บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] - บทที่ 223 แผนร้าย
บทที่ 223 แผนร้าย
บทที่ 223 แผนร้าย
เกือบสองชั่วยามต่อมา
หมอกสีฟ้าที่ก่อตัวขึ้นจากกลิ่นหอมมัวเมาจากสวรรค์ที่ปกคลุมทั้งป่าได้เริ่มบางลง และค่อย ๆ เผยให้เห็นร่างของเฉินซีกับสตรีอีกสองนาง
หลิงไป๋สังเกตเห็นได้ทันทีจากการกวาดตามองเพียงชั่วครู่ ว่าเฉินซีกับสตรีอีกสองนางที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นนั้นไม่มีแม้แต่เศษผ้าอยู่บนร่างเลย เขารีบหลับตาขณะที่เขาถ่มน้ำลายออกมาอย่างแรง “ตัวบัดซบทั้งสามนี่ กล้าเปลือยกายอยู่ได้ยังไงกัน ไม่แม้แต่คิดที่จะสวมเสื้อผ้าเลยรึ? น่าไม่อายกันจริง ๆ !”
ชู่ว!
เขาดีดนิ้วสั่งปราณแท้ให้กวาดเอาเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นบนพื้นย้ายขึ้นไปคลุมร่างกายของทั้งสามโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง จากนั้นหลิงไป๋ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“อืม? ข้าสร้างเรื่องวุ่นวายครั้งใหญ่ แต่ทั้งสามคนนี้ก็ดูไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการบ่มเพาะ? หรือข้าควรจะฉวยโอกาสนี้ฆ่าผู้หญิงสองคนนี้ทิ้งดี?” หลิงไป๋กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเหลือบมองไปยังฟ่านอวิ๋นหลานกับชิงซิ่วอี้
นี่เป็นโอกาสแล้ว!
เขารู้ว่าเมื่อสตรีทั้งสองตื่นขึ้น พวกนางจะต้องโกรธเพราะความอับอายอย่างแน่นอน และบางทีพวกนางอาจจะลงมือปิดปากเฉินซี ผู้ชายที่ขโมยพรหมจรรย์ของพวกนางไปอย่างแน่
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเบา ๆ ก็ดังขึ้นจากที่ไกล ๆ เมื่อฟังจากเสียงแล้วดูเหมือนว่าจะมีคนสามคนกำลังวิ่งตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
หลิงไป๋รู้สึกกังวลใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะเลือกไม่สนใจสิ่งใดอีก เขาบินไปด้านข้างของเฉินซีและซ่อนตัวอย่างเงียบ ๆ
…
“ศิษย์น้องหญิงทั้งสอง ป่าแห่งนี้แปลกมาก มันเต็มไปด้วยหมอกควันและหมอกพิษ ทั้งยังมีโครงกระดูกที่มีรูปร่างและขนาดแปลก ๆ อีก ช่างน่าสยดสยองอย่างยิ่ง เจ้าทั้งคู่ต้องระวังตัวเข้าไว้นะ”
“ศิษย์พี่ฉู่ เหตุใดเราถึงต้องมาที่นี่กันหรือ?”
“ศิษย์น้องว่าน เจ้าไม่ได้ฟังที่ศิษย์พี่ฉู่กล่าวหรือ ศิษย์พี่พึ่งจะบอกไปมิใช่หรือว่ามีใครบางคนกำลังใช้ยันต์หยกเซียนปฐพีต่อสู้อยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติหายาก หากเราฉวยโอกาสนี้ในการลงมือเคลื่อนไหว บางทีเราอาจจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาได้สบาย ๆ เลยอย่างไรเล่า”
“ศิษย์พี่เซี่ย ข้าเพียงเกรงว่าผู้ที่สามารถใช้ยันต์หยกเซียนปฐพีนั้นจะเป็นผู้ทรงพลังและภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หากเราไปแอบตวงผลประโยชน์จากคนผู้นั้น เหมือนจะดูไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่?”
