บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 1885 เหตุพลิกผันสะเทือนโลกา
บทที่ 1885 เหตุพลิกผันสะเทือนโลกา
………………..
บทที่ 1885 เหตุพลิกผันสะเทือนโลกา
เป็นไปตามคาด เมื่อหวังคงถือกระบี่เล่มที่สอง ปราณของเขาก็โถมทะยานสูงลิ่วในพริบตา
ผมสีม่วงสะบัดไหว ดวงตาเรืองประกายวับวามทว่าหนาวเยือก ดูประหนึ่งเทพอสูรบรรพกาลลืมตาตื่นหลังนิทรายาวนาน เผยฤทธาร้ายกาจไร้ขอบเขต
“นี่คือกระบี่น้ำค้างแข็งกำสรวล สมบัติชิ้นโปรดของข้า เนิ่นนานนักนับจากหนสุดท้ายที่มีผู้บีบให้ข้าใช้มันได้” หวังจงทอดถอนใจเบา ๆ
พร้อมกันนั้น จิตสังหารจากร่างก็ยิ่งพลุ่งพล่าน ดุจภูเขาไฟอันนิ่งสงบมาแสนนานเกิดปะทุกะทันหัน
“เฉินซี เจ้าภูมิใจได้แล้วที่พ่ายต่อกระบี่น้ำค้างแข็งกำสรวล” เสียงเฉยชาของเขาไม่ทันสิ้น หวังจงก็จู่โจมเข้ามาอีกครั้ง
วิ้ง!
เขาเงื้อกระบี่พิชิตทัณฑ์สีแดงสดในมือขวาขึ้นฟาดฟัน เกิดเป็นรัศมีมายาสีเลือดโผนทะยาน แผดปราณสีเลือดดุจปรารถนาย้อมโลกหล้าแดงฉาน
วูบ!
ขณะเดียวกัน กระบี่น้ำค้างแข็งกำสรวลอันเจิดจรัสเช่นหิมะก็แทงออกไปอย่างเรียบง่าย เพียงพริบตา ทั่วโลกาก็หนาวเยือกเสียดหัวใจ
สองวิชากระบี่ต่างความแข็งแกร่งซ้อนทับกัน เกิดเป็นภาพยิ่งใหญ่ชวนสะพรึงให้ผู้บ่มเพาะทั้งปวงลืมหายใจ หัวใจสั่นสะท้านตาม ๆ กัน
การโจมตีเช่นนี้ทำให้กระทั่งจักรพรรดิบางคนยังเผชิญแรงกดดันอย่างเกินอธิบาย!
ตู้ม!
ปราณกระบี่แผดผลาญทะยานพุ่ง ดูประหนึ่งจะบดขยี้ให้ราบคาบ มอบความรู้สึกไร้กำลังไม่อาจขัดขืน
หัวใจใครหลายคนกระเด้งจุกในลำคอ เป็นกังวลแทนเฉินซียิ่งนัก
ความแข็งแกร่งของหวังจงร้ายกาจเกินไปโดยแท้ ดุจหุบเหวลึกล้ำเกินหยั่ง แล้วเฉินซีจะหยุดฤทธาหลังแผลงกระบี่คู่ออกมาครั้งนี้ได้อย่างไร?
…
เฉินซีไม่ได้ขวางมัน
พริบตาที่หวังจงโจมตี เฉินซีก็เลือกลงมือเช่นกัน
หนึ่งปราณกระบี่อันดูราบเรียบธรรมดาระเบิดตัวพุ่งออก
เคล็ดกระบี่ลึกล้ำฤทัย เชือดเฉือนกาสร
การโจมตีนี้ดูไม่ต่างจากการโจมตีก่อน ๆ ของเขาเลย มันไม่เผยร่องรอยฤทธาสะเทือนโลกหล้า ทำให้ผู้บ่มเพาะมากมายในโลกภายนอกรำพึงในใจ
หรือเฉินซีจะ… หมดลูกไม้แล้วจริง ๆ?
เปรี้ยง!
หนึ่งแรงระเบิดสะเทือนแดนดิน ปราณกระบี่ของเฉินซีปะทะเข้ากับปราณกระบี่สีเลือดก่อน สาดรัศมีพร่างพรมทั่วทิศทาง
เฉินซีทำลายการโจมตีนี้ลงไปได้จริง แต่ก่อนเขาจะทันไหวตัว ปราณกระบี่จากกระบี่น้ำค้างแข็งกำสรวลก็ฟาดเข้าใส่อย่างจัง
เปรี้ยง!
