บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1884 ศึกสะท้านภพภูมิ
………………..
บทที่ 1884 ศึกสะท้านภพภูมิ
สองจักรพรรดิกระบี่ไร้เทียมทานผู้บรรลุขั้นสามของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่เปิดศึกสะท้านภพภูมิขึ้นต่อหน้าต่อตาปวงชน
ผู้ชมทั้งมวลล้วนตระหนักดี ไม่ว่าผู้ใดชนะในตอนท้าย นามของคนผู้นั้นจะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ เลื่องลือไปทั่วแดนเทพโบราณอย่างแน่นอน!
ก่อนเริ่มศึก ใครบ้างจะคาดคิดว่าหวังจงผู้เรืองฤทธิ์เป็นม้ามืดจะมีอำนาจขั้นสามของขอบเขตจักรพรรดิกระบี่เหมือนกับเฉินซี?
ใครบ้างจะคาดคิดว่าศึกนี้จะบังเกิดขึ้นอย่างเป็นเอกลักษณ์เช่นนี้?
กล่าวได้ว่าตลอดสี่ศึกในรอบย่อยที่สาม รอบที่สองของการถกวิถีเต๋า มีเพียงศึกนี้ที่โดดเด่นสะดุดตา เต็มไปด้วยความค้างคาให้ลุ้นรอ
…
ศึกบนสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณยังคงดำเนิน
เฉินซีและหวังจงยังคงยืนนิ่ง ดูหนักแน่นมั่นคงเช่นศิลา ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป อำนาจต่อสู้กลับโถมทะยานต่อเนื่อง
นอกจากนั้น อำนาจทำลายล้างจากศึกยังยิ่งทวีความเข้มข้น
รัศมีกระบี่เรืองโรจน์
รัศมีศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง
สำเนียงเต๋าครืนโครม
สมรภูมิได้กลายสภาพเป็นสมุทรปราณกระบี่ ฤทธาเต๋าแห่งกระบี่เป็นที่ตกตะลึงทั่วหล้า
“พวกเจ้าตระหนักหรือไม่? ว่าทั้งเฉินซีและหวังจง ทั้งสองต่างมีวิธีต่อสู้คล้ายกันจนน่าตกใจ!”
หลายคนสังเกตชัดว่ายามเริ่มศึก ทั้งเฉินซีและหวังจงต่างไม่ทุ่มสุดฝีมือ วิธีการต่อสู้เหมือนกันราวลอกมา ต่างฝ่ายไม่เผยไพ่ตาย และยิ่งศึกดำเนิน อำนาจของทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มพูน
เห็นได้ชัดว่าต่างฝ่ายต่างหยั่งเชิงกันไม่ได้ จึงใช้ยุทธวิธีอันเชื่อถือได้ที่สุด
ขณะเดียวกัน สำหรับผู้บ่มเพาะในโลกภายนอก ศึกเช่นนี้ยิ่งสะดุดตาอย่างเถียงไม่ได้
พวกเขาต่างคาดคิดกันในใจ ว่าเฉินซีกับหวังจง ผู้ใดมีไพ่ตายมากกว่ากัน? ขีดจำกัดพวกเขาอยู่ที่ใด?
ยิ่งกว่านั้น ในเมื่อมันสามารถดึงความเคลือบแคลงในใจผู้บ่มเพาะทั้งมวลได้ ย่อมแสดงชัดว่าศึกนี้ดุเดือดน่าตกตะลึงเพียงไร
“จากเรื่องนี้ ทั้งเฉินซีและหวังจงต่างเป็นผู้เก่งกาจโดดเด่นในเต๋าแห่งกระบี่อันยากพานพบตราบกาล แค่อำนาจต่อสู้ที่พวกเขาแสดงยามนี้ลำพัง ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเหลิ่งซิงหุน ตงหวงอิ่นเซวียน และคงโหยวหรานเลย!” มีผู้เทียบเฉินซีและหวังจงกับคนอื่น ๆ
แต่อึดใจต่อมา วาทะของเขาก็ถูกโต้แย้ง “เทียบกันเช่นนั้นไม่ได้หรอก ศึกนี้ข้อจำกัดเยอะมาก ซ้ำกฎยังแตกต่างจากศึกก่อนหน้านี้ แม้จะดูเข้มข้น แต่มันจำกัดวิชาต่อสู้ของพวกเขาไว้”
“ถูกต้อง พวกเขายืนกับที่ ทุกการโจมตีล้วนเป็นการปะทะตรง ๆ แต่ศึกแท้จริงไม่ใช่เช่นนั้น ทักษะโจมตีบางอย่างต้องใช้ในศึกเต็มรูปแบบ ดังนั้นจึงตัดสินไม่ได้เลยว่าผู้ใดเหนือกว่ากันหากใช้การต่อสู้ปัจจุบันมาเป็นเกณฑ์อ้างอิง”
ไม่ว่าพวกเขาจะประเมินกันเช่นไร ในสายตาผู้บ่มเพาะ ณ โลกภายนอกทั้งหลาย การต่อสู้ระหว่างเฉินซีและหวังจงคือการดวลเต๋าแห่งกระบี่ ประชันเต๋าแห่งกระบี่ที่พวกเขาแต่ละคนบรรลุแจ้งมา
แน่นอน นี่ยังรวมถึงการแปรสภาพปราณ การบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋า การบรรลุเต๋า ทักษะวิชาที่มา และแง่มุมอื่น ๆ ของทั้งสองฝ่ายด้วย
ยามแง่มุมทั้งหลายนี้ผนวกกำลัง ก็กลายเป็นที่มาอำนาจที่พวกเขาใช้ดึงฤทธาเต๋าแห่งกระบี่ของตน
ยามศึกนี้จบลง ก็จะทำให้ผู้อื่นตัดสินได้ว่าผู้ใดแข็งแกร่ง มีการบ่มเพาะเต๋าแห่งกระบี่สูงกว่า!
