บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1883 กระบี่พิชิตทัณฑ์
บทที่ 1883 กระบี่พิชิตทัณฑ์
………………..
บทที่ 1883 กระบี่พิชิตทัณฑ์
หวังจงเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับ ประมือกับเขามากเท่าไรก็ยิ่งยากที่จะเข้าใจความลึกล้ำมากเท่านั้น
สำหรับเฉินซี หวังจงคนนี้มีความลับมากกว่าศิษย์คนอื่นที่เข้าร่วมการถกวิถีเต๋า แต่เขาเกียจคร้านเกินกว่าจะคิดให้มากความ
การดวลครั้งนี้เป็นการดวลครั้งสุดท้ายในรอบย่อยที่สาม ไม่ว่าต้นกำเนิดของหวังจงจะแปลกและลึกลับเพียงใด การต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
เคร้ง!
เฉินซีหยิบกระบี่เปลื้องมลทินออกมาขณะมองหวังจงผู้อยู่ไกลออกไปอย่างสงบ ก่อนจะเอ่ยคำ “มาเริ่มการต่อสู้กันเถอะ”
เคร้ง!
หวังจงยิ้มบางก่อนจะชักกระบี่ออกมา
กระบี่เล่มนี้กว้างสี่ฉื่อ ยาวสองถึงสามฉื่อ มีสีแดงเจิดจ้าและโปร่งใส เผยให้เห็นสีชาดอันน่าตกตะลึง โดยกลิ่นอายปลดปล่อยอันน่าสะพรึงกลัวและดุร้ายออกมาประหนึ่งสร้างจากโลหิตศักดิ์สิทธิ์
เมื่อมองจากระยะไกลจะให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังมองภูเขาซากศพและทะเลโลหิตที่เทพมารแผดเสียงคำรามออกมา ทำให้ปราชญ์ตกสู่การล่วงลับ ทุกสรรพสิ่งคล้ายกับจะพังทลายจนสูญสิ้นการคงอยู่
“ช่างเป็นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงอะไรอย่างนี้ มันคือสมบัติอะไรกัน?”
“หวังจงไม่เคยใช้สมบัตินี้มาก่อน หรือว่าความลับแท้จริงของเขาคือเต๋าแห่งกระบี่?”
“ชายผู้นี้เก็บงำความแข็งแกร่งไว้เสียมิดเลย!”
ทุกคนที่อยู่ข้างนอกต่างตกตะลึง พวกเขาทั้งหลายต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายสังหารนองเลือดอันน่าสะพรึงจากกระบี่โลหิตในมือของหวังจง
สิ่งนี้ย่อมไม่ใช่สมบัติวิญญาณธรรมชาติทั่วไป!
แทบจะในเวลาเดียวกัน เฉินซีก็หรี่ตาแล้วเอ่ยคำออกมาอย่างแผ่วเบา “กระบี่ดี”
“กระบี่ของข้าไม่เพียงแค่ดีเท่านั้น เต๋าแห่งกระบี่เองก็เช่นกัน เจ้าต้องระวังให้ดี”
หวังจงยิ้มเล็กน้อย เขาดูสง่างาม สวมอาภรณ์สีเขียว เข็มขัดหยกสีขาวรอบเอว รองเท้าสีทอง และมงกุฎที่มีขนคู่และปีกวิหคเพลิง รูปลักษณ์ประหนึ่งองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ท่วงท่าสุภาพสูงส่ง
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้มากเท่าไรก็ยิ่งยากที่จะเข้าใจความลึกล้ำมากเท่านั้น แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิอย่างไฮว่คงจื่อ เหวินถิง และอวี่เจินก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับตัวตนของหวังจง ซึ่งถือว่าผิดปกติมาก
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดมักจะเป็นสิ่งที่ไม่รู้
และหวังจงผู้นี้ก็เป็นตัวตนอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ต้องทราบก่อนว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องที่เฉินซีครอบครองเต๋าแห่งกระบี่ระดับสามของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังกล้าบอกให้เฉินซีระวังตัวด้วยน้ำเสียงที่สงบและอ่อนโยน มันยิ่งทำให้ดูลึกลับซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก
“หากเทียบเรื่องเต๋าแห่งกระบี่ ข้าย่อมไม่กลัวเกรง”
เฉินซีคล้ายกับไม่สังเกตเห็นสิ่งนั้น ตอนนี้เขาจึงดูสงบราวกับว่าจากนี้ไป ฟ้าดิน สถานที่ คนผู้และทุกสิ่งในโลกภายนอกจะถูกเขาทอดทิ้ง
ในสายตาของเขามีเพียงหวังจงเท่านั้น
กระบี่คมชี้ไปที่หวังจงเพียงผู้เดียว
กลิ่นอายเต๋าแห่งกระบี่ที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากร่างของเฉินซี แล้วฟ้าดินก็ตกอยู่ในความเงียบงัน ทำให้สีหน้าของทุกคนที่อยู่ภายนอกเปลี่ยนไปราวกับหายใจไม่ออก
เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงจากกลิ่นอายของเฉินซี หวังจงก็ขมวดคิ้วก่อนจะเสนอแนะทันที “ในเมื่อเป็นกระบี่ปะทะกระบี่ พวกเรามาใช้วิธีเฉพาะเพื่อจบการต่อสู้ให้ไวเป็นอย่างไร?”