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เฉินซีจึงทำได้เพียงเป็นฝ่ายตั้งรับ ทว่าร่างกลับรู้สึกราวถูกเทือกเขากระหน่ำชน ถอยไปเบื้องหลังอย่างควบคุมไม่ได้
สามก้าว
ห้าก้าว
เจ็ดก้าว
…
ทุกย่างก้าวถอยหลังของเฉินซีทำให้หัวใจของผู้บ่มเพาะมากมายกระตุกวูบ ความรู้สึกกังวลถมทวี ถึงขนาดที่ใครหลายคนทนดูต่อมิได้
เพราะขณะนี้ ปราณกระบี่ในกระจ่างดุจชิ้นน้ำแข็งกดทับลงใส่เฉินซีเยี่ยงภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่เฉินซีดูเหมือนรับแรงกดดันเช่นนี้ยากเย็นนัก ทำได้เพียงถอยกรูดไม่จบสิ้น
วิ้ง!
วิ้ง!
การโจมตีนี้ของหวังจงน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง มันสาดซัดไม่จบสิ้น เผยอำนาจยิ่งใหญ่ในการควบคุมของเขา ฟาดฟันลงใส่เฉินซีอย่างรุนแรง
ทุกผู้ล้วนสังเกตชัดว่าอาภรณ์ เส้นผมและคิ้วของเฉินซีล้วนมีชั้นน้ำแข็งเกาะเป็นสีขาวจาง ๆ
นอกจากนั้น ร่างของเขายังถอยหลังไม่หยุดยั้ง….
ในความเห็นเหล่าผู้ชม หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป คงไม่นานแล้วที่เฉินซีจะกระเด็นออกจากสมรภูมิ ยามนั้น แม้เขาจะยังรับการโจมตีของหวังจงได้ต่อ เขาก็ยังพ่ายด้วยกฎศึกอยู่ดี
“เป็นไปได้เช่นไร? กระทั่งเฉินซียังจะพ่ายหวังจงหรือ?” ใครบางคนรำพึงเบา ๆ
“การโจมตีนี้ร้ายกาจเกินไปจริง ๆ ใครจะคาดคิดว่ากระบี่คู่ของหวังจงจะร้ายกาจได้เพียงนี้?” ใครอีกคนทอดถอนใจ รู้สึกตกตะลึงในฤทธาหวังจง
“จบแล้ว หากเฉินซีพ่าย เขาเทพพยากรณ์ก็จะพ่ายหมดรูป ไม่อาจเข้าร่วมศึกต่อไปได้” ใครบางคนเริ่มรำพึงอย่างเสียดาย
…
แปดก้าว
เก้าก้าว
ขณะที่เฉินซียังก้าวถอย หัวใจของผู้บ่มเพาะทั่วทิศก็สั่นไหวไม่จบสิ้นเช่นกัน พวกเขายิ่งเพิ่มกังวล เบิกตากว้างจับตามอง
“ดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้ลุ้นรอในศึกนี้แล้ว บอกได้ว่าหวังจงแข็งแกร่งเกินคาดจริง ๆ” เล่ยฝูรำพึงในโถงบรรจบ “บางทีเหลิ่งซิงหุนจากนิกายอำนาจเทวะของข้าอาจเป็นผู้เดียวที่เอาชนะเขาได้”
“ฮ่า ๆ ตงหวงอิ่นเซวียนของสำนักศักดิ์สิทธิ์เราก็ไม่ได้น้อยหน้านะ” ฉือซงจื่อระเบิดหัวเราะ
สีหน้าของเหวินถิงยามได้ยินเช่นนี้ยากมองเล็กน้อย แต่สุดท้ายนางก็ยังไร้วาจา ขณะนี้ ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่เฉินซี เป็นกังวลแทนเขายิ่งนัก มีหรือจะมีกะใจมาสนคำยั่วยุจากฉือซงจื่อกับเล่ยฝู?
อาจารย์อา ต้องทนให้ได้นะ! เหวินถิงพึมพำในใจ
…
บนสมรภูมิจารึกเต๋าโบราณ
ศึกเข้าสู่ช่วงเข้มข้นสำคัญเกินหนใด เพราะขณะนี้ เฉินซีใกล้ถึงขอบบริเวณที่ตกลงทำศึกกันแล้ว
ขณะเดียวกัน ปราณร้ายกาจของหวังจงพัดโหมผลาญจ้าเช่นเปลวเพลิง จู่โจมด้วยปราณกระบี่อันแข็งแกร่งชวนตะลึงจากกระบี่น้ำค้างแข็งกำสรวลไม่หยุดยั้ง
เมื่อเทียบกัน มีเพียงคนตาบอดเท่านั้นที่ไม่เห็นว่าเฉินซีกำลังเสียเปรียบ
ขณะนี้ ศึกอาจจบลงได้ทุกขณะ!