…
เปรี้ยง!
หนึ่งชั่วละเลียดชาต่อมา หนึ่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์เรืองวาบวาวโรจน์ในดวงตาของเฉินซี กระบี่เปลื้องมลทินเรืองรองด้วยสารพัดอักขระยันต์ จู่โจมประหนึ่งธารดาราเชี่ยวกราก
ขณะเดียวกัน หวังจงหรี่ตา ใช้กระบี่พิชิตทัณฑ์อย่างสุดกำลัง ประหนึ่งโอบล้อมฟ้าดินด้วยเพลิงแดงเลือด
การโจมตีของทั้งสองปะทะกันเช่นพายุพลุ่งพล่านทั่วเก้าชั้นสรวง รัศมีศักดิ์สิทธิ์เรืองโรจน์เฉิดฉายทั่วฟ้าดิน เจิดจรัสไร้ขอบเขต
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ภายใต้สายตาตกตะลึงทุกคู่ ทั้งเฉินซีและหวังจงต่างก้าวถอยไปสามก้าวพร้อม ๆ กัน ด้วยระยะห่างที่ไม่ต่างกันเลย!
พวกเขาไม่อาจตัดสินแพ้ชนะกันได้ด้วยการปะทะนี้
แต่ทุกคนต่างสังเกตได้ชัดเจนว่าสีหน้าของทั้งสองต่างเคร่งขรึมขึ้นมาในขณะนี้ นอกจากนั้น ปราณของพวกเขายังโถมทวีแข็งแกร่งขึ้น
เมื่อมองจากไกล ๆ เฉินซีก็เหมือนหุบเหวอันยิ่งใหญ่ลึกล้ำ ดูประหนึ่งกลืนโลกาทั้งใบลงไปได้
ขณะเดียวกัน หวังจงเปรียบเช่นตะวันสีม่วงเรืองโรจน์
“สะบั้น!” หวังจงจู่โจมอีกครั้ง เจตจำนงกระบี่ทะยานสู่เวหา รวนมหาเต๋าปรวนแปร
วูบ!
เฉินซีเม้มปากเงียบ ๆ ใช้กระบี่ของตนเข้ารับการโจมตีของหวังจงตรง ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหล่าผู้ชมต่างตระหนักดีว่าศึกนี้มาถึงจุดตัดสินสูงสุดแล้ว และยังเป็นช่วงอันตรายชวนขวัญผวาที่สุดเช่นกัน
นอกจากนั้น ผลตัดสินก็จะปรากฏในไม่ช้า!
ไร้ผู้ใดเอ่ยวจี และไม่มีใครปล่อยตนเองให้ใจลอย
ความคิดและสายตาของคนทั้งหลายต่างรวมกันที่สมรภูมิ ทำให้โลกภายนอกเงียบกริบอย่างประหลาด
ถึงขนาดที่ทั่วทั้งเมืองทศทิศเงียบเป็นป่าช้า แม้เข็มตกยังได้ยิน
…
ขณะนี้ ความสนใจของไฮว่คงจื่อ เหวินถิง อวี้เจิน เล่ยฝู ฉือซงจื่อ และตัวตนยิ่งใหญ่คนอื่น ๆ ในโถงบรรจบ รวมถึงจักรพรรดิทั้งหลายในพื้นที่สำหรับผู้ชมอย่างเชินถูชิงหยวน จักรพรรดิเจิ้นอู่ และจักรพรรดิจื่อเว่ยล้วนรวมกันอยู่ที่เฉินซีและหวังจง
มีเพียงสำเนียงกระบี่คำรน เสียงปะทะ สุญญะระเบิดแหลก วายุโหยไห้กราดเกรี้ยว และสารพัดเสียงอึกทึกจากสมรภูมิเท่านั้นที่กึกก้องทั่วทิศไม่ขาดสาย
…
เปรี้ยง!