“เอาล่ะ ไม่ต้องกล่าวอะไรอีกแล้ว ความมั่งคั่งล้วนได้มาจากการเสี่ยงอันตราย ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่มีผลประโยชน์และโอกาสเพียงพอ เราก็สามารถฆ่าพวกเขาเพื่อปิดปากได้ แล้วใครจะรู้ว่าเราผู้ลงมือกัน?”
ในป่าโบราณ หนึ่งบุรุษสองสตรีกำลังมุ่งหน้าตรงมาที่นี่อย่างรวดเร็ว ชายผู้นั้นทั้งสูงโปร่งและหล่อเหลา สวมมงกุฏผิงเทียน เสื้อคลุมยาวสีเงิน รองเท้าสีทองลายเมฆ ผมของเขาออกประกายสีม่วงเล็กน้อย ขณะที่เขาวางท่าทางสง่างามและหยิ่งยโส
หากเฉินซีอยู่ที่นี่ เขาย่อมรู้อย่างแน่นอนว่าคนผู้นี้คือศิษย์สายหลักขอบเขตแกนทองคำหยินหยางของนิกายนภาจรัสแสง ฉู่เทียนจวี่
วันนั้นในหอขุมทรัพย์สวรรค์ ฉู่เทียนจวี่เคยใช้กระบวนยุทธระดับเต๋า กงจักรสุริยันนภาจรัสแสง เพื่อโจมตีเฉินซี แต่ถูกท่านหญิงสุ่ยฮวาหยุดเอาไว้เสียก่อน และนางก็ไม่ได้ลงโทษอะไรเขา เหตุผลก็เพราะเบื้องหลังเขาคือนิกายนภาจรัสแสง เขาได้รับการปกป้องโดยผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี บรรพชนเซวียนหลง ทำให้หอขุมทรัพย์สวรรค์ไม่ต้องการที่จะมีเหตุขัดแย้งกับเขา
ส่วนหญิงสาวสองคนที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เทียนจวี่ นั้นมีนามว่าเซียวหว่านและเซียวเซี่ย ทั้งคู่เองก็เป็นศิษย์ของของนิกายนภาจรัสแสงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนนี้ก็เหมือนกับผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ที่เข้ามายังห้วงทะเลทรายมรณะเพื่อค้นหาสมบัติและฝึกฝนความแข็งแกร่งของพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งสามก็มาถึงส่วนลึกของป่า และสังเกตเห็นเฉินซี, ฟ่านอวิ๋นหลานกับชิงซิ่วอี้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ไกล ๆ
“หืม? ที่แท้ก็เป็นชิงซิ่วอี้!” รูม่านตาของฉู่เทียนจวี่หดตัวลง เขาจำได้ในทันทีว่าหญิงสาวสวยที่สวมเสื้อผ้าขาดวิ่นและผมกระเซิงนางนั้นคือศิษย์สายหลักขอบเขตแกนทองคำหยินหยางของนิกายกระเรียนพิสุทธิ์ ผู้เป็นเซียนสวรรค์อวตาร ชิงซิ่วอี้
เหตุใดนางจึงได้มาอยู่ที่นี่?
แล้วผู้ชายที่อยู่ถัดมานั้นมิใช่เจ้าเด็กขอบเขตเคหาทองคำจากหอขุมทรัพย์สวรรค์ที่ทำร้ายลูกน้องของเขาหรอกหรือ?
เอ๊ะ ผู้หญิงข้าง ๆ คนนั้นเป็นใครกัน? ในแง่ของรูปลักษณ์แล้ว นางไม่ได้ด้อยไปกว่าชิงซิ่วอี้เลยแม้แต่น้อย และจากรัศมีรอบตัวของนาง ดูเหมือนว่านางจะแข็งแกร่งกว่าชิงซิ่วอี้มากทีเดียว!
