บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1876 ม้ามืดหวังจง
บทที่ 1876 ม้ามืดหวังจง
รากเต๋าวิภูจักรวรรดิจากยุคสุดท้ายหรือ? เฉินซีหรี่ตาลง คล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ความคิด
คำอธิบายนี้นับว่ามีเหตุผลและเข้าใจได้เป็นอย่างดี
เย่เฉินทำเพียงแค่ยิ้มแล้วไม่อธิบายอะไรอีกเมื่อได้ยินคำเหลิ่งซิงหุน
จึงทำให้เฉินซีรู้เรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ปิดบังความสามารถ คนอื่นก็เช่นกัน!
ถึงขั้นที่มั่นใจว่าคนอื่น ๆ รวมถึงเหลิ่งซิงหุน คงโหยวหราน และตงหวงอิ่นเซวียนก็คงเตรียมไพ่ตายไว้เช่นกัน!
เฉินซีคิดในใจ ดูท่าการต่อสู้ข้างหน้าคงประมาทไม่ได้แล้ว….
…
การถกวิถีเต๋ายังดำเนินต่อไป
การต่อสู้ครั้งที่แปด สืออวี๋ตำหนักเต๋าหนี่หวาปะทะเซียวหวายเหวี่ยนสำนักเต๋า
ตอนนี้ แม้แต่เฉินซียังรู้ว่าสืออวี๋ได้มาเกิดใหม่และทำการบ่มเพราะพลังอีกครั้งในสามภพ น่าตกใจยิ่งที่ชาติก่อน เขาเป็นยอดฝีมือบรรพกาลผู้เลื่องชื่อ บ่มเพาะและคอยติดตามอยู่ข้างกายเจ้าตำหนักเต๋าหนี่หวา
ตอนนี้สืออวี๋ได้ความทรงจำกลับคืนมาทั้งหมดหลังจากปิดด่านบ่มเพาะนานหลายปี เช่นนั้นฝีมือต่อสู้ของเขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหนกัน?
ไม่ทันไรทุกคนก็ได้รู้คำตอบ
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เซียวหวายเหวี่ยนก็โจมตีเต็มกำลัง ใช้ท่าไม้ตายออกมา ดูจะมองว่าสืออวี๋เป็นคู่ต่อสู้ฝีมือสูง
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ใช้ถึงสิบกระบวนท่าก็ต้องพ่ายแพ้แก่สืออวี๋ไปเสียแล้ว ไม่มีโอกาสได้ดิ้นรนเลยสักนิด สืออวี๋ชนะไปได้โดยง่าย
ทำให้เหล่าคนภายนอกทั้งหลายได้แต่ยืนอื้ออึงด้วยความตกตะลึงยิ่ง ในที่สุดก็รู้แล้วว่านอกจากคงโหยวหรานตำหนักเต๋าหนี่หวาแล้ว ยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่อีกคนหนึ่งด้วย
กระทั่งเฉินซียังรู้สึกประทับใจ ได้แต่ถอนใจอยู่ภายใน ข้าแกร่งขึ้น แต่สืออวี๋ก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน!
…
การต่อสู้ครั้งที่เก้า จูเชี่ยนอวี้จากสำนักศักดิ์สิทธิ์ปะทะไท่ซูหงบรรพตศักดิ์สิทธิ์แห่งการรังสรรค์
การต่อสู้ครั้งที่สิบ หลี่หลูเฟิงสำนักเต๋าปะทะเจียหนานนิกายพุทธ
สุดท้ายหลี่หลูเฟิงแพ้ไป
การต่อสู้ครั้งที่สิบเอ็ด อวี้เวิ่นถิงนิกายอำนาจเทวะปะทะหวังจงเกาะคางคกทอง
สุดท้ายจบลงที่ความพ่ายแพ้ของอวี้เวิ่นถิง
การต่อสู้ครั้งที่สิบสอง….
…
หลังจากสิ้นการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า บรรยากาศในโลกภายนอกก็ยิ่งครึกครื้นขึ้นมากกว่าเก่า ได้ยินเสียงผู้คนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นสุดขีด
ในการต่อสู้ต่อ ๆ มา ที่โดดเด่นที่สุดไม่ใช่จูเชี่ยนอวี้หรือเจียหนาน แต่เป็นหวังจงแห่งเกาะคางคกทองต่างหาก!