“เฉินซี อำนาจต่อสู้ของเจ้าเกินคาดหมายของข้าจริง ๆ แต่ก็ยังห่างไกลจะทำให้ข้ากลัว คนเช่นเจ้าไม่มีทางเทียบชั้นข้าได้เลย” ในยามคับขันนี้ จู่ ๆ หวังจงก็คลี่ยิ้มเอ่ยช้า ๆ ดูเหมือนชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว ดุจรู้สึกว่าเฉินซีไม่มีทางพลิกสถานการณ์ เขาต้องแพ้แน่ ๆ
เฉินซีเม้มปาก สีหน้ายังคงเฉยชาไร้อารมณ์ใด ๆ
ขณะหวังจงเอ่ย ร่างของเฉินซีก็ถอยไปอีกสองก้าว อีกก้าวเดียวก็จะพ้นรัศมีสิบจั้ง!
“ยังคิดดื้อด้านอีกหรือ? ว่าแล้วเชียว คนอย่างพวกเจ้า…” หวังจงปริปากอีกครั้ง แต่ไม่ทันจบประโยค เขาก็เหมือนตระหนักถึงบางสิ่งแล้วหุบปาก ทำเพียงคลี่ยิ้มเย็นในฉับพลัน
ขณะนั้น เฉินซีพลันเงยหน้าขึ้นกล่าวกับหวังจงจากไกล ๆ “ดูเหมือนเจ้าจะรู้มากจริง ๆ แต่เจ้าเข้าใจผิดอย่างหนึ่งนะ”
“โอ้?” หวังจงหรี่ตา แต่เขาคิดว่าเฉินซีแค่กำลังจงใจถ่วงเวลา และมิตั้งใจให้โอกาสใด ๆ กับเฉินซี!
เปรี้ยง!
เขาควบคุมปราณกระบี่จากกระบี่น้ำค้างแข็งกำสรวลมาเสริมกำลังตน เหมือนตั้งใจจะเผด็จศึกเฉินซีคราวนี้
เฉินซีขาดเพียงก้าวก็จะพ้นรัศมีสิบจั้ง
ระยะห่างนี้ชี้วัดแพ้ชนะ!
เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของผู้ชมทั้งมวลก็กระโดดจุกคออย่างพร้อมเพรียงโดยช่วยไม่ได้ กระสับกระส่ายกันถึงขีดสุด
กาลเวลาดุจหยุดนิ่ง
เชินถูเยียนหราน เล่ออู๋เหิน อวี๋ชิวจิง จวนอวี๋สุ่ย และคนอื่น ๆ มีทีท่าราวมิอาจทนมอง
ถูเมิ่งและกู่เยี่ยนเบิกตากว้าง
เหวินถิงกำหมัดแน่นอย่างเกินควบคุม
…
วิ้ง!
เสี้ยวช่วงเวลาคับขันนั้นเอง หนึ่งกระบี่คำรนสนั่นเช่นระฆังขึ้นเฉียบพลัน
หลังจากนั้น ภายใต้สายตาตกตะลึงของมวลชน กระบี่อีกเล่มก็ปรากฏในมือซ้ายของเฉินซี!
กระบี่เล่มนี้ดูสร้างขึ้นอย่างเรียบง่ายธรรมดา เต็มไปด้วยปราณธรรมชาติก่อเป็นผังอักขระยันต์ศักดิ์สิทธิ์ซับซ้อนหนาแน่น บิดวนรอบตัวกระบี่
เมื่อมองจากไกล ๆ กระบี่นี้ก็เหมือนสร้างจากเต๋าแห่งยันต์อักขระ แผ่ปราณลึกลับดุจธรรมชาติสรรค์สร้าง
ทันทีที่มันปรากฏ วจีกระบี่คำรนก็กึกก้องสู้เก้าชั้นสรวงอย่างไร้สิ้นสุด!
นี่คือ?
ทุกคนต่างผงะ!
วูบ!
ก่อนที่ผู้ใดจะทันสร่างตะลึง เฉินซีก็โจมตี!
เพียงพริบตา อักขระยันต์ลึกลับก็ปกคลุมทั่วนภาฟ้าดิน ปราณกระบี่จากมันฉวัดเฉวียนเช่นเส้นแสงทั่วทิศ เรืองอำนาจน่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด
ตู้ม!