อารมณ์ของเฉินซียังคงไม่แปรเปลี่ยนขณะเอ่ยคำ “ว่ามาสิ”
ในตอนนี้ ทุกคนในโลกภายนอกอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าหวังจงต้องการทำอะไร?
“ง่ายมาก แค่ยืนอยู่กับที่แล้วต่อสู้ด้วยกระบี่ในมือเท่านั้น หากใครถอนตัวออกจากรัศมีสิบจั้งจากที่เดิมหรือที่ไม่สามารถปัดป้องกระบี่ของคู่ต่อสู้ได้จะถือว่าแพ้ ว่าอย่างไร?”
หวังจงเอ่ยคำอย่างสงบโดยไม่ลังเล
เหล่าผู้ชมอดไม่ได้ที่จะตกอยู่ในความโกลาหลเมื่อได้ยินเช่นนี้
หากมีการดวลเช่นนี้จริง ความยากจะมากยิ่งกว่าการดวลทั่วไปค่อนข้างมาก เริ่มจากต้องแน่ใจว่าอยู่ห่างจากจุดเดิมไม่เกินสิบจั้ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการกำจัดความเป็นไปได้ในการหลบหลีกทั้งหมด!
หมายความว่า วัตถุประสงค์ของวิธีนี้คือเพื่อให้เฉินซีเข้าร่วมการต่อสู้แบบซึ่งหน้า!
ใครถอยก่อนก็แพ้!
ใครต้านไม่ได้ก็แพ้!
“หวังจงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้เสนอการดวลเช่นนี้? เขามั่นใจว่าจะเอาเอาชนะเฉินซีได้งั้นหรือ?”
“หากเฉินซีตอบตกลง การต่อสู้ครั้งนี้ย่อมน่าสนใจ”
“ไม่รู้ว่าทำไม แต่หวังจงคนนี้ทำตัวสงบเกินไป เหมือนกับเขามั่นใจว่าชนะอย่างแน่นอน ข้าเริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเฉินซีแล้วสิ”
เกิดการสนทนามากมายจากโลกภายนอก ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้สึกประหลาดใจกับความกล้าหาญที่หวังจงแสดงออกมา โดยบางส่วนก็กังวลเกี่ยวกับเฉินซีเล็กน้อย
ในตอนนี้ แม้แต่เหวินถิงก็อดไม่ได้ที่จะคิ้วขมวดก่อนจะเอ่ยคำอย่างไม่พอใจ “ศิษย์ของเกาะคางคกทองคิดจะใช้อุบายแบบใดกัน แทนที่จะปฏิบัติตามกฎ แต่คิดสร้างกฎการต่อสู้แบบอื่นขึ้นมาหรือ โอหังนัก”
เมื่อได้ยินเหวินถิงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ ไฮว่คงจื่อซึ่งยืนอยู่นอกโถงบรรจบก็คิ้วขมวดทันที เขาหันไปมองที่สมรภูมิจารึกเต๋าโบราณก่อนจะเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เฉินซี ตามกฎของการถกวิถีเต๋านี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบรับข้อเสนอนี้”
เมื่อได้ฟังข้อเสนอของหวังจง ไฮว่คงจื่อก็เข้ามาแทรกแซง ทำให้ฝูงชนมองเขาด้วยความสงสัย
หวังจงเพียงยิ้มเมื่อเห็นการตอบสนองเช่นนี้ขณะมองเฉินซี
“วิธีการต่อสู้นี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าชอบเช่นกัน”
เฉินซีถึงกับตอบตกลง!
ทุกคนตกตะลึง
ไฮว่คงจื่อครุ่นคิดสักพัก แต่ในที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
เหวินถิงลอบถอนหายใจ นางไม่อาจเดาได้ว่าอาจารย์อากำลังคิดอะไรอยู่
“ดี! เท่านี้ ข้าย่อมไม่ปล่อยให้เจ้าแพ้ยับเยินเกินไปในภายหลังอย่างแน่นอน!”