หวังจงนั้นสูงส่ง มีเกียรติ ท่าทีองอาจ สวมชุดสีเขียว ที่เอวมีเข็มขัดหยกสีขาว สวมรองเท้าผ้าทอสีทอง ทั้งยังสวมหมวกที่ประดับหนวดคู่หนึ่งทำจากขนนก เหมือนบุตรชายตระกูลสูงจากโลกมนุษย์ ท่าทางสูงส่งไม่ธรรมดา
ซึ่งก็เหมือนกับเจียหนาน ไท่ซูหง และจ้าวชิงเหยา ทุกคนล้วนมาจากสำนักโบราณแห่งเอกภพจักรวรรดิ ถึงแม้จะมีชื่อเสียงสูงส่งอย่างไร แต่ก็ไม่อาจเทียบตัวตนอย่างเหลิ่งซิงหุนและตงหวงอิ่นเซวียนได้
แต่เมื่อได้ต่อสู้กับอวี้เวิ่นถิงนิกายอำนาจเทวะ ทุกคนเลยได้รู้ว่าฝีมือต่อสู้ของหวังจงเองก็เหนือกว่าที่ร่ำลือกันไว้!
ไม่นานเขาก็บดขยี้อวี้เวิ่นถิงได้อย่างไม่ยากเย็น
หากอวี้เวิ่นถิงเป็นคนธรรมดาก็ว่าไปอย่าง แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาเป็นศิษย์นิกายอำนาจเทวะ ย่อมต้องมีฝีมือร้ายกาจ
แต่ตอนนี้เขากลับถูกหวังจงเอาชนะไปได้อย่างรวดเร็ว มีหรือที่คนอื่นจะไม่ตกใจได้?
“หวังจงเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ผู้บ่มเพาะทั้งหลายล้วนพูดคุยกันอย่างออกรส
“เกาะคางคกทองตั้งอยู่ในมหาสมุทรดาราเมฆาเหมันต์ แยกตัวห่างออกจากโลกเกือบหมื่นปี ได้ข่าวจากที่นั่นน้อยมาก ข้ารู้เพียงแต่ว่าหวังจงอยู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้นเมื่อหลายพันปีก่อน แต่เขาได้รับการยืนยันแล้วว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของเกาะคางคกทอง ทำให้คนทั้งหลายล้วนตกใจยามได้ยินข่าว ทุกคนจึงรู้จักชื่อเขาจากเรื่องนี้”
“เกาะคางคกทองเป็นสำนักโบราณที่ก่อตั้งมานานแล้ว ถึงขั้นที่มียอดฝีมือขอบเขตมหาเทพเต๋าคอยปกปักรักษาอยู่ แล้วชายหนุ่มขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลขั้นต้นจะมาเป็นเจ้าเกาะคนต่อไปได้อย่างไร? มันไม่ประหลาดเกินไปหน่อยหรือ?”
“ใช่ ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ หวังจงถึงได้มีชื่อขึ้นมา แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีฝีมือไม่ธรรมดาเช่นกัน”
“พวกที่ไม่ธรรมดาก็ทำสิ่งไม่ธรรมดาทั้งนั้น หวังจงดูจะเป็นยอดฝีมือผู้ครอบครองมหาโชคชะตานะ”
ตอนนี้ กระทั่งไฮว่คงจื่อ เหวินถิง อวี่เจิน เล่ยฝู ฉือซงจื่อ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ก็เริ่มให้ความสนใจหวังจงขึ้นมาแล้ว
คนฝีมือระดับพวกเขามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าความสามารถของหวังจงที่เขาแสดงออกมาให้เห็นเทียบขั้นได้กับเฉินซี เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน และคนอื่น ๆ ได้เลยด้วยซ้ำ!