หัวใจฉู่เทียนจวี่เอ่อล้นไปด้วยความสงสัยในขณะที่เขาซ่อนตัวเองอย่างเงียบ ๆ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก และสังเกตสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวัง และการสังเกตนี้ทำให้เขาเห็นถึงสิ่งที่น่าตกใจในทันที
บนพื้นดินใกล้กับทั้งสามมีผ้าฉีกขาดกระจัดกระจายไปทั่ว และมีคราบเลือดสองหย่อมเล็ก ๆ ที่มีสีแดงสดใสราวกับดอกท้อ มันให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดและอธิบายไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น รูปลักษณ์ของพวกเขาทั้งสามในยามนี้ออกจะดูน่าอายอยู่ไม่น้อย เสื้อผ้าขาดวิ่นและผมกระเซิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิงซิ่วอี้กับสตรีปริศนานางนั้น ที่เผยผิวกายขาวราวกับหิมะเป็นส่วน ๆ ทั้งยังมีกลิ่นอายของเสน่ห์และความใคร่หลงเหลืออยู่ที่ระหว่างคิ้วของพวกนาง…
ทันใดนั้นแววตาของฉู่เทียนจวี่ก็แปลกไป เป็นไปได้ไหมว่าสามคนนี้เพิ่งสานสัมพันธ์ในที่แห่งนี้กันไป? ทันทีที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของฉู่เทียนจวี่ก็เต้นรัวแรงขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเขาก็จ้องมองไปที่เฉินซีด้วยสายตาที่เปี่ยมความอิจฉาริษยาและความเกลียดชัง
เจ้าเด็กนี้มีดีอะไรถึงสามารถทำให้ชิงซิ่วอี้หลงใหลได้กัน? ยิ่งกว่านั้นยังเป็นสถานะการณ์สองสตรีหนึ่งบุรุษ? บัดซบ ช่างน่ารังเกียจเกินไปแล้ว! เปลวไฟแห่งความริษยาลุกโชนภายในใจฉู่เทียนจวี่ ขณะที่ความคิดมุ่งร้ายได้ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรงอยู่ภายใน เมื่อมองดูท่านั่งสมาธิของพวกเขาทั้งสามแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาคงไม่สามารถรับรู้สิ่งใดจากภายนอกได้ หากข้าฉวยโอกาสนี้ฆ่าเด็กคนนี้แล้วควบคุมสตรีทั้งสองนางไว้ ไม่ใช่ว่าในอนาคตข้าจะมีทาสทรงเสน่ห์ค่อยรับใช้อยู่เคียงข้างข้าถึงสองคนหรอกหรือ?
ยิ่งคิดฉู่เทียนจวี่ก็ยิ่งร้อนรนใจ เขารู้ว่านี่เป็นโอกาสเพียงครั้งหนึ่งในชีวิต หากเขาสูญเสียมันไป เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
“เซียวหว่าน เซียวเซี่ย ข้ามีเข็มผูกตรวนแช่วิญญาณอยู่สองอัน พวกเจ้าแต่ละคนหยิบมันขึ้นมาแล้วแทงเข้าไปที่ ท้องทะเลแห่งลมปราณของสตรีสองคนนั้นเสีย ส่วนข้าจะกำจัดเจ้าเด็กที่อยู่ตรงกลางนั้นเอง ไม่ต้องกังวล ยามนี้พวกเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการบ่มเพาะ ทั้งสามก็เหมือนลูกไก่ที่อยู่ในกำมือของเรา ไม่มีอันตรายอะไรแม้แต่น้อย” ฉู่เทียนจวี่ตัดสินใจทันทีและดึงเอาเข็มผูกตรวนแช่วิญญาณทั้งสองออกมาจากคลังสมบัติมิติ ขณะที่เขาส่งเสียงผ่านไปทางกระแสปราณ