หลังการปะทะอย่างเข้มข้นยิ่งอีกหน ดวงตาของเฉินซีก็หรี่ลงเล็กน้อย แก่นโลหิตปั่นป่วน ก้าวถอยไปหกก้าวอย่างช่วยไม่ได้
ขณะเดียวกัน หน้าผากของหวังจงก็ปูดเส้นเลือดขึ้นจาง ๆ เขากัดฟันกรอด ถอยไปอย่างควบคุมมิได้เช่นกัน
“ฮึ” ทั้งสองแค่นเสียงเย็นพร้อม ๆ กัน ก่อนจะปะทะกันอีกหน
ตู้ม!
หลังการประมือเกินร้อยกระบวนท่า ร่างของเฉินซีซวนเซ หลบไปด้านข้างแปดจั้ง ปราณทั่วกายเลื่อนลั่น
ขณะเดียวกัน ปราณของหวังจงก็พลุ่งพล่านรุนแรง!
ม่านตาทุกคู่หดตัวอย่างช่วยไม่ได้ หรือเฉินซีกำลังจะเพลี่ยงพล้ำ?
แต่อึดใจต่อมา พวกเขาก็สังเกตพบว่าตนตัดสินผิดไป เพราะเฉินซีจู่โจมอย่างดุเดือด บีบให้หวังจงถอยไปเก้าจั้ง!
สิ่งนี้ทำให้เหล่าผู้ชมอดรู้สึกตะลึงไม่ได้
แค่ระยะต่างกันนิดหน่อย แต่นี่คือการปะทะระหว่างสองจักรพรรดิกระบี่ไร้เทียมทาน ดังนั้นจึงชัดเจนว่าอันตรายน่าสะพรึงกลัวเพียงไร กล่าวได้ว่าเปี่ยมจิตสังหารตลอดเวลา หากเลินเล่อเพียงน้อยก็อาจนำสู่ปราชัย!
ศึกดำเนินต่อ ทว่าเมื่อเทียบกับกาลก่อน มันยิ่งอันตรายชวนขวัญผวา
ยิ่งเวลาดำเนินไป สีหน้าของเฉินซียิ่งเครียดเขม็งเคร่งขรึม นอกจากนั้น แก่นโลหิตทั่วกายยังเดือดพล่านไม่อยู่สุข
ขณะเดียวกัน เส้นเลือดบนหน้าผากของหวังจงปูดโปน กัดฟันแน่น ดวงตาเรืองประกายเย็นวาบ ทั่วร่างประหนึ่งถูกผลาญเผาด้วยเพลิงทิพย์สีม่วง
“เฉินซี หนนี้เจ้าพ่ายแน่!” ทันใดนั้น รอยยิ้มเย็นอันดุร้ายก็ยกขึ้นที่มุมปากของหวังจง เขาพลันกู่ร้อง ขณะที่มงกุฎขนวิหคเพลิงบนศีรษะระเบิดเป็นเสี่ยง เส้นผมยาวชี้ตั้งเรืองรัศมีสีม่วงรุนแรง ทำให้เขาดูประหนึ่งแปรลักษณ์เป็นเทพกระบี่บรรพกาล
ปราณดุร้ายพุ่งทะยานมหาศาลในพริบตา!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้บ่มเพาะทั้งมวลในโลกภายนอกต่างตกตะลึงไม่อยากเชื่อ
“พิชิตทัณฑ์!” ก่อนที่ผู้ชมทั้งหลายจะฟื้นจากความตกใจ หวังจงก็ฟาดฟันกระบี่พิชิตทัณฑ์ในมือ
เปรี้ยง!
ขณะนี้ ท้องนภาพลันมืดครึ้ม สรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบนิ่ง ยากเข้าใจเป็นอย่างยิ่ง
พิชิตทัณฑ์ พิชิตทัณฑ์…. คนผู้นี้… หรือจะมาจากที่นั่นจริง ๆ? ในจัตุรัสแห่งการประชัน สายตาของเจียหนานเจิดจรัสด้วยประกายแห่งปัญญา คล้ายสังเกตเห็นบางอย่าง สีหน้าจึงเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก
เฉินซีสัมผัสเค้าอันตรายได้ยามเผชิญการโจมตีนี้ ใบหน้าต้องแรงกดดันไร้ลักษณ์
วูบ!