ทันใดนั้นหวังจงก็ชื่นชมเสียงดัง แต่คำพูดของเขากลับดูโอหังและแข็งกระด้างยิ่ง
“ข้าว่าอย่าเพิ่งมีความสุขไวเกินไปจะดีกว่า”
เฉินซีเอ่ยคำอย่างสงบ
“เจ้าพูดถูก ข้าค่อนข้างหุนหันเกินไปหน่อย”
หวังจงตบหน้าผากตัวเองขณะยิ้มบาง ซึ่งสีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมก่อนทั่วร่างจะสงบทันทีโดยไม่มีความผันผวนทางอารมณ์ใด ๆ
“กระบี่เล่มนี้ชื่อว่ากระบี่พิชิตทัณฑ์ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่มีวันลืมชื่อนี้ไปชั่วชีวิต”
ด้วยเสียงที่สงบและไม่เฉยชา ดวงตาของหวังจงก็ทอประกายด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์สีม่วงแปลกประหลาด
ทันใดนั้น ทั่วร่างของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงประหนึ่งดวงอาทิตย์ มันพร่างพราวเกินกว่าจะเทียบเคียงขณะสั่นสะเทือนสายลมและเมฆาไปทุกทิศทาง
ฟิ่ว ~~~
เห็นได้ชัดว่าภายในรัศมีสิบจั้งโดยมีหวังจงเป็นศูนย์กลาง มิติและเวลาก็พังทลายก่อนจะถูกระเบิดจนกลายเป็นคลื่นความปั่นป่วนหมุนวนอย่างรุนแรง ก่อนจะเกิดเป็นเสียงคำรามแหลมคมและเสียดหู
หวังจงยืนอยู่ท่ามกลางพวกมัน อาภรณ์ปลิวไสว ดวงตาสีม่วงราวกับสายฟ้า ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายน่าเกรงขามประหนึ่งจักรพรรดิกระบี่ผู้ตื่นจากการหลับใหลอันยาวนาน
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา เมื่อทุกคนมองไปที่หวังจงอีกครั้งก็คล้ายกับ ได้เห็นคนแปลกหน้า กลิ่นอายน่าเกรงขามและดุร้ายทำให้หลายคนหน้าถอดสีเล็กน้อย
“เขา… ถึงกับครอบครองเต๋าแห่งกระบี่ระดับสามของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่!”
ผู้ยิ่งใหญ่ในเอกภพจักรวรรดิอุทาน
ฟ่าว!
ก่อนทุกคนจะทันตอบสนอง หวังจงก็ฟันกระบี่ออกไป
กระบี่พิชิตทัณฑ์สีแดงสดใสและโปร่งแสงทะยานผ่านท้องนภาราวกับโลหิตและน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตาของคู่รัก มันทั้งตระการตา นองเลือดและมีพลังทำลายล้างอันน่าเกรงขาม
ทันทีที่ปรากฏก็เกิดฝนโลหิตและทะเลโลหิตพลุ่งพล่านในสมรภูมิ มันคล้ายกับทำให้ฟ้าดินจมลงไปในนั้น ดูน่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง
แทบจะในเวลาเดียวกัน คมกระบี่อันเย็นเยือกทะยานออกจากดวงตาของเฉินซี พร้อมกับกระบี่เปลื้องมลทินที่กลายเป็นลำแสงทะยานผ่านท้องนภาโดยไม่ลังเล
เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ประทีปเคลื่อนคล้อย
ปราณกระบี่นี้คล้ายกับไร้ตัวตน ทำให้ผู้คนเหมือนอยู่ในภาพมายาที่เบาหวิวประหนึ่งต้นหลิว
เมื่อปราณกระบี่ทะยานไปในอากาศเพื่อฟาดฟันใส่ฝนโลหิต ทำให้มันไม่สามารถหยุดยั้งได้ก่อนจะแหวกทะเลโลหิตประหนึ่งตัดภาพวาดด้วยกรรไกร
ทันใดนั้นมันก็ตรงเข้าหาศีรษะของหวังจง!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียงปะทะ ไม่มีพลังสะเทือนปฐพี แต่พลังที่สำแดงออกมาท่ามกลางความสงบกลับน่าตกตะลึงยิ่ง
โครม!
หวังจงยิ้มบางราวกับไม่แปลกใจที่เฉินซีสามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ เขาตวัดกระบี่พิชิตทัณฑ์เพื่อฟาดเข้าใส่ปราณกระบี่ที่ตรงเข้ามา
“ไม่เลว”
ขณะชื่นชม หวังจงก็โจมตีด้วยกระบี่อีกครั้ง
ฟ่าว!