“น่าสนใจนี่ ดูเหมือนจะมีคู่ต่อสู้ฝีมือฉกาจเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว” เหลิ่งซิงหุนเผยรอยยิ้มมุมปากเคล้าแววลึกล้ำ
“หวังจง? เรียกว่าเป็นม้ามืดได้ไหมนะ?” ตงหวงอิ่นเซวียนครุ่นคิดเงียบ ๆ
ตอนนี้คงโหยวหราน เย่เฉิน สืออวี๋ และคนอื่น ๆ มีความคิดหลากหลายอย่างเมื่อได้เห็นฝีมือของหวังจง
เป็นอีกคนที่ข้ามองไม่ขาด ทั้งยังไม่ใช่คนห้ากองกำลังใหญ่ นับว่าหายากนัก เฉินซีเหมือนตกอยู่ในภวังค์ความคิด
แต่ไม่ว่าอย่างไร การต่อสู้ครั้งนี้ก็ทำให้หวังจงมีตัวตนขึ้นในสายตาผู้อื่น ทำให้เกิดความครึกครื้นครั้งใหญ่ ทั้งยังไม่มีใครกล้ามองข้ามเขาอีกต่อไป
หวังจงตอบสนองด้วยความเงียบขรึม หลังจบการต่อสู้แล้วเขาก็หลับตาลงทำสมาธิอยู่คนเดียวบนจัตุรัสแห่งการประชัน ทำให้ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่
…
ผ่านไปอีกชั่วยามหนึ่ง ขั้นแรกของรอบที่สองก็จบลง
ถึงตอนนี้ก็เผยรายชื่อศิษย์สิบห้าคนที่ได้ไปต่อในรอบสองกันแล้ว
โดยมีรายชื่อดังนี้
เขาเทพพยากรณ์: เฉินซี กู่เยี่ยน
นิกายอำนาจเทวะ: เหลิ่งซิงหุน เซวี่ยเซียวจื่อ ฟางฉงเฟิง
สำนักศักดิ์สิทธิ์ : ตงหวงอิ่นเซวียน จูเชี่ยนอวี้
สำนักเต๋า: เย่เฉิน อวี้จิ่วหุย เฟิงจงเจ๋อ
ตำหนักเต๋าหนี่หวา: คงโหยวหราน สืออวี๋ ฉินซินฮุย
นิกายพุทธ: เจียหนาน
เกาะคางคกทอง: หวังจง
แค่ดูจากรายชื่อนี้ ศิษย์จากห้าสุดยอดขุมกำลังก็ได้ไปสิบสามที่แล้ว แต่ละสำนักจำนวนคนไม่ได้แตกต่างกันนัก
ในขณะที่สำนักโบราณอื่น ๆ ได้ไปเพียงแค่สองที่ ถูกตัดสิทธิ์ออกไปสามคน หากให้พูดเปรียบเทียบกัน แย่งที่นั่งมาจากห้าสุดยอดกองกำลังได้สองที่เช่นนี้ก็นับว่าแกร่งมากแล้ว
ในหมู่พวกเขา ที่เด่นที่สุดย่อมเป็นเฉินซี เหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน และเย่เฉิน ทุกคนล้วนมีฝีมือต่อสู้สูงส่ง ใช้ความสามารถทำให้คนตกตะลึงมาแล้ว ทำให้ผู้ชมทั้งหลายไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าใครแกร่งที่สุดกันแน่
นอกจากนั้นแล้ว กู่เยี่ยน สืออวี๋ จูเชี่ยนอวี้ เซวี่ยเซียวจื่อ และเจียหนานเองก็ดึงความสนใจมาได้ไม่น้อยเช่นกัน แต่ทุกคนก็คิดอยู่แล้วว่าพวกเขาจะต้องมาถึงขั้นนี้ได้
มีเพียงหวังจงเกาะคางคกทองเท่านั้นที่ดูเหมือนม้ามืด เผยคมให้เห็นยามปรากฏตัว จึงทำให้คนจดจำเขาได้เป็นอย่างดี
ส่วนคนสิบห้าคนที่พ่ายแพ้ก็จะไม่ได้ไปต่อในขั้นต่อไป
ไม่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่าเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง เพราะทุกคนเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน แต่ละคนล้วนอยู่ขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลและมีฝีมือโดดเด่นไม่แพ้ใคร แต่กลับต้องพ่ายแพ้ไปเช่นนี้ นอกจากรู้สึกสงสารและเสียดายแล้ว ผู้ชมทั้งหลายยังตกตะลึงกับผู้ที่เอาชนะพวกเขาไปด้วย
อย่างไรเมื่อมาถึงระดับนี้แล้ว หากไม่ใช่ว่ามีพลังบ่มเพาะเหนือกว่า แต่ละคนก็มีความแตกต่างกันไม่มาก
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ยังพ่ายแพ้ไป แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นยอดฝีมือขอบเขตบรรพเทวารู้แจ้งจักรวาลที่โดดเด่นเพียงไหน อย่างไรก็ยังมีความต่าง ไม่อาจเหมารวมเหมือนกันหมดได้
…
ตอนนี้เมืองทศทิศนั้นคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนพากันพูดคุยเรื่องการแข่งขันขั้นแรกที่เพิ่งจบลง เหมือนว่ายังรู้สึกไม่พอใจอย่างไรชอบกล
แต่ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาตั้งตารอรอบต่อไปมาก!