ชายหนุ่มใช้โอบวลัยจากเคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัยอย่างไร้ลังเล ภาพลวงกระบี่ซ้อนทับกันสร้างเป็นม่านแสงทรงกลม ครอบตัวคนไว้จากโลกหล้า!
หนึ่งอำนาจมหาศาลร้ายกาจกระแทกเข้าใส่ม่านแสง การโจมตีนี้ของหวังจงดูดุร้ายเกินจินตนาการยิ่งนัก แม้เฉินซีจะหยุดมันไว้ได้ ร่างของเขาก็ยังถูกฟาดกระเด็น
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงทุกคู่ ร่างสูงใหญ่ถอยไปไกลจากจุดเริ่มต้นถึงสิบจั้ง ห่างเพียงนิดก็จะตกจากสมรภูมิ!
สิ่งนี้ทำให้ผู้บ่มเพาะทั้งหลายถอนหายใจโล่งอก อดรู้สึกตกตะลึงสุดขีดในใจไม่ได้ หวังจง มิใช่ศิษย์จากเกาะคางคกทองผู้นี้จะแข็งแกร่งไปหน่อยแล้วหรือ? แก่นโลหิตของเฉินซีป่วนปั่น ใบหน้าซีดเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงเฉยชาไม่เปลี่ยนแปลง
มีเพียงจิตสังหารเข้มข้นที่เพิ่มขึ้นในดวงตาสีดำลุ่มลึก
หืม? สีหน้าของหวังจงยิ่งเย็นเยียบยามพบว่าการโจมตีนี้ไม่อาจเอาชนะเฉินซีได้ แล้วจิตสังหารพล่านพุ่งชวนขนลุกก็แผ่พล่านจากดวงตาของเขาเช่นกัน
วูบ!
ก่อนที่จะได้โจมตีอีกครั้ง เฉินซีก็ชิงลงมือ กระบี่เปลื้องมลทินแปรเป็นลำแสง ดูจะเมินการกั้นขวางแห่งระยะทางในโลกหล้า หายวับไปในพริบตา
ก่อนที่มันจะจ่ออยู่ห่างจากคอหวังจงหนึ่งฉื่อ!
เปรี้ยง!
หวังจงไม่ทันตั้งตัว แม้จะรับการโจมตีนี้ได้ เขาก็ถูกฟาดกระเด็น กว่าจะหยุดได้ก็เกือบเลยระยะสิบจั้ง!
สิ่งนี้ทำให้เขาเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดบึ้งในที่สุด แต่จากนั้น ริมฝีปากพลันฉีกยิ้มเผยซี่ฟันเรียงขาว
“นี่คือการโจมตีสูงสุดของเจ้าแล้วหรือ? เยี่ยมมากเลย แต่น่าเสียดายนักที่เมื่อครู่ไม่ใช่การโจมตีสูงสุดของข้า!” ท่ามกลางเสียงเสสรวลเฉยชา ร่างของหวังจงก็ทะยานสู่เวหา แล้วกระบี่อีกเล่มก็ปรากฏในมือซ้าย ตัวกระบี่ขาวโพลนเช่นหิมะ ใสกระจ่างเสียจนดูโปร่งใส เผยปราณน่าสะพรึงกลัวเย็นเยียบเสียดกระดูก
กระบี่คู่!
เหล่าผู้บ่มเพาะในโลกภายนอกอดสูดหายใจเฮือกกันไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่มีผู้ฝึกกระบี่คนใดใช้กระบี่คู่ ถึงขนาดที่บางคนใช้กระบี่ได้เป็นพัน ๆ เล่มพร้อมกันด้วยซ้ำไป แต่มันก็เป็นเพียงการใช้กระบี่ กุญแจของมันคือต้องดึงพลังของมันออกมาอย่างเต็มที่ต่างหาก
สำหรับตัวตนอย่างหวังจง การดึงอำนาจหนึ่งกระบี่ถึงขีดสุดได้ก็เพียงพอกำจัดศัตรูใดที่เผชิญได้แล้ว!
แต่ยามนี้ เขาชักกระบี่ออกมาอีกเล่ม มันหมายความว่าความแข็งแกร่ง อำนาจต่อสู้ปัจจุบันย่อมทวีคูณ!