเกตว่าหม้อในมือตนเปล่งลำแสงทะยานสู่เวหาอย่างรวดเร็ว
ลำแสงเหล่านี้ผสานกับลำแสงอีกสายกลางอากาศ สะท้อนรับกันเป็นภาพสุดอัศจรรย์
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหลายเห็นชัดเจนว่าศิษย์ทั้งสามสิบจับคู่ประลองกันเช่นไร
ขณะนี้ ในที่สุดเฉินซีก็รู้ตัวคู่ประลอง และต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าอีกฝ่ายคือกงซุนมู่ ศิษย์ผนึกฤทธิ์ลำดับสามจากสำนักศักดิ์สิทธิ์!
ลำแสงจากหม้อในมือพวกเขาหลอมรวมเชื่อมกัน ไม่ต้องให้ผู้ใดยืนยันสัจธรรมนี้เลย
“ฮ่า ๆ! บังเอิญแท้เชียว! เฉินซี เจ้ายังจำเรื่องที่เกิด ณ ตระกูลเชินถูได้หรือไม่? ข้าบอกแล้วว่าข้าตั้งตารอวัดชัยระหว่างกันในการถกวิถีเต๋าครั้งนี้!” ขณะเดียวกัน กงซุนมู่เห็นแล้วเช่นกันว่าคู่มือตนคือเฉินซี แล้วมุมปากก็ยกยิ้มเย็นอย่างเลี่ยงมิได้
………………..