อีกหนึ่งวจีกระบี่กู่ก้อง ปราณกระบี่อีกสายทะยานผ่านมิติข้ามแดนดินถึงตรงหน้าหวังจงในพริบตา
“เจ้า!!” ม่านตาของหวังจงหดตัวเฉียบพลันอย่างไม่อยากเชื่อ
เขาเหวี่ยงกระบี่คู่ในมือเข้ารับการโจมตี ทว่าเพียงพริบตา การโจมตีนี้ของเฉินซีก็กระแทกใส่ร่างจนปลิวกระเด็นเกินควบคุม
ยิ่งกว่านั้น เขายังปลิวไปร้อยจั้งในทันที!
ตุ้บ!
ยามหวังจงร่วงลงกระแทกพื้น ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ เส้นเลือดปูดโปนแน่นหนา นอกจากนั้น อาภรณ์ยังแหว่งวิ่น หอบหายใจถี่หนัก ทว่าก็ต้องกระอักเลือดคำโตอย่างไม่อาจหยุดยั้ง
เพียงพริบตา ใบหน้าแดงก่ำของเขาก็ซีดขาวดุจกระดาษ ร่างแน่นิ่งกับที่
ทั่วทิศเงียบสงัด!
บรรยากาศทั่วทิศไร้สำเนียงแม้เพียงน้อย
ผู้ชมทั้งหลายต่างดูจังงัง ยังเชื่อสิ่งที่เกิดต่อหน้าต่อตาตนกันไม่ลง
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไปโดยแท้จริง เร็วเสียจนไม่อยากเชื่อ นับแต่เฉินซีเจียนพ่าย แล้วจู่ ๆ ก็ชักกระบี่อีกเล่ม สวนจู่โจมส่งหวังจงกระเด็นไป การกระทำทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา
มันรวดเร็วจนถึงขนาดที่คนส่วนใหญ่มองไม่ทันว่าเฉินซีใช้ทักษะกระบี่ใด ศึกก็จบลงเสียแล้ว
ดังนั้นทั้งหมดนี้จึงดูสุดแสนน่าตกตะลึงสำหรับพวกเขาทั้งหลาย ดุจปาฏิหาริย์อัศจรรย์บังเกิดต่อหน้า จึงไม่อาจเข้าใจหรือยอมรับได้เลย
ดังนั้นพวกเขาจึงจังงังพูดไม่ออกอยู่กับที่
“สิ่งที่เจ้าเข้าใจผิดก็คือ ข้าก็ใช้กระบี่คู่ได้เหมือนกัน และนี่คือไพ่ตายของข้า” ท่ามกลางความเงียบสงัด เฉินซีกล่าวกับหวังจงจากไกล ๆ อย่างเฉยชา เสียงทุ้มหนักทำลายความเงียบทั้งมวลลง
หวังจงยืนเหม่ออยู่กับที่ มุมปากซีดขาวยังคงมีคราบโลหิตเปรอะแดง ดูไม่อาจยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้… เหตุใดคนเช่นเจ้าจึงทัดเทียมข้าได้? ไม่จริง! นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!” ท่ามกลางเสียงพึมพำ สีหน้าของหวังจงพลันบิดเบี้ยวบูดบึ้ง ท้ายที่สุดเขาก็เริ่มแผดเสียงอย่างบ้าคลั่งอย่างสุดแสนไม่เต็มใจ
“แต่เจ้าแพ้แล้ว” เฉินซีเห็นเช่นนี้ก็อดส่ายหน้าไม่ได้ จากนั้นก็เก็บกระบี่ตั้งใจหันจาก
“เฉินซี! นี่หาใช่ไพ่ตายข้าไม่! ข้ายังมีความสามารถอีกมากมายที่ยังมิได้ใช้! เราสู้กันต่อเถอะ! ข้าจะเอาชนะเจ้าได้แน่ ๆ!” หวังจงแผดเสียงราวคนบ้า “ต่อให้เจ้าพ่าย ข้าก็จะยังให้เจ้าเข้าสู่รอบต่อไป เจ้าคิดเช่นไร?”
“ข้าบอกแล้ว เจ้าพ่าย ข้าได้ตำแหน่งนั้นไปแล้ว เหตุใดยังต้องสู้กับเจ้า?” เฉินซีไม่แม้แต่จะเหลียวมอง เดินจากไปพลางกล่าว “อย่าลืมว่าผู้ตั้งกฎศึกนี้คือเจ้า ข้าถือว่ารอมชอมแก่เจ้าแล้ว!”
………………..