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของกระบี่นี้ทรงพลังและมีจิตสังหารมากกว่า เสียงของปราณกระบี่ที่อยู่รอบข้างดังกึกก้องไปทั่วฟ้าดิน
ผู้ชมบางส่วนที่อ่อนแอซึ่งอยู่ในระยะไกลล้วนตกตะลึงจนถึงจุดที่แก้วหูกำลังจะระเบิด แล้วร่างของพวกเขาเดือดพล่านด้วยลมปราณและโลหิต ทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตในเอกภพจักรวรรดิก็หน้าถอดสีเล็กน้อย พลังของกระบี่เล่มนี้อยู่เหนือจินตนาการของพวกเขา
สีหน้าของเฉินซีสงบนิ่งขณะเผชิญกับสิ่งนี้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้นจนจบ
เขาฟาดฟันกระบี่ซึ่งรวดเร็วประหนึ่งฟ้าร้องทั่วทั้งดาราจักร ทรงพลังประหนึ่งทะเลกว้างใหญ่ที่ทำลายหินแข็ง มันทั้งยิ่งใหญ่และสง่างาม
มันคือเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย ผาสมุทร!
ครืนนน!
ในการเผชิญหน้าครั้งนี้ การเคลื่อนไหวนั้นน่าตกตะลึงยิ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดพร่างพราว กระบี่เปล่งประกายราวกับสายฝนที่กระหน่ำรอบข้าง ราวกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ปะทะกัน พวกมันดังกึกก้องไปทั่วทั้งเก้าสวรรค์สิบปฐพี
เหตุการณ์อันน่าพรั่นพรึงนั้นน่าตกตะลึงจนผู้บ่มเพาะทั้งหลายสั่นสะท้าน
เห็นได้ชัดว่านี่คือการต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิกระบี่ไร้เทียมทาน พลังที่ปลดปล่อยจากการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งมากพอที่จะทำลายดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดาราจักรได้ มันเต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วน ทำให้โลกสั่นสะเทือนจนอยู่เหนือขอบเขตของคนทั่วไป
การต่อสู้สูงสุดเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายพันปี นับว่าหาได้ยากในโลก!
เพาะในเมืองทศทิศไม่เคยเห็นการประลองที่น่าตื่นตาเช่นนี้มาก่อน พวกเขาตกตะลึงมากจนสูญเสียการได้ยินจนเกือบลืมหายใจ
“เจ้าเองก็รับกระบี่ข้าเสียสิ!”
สีหน้าของเฉินซีสงบ เส้นผมสีดำยาวหนาปลิวไสว ทั่วร่างประหนึ่งกระบี่คมปลาบที่ถูกดึงออกจากฝักพร้อมพลังที่ทำให้โลกสั่นสะเทือน
สิ้นคำ กระบี่เปลื้องมลทินส่งเสียงกรีดร้องก้องปฐพี ขณะโจมตีออกไปด้วยความแม่นยำอันเฉียบคม เยือกเย็น และไร้เทียมทาน
หวังจงหรี่ตาก่อนกลิ่นอายจะแข็งแกร่งขึ้น กระบี่พิชิตทัณฑ์ยิ่งสว่างวาบประหนึ่งโลหิตที่กำลังไหลริน
ตู้ม!
เขาฟาดฟันกระบี่ออกไป ซึ่งมันส่งเสียงคำรามราวกับฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วทั้งดาราจักร โดยกลิ่นอายของมันแข็งแกร่ง ปั่นป่วน และน่าเกรงขามจนถึงขีดสุด
ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ กระบี่ของทั้งสองปะทะกันอย่างน้อยเป็นร้อยครั้ง ซึ่งปราณกระบี่ที่ปะทะกันรุนแรงมากจนแผ่นดินสั่นสะเทือน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สูญสิ้นแสงสว่าง แล้วปรากฏการณ์อันน่าสะพรึงก็เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
มหาเต๋าพังทลาย เสียงของทวยเทพคร่ำครวญ ฟ้าผ่าและฟ้าร้อง ทั่วทุกหนแห่งเกิดความสับสนวุ่นวาย ปรากฏการณ์ที่อุบัติขึ้นจากการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณ ทำเอาดวงตาฝูงชนในโลกภายนอกเบิกกว้างและวิญญาณสั่นสะท้าน
แข็งแกร่งเกินไป!
ไม่ว่าจะเป็นเฉินซีหรือหวังจง พวกเขาก็ยืนอยู่จุดเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ ร่างกายไม่ขยับเคลื่อน ทว่าเคล็ดกระบี่ที่สำแดงเกินกว่าเต๋าแห่งกระบี่ระดับสามของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่ไปแล้ว!