เพราะมีการตัดสินศิษย์สิบห้าคนที่ได้ไปต่อในรอบย่อยที่สองออกมาแล้ว ก็หมายความว่าขั้นต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
…
ช่วงเวลาพักสามชั่วยามก่อนรอบย่อยที่สองจะเริ่มขึ้น
ในระหว่างนี้ เฉินซีได้ตัดสินใจแล้วว่าจะให้กู่เยี่ยนใช้ที่ของเขาเทพพยากรณ์ซึ่งจะส่งศิษย์หนึ่งคนขึ้นขั้นสามไป
หรือก็คือ กู่เยี่ยนไม่จำเป็นต้องร่วมรอบย่อยที่สองและสามารถไปรอบย่อยที่สามได้เลย
นี่เป็นค่าตอบแทนที่สำนักเต๋ามอบให้เขาเทพพยากรณ์ โดยเจ้าสำนักเต๋าเป็นคนตัดสินใจเอง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าสงสัยอะไร
แต่ในความคิดของเฉินซีนั้น ถูเมิ่งก็แพ้ไปแล้ว เขาจึงไม่อยากเห็นกู่เยี่ยนเกิดเรื่องขึ้นในรอบย่อยที่สองไปอีกคน
อย่างไรหากคู่ต่อสู้ของกู่เยี่ยนเป็นเหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน คงโหยวหราน หรือเย่เฉิน ผลลัพธ์ก็ไม่อาจคาดเดาได้อยู่ดี
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยแล้ว เฉินซีจึงมอบที่นั่งนี้ให้กู่เยี่ยนเสีย
ส่วนเฉินซีนั้นไม่คิดกลัวว่าจะแพ้ในรอบย่อยที่สองเลย
สามชั่วยามให้หลัง
“ตอนนี้การถกวิถีเต๋ารอบย่อยที่สองเริ่มต้นขึ้นแล้ว ก่อนจะเริ่ม เราจะทำการสุ่มคู่ต่อสู้ของแต่ละคนให้” ไฮว่คงจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอยู่ด้านหน้าโถงบรรจบ
ว่าจบเขาก็พลิกฝ่ามือ ปรากฏตะเกียงสัมฤทธิ์ขึ้นมา มันส่องแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างบริสุทธิ์ออกมาทั่วบริเวณ
“ภายในตะเกียงนี้มีเพลิงโชคชะตาศักดิ์สิทธิ์อยู่สิบสี่สาย แต่ละสายมีพลังชะตากรรมอยู่ ชะตากรรมก็เหมือนเหตุและผล คนนอกไม่อาจเข้าใจความลึกล้ำของมันได้” ไฮว่คงจื่ออธิบาย จากนั้นก็บอกให้เฉินซีและคนอื่น ๆ เดินหน้าเข้ามา เลือกเพลิงไปคนละสาย จากนั้นให้กลืนมันลงไป
ฟึบ!
พริบตานั้น เปลวเพลิงหลากสีก็ลอยขึ้นเหนือร่างทุกคน มีทั้งสีโลหิต สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีกรมท่า สีน้ำเงิน และสีม่วง มีทั้งหมดเจ็ดสีด้วยกัน โดยจะมีคนสองคนที่มีสีเดียวกัน
เฉินซีได้ไฟสีม่วงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ กวาดสายตามองหน่อยก็เห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือเซวี่ยเซียวจื่อนิกายอำนาจเทวะ!
เพลิงชะตากรรมสีม่วงเหมือนกันเช่นนี้ หมายความว่าพวกเขาได้ต่อสู้เป็นคู่สุดท้าย
นอกจากพวกเขาแล้ว คนอื่น ๆ ก็ได้คู่ต่อสู้แล้วเช่นกัน
เหลิ่งซิงหุนนิกายอำนาจเทวะปะทะฉินซินฮุยตำหนักเต๋าหนี่หวา
ตงหวงอิ่นเซวียนสำนักศักดิ์สิทธิ์ปะทะสืออวี๋ตำหนักเต๋าหนี่หวา
คงโหยวหรานตำหนักเต๋าหนี่หวาปะทะจูเชี่ยนอวี้สำนักศักดิ์สิทธิ์
เย่เฉินสำนักเต๋าปะทะฟางฉงเฟิงนิกายอำนาจเทวะ
อวี้จิ่วหุยสำนักเต๋าปะทะเฟิงจงเจ๋อสำนักเต๋า
เจียหนานนิกายพุทธปะทะหวังจงเกาะคางคกทอง
ผู้ชมภายนอกพากันส่งเสียงอื้ออึงทันทีเมื่อเห็นรายชื่อเช่นนี้
เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่น้อย แต่ละฝ่ายล้วนมีพลังสูงส่งไม่เป็นสองรองใคร แต่หากให้มาสู้กันเองแล้ว คงเป็นการต่อสู้ที่สะท้านโลกามากทีเดียว!
ถึงขั้นที่ผู้ชมทั้งหลายไม่อาจรู้ได้เลยว่าในเจ็ดคู่นี้ จะมีใครชนะใครไปได้บ้าง
เพราะอย่างไรทุกคนก็มีฝีมือ ไม่มีใครกล้าตัดสินอะไรก่อนที่การต่อสู้จึงจะเริ่มขึ้นทั้งนั้น
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้ตั้งตารอการแข่งมากขึ้นไม่ใช่หรือ?