เข็มผูกตรวนแช่วิญญาณมีความยาว 1 ชุ่น พวกมันเรียวยาวบางราวขนวัว และโปร่งใสเรืองแสงประกายเย็นดุจผลึกน้ำแข็ง มันเป็นสมบัติที่ถูกสกัดจากวิญญาณน้ำแข็งที่อยู่ใจกลางโลก เข็มผูกตรวนแช่วิญญาณทุกอันล้วนแล้วแต่มีมูลค่าที่น่าตกใจ มันสามารถเทียบได้กับสมบัติระดับปฐพีขั้นสูงที่สุดของโลก
ผลที่น่าอัศจรรย์ที่สุดของเข็มนี้ คือความสามารถในการผูกมัดวิญญาณ ทำให้ศัตรูสูญเสียพลังที่จะต่อต้านทั้งหมด ทว่าสิ่งนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์ในระหว่างการต่อสู้มากนัก ส่วนใหญ่มันมักจะถูกใช้ในการลงโทษหรือทรมานศัตรูเพื่อแค่นเอาข้อมูลความลับมา
หรือพูดง่าย ๆ เข็มผูกตรวนแช่วิญญาณก็คือเครื่องมือแห่งการลงโทษที่ใช้ลงทัณฑ์ผู้บ่มเพาะ ที่มีเพียงกลุ่มและนิกายที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะครอบครองมันได้
“แต่ศิษย์พี่ฉู่ นั่นคือชิงซิ่วอี้…” เซียวหว่านลังเล
ทว่าก่อนที่นางจะได้ทันกล่าวจบ ฉู่เทียนจวี่ก็ขัดจังหวะขึ้น “ไม่จำเป็นต้องกังวล ตราบใดที่เราปราบนางได้ ข้าก็มีวิธีการมากมายเพื่อฝึกนางให้เชื่อฟังทุกคำของข้า ทำให้นางภักดีต่อข้าโดยสมบูรณ์ จนไม่มีใครสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติได้”
เซียวหว่านและเซียวเซี่ยชำเลืองมองกันและกัน ชั่ววิต่อมาพวกนางก็ไม่ลังเลอีกต่อไปและพุ่งตรงเข้าหาฟ่านอวิ๋นหลานกับชิงซิ่วอี้ในทันที
ฉู่เทียนจวี่เองก็ไม่รอช้าแม้แต่น้อย กลับกันเขาถึงกับร้อนรนด้วยความกระวนกระวายใจเลยด้วยซ้ำ ขณะที่เขาพุ่งเข้ามาหาเฉินซี และยกฝ่ามือขึ้นเตรียมฟาดลงไปที่หน้าผากของเฉินซี
เขาตื่นเต้นเกินไปมากจริง ๆ เพราะฉู่เทียนจวี่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้พบกับโอกาสอันดีงามเช่นนี้ เมื่อเขาเฝ้าคิดว่านับจากวันนี้ไป ตนจะได้ชิงซิ่วอี้สตรีที่เปรียบได้กับนางสวรรค์ในสายตาของผู้คนในโลกมาเป็นผู้หญิงในอ้อมกอด เขาก็ไม่อาจสงบดวงใจที่สั่นสะท้านและกำลังลอยล่องไปบนอากาศ
จนไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเงาเล็ก ๆ สูงประมาณสามชุ่นซ่อนอยู่ในเงามืดด้านหลังของเฉินซี
ฆ่า!
เมื่อเห็นว่าฉู่เทียนจวี่กำลังจะฆ่าเฉินซี หลิงไป๋ก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะโจมตีออกไปอย่างกล้าหาญ กระบี่แดนนิพพานที่ดุร้ายอย่างไม่มีใครเทียบ ได้ระเบิดออกมาราวกับลำแสงตะวันที่ฉีกผ่าความมืดออกจากกัน มุ่งเข้าโจมตีฝ่ามือที่ตรงเข้ามาของฉู่เทียนจวี่
“รนหาที่ตาย!” ในเวลาเดียวกัน น้ำเสียงที่ฟังดูประณีตสองโทนก็ตะโกนก้องออกมาพร้อมกัน ปรากฎว่าในช่วงเวลาวิกฤตนี้ฟ่านอวิ๋นหลานกับชิงซิ่วอี้ได้ตื่นขึ้นมาอย่างทันท